ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 350 ความจริงปรากฏ

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 350 ความจริงปรากฏ

ตอนที่ 350 ความจริงปรากฏ

พวกเขาร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ยามนึกถึงความเหม็นคละคลุ้งเมื่อครู่ สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความหวาดผวาไม่แปรเปลี่ยน

ชั่วช้า! สารเลวยิ่งนัก!

คนแผ่นดินใหญ่พวกนี้ช่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่มีศักดิ์ศรีของนักรบเอาเสียเลย!

เหม็นเหลือเกิน ในชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยได้กลิ่นเหม็นสะอิดสะเอียนขนาดนี้มาก่อน ช่างรังแกคนอื่นยิ่งนัก แง้ๆ

มีแค่พวกคนตงอิ๋งที่ได้ดมกลิ่นเท่านั้นที่ยังสามารถพูดได้ ส่วนคนที่ถูกราดด้วยน้ำเหม็นได้อาเจียนออกมาจนหมดสติไปแล้ว

ก่อนที่เขาจะหมดสติไป ในหัวเขามีเพียงความคิดเดียว ‘การข้ามมหาสมุทรมายังที่ราบภาคกลางช่างเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาในชีวิต!’

ระบบตัวน้อยไม่คิดเลยว่าแค่ใช้น้ำดำหนึ่งขวด ก็ทำให้กลุ่มนักโทษสารภาพแล้ว จึงเก็บน้ำดำนี้เป็นสมบัติทันที ต่อไปเมื่อเจออันตราย นางก็จะใช้สิ่งนี้แหละ!

พวกนักโทษเริ่มกล่าวคำสารภาพของตัวเอง ระบบตัวน้อยที่ทำหน้าที่เป็นคนแปล ก็แปลคำพูดของพวกเขาให้ผู้คุมจดบันทึกคำสารภาพ

ตามคำสารภาพของนักโทษ พวกเขามาเทียนลี่ตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิ คอยช่วยเหลือคนที่ชื่อว่าอิโต้ คิซาวะยึดอำนาจเทียนลี่ หลังจากนั้นอิโต้ คิซาวะจะมอบเกาะริวกิวกับเกาะใกล้เคียงให้กับพวกตงอิ๋ง

เนื่องจากด่านศุลกากรของเทียนลี่มีการป้องกันอย่างเข้มงวด ดังนั้นอิโต้ คิซาวะจึงช่วยพวกเขาเปิดด่านเป็นการส่วนตัว จากนั้นพวกเขาก็แอบเข้ามาในเทียนลี่ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกชาวบ้าน และรอรับคำสั่ง

เมื่อคนของพวกเขาพร้อม ก็จะโจมตีด่านศุลกากรของเทียนลี่ ช่วยชักนำกองกำลังใหญ่ของพวกเขาเข้าสู่เทียนลี่ จากนั้นก็บุกขึ้นเหนือเพื่อไปยึดอำนาจ

มู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยนฟังคำแปลจากระบบตัวน้อย พลางรู้สึกหนาวเหน็บในใจ

ในประเทศของพวกเขากลับมีคนทรยศขายชาติสติฟั่นเฟือน เปิดด่านศุลกากรเป็นการส่วนตัว ปล่อยให้กองกำลังของประเทศอื่นเข้ามา แถมยังยกดินแดนให้พวกเขาด้วย!

ช่างน่าขันนัก! เขาช่วยเจ้ายึดอำนาจ เหตุใดถึงยังต้องหนีไปยังเกาะหลิวฉิวเล็กๆ นั้น แทนที่จะฉวยโอกาสยึดครองแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด!

ทำไมเจ้าถึงคิดว่าพวกเขาจะช่วยเจ้าให้กลายเป็นฮ่องเต้เพียงเพราะเห็นแก่เกาะริวกิวเล็กๆ นั่น พวกเขาเพียงแค่ให้ประโยชน์แก่เจ้า กระตุ้นความอยากของเจ้า ให้เจ้าช่วยพวกเขาลอบเข้ามาในเทียนลี่ รอพวกเขาควบคุมแผ่นดินใหญ่ได้จริงๆ แล้ว ก็จะจัดการเจ้าในดาบเดียว!

ไม่รู้จริงๆ ว่าในหัวคนทรยศคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เพ้ย เขาช่างไร้สมองจริงๆ !

เฉียวเยี่ยนโกรธอย่างมาก พลันนึกถึงประวัติศาสตร์อันน่าอัปยศของประเทศตัวเองในสมัยปัจจุบัน

ยอมให้ผู้อื่นฆ่าฟัน ยกที่ดินชดใช้ กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่าย ไพร่ฟ้าตกระกำลำบาก…

สถานการณ์ตอนนี้ หากพวกเขาไม่ค้นพบเข้า ไม่ใช่ว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยช่วงเวลานั้นอีกครั้งหรอกหรือ?

ส่วนชายที่ชื่อว่าอิโต้ คิซาวะ ทั้งเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินพอคาดเดาไว้ในใจแล้ว

มู่เจ๋อจิ่น!

ระบบตัวน้อยถามเกี่ยวกับเรื่องของอิโต้ คิซาวะเพิ่มเติมขึ้นมาอีก พวกคนตงอิ๋งเหล่านี้ไม่ค่อยรู้จักเขามากนัก และจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เคยเห็นหน้าเลย ทว่าพวกเขาเคยเห็นรูปวาดของเขา และป้ายคำสั่งอีกชิ้นหนึ่ง

ตอนที่พวกเขาถูกจับ ป้ายคำสั่งได้ถูกยึดไปแล้วตอนค้นตัว แต่ป้ายคำสั่งนั้นไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นพวกมู่ฉินเจินจึงไม่ได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์จากมัน

สำหรับภาพวาดเหมือน งั้นก็ง่ายขึ้นแล้ว!

มู่ฉินเจินให้คนวาดภาพเหมือนของมู่เจ๋อจิ่น และนำมาวางไว้ต่อหน้าคนตงอิ๋ง

เมื่อพวกคนตงอิ๋งเห็นภาพเหมือน ก็พยักหน้าตามๆ กัน

“ใช่ๆ ! เขานี่แหละ! อิโต้ คิซาวะ!”

เฉียวเยี่ยนกลอกตา แอบถอนหายใจใส่ไอ้คนบ้ามู่เจ๋อจิ่น สมรู้ร่วมคิดกับชาวตงอิ๋งก็ว่าแล้ว ยังตั้งชื่อตงอิ๋งให้ตัวเองอีก ช่างเหมาะเป็นคนทรยศขายชาติเสียเหลือเกิน!

หลังจากสอบปากคำนักโทษทั้งหมดแล้ว มู่ฉินเจินก็ถือคำสารภาพหนาๆ ไว้ในมือ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการกระทำความผิดทั้งหมดของมู่เจ๋อจิ่น

หลังจากสู้รบปรบมือกับเขามาตั้งนาน ในที่สุดครั้งนี้ก็ลงโทษเขาได้แล้ว!

เพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น มู่ฉินเจินไม่ได้รายงานต่อฮ่องเต้เฒ่า แต่ระดมกองกำลัง ไปล้อมตำหนักอ๋องรุ่ยทันที เพื่อจับกุมมู่เจ๋อจิ่นและนำเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ตำหนักอ๋องรุ่ยถูกล้อมอย่างสมบูรณ์ ทุกคนในตำหนักต่างแตกตื่น แต่เป้าหมายของการจับกุมคือมู่เจ๋อจิ่น ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือด้วยสีหน้าสงบนิ่งไม่แยแส

สุดท้ายก็ยังถูกเขาจับได้ เป็นเขาเองที่ประเมินมู่ฉินเจินต่ำเกินไป!

อี้จื่อจิ้นได้ยินข้ารับใช้รายงานว่าองค์รัชทายาทนำคนมาล้อมตำหนักอ๋องรุ่ย ก็รู้สึกร้อนรนนั่งไม่ติดที่ หรือเรื่องที่ท่านอ๋องรุ่ยทำจะถูกเปิดโปงแล้ว?

นางเร่งรุดเข้าไปในห้องหนังสือด้วยความตื่นตระหนก ไปถามมู่เจ๋อจิ่นให้ชัดเจน

แต่เข้าไปในห้องหนังสือได้ไม่ทันไร ก็เห็นเขาถือกระบี่อยู่ในมือและใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าสงบนิ่ง มุมปากหยักยิ้มขึ้น ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ท่าทางของเขาเช่นนี้กลับทำให้อี้จื่อจิ้นตัวสั่นเทา ในรอยยิ้มเขาปรากฏความเย็นชาออกมา จนนางคาดเดาไม่ออกว่าเขากำลังจะทำอะไร

นางถามอย่างระแวดระวัง “ฝ่าบาท ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดีเพคะ?”

มู่เจ๋อจิ่นหันกลับมามองนาง มุมปากยังคงแสยะยิ้ม ก่อนกวักมือเรียกนางเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “มานี่สิ”

อี้จื่อจิ้นรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่กลับก้าวเดินไปหาเขาเหมือนกับควบคุมไม่ได้ และยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา

มู่เจ๋อจิ่นมองไปที่ท้องนูนยื่นออกมาของนาง ก่อนยกมือขึ้นลูบ “กี่เดือนแล้ว?”

คำพูดของเขาอ่อนโยนมาก แต่อี้จื่อจิ้นกลับอดรู้สึกสั่นเทาไม่ได้ และตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “เกือบห้าเดือนแล้วเพคะ”

มู่เจ๋อจิ่นหัวเราะยาวออกมาเหมือนคนบ้า “ใช่ ห้าเดือนแล้ว ควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว”

อี้จื่อจิ้นตัวสั่นเทา และยิ่งหวาดผวามากขึ้น นางกุมท้องถอยหลังไปสองสามก้าว พลางถามอย่างตะกุกตะกัก “ฝะ…ฝ่าบาท นะ…นี่หมายความว่าอย่างไรเพคะ?”

มู่เจ๋อจิ่นลุกยืน ยกดาบในมือขึ้น และเดินเข้าไปหานางทีละก้าวๆ

“หมายความว่าอย่างไรงั้นหรือ? แน่นอนว่ากำจัดไอ้สิ่งอัปมงคลนี่ทิ้งน่ะสิ!”

อี้จื่อจิ้นหน้าซีดด้วยความตกใจ พลางมองไปที่มู่เจ๋อจิ่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ และก้าวถอยหลังโดยปกป้องท้องตัวเองไว้ “ฝ่าบาท พระองค์หมายความว่าอย่างไร? หม่อนฉันไม่เข้าใจ นี่คือลูกของพระองค์นะเพคะ อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะลืมตาดูโลกแล้ว”

“พอสักที! เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือไร? เปิ่นหวางรู้ดีว่าไอ้ตัวอัปมงคลในท้องเจ้ามันมาจากไหน!”

“เจ้าคงไม่รู้สินะ ท่านหมอวินิจฉัยแล้วว่าในชีวิตนี้ของเปิ่นหวางเกรงว่าอาจจะไร้ทายาท แต่เจ้ากลับเอาสิ่งอัปมงคลที่เกิดกับคนอื่นมาโยนไว้บนหัวข้า!”

อี้จื่อจิ้นขาอ่อนแรง ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? นางคำนวณมาหลายพันหลายหมื่นครั้งแล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าเขามีบุตรยาก! น่าขันนัก ช่างเป็นเรื่องน่าขันในโลกนี้จริงๆ !

เด็กในครรภ์ของนางคือบุตรที่เกิดจากบัณฑิตตระกูลขาวสะอาดนอกตำหนักคนหนึ่ง หลังจากที่หมอตรวจว่านางตั้งครรภ์แล้ว นางก็ฆ่าปิดปากบัณฑิตคนนั้นทันที และยังกระทำแบบไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ

แต่นึกไม่ถึงเลยว่าชายตรงหน้ากลับมีภาวะมีบุตรยาก!

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก มองไปที่มู่เจ๋อจิ่นด้วยดวงตาแดงก่ำ และเอ่ยด้วยความโกรธ”พระองค์รู้ว่าตัวเองมีปัญหาทางร่างกาย เหตุใดถึงยังมายั่วยุหม่อมฉัน! ทำให้หม่อมฉันต้องลำบาก!”

เมื่อนึกถึงตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก เขาปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยนและดูแลนาง จนนางคิดว่าตนสามารถเป็นเหมือนกับเฉียวเยี่ยนได้ที่ถูกคนอื่นรักทะนุถนอม แต่สุดท้ายนางกลับเป็นได้เพียงตัวตลก!

“ฮ่าๆๆ มู่เจ๋อจิ่น พระองค์ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก! มู่ฉินเจินได้ล้อมตำหนักไว้แล้ว ไม่มีใครหน้าไหนหนีไปได้ทั้งนั้น ต่อให้วันนี้พระองค์ฆ่าหม่อมฉัน พระองค์ก็ต้องตายไปพร้อมกับหม่อมฉันด้วย!”

มู่เจ๋อจิ่นหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม “เฮอะ ไม่ต้องห่วง เปิ่นหวางไม่ให้เจ้าได้สมหวังหรอก คนที่ตายไปพร้อมกับเจ้า ก็มีเพียงพวกเจ้าจวนอัครเสนาบดีร้อยกว่าชีวิตเท่านั้น!”

ขณะกล่าว เขาก็ยกกระบี่ในมือขึ้น และแทงไปที่ท้องของอี้จื่อจิ้น แต่อี้จื่อจิ้นหลบอย่างลนลาน กระบี่จึงแทงเข้าเอวด้านหลัง ไม่โดนที่ครรภ์

ในเมื่อแทงครั้งแรกไม่สำเร็จ มู่เจ๋อจิ่นก็แทงเป็นครั้งที่สอง อี้จื่อจิ้นรีบดึงเก้าอี้ที่ข้างมือมาป้องกันร่างกายตัวเอง จากนั้นจึงขว้างเก้าอี้กระแทกไปที่ขาของมู่เจ๋อจิ่น

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

จบเห่แล้วอ๋องรุ่ย เขารู้กันหมดแล้วว่าเป็นคนขายชาติ

คุณหนูอี้จะถึงกาลอวสานแล้วเหรอ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท