ตอนที่ 352 เด็กอวดเก่งโดดเรียน
ตอนที่ 352 เด็กอวดเก่งโดดเรียน
แม้พรรคพวกของมู่เจ๋อจิ่นจะถูกถอนรากถอนโคนและถูกริบทรัพย์สินกลับเข้าท้องพระคลังหลวง กระนั้นมะเร็งอย่างเขาก็ไม่ถูกจับเสียที ทำให้ทั่วทั้งราชสำนักต่างตื่นตระหนก
มู่ฉินเจินส่งคนไปที่เยวี่ยโจวอีกครั้ง และคุ้มกันชาวตงอิ๋งที่ถูกจับทั้งหมดกลับมาเมืองหลวงเพื่อสอบถามที่อยู่ของมู่เจ๋อจิ่นจากในนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรเลย
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน คดีอ๋องรุ่ยที่กำลังเดือดระอุในเมืองหลวงก็ค่อย ๆ สงบลง ผู้คนใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป เพียงแค่เอ่ยถึงตอนยามว่างหลังดื่มชาเล็กน้อยเท่านั้น และสุดท้ายก็สลัดทิ้งไป
กระทั่งขุนนางบางคนในราชสำนักยังคิดว่าพรรคพวกของอ๋องรุ่ยถูกกำจัดไปหมดแล้ว เหลือเพียงท่านอ๋องรุ่ยคนเดียวที่มิอาจสร้างคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมาได้ หรืออาจจะตายระหว่างหลบหนีไปนานแล้ว
แต่มู่ฉินเจินกลับไม่กล้าชะล่าใจ และจับตาดูการเคลื่อนไหวทั้งหมดในแต่ละพื้นที่
เมื่อมีสิ่งผิดปกติย่อมมีผี[1] มู่เจ๋อจิ่นต้องมีแผนสำรองรอเขาอยู่!
เนื่องจากสอบปากคำคนตงอิ๋งได้สำเร็จในครั้งนี้ ระบบตัวน้อยจึงได้รับรางวัลจากฮ่องเต้เฒ่า แถมยังถูกฮ่องเต้เฒ่าแต่งตั้งให้เป็นขุนนางผู้น้อยด้วย
คืออี้อวี่กวนแห่งหน่วยงานหงลู่ซื่อคนใหม่!
เด็กน้อยใช้ความสามารถของตัวเอง ได้กลายเป็นขุนนางที่อายุน้อยที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์เที่ยนลี่มา! ทั้งยังเป็นขุนนางหญิงเพียงหนึ่งเดียวด้วย!
ทำให้ไม่กี่วันมานี้เด็กน้อยได้ใจมาก สวมเครื่องแบบขุนนางตัวน้อยของนาง เดินอวดไปทั่วทุกที่
แม้นางจะมียศเป็นขุนนางคนหนึ่ง แถมยังได้รับเงินเดือน แต่นางก็ไม่จำเป็นต้องไปว่าราชการ ขอแค่เมื่อใดที่ต้องการใช้นาง เพียงถ่ายทอดคำสั่ง นางก็จะไปทำหน้าที่เป็นล่ามให้ทันที
ไม่ต้องตอกบัตรเข้าทำงาน แถมยังได้รับเงิน ตำแหน่งขุนนางที่ระบบตัวน้อยเป็นนี้ช่างสะดวกสบายดีจริง ๆ
แม้บางคนในราชสำนักจะไม่พอใจที่สาวน้อยผมเหลืองได้เป็นขุนนาง แต่พวกเขาก็มิบังอาจแสดงความเห็นต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ได้
ใครให้นางมีความสามารถจริง ๆ กันเล่า คนที่เชี่ยวชาญภาษาอื่นนั้นหายากในเทียนลี่อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นอี้อวี่กวนคนก่อนหน้านี้คงไม่ถูกฆ่าตาย จนหาคนที่พูดภาษาตงอิ๋งสักคนหนึ่งไม่เจอหรอก
และว่ากันว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้ไม่เพียงพูดภาษาตงอิ๋งได้เท่านั้น ภาษาอื่น ๆ ก็พูดได้ ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าไท่จื่อเฟยไปเก็บสัตว์ประหลาดน้อยนี้มาจากไหน เหตุใดพวกเขาถึงเลี้ยงแบบนี้ไม่ได้สักคน!
ตอนนี้บรรดาสตรีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงต่างก็อิจฉาเฉียวเยี่ยน ไม่เพียงเป็นที่โปรดปรานขององค์รัชทายาท แต่ยังให้กำเนิดลูกสามคนแก่พระองค์ด้วย ตำแหน่งมั่นคง ส่วนไอ้พวกธรรมดาซ้ำซากน่าเบื่อเหล่านี้ พวกนางไม่เอ่ยถึงดีกว่า
แต่ตอนนี้ นางเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง อายุยังน้อยกลับได้เป็นขุนนางแล้ว!
คำว่าอิจฉาริษยา พวกนางคร้านจะเอ่ยแล้ว!
ความแตกต่างระหว่างบุคคลมันแตกต่างกันมากเพียงนี้เลยหรือ?
พวกเขามองไปที่ลูก ๆ ตัวเองที่รู้จักแต่พูดอ้อแอ้ และอยากจะแงะกะโหลกพวกเขาออกดูจริง ๆ ว่าข้างในนั้นมีอะไรขาดไปหรือไม่
ระบบตัวน้อยกลายเป็นประเด็นขี้ปากของผู้ใหญ่คนอื่นโดยไม่รู้ตัว ในตอนนี้สถานะของนางในสายตาน้องทั้งสี่จึงสูงขึ้นเล็กน้อย
น้องทั้งสี่มองพี่สาวสวมชุดขุนนาง ต่างก็น้ำลายไหลด้วยความอิจฉา
นี่คือคนที่มีอาชีพมั่นคงในตำนานหรือ? พวกเขาก็อยากได้เหมือนกัน!
ตอนนี้เรื่องของมู่เจ๋อจิ่นได้สิ้นสุดลงชั่วคราว เฉียวเยี่ยนจึงปลีกเวลาไปเยี่ยมชมโรงเรียนเสียหน่อย
พวกคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงเรียนต่างปฏิบัติหน้าที่ของตน ไม่มีการละเลยหน้าที่เพราะผู้อำนวยการอย่างนางไม่มาดูแล และพวกนักเรียนก็ยังคงเรียนกันอย่างขยันขันแข็ง
ตอนนี้เป็นเดือนหกแล้ว ผ่านการเรียนการสอนมาแล้วสองเดือน พวกนักเรียนที่เป็นชาวบ้านธรรมดาที่เพิ่งเข้ามาโรงเรียน ยามนี้สามารถจดจำตัวอักษรพื้นฐานได้แล้ว
เมื่อเฉียวเยี่ยนมาถึงโรงเรียน นางก็บังเอิญจับนักเรียนที่กำลังจะโดดเรียนได้พอดี คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นใด แต่เป็นสวีอิงเด็กอวดเก่งดื้อรั้นนั่นเอง
สวีอิงเข้าโรงเรียนมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ตอนเข้าโรงเรียนมาแรก ๆ เขารู้สึกแปลกใหม่ และอยู่อย่างสงบมาสองสามวัน ทว่าหลังจากช่วงเวลาแห่งความแปลกใหม่ผ่านไป เขาก็เริ่มอยู่ไม่สุข
เขาปะทะกับอาจารย์ ประลองปัญญาไหวพริบกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และมองหาโอกาสหลบหนีข้ามกำแพงไป
ตอนที่ยังไม่ได้เข้าโรงเรียนมา เขาคิดว่าสำนักศึกษาอาชีวะนั้นไม่ต่างอะไรกับสำนักศึกษาที่เขาเคยเรียน เพียงแค่เขาอยากจะโดดเรียนก็โดดเรียนเลย ก่อนจะโวยวายกับอาจารย์ และรอถูกไล่ออกจากโรงเรียน
แต่เขาประเมินเฉียวเยี่ยนที่ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนผิดไป ทั้งประตูใหญ่ประตูน้อยภายในโรงเรียนล้วนมีห้องรักษาความปลอดภัย และมีพวกทหารปลดประจำการเฝ้าอย่างเข้มงวด
กลางคืนก็จะมีหน่วยออกลาดตระเวนออกตรวจตราตามเวลา หากพบสิ่งผิดปกติก็จะจับกุมทันที
ส่วนกำแพงล้อมรอบโรงเรียนก็สร้างไว้สูงมาก บนกำแพงยังมีตะปูตอกติดอย่างแน่นหนา นอกเสียจากมีวิชาตัวเบาเท่านั้น ไม่เช่นนั้นหากปีนกำแพงออกไปไม่ได้ก็ถูกตะปูตำ
สวีอิงได้ลองใช้วิธีโดดเรียนต่าง ๆ มากมายแล้ว อย่างเช่นการปีนกำแพง ซึ่งยังไม่ทันได้ปีนก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจับได้ก่อน จากนั้นก็ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาตำหนิอย่างรุนแรงเสียยกใหญ่
เขาส่งเสียงดังในชั้นเรียน จงใจขัดการบรรยายของอาจารย์ รอถูกอาจารย์ไล่ออกจากโรงเรียน แต่สุดท้าย อาจารย์ไม่ได้ทุบตีหรือไล่เขาออกจากโรงเรียนเลย แต่สวดเขายับเป็นเวลาสองชั่วยาม เสียงดังจนทำให้เขาปวดหัว
เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักได้ว่า คำพูดยืดเยื้อของคน ๆ หนึ่งน่ากลัวกว่าการคร่าชีวิตเขาเสียอีก
เขายังเคยคิดจะอดอาหาร ขู่ให้อาจารย์ส่งเขาออกจากโรงเรียน แต่ทุกครั้งที่ถึงโรงอาหาร ได้กลิ่นหอมของอาหาร และคำพูดท่านป้าผู้มีหน้าที่ตักข้าวว่า ‘พอไหมลูก’ เขาก็อดกินข้าวเพิ่มสองชามไม่ได้
หลังจากแผนการโดดเรียนล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า สวีอิงเด็กอวดเก่งดื้อรั้นก็ถูกโจมตีอย่างหนัก แต่ล้มตรงไหนเขาก็ต้องลุกขึ้นมาจากตรงนั้น ไม่ว่าจะล้มมากเท่าใด เขาก็ทำงานอย่างหนัก เตรียมแผนการโดดเรียนอย่างละเอียด
เขาแน่ใจว่าทุกเช้าจะมีรถม้ามาส่งผักที่โรงเรียน ถึงตอนนั้นแค่เขาให้เงินคนขับรถม้าจำนวนหนึ่ง ขอให้เขาซ่อนตัวอยู่ในรถม้า เขาก็สามารถออกจากโรงเรียนได้อย่างโจ่งแจ้งแล้ว
ในขณะที่เขาคิดเช่นนี้ ก็ทำเช่นนั้นเลย หยิบแท่งเงินออกมาสองแท่ง ยื่นให้คนงานส่งผัก คนงานคนนั้นรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และให้เขาเข้าไปในรถม้าอย่างใจดี แถมยังบอกให้เขาซ่อนดี ๆ ด้วย
เขามีความสุขมาก คิดว่าในที่สุดตัวเองจะโดดเรียนสำเร็จแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าคนงานส่งผักจะขายเขาจริง ๆ!
เมื่อรถม้าแล่นไปถึงหน้าประตู คนงานส่งผักก็ตะโกนใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า “มีสินค้าอยู่ในรถ รีบมาตรวจดูหน่อย”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าใจในทันที ก่อนดึงสวีอิงที่ซ่อนตัวอยู่ในรถออกมา
คนงานยัดแท่งเงินทั้งสองแท่งกลับใส่มือของสวีอิง ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง “พ่อหนุ่ม ถือโอกาสเรียนรู้มาก ๆ ในตอนยังเด็กเถิด อย่ารอเสียใจทีหลังเลย เสียใจทีหลังมันก็สายเกินไปแล้ว”
ตลกแล้ว! เขาเป็นคนงานของไท่จื่อเฟย จะช่วยให้เด็กเปรตคนนี้โดดเรียนได้อย่างไร!
อีกอย่างลูก ๆ ของเขาก็เรียนอยู่ในโรงเรียนด้วย เมื่อมองไปที่เด็กเปรตคนนี้ก็อดนึกถึงลูก ๆ ของตัวเองไม่ได้ หากลูกของเขากล้าโดดเรียน เขาจะหักขาพวกเขาอย่างแน่นอน!
แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับสวีอิงเป็นคนรู้จักเก่ากันอยู่แล้ว จึงเขกมะเหงกบนหัวเขาไปหนึ่งที แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นเจ้าอีกแล้วนะ เป็นอย่างไร? ตกอยู่ในกำมือข้าอีกแล้ว!”
สวีอิงโกรธมากจนอยากระเบิดออกมา พลางจ้องคนงานอย่างโหดเหี้ยม “เจ้ามันไร้ยางอาย เจ้ามันผิดคำพูด!”
คนงานทำเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น ไม่ถือสาหาความอะไรกับเขา ก่อนขับรถของตัวเองออกจากโรงเรียนไป
ตอนที่เฉียวเยี่ยนเข้ามาในโรงเรียน บังเอิญเห็นฉากที่สวีอิงถูกจับได้พอดี จึงเอามือกอดอก ดูความสนุกอย่างจริงจัง
นางเอ่ยกับสวีอิงด้วยรอยยิ้ม “ไม่เจอกันตั้งนาน ดูเหมือนระยะนี้จะผ่านไปได้ด้วยดีเลยนะ”
เมื่อสวีอิงเห็นนาง ก็มีสีหน้าประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น และตะคอกอย่างไม่พอใจ
เฉียวเยี่ยนมองท่าทางหยิ่งยโสของเด็กคนนี้แล้ว ก็สนใจอยากสั่งสอนเด็กอวดเก่งทันที ช่วงเวลาก่อนหน้านี้นางยุ่งมาก และเกือบลืมเรื่องเด็กคนนี้ไปแล้ว โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป!
[1] เมื่อมีสิ่งผิดปกติย่อมมีผี (事出反常必有妖) หมายถึง เมื่อมีเรื่องบางอย่างผิดปกติ ย่อมมีอะไรแอบแฝงอยู่ในนั้น
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มาดูกันค่ะว่าผอ.โรงเรียนจะสั่งสอนเด็กดื้อคนนี้อย่างไร แต่มันต้องเป็นวิธีที่เจ็บแสบถึงทรวงแน่ ๆ
ไหหม่า(海馬)