ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 336 แน่ใจน่ะว่าพวกเขากินสิ่งนี้ได้

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 336 แน่ใจน่ะว่าพวกเขากินสิ่งนี้ได้?

ตอนที่ 336 แน่ใจน่ะว่าพวกเขากินสิ่งนี้ได้?

เนื่องจากนักเรียนกลุ่มนี้มาเร็วเกินไป ท่านป้าประจำหอพักจึงมีเวลาพูดคุยกับพวกเขา

ท่านป้าประจำหอพักมีรูปร่างอ้วนขาว เมื่อยิ้มขึ้นมาดูใจดีเป็นพิเศษ”ข้ารอมาตั้งหลายวัน ในที่สุดพวกเจ้าก็มาได้เสียที ฟูกกับผ้าห่มที่พวกเจ้านำมาด้วยใช้ไม่ได้หรอก ทางโรงเรียนเขาจัดหามาให้แล้ว เนื้อผ้าดีมาก ทั้งบางทั้งนุ่ม”

“พวกเด็กๆ ต้องตั้งใจเรียนนะ จัดแต่งของพวกนี้ต้องใช้เงินเยอะมาก แต่ไท่จื่อเฟย หรือก็คือผู้อำนวยการใหญ่ของโรงเรียนเราทุ่มเงินไปมาก เพื่อให้พวกเจ้าได้กินดีอยู่ดี”

ป้าประจำหอพร่ำคุยจุกจิก จนนักเรียนกับผู้ปกครองที่ยังคงจมอยู่กับความตกตะลึงเริ่มมีดวงตาร้อนผ่าว บางครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นจริงๆ ถึงกับทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา

เดิมทีคิดว่าส่งลูกมาแค่มาเรียนงานฝีมือ กลับไม่คิดเลยว่าจะเป็นการมาเสวยสุข อันดับแรกแจกเสื้อผ้า จากนั้นก็ให้อยู่หอพักดีๆ ไม่ต้องเตรียมที่นอน อ่างน้ำ หากลูกไม่ตั้งใจเรียน ไม่ต้องรอให้อาจารย์ลงมือ พวกเขาจะจัดการก่อนแน่!

ชายชราหลังค่อมเช็ดมุมตาของเขา ตบไหล่ของหลานชายคนโตที่อยู่ข้างๆ ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง “หลานชายเอ๊ย เจ้าต้องตั้งใจเรียน อย่าทำให้ปู่กับพ่อแม่เจ้าผิดหวังนะ”

ตอนเขายังเด็กก็มีความคิดอยากจะเข้าไปเรียนงานฝีมือในตัวเมือง ทว่าทางบ้านยากจนเกินกว่าจะจ่ายค่าเรียนได้ และทั้งชีวิตเขาก็หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ทำงานอยู่ในที่นาไม่กี่หมู่ สุดท้ายก็แทบจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ด้วยซ้ำ

ตอนนี้หลานชายมีโอกาสแล้ว เขาย่อมปลื้มปีติจากก้นบึ้งของหัวใจ!

หลานชายที่ตัวผอมสูงพยักหน้า ยืนยันกับปู่ “ท่านปู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะขอรับ ข้าจะตั้งใจให้ถึงที่สุด!”

ผู้ปกครองคนอื่นๆ ก็พากันกำชับเด็กๆ หลังจากเห็นเด็กๆ มารวมกันเสร็จแล้ว ก็จากโรงเรียนไป

ก่อนส่งเด็กๆ มาที่นี่ ในใจยังคงกระวนกระวาย แต่เมื่อได้เห็นตอนนี้แล้ว พวกเขาก็เบาใจลง เงื่อนไขดีๆ เช่นนี้ หากพวกเจ้าเด็กเปรตยังกล้าบ่น พวกเขาจะหักขาพวกมันก่อน!

โรงเรียนชายกับโรงเรียนหญิงแยกกันรายงานตัว จำนวนนักเรียนหญิงมีน้อยกว่านักเรียนชาย ดังนั้นแม้คนงานทางด้านโรงเรียนหญิงจะมีน้อย กระนั้นก็ยังยุ่งมาก

หูเหมียวเหมียวกับหูเฉียวเฉียวถูกพ่อแม่ส่งไปโรงเรียน เมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียน ก็ตกตะลึงจนหุบปากไม่ได้

พวกอาจารย์หญิงที่ไปบ้านของพวกเขาในวันนั้นบอกแล้วว่าโรงเรียนดีมาก แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นตอนนี้ มันดีกว่าที่พวกเขาพูดหลายเท่าเลย!

หลังจากเข้าไปในโรงเรียน และถูกอาจารย์พาไปจัดการทุกขั้นตอนหมดแล้ว จนกระทั่งมาถึงหอพัก พวกนางก็ยังคงงุนงงอยู่

หูเหมียวเหมียวกับหูเฉียวเฉียวกอดเสื้อผ้าใหม่สองชุดไว้ในอ้อมแขน ตัดใจปล่อยไม่ได้อยู่นาน พวกนางไม่ได้สวมเสื้อผ้าใหม่มาหลายปีแล้ว

เสื้อผ้าสีชมพูลูกท้อนี้สวยมาก แถมยังทำมาจากผ้าฝ้าย ตั้งแต่เล็กจนโตพวกนางยังไม่เคยได้ใส่เลย

วันนี้ที่มารายงานตัว พวกเขาได้สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมที่สุดแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ถูกซักจนขาวซีด และมีรอยเย็บปะชุนเต็มไปหมด

เนื่องจากทางด้านหอพักหญิงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงข้อครหา ดังนั้นหูอวี้หลินจึงไม่สามารถเข้ามาได้ ปล่อยให้จางซื่อไปหอพักเป็นเพื่อนลูกๆ แทน

เมื่อจางซื่อเห็นลูกสาวกอดเสื้อผ้าชุดใหม่สองชุดไม่ยอมปล่อย ก็ทั้งมีความสุขทั้งเจ็บปวดใจ

เป็นเพราะพวกเขาเป็นพ่อแม่ที่ไม่ได้เรื่อง แม้แต่เสื้อผ้าใหม่ชุดหนึ่งก็มิอาจให้พวกลูกๆ สวมได้ ช่างรู้สึกเป็นบุญนักที่มีโรงเรียนเช่นนี้อยู่

หูเหมียวเหมียวกอดเสื้อผ้าไว้ครู่หนึ่ง ก่อนส่งชุดหนึ่งให้กับจางซื่อ “ท่านแม่ ท่านนำชุดนี้ไปใส่เถิด ข้าสวมแค่ชุดเดียวก็พอ ท่านเอาไปปรับแก้นิดหน่อยก็สวมได้แล้ว”

หูเฉียวเฉียวก็หยิบชุดตัวเองออกมาอีกชุดหนึ่ง ซึ่งมีความหมายเหมือนเดียวกับพี่สาว

พวกนางไม่เคยได้สวมเสื้อผ้าใหม่เลย พ่อแม่เองก็ยิ่งแล้วใหญ่

เสื้อผ้าสองชุดหรูหราเกินไป พวกเขาสวมแค่ชุดเดียวก็พอแล้ว

จางซื่อรู้สึกปลาบปลื้มในใจ พลางลูบดวงหน้าของลูกสาวทั้งสอง ก่อนเอ่ยอย่างนุ่มนวล “แม่ไม่ใส่ พวกเจ้าเก็บไว้ใส่เถิด อยู่ที่โรงเรียนก็ไม่ต่างอะไรกับอยู่ที่บ้าน ต้องรักษาความสะอาด อย่าให้คนอื่นได้หัวเราะเยาะเอา”

“แม่จะกลับแล้ว พวกเจ้าอยู่ที่นี่เชื่อฟังอาจารย์ดีๆ ตั้งใจเรียน วันหน้าเมื่อมีทักษะฝีมือแล้ว ชีวิตก็จะได้ดีขึ้น”

หลังจากส่งมารดาจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ หูเหมียวเหมียวกับหูเฉียวเฉียวก็มีดวงตาอันแน่วแน่ พวกนางต้องตั้งใจเรียน เพื่อให้พ่อแม่มีชีวิตที่ดีในอนาคต!

พวกอาจารย์คนสวยที่ไปบ้านของพวกเขาก่อนหน้านี้บอกว่าในโรงเรียนมีทุนการศึกษา มีเพียงกระทำผลงานได้ดีเท่านั้นถึงจะได้รับ ดังนั้นพวกนางจะต้องพยายามให้หนักขึ้น ช่วยลดภาระให้พ่อกับแม่!

ในหอพักมีผู้คนทยอยกันเข้ามา พริบตาเดียวเด็กสาวสิบคนก็มาเต็มครบหมด

พวกนางทั้งหมดล้วนเป็นเด็กจากครอบครัวยากจน ทุกคนจึงมีเรื่องคุยกันมากมาย ไม่นานก็คุยกันอย่างออกรสชาติ และกลายเป็นพี่น้องกัน

วันนี้ผู้อำนวยการเฉียวเป็นผู้ควบคุมระบบ มีหน้าที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำงาน บ้างก็ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เป็นครั้งคราว เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกของนักเรียนกับผู้ปกครอง และพัฒนาการทำงานของพวกเขาในอนาคต

เวลารายงานตัวสิ้นสุดลงในช่วงบ่ายยามเซิน เนื่องจากโอกาสนี้มีครั้งเดียวในชีวิต นักเรียนกับผู้ปกครองให้ความสำคัญกับโอกาสนี้มาก ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงมาถึงก่อนเวลาและไม่มีใครมาสายเลย

หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน คนงานทุกคนแทบจะหมดแรง แต่กลับมีความสุขมาก ทั้งเหน็ดเหนื่อยทั้งมีพลัง

การรับสมัครนักเรียนครั้งนี้ มีนักเรียนชายสามร้อยสี่สิบเจ็ดคน นักเรียนหญิงหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าคน แบ่งตามแต่ละห้องประมาณสี่สิบคน นักเรียนชายมีเก้าห้อง นักเรียนหญิงมีห้าห้อง และแต่ละห้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาหนึ่งคน

ยามโหย่ว (ประมาณ 18.00 น.) เป็นเวลารับประทานอาหารในโรงอาหาร เนื่องจากวันแรกทุกคนไม่คุ้นเคยกับโรงเรียน จึงให้อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นคนพานักเรียนไปกินข้าวในโรงอาหาร

โรงอาหารใหญ่ที่กว้างโล่ง มีพวกท่านป้ามายืนรอตักอาหารแล้วตรงช่องหน้าต่าง อาหารแต่ละหม้อส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมา ทำให้ท้องของเด็กจากครอบครัวยากจนเหล่านี้ส่งเสียงร้องโครกคราก

เมื่อมาถึงที่หยิบภาชนะบนโต๊ะอาหาร อาจารย์ที่ปรึกษาก็สั่งให้นักเรียนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ และเดินไปตักอาหารที่หน้าต่างทีละคน

อาหารหลักของวันนี้คือหมั่นโถวแป้งข้าวโพด นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกสามอย่าง เนื้อสัตว์หนึ่งอย่างและผักสองอย่าง จานเนื้อคือหมูผัดบวบ จานผักสองอย่างคือผัดผักกาดขาวเผ็ดเปรี้ยวกับมันฝรั่งตุ๋น

เหล่าท่านป้าที่ตักอาหารต่างกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ไม่มีมือสั่นเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นนักเรียนที่ร่างกายซูบผอมเข้ามา ก็ยังตักใส่เพิ่มโดยไม่รู้ตัว

พวกนักเรียนถือชามขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหาร และตกใจจนพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง

แน่ใจนะว่าพวกเขาจ่ายแค่หนึ่งตำลึงก็สามารถกินได้?

ตอนฉลองปีใหม่ครอบครัวของพวกเขายังไม่กล้ากินกันขนาดนี้เลย!

หากกินแบบนี้ทุกมื้อ โรงเรียนจะรอดไปต่อได้จริงหรือ? จะปิดตัวลงในอีกไม่กี่วันหรือเปล่า?

มีนักเรียนบางคนคิดว่าวันนี้เป็นวันแรกที่พวกเขามาโรงเรียน จึงให้พวกเขาได้กินดีๆ เกรงว่าต่อไปคงเป็นผักก้อนนึ่งแป้งกับผักดอง

และมีนักเรียนบางคนกลัวว่าอาหารจะไม่อร่อย จึงนำผักดองที่พ่อแม่เตรียมไว้ให้มาด้วย แต่เมื่อได้เห็นอาหาร และได้กลิ่นหอมนั้น จะเอาความคิดที่ไหนมาคิดถึงผักดองของพวกเขา!

เฉียวเยี่ยนสั่งให้พวกคนครัวเตรียมน้ำมันและน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้เด็กๆ ได้รับประทานกันอย่างดี

ผักกับเนื้อในโรงอาหารทั้งหมดนางเป็นคนจัดสรรหาเอง ผักในเรือนกระจกยังคงเติบโตต่อไป ปีก่อนนางขยายเรือนกระจกไปอีกหลายแห่ง ปริมาณผักมีจำนวนมาก สามารถนำมาให้โรงอาหารทั้งหมดของโรงเรียนได้

ส่วนเนื้อพวกนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วง เนินเขาในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวปกคลุมไปด้วยกองทัพไก่เลี้ยงปล่อยทั้งภูเขา จับมาหลายร้อยตัวส่งไปให้โรงเรียน ก็เพียงพอสำหรับพวกนักเรียนสักระยะหนึ่ง

และตั้งแต่ปีที่แล้ว เนินเขาแห้งแล้งหลังโรงเรียนได้ถูกนางนำมาใช้เลี้ยงแกะกับหมูเรียบร้อย ตอนนี้ทั้งเนินเขาเต็มไปด้วยแกะกับลูกหมู เมื่อไม่มีเนื้อ ก็ให้คนงานจับมาสักสองสามตัวส่งลงมาก็ได้แล้ว

ตั้งแต่เนินเขารกร้างเริ่มเลี้ยงหมูกับแกะ ภัตตาคารของนางก็มีรายการอาหารใหม่ๆ เพิ่ม เช่นหมูกรอบกับเนื้อแกะย่างทั้งตัว ต้อนรับลูกค้านับไม่ถ้วนให้เข้ามาลิ้มลอง

หลังจากพวกนักเรียนตักอาหารเสร็จแล้ว ก็หาที่นั่งนั่งลงก้มหน้าก้มตากิน ทั้งโรงอาหารไม่มีใครพูดคุยกันเลย ได้ยินเพียงเสียงดูด เคี้ยว กลืนเท่านั้น

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สวัสดิการโรงเรียนดีมากค่ะ แถมอาหารก็ดีมากด้วย คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท