ตอนที่ 335 นักเรียนใหม่รายงานตัว
ตอนที่ 335 นักเรียนใหม่รายงานตัว
เนื่องจากในรถม้ามีท่านป้าที่ชอบบีบขยำใบหน้าเล็กๆ ของเขาด้วยความมันเขี้ยว เสี่ยวฉวนเอ๋อร์จึงไม่คิดจะกลับเข้าไปในรถม้า และมานั่งข้างหน้ากับแม่ของเขาแทน
เฉียวเยี่ยนแตะศีรษะเล็กๆ ของลูกชายแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ลูกรัก วันนี้เจ้าได้อะไรมาบ้าง?”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์พยักหน้า วันนี้เขาผ่านประสบการณ์ชีวิตมาทุกรูปแบบ และตระหนักว่าไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่จะรักลูกอย่างไม่มีเงื่อนไขเหมือนพ่อและแม่ของตน
ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่จะหาเงินมาเป็นค่าเล่าเรียนได้อย่างสบายๆ
สำหรับพวกเขา เงินหนึ่งตำลึงนั้นน้อยเกินไป และเงินค่าขนมที่แม่ให้พวกเขาก็มีมากกว่านี้
เมื่อไปซื้อของตามท้องถนน พวกเขาสามารถใช้เงินหลายตำลึงได้ตามต้องการ แต่เงินหนึ่งตำลึงกลับเป็นค่าเล่าเรียนตลอดทั้งปีของเด็กบางคน
ในขณะนี้ เด็กชายตัวน้อยจึงเข้าใจว่ามีคนจำนวนมากมายเหลือเกินที่ตกอยู่ในสถานการณ์ยากจนข้นแค้น มองดูแล้วเขาก็ไม่รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เกิดในครอบครัวร่ำรวยอีกต่อไป และยังรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
เขาต้องการช่วยพวกเขา แต่เขาตัวเล็กเกินไปที่จะทำอะไรได้
เฉียวเยี่ยนรู้ว่าลูกชายของตนเป็นเหมือนน้ำเต้าผลน้อย เขามักเก็บหลายสิ่งหลายอย่างไว้ในใจและไม่พูดออกมา
แต่นางก็เดาความคิดของคนตัวเล็กได้ และพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า: “ลูกรัก ในโลกนี้มีคนทุกประเภท แต่ละคนล้วนมีวิถีชีวิตของตัวเอง เราไม่ใช่พระเจ้า เราไม่สามารถช่วยทุกคนได้”
“เมื่อเราพบคนที่สมควรช่วย เราต้องช่วย แต่คนที่ไม่สมควรเราจะอยู่ห่างๆ”
“เช่นเดียวกับครอบครัวของหูอวี้กุ้ยและแม่และลูกสาวในตอนนี้ พวกเขาเลี้ยงตัวเองได้และไม่มีความทะเยอทะยานที่จะก้าวหน้า ไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหน เราก็ไม่สามารถแกะสลักดอกไม้จากไม้เน่าได้ ตรงกันข้าม ถ้าเรายังคงช่วยเหลือพวกเขาต่อไป, เราอาจสร้างปัญหาให้ตัวเองด้วยซ้ำ และเป็นปัญหามากมายที่ไม่จำเป็น”
เด็กเล็กๆ มีจิตใจที่อ่อนโยนที่สุด นางหวังว่าลูกชายของนางจะมีจิตใจเมตตา แต่ก็ไม่ต้องการให้เขาเป็นนักบุญ
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์พยักหน้าและพูดอย่างจริงจังด้วยใบหน้าเคร่งขรึม: “ท่านแม่ ข้ารู้”
เขาจะไม่เห็นใจคนที่พ่นวาจาเน่าเหม็นหรอก!
แม่และลูกชายนั่งอยู่บนที่นั่งรถขับและขับรถอย่างสบาย ๆ ส่วนเกาจัวหยวนที่อยู่ข้างหน้าวิ่งตามหลันหนิงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไร้ผล เขาก็ใช้วิชาตัวเบาทะยานไปหาม้าของหลันหนิง
หลังจากนั้น เขานั่งข้างหลังหลันหนิง โอบกอดนางไว้ จับสายบังเหียน และพวกเขาก็ขี่ม้าตัวเดียวกัน
หลันหนิงตบเกาจัวหยวนสองครั้งด้วยความอับอาย แต่หลังจากนั้นก็เลิกขัดขืน และนั่งอยู่ในอ้อมแขนเขาด้วยใบหน้าเย็นชา
เฉียวเยี่ยนเห็นสถานการณ์และรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น
ทักษะวรยุทธ์ของหลันหนิงดีกว่าเกาจัวหยวน ถ้านางไม่ชอบจริงๆ นางคงเตะเกาจัวหยวนลงจากหลังม้าไปนานแล้ว
เกาจัวหยวนมีความสุขมากแล้ว มุมปากของเขายกขึ้นสูงและหัวเราะคิกคักเป็นครั้งคราว ทำให้หลันหนิงนึกอยากชกคนงี่เง่าคนนี้ลง
…..
หลังจากงานประชาสัมพันธ์และการลงทะเบียนผ่านไปหนึ่งเดือน เฉียวเยี่ยน ก็คัดเลือกคนได้เพียงพอ และมีคนมาสมัครมากกว่าที่คาดไว้
วันแรกของเดือนสี่เป็นวันลงทะเบียนรับน้องใหม่ ผู้อำนวยการเฉียวเข้ารับตำแหน่งและมาถึงโรงเรียนเร็วกว่ากำหนดหนึ่งวัน และขอให้องค์รัชทายาทนอนเหงาอยู่ในห้องหนึ่งคืน
เฉียวเยี่ยนยังสงวนลานเล็ก ๆ ไว้สำหรับตัวนางเองในบริเวณหอพักของโรงเรียนซึ่งเป็นที่พำนักของปรมาจารย์ นางไม่ได้วางแผนที่จะสอนที่โรงเรียน แต่จะมาอาศัยอยู่เป็นครั้งคราวเท่านั้น
สำหรับหลักสูตรการเกษตรนั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมานางได้รวบรวมตำราและเชิญเหล่าเจ้าหน้าที่จากสำนักซือหนงมาศึกษาร่วมกัน
ว่ากันว่าเป็นการวิจัย แต่จริง ๆ แล้วนางกำลังสอนเจ้าหน้าที่เหล่านี้เพื่อให้พวกเขาเข้าใจตำราอย่างละเอียด เพื่อที่จะสามารถสอนนักเรียนในภายหลังได้
เจ้าหน้าที่ของสำนักซือหนงล้วนเชี่ยวชาญและคุ้นเคยกับวิชาการเกษตรดั้งเดิมมากมาย
ขณะเฉียวเยี่ยนรวบรวมตำรา นางได้คัดจากความรู้หนังสือโบราณหลายเล่มและตำราสมัยใหม่ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่มีพื้นฐานความรู้มั่นคงแล้วไม่ลำบาก
วันแรกของเดือนสี่เป็นวันที่อากาศดี บรรยากาศในวิทยาลัยอาชีวะอันดับหนึ่งของเมืองหลวงค่อนข้างคึกคัก คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนทุกคนล้วนเข้าร่วมกิจกรรมต้อนรับนักเรียนใหม่
ในตอนเช้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ดูแลประตูได้เปิดประตูสูงใหญ่ทั้งสองบาน ผู้ปกครองและนักเรียนบางคนที่รออยู่ที่ประตูโรงเรียนต่างก็ชะโงกหน้ามองดูอย่างเงียบๆ
ครอบครัวเหล่านี้อยู่ห่างจากโรงเรียนเพียงเล็กน้อย พวกเขาเริ่มต้นเดินทางมาเมื่อวานนี้และมาถึงประตูโรงเรียนก่อนรุ่งสางเพื่อรอโรงเรียนเปิด
พวกเขามาถึงกันตั้งแต่ท้องฟ้ายังมืด มองเห็นได้เพียงโครงร่างของอาคารเรียนและกำแพงโรงเรียน แต่เมื่อท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้น พวกเขาจึงได้รู้ว่าโรงเรียนแห่งนี้ก่อตั้งโดยไท่จื่อเฟย
ผู้สูงวัยบางคนที่อยู่มาครึ่งชีวิตไม่เคยได้ไปเรียนในโรงเรียนเอกชนที่พวกเขาคิดไว้ ครั้นตอนนี้ลูกๆ มีความหวังที่จะได้เข้าเรียน จึงส่งลูกมาที่นี่ด้วยตนเอง
เมื่อมองเห็นขนาดของโรงเรียนอย่างชัดเจน พวกเขาก็ตกใจเกินกว่าจะพูดได้ ดวงตาแก่ๆ ของพวกเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน ทั้งตกใจ ลังเล โหยหา และดีใจ
ด้วยสถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะไม่เรียกว่าโรงเรียนแต่เป็นวิทยาลัย โรงเรียนธรรมดาจะใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร
ที่ลูกหลานของพวกเขาสามารถมาโรงเรียนแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะบรรพบุรุษของพวกเขา!
ดูอาคารใหม่เอี่ยมและสวยงามเหล่านั้นสิ พวกเขาไม่เคยอาศัยอยู่ในสถานที่ที่สวยงามเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เจ้าแน่ใจหรือว่าจะคิดค่าเล่าเรียนเพียงปีละหนึ่งหรือสองตำลึงเท่านั้น?
เท่านี้ก็เพียงพอยิ่งกว่าพอเสียอีกสำหรับเหล่าลูกเจ้าขุนมูลนายที่จะมาโรงเรียน!
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดประตู และเมื่อพวกเขาเห็นผู้คนรอบ ๆ ประตู พวกเขาก็ต้อนรับพวกเขาอย่างกระตือรือร้น
รอยยิ้มสดใสและน้ำเสียงใจดีนั้นทำให้กลุ่มนักเรียนและผู้ปกครองที่มาสมัครต้องรู้สึกเขินอาย
พอเข้าโรงเรียนก็มีคนรออยู่ที่ประตูแล้ว ทำหน้าที่พาพ่อแม่ลูกไปรายงานตัวที่สำนักทะเบียน
พนักงานต้อนรับเหล่านี้ล้วนเป็นอาจารย์ของโรงเรียน ระหว่างทางที่พานักเรียนไปยังสำนักทะเบียน พวกเขาก็เอ่ยแนะนำโรงเรียนให้รู้จัก
ตึกสอนอยู่ทางโน้น ตึกหอพักอยู่ทางโน้น ส่วนตึกที่ดูเก่าที่สุดคือโรงอาหาร เป็นสถานที่กินข้าวที่มีคนครัวคอยทำอาหารอร่อยๆ อยู่
โอ้ เจ้าถามว่าข้าสอนวิชาอะไรงั้นหรือ? ข้าเป็นช่างไม้และมีหน้าที่สอนช่างไม้ให้กับทุกคนอย่างไรเล่า
ในวันนี้เก๋อต้าโหยวสวมเสื้อผ้าใหม่ที่ภรรยาของเขาตัดเย็บให้ และมาสร้างความบันเทิงให้กับนักเรียนและผู้ปกครองอย่างมีความสุข
เดิมทีเขาเป็นช่างไม้ และเขาจะไม่วางท่าเพียงเพราะตนเป็นปรมาจารย์ แต่กระทำตนให้เข้าถึงง่ายและพูดคุยด้วยได้ ทำให้กลุ่มนักเรียนและผู้ปกครองที่กำลังประหม่ารู้สึกผ่อนคลายลง
สำนักศึกษานี้ดีและครูก็ดีด้วย ไม่เหมือนครูสำนักศึกษาเอกชนที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อน ที่ทั้งห่างเหินและหยิ่งยโส
จุดลงทะเบียนอยู่ตรงทางเดินยาวของโรงเรียน อาจารย์ผู้รับผิดชอบในการกรอกข้อมูลการลงทะเบียนทำหน้าที่จัดโต๊ะยาว นั่งหลังโต๊ะ นำทะเบียนบ้านที่นักเรียนนำมาลงทะเบียนในทะเบียน กำหนดชั้นเรียนและหอพัก และแจกสิ่งของเครื่องใช้ในโรงเรียน
หลังจากลงทะเบียนข้อมูลแล้ว เจ้าหน้าที่จะวัดส่วนสูงและรูปร่างของนักเรียน แล้วแจกชุดนักเรียนตามขนาดให้นักเรียนคนละ 2 ชุด
นักเรียนที่ได้รับเสื้อผ้าใหม่ถือเสื้อผ้าด้วยความงุนงง
แม่เจ้า! นี่ไม่ได้บอกให้พวกเขามาโรงเรียนหรอกเหรอ? ทำไมถึงมีเสื้อผ้าใหม่แจกด้วย? มีสำนักศึกษาไหนบ้างที่ทำกันแบบนี้!
แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้โต้ตอบ ก็มีคนพาพวกเขาไปยังสถานที่ถัดไป ซึ่งก็คือหอพักที่พวกเขาจะอาศัยอยู่ต่อไป
พื้นที่หอพักอยู่ในการจัดการโดยท่านป้าประจำหอพัก ซึ่งจะพานักเรียนไปยังหอพักต่างๆ ตามหอพักที่อาจารย์กำหนด
หอพักเต็มไปด้วยเตียงไม้สองชั้นใหม่เอี่ยม มีฟูกและผ้านวมปูไว้แล้ว ทั้งหมดเป็นสีเทาอมฟ้า สะอาดและเป็นระเบียบ
นักเรียนสิบคนอาศัยอยู่ในหอพักแต่ละห้อง และมีอ่างล้างหน้าอยู่ที่ทางเข้าหอพัก ซึ่งมีอ่างไม้สิบใบและผ้าเช็ดหน้าสิบผืนวางอยู่
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ช็อคล่ะสิ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ล่ะสิ นี่คือความคิดของไท่จื่อเฟยล้วนๆ เลยนะ
ไหหม่า(海馬)