ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 337 อาหารที่กระทั่งสุนัขยังไม่รับประทาน

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 337 อาหารที่กระทั่งสุนัขยังไม่รับประทาน

ตอนที่ 337 อาหารที่กระทั่งสุนัขยังไม่รับประทาน

นักเรียนบางคนนึกถึงสมาชิกในครอบครัวขณะรับประทานอาหารจนอดไม่ได้ที่ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นก็รู้สึกแสบร้อนโพรงจมูก พลางหลั่งน้ำตาออกมาขณะรับประทานอาหาร

การร้องไห้เป็นโรคติดต่อ เมื่อคน ๆ หนึ่งหลั่งน้ำตา คนอื่น ๆ ก็พลอยร้องห่มร้องไห้ไปด้วย

แต่ทุกคนก็ยังห่วงหน้าตาตัวเอง จึงแอบสะอื้นไห้กันเบาๆ ด้วยความหดหู่ ก้มหน้างุดกับชามข้าว จนน้ำตาหยดลงในถ้วยข้าว

บางคนพยายามซ่อนความเขินอายด้วยการกินอาหารไม่หยุด แต่ถึงจะยัดอาหารจนเต็มปากแล้วก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ครูประจำชั้นมองดูสถานการณ์ของนักเรียนและพยักหน้าอย่างลับๆ

ไม่เป็นไรที่จะร้องไห้ นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขามีมโนธรรม และเด็กที่มีมโนธรรมก็สมควรได้รับการศึกษา

หลังจากกินอิ่มแล้ว เหล่านักเรียนก็เดินไปล้างจานด้วยมือในอ้อมแขน จากนั้นก็สับสนและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน

ในเวลานี้ หญิงจากด้านหลังครัวก็นำตะกร้าใบใหญ่ออกมาและขอให้นักเรียนใส่ชามทั้งหมดลงในตะกร้า และพวกเขามีหน้าที่ล้างจาน

ในความเป็นจริง เฉียวเยี่ยนจัดตำแหน่งทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยในพื้นที่ล้างจานหลังจากแจ้งให้ครูประจำชั้นทราบสถานการณ์ของครอบครัวของนักเรียนเป็นการส่วนตัวแล้ว ก็มอบสถานที่ให้กับครอบครัวที่ลำบากมาก

ในขณะนี้ จานและตะเกียบในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาจะถูกล้างโดยหญิงท้ายครัวก่อน

เหล่าท่านป้าจะไม่มีความสุขได้อย่างไร พวกนางมาที่นี่เพื่อกินและดื่มชัดๆ อีกทั้งยังได้รับค่าจ้างสูงลิ่วต่อการล้างจานเพียงไม่กี่ชุด ต่อให้เพิ่มจำนวนจานชามที่จะล้างเป็นสี่ห้าเท่า พวกนางก็ยังล้างให้สะอาดเอี่ยมได้

นักเรียนที่อิ่มจนไม่ต้องล้างจานก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งกับระบบสวัสดิการของโรงเรียน พวกเขามาที่นี่เพื่อกิน ดื่ม และนอนหลับอย่างสบายชัดๆ ราวกับถูกเลี้ยงเป็นหมูอย่างไรอย่างนั้น?

นักเรียนที่โง่เขลากลุ่มนี้ออกจากโรงอาหารและถูกครูใหญ่พาไปที่ห้องเรียนของแต่ละชั้นเรียน จากนั้นการประชุมชั้นเรียนครั้งแรกของโรงเรียนก็เริ่มต้นขึ้น

การประชุมชั้นเรียนครั้งแรกไม่มีอะไรมากไปกว่าการให้ทุกคนแนะนำตัวและทำความรู้จักกัน จากนั้นอาจารย์ก็บอกนักเรียนเกี่ยวกับกฎและระเบียบของโรงเรียนและการจัดการเรียนการสอนครั้งต่อไป

นักเรียนตั้งใจฟังมาก นั่งตัวตรง วางมือบนโต๊ะ และฟังอย่างเชื่อฟัง

แต่ละชั้นเรียนมีตารางสอนติดไว้ในห้องเรียน ซึ่งรวบรวมโดยอาจารย์ฝ่ายวิชาการ และให้นักเรียนเข้าเรียนตามตารางที่จัดไว้

ตอนนี้เหล่านักเรียนไม่รู้หนังสือและไม่เข้าใจตารางสอนเป็นทุนเดิม ดังนั้นครูประจำชั้นจะเตือนพวกเขาก่อน

หลังจากฟังคำพูดของครู นักเรียนก็ตระหนักว่าพวกเขาต้องเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง

เฉียวเยี่ยนตั้งระบบการเรียนการสอนขึ้นดังนี้ ในปีที่ 1 นักศึกษาจะต้องเรียนทุกวิชา ในปีที่ 2 นักศึกษาจะแบ่งชั้นเรียนตามวิชาที่ชอบและจะเรียนเฉพาะสาขาวิชา

ดังนั้นปีแรกจะไม่ง่ายสำหรับนักเรียนทุกคน ทุก ๆ วันเต็มไปด้วยการจัดการนอกจากหลักสูตรวัฒนธรรมแล้วยังมีหลักสูตรวิชาชีพอีกมากมาย

เนื่องจากกลุ่มอายุของนักเรียนที่ลงทะเบียนคืออายุ 12 ถึง 15 ปี โดยทั่วไปแล้วเด็กโตจะสูงกว่าเด็กที่อายุน้อยกว่า ดังนั้นครูประจำชั้นจึงจัดนักเรียนตามความสูงของพวกเขา

หลังจากการประชุมของชั้นเรียนสิ้นสุดลง วันแรกของการลงทะเบียนนักเรียนก็สิ้นสุดลงเช่นกัน

พวกเขากลับไปที่หอพักทำตามคำแนะนำของป้าประจำหอพักและไปล้างหน้าล้างตาหน้าอ่างไม้ เมื่อถึงเวลา ป้าประจำหอพักก็เป่านกหวีด และทุกหอพักต้องเป่าเทียนแล้วเข้านอน

ในตอนกลางคืนก็จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยเดินตรวจตราเพื่อป้องกันเหตุร้ายแก่นักเรียน

ในวันแรก เด็กๆ ยังวิตกและไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่และเพื่อนใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงนอนบนเตียงอย่างเชื่อฟัง

แม้จะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับและกระพริบตาในคืนที่มืดมิด แต่ก็ยังไม่กล้าส่งเสียง

หลังจากวันอันแสนวุ่นวาย เฉียวเยี่ยนก็กลับไปที่ลานเล็ก ๆ ของนาง วันนี้ดึกมากเกินกว่าจะกลับไปที่ตำหนักองค์รัชทายาทได้แล้ว ดังนั้นนางจึงตัดสินใจอยู่ที่โรงเรียนอีกหนึ่งคืน

นางแน่ใจว่าเมื่อตนกลับไปในวันพรุ่งนี้ ในตำหนักจะต้องเกิดความโกลาหลกับคนเล็กทั้งห้าคนและคนตัวใหญ่แน่นอน

แต่สิ่งไม่คาดคิดก็คือ เมื่อนางกลับไปที่ลานเล็ก ๆ องค์รัชทายาทกลับกำลังรอนางอยู่

ขณะนี้องค์รัชทายาทประทับอยู่ในครัวขนาดเล็ก มีผ้ากันเปื้อนคาดเอว ในมือถือตะหลิวปรุงอาหาร

แสงเทียนสลัวสาดส่องจนเกิดเงาร่างเป็นทางยาว ชายที่ดูเหมือนเทวดาตกสวรรค์ในขณะนี้กำลังกวนน้ำแกงให้นาง ทำให้เฉียวเยี่ยนรู้สึกว่าหัวใจกำลังอวลซ่านไปด้วยความหวาน

นางวิ่งเข้าไปในครัว โอบแขนรอบเอวของเขาจากด้านหลัง เอาหน้าแนบกับหลังของเขา ถูไปมาเหมือนแมว แล้วพูดเสียงอ่อยๆ ว่า “สามี ทำไมท่านจึงน่ารักเพียงนี้”

มู่ฉินเจินยังทำอาหารไม่หยุดมือ มุมปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้ม “ช่วยไม่ได้ ภรรยาของข้าไม่ได้กลับบ้าน ข้าจึงต้องไปหานางเอง”

เฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันกับเขา สวมกอดและสูดกลิ่นอายชายชาตรีจากตัวเขา ก่อนจะเยี่ยมหน้าดูการทำอาหารของเขา

มันเป็นก้อนสีดำขนาดใหญ่ และเมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิดก็ดูเหมือนว่ามีเนื้อหลายชิ้นอยู่ข้างใน เสียงเฉอะแฉะดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นผักไหม้ลอยโชยออกมา

เฉียวเยี่ยน สามารถเดารสชาติโดยรวมของอาหารจานนี้ได้จากการดมกลิ่น

เหนียวเล็กน้อย เค็มเล็กน้อย และเผ็ดเล็กน้อย

มู่ฉินเจินรู้สึกอายเล็กน้อย เขาแสร้งทำเป็นสงบและโกยก้อนดำในหม้อทิ้ง วางหม้อไว้บนเตา จากนั้นใส่ผักสีเขียวที่ล้างแล้วลงผัดในหม้อ

เนื่องจากไม่ได้ทำความสะอาดคราบเหนียวดำที่อยู่ในหม้อ ผักใบเขียวเล็กๆ เหล่านั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีดำหลังจากผัดไม่กี่ครั้ง

เฉียวเยี่ยนจ้องมองอาหารจานเนื้อบนเตา กระพริบตาสองครั้ง และเอ่ยปลอบด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “สามีของข้า ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมอยู่นะเนี่ย ทักษะการทำอาหารของท่านดูพัฒนาขึ้นนะ”

มู่ฉินเจินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ผัดผักใบเขียวในหม้ออย่างสงบและสง่างาม

เขาก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!

อย่างน้อยคราวนี้หุยกัวโร่วที่เขาผัดก็ยังเห็นสภาพเป็นชิ้นเนื้ออยู่บ้าง

ไม่เลวๆ เขาเป็นครูของตัวเองได้แล้วหลังจากฝึกฝนอีกสองสามครั้ง!

เฉียวเยี่ยนรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของชายผู้นี้ นางพูดแบบนั้นเพราะกลัวจะทำร้ายความมั่นใจในตัวเองของเขา ไม่คิดว่าสามีของนางจะเชื่อ

นางหยิบตะเกียบแล้วยัดชิ้นเนื้อไหม้เข้าไปในปาก ในปากรู้สึกถึงรสไหม้คล้ายกับเต้าเจี้ยวไหม้ มันทั้งเค็มและขม และยังเค็มมากด้วย ไม่เพียงแต่ใส่เต้าเจี้ยวมากเกินไปแต่ยังใส่ซีอิ้ว และเดาได้เลยว่าเขาต้องใส่เกลือตบท้ายอีกที

หลังจากกินเนื้อชิ้นหนึ่ง เฉียวเยี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ได้การ นางกินคำหนึ่งแล้วต้องรินน้ำดื่มตามไปอีกหนึ่งแก้ว ไม่อย่างนั้นคงไตพังแน่ๆ หลังจากกินกับข้าวจานนี้หมด

ไม่นานนักองค์รัชทายาทก็ทำผัดผักกวางตุ้งเสร็จ แลดูทั้งเขียวทั้งดำ จนสุนัขจรจัดเห็นแล้วต้องส่ายหัว

นอกจากอาหารผัดแล้ว องค์รัชทายาทยังทำข้าวอบหม้อดินด้วย แม้ว่ามันจะสุกจนเละ แต่อย่างน้อยก็ยังมีบางส่วนที่กินได้

เฉียวเยี่ยนกินข้าวไหม้ หุยกัวโร่วเค็มปี๋ และผัดผักที่สุนัขไม่กิน ด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ

ถึงสามีทำอาหารไม่เก่ง แต่ก็มีใจอยากทำอาหารให้นาง เพราะความใส่ใจนี้เอง ถึงอาหารจะไม่อร่อยแค่ไหนนางก็พอใจ

องค์รัชทายาทเห็นพระชายาตั้งใจกินก็อิ่มอกอิ่มใจที่นางไม่รังเกียจเขา

วันนี้เฉียวเยี่ยนยุ่งมาก จึงกินอาหารในโรงอาหารของโรงเรียน แต่คราวนี้นางหิวอีกแล้ว จึงกินข้าวไปสองชามใหญ่

เมื่อเห็นว่านางกำลังกินอย่างมีความสุข มู่ฉินเจินก็สงสัยเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าทักษะการทำอาหารของเขาพัฒนาขึ้นมากจริงๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าท่อนไม้จะกินของที่กระทั่งเขายังรังเกียจขนาดนี้ได้อย่างไร?

เขาลุกขึ้นและหยิบตะเกียบคู่หนึ่ง ตั้งใจจะคีบหุยกัวโร่วมาชิมสักคำ แต่ก่อนที่ตะเกียบจะแตะจาน เฉียวเยี่ยนก็ยกจานหนีราวกับมันเป็นสมบัติของตน

“ไม่ จานนี้เป็นของข้า ข้าไม่ให้ท่านกิน”

ว่าแล้วก็ขำ หากชายของนางได้กินของพรรค์นี้เข้าไปแล้ว เขาจะตกตะลึงจนเกิดเงามืดในใจหรือไม่?

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มาถูกทางแล้วล่ะไท่จื่อ สู้ๆ นะคะ ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ทำอาหารเก่งกว่านี้แล้ว

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท