ตอนที่ 353 สั่งสอนเด็กนิสัยเสีย
ตอนที่ 353 สั่งสอนเด็กนิสัยเสีย
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นไท่จื่อเฟยมา พวกเขาต่างก็คำนับนางด้วยความเคารพ พร้อมรายงานสถานการณ์ในช่วงนี้ของสวีอิงด้วย
เฉียวเยี่ยนฟังจบ มองไปที่สวีอิงอย่างแสร้งทำเป็นยิ้ม ทำให้สวีอิงที่เห็นโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าโกรธกริ้วกลายเป็นสีตับหมู
อีกแค่นิดเดียว! นิดเดียวเท่านั้นที่วันนี้เขาจะโดดเรียนสำเร็จแล้ว!
ทั้งหมดเป็นความผิดของคนขับรถบ้านั่น มีเงินแต่ไม่เอา แล้วยังรายงานเขาอีก!
ครั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายงานสถานการณ์เสร็จ เฉียวเยี่ยนก็พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว เด็กนี่ยกให้ข้าเป็นคนจัดการเอง ช่วงนี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหัวเราะแหะๆ พวกเขาลำบากที่ไหนกัน ทุกวันคอยเอาแต่ชิงปัญญาไหวพริบกับเจ้าเด็กนี่ก็สนุกดี
เฉียวเยี่ยนนำคนเข้าไปภายในโรงเรียน สวีอิงเดินตามหลังนางไปอย่างไร้ชีวิตชีวา ประหนึ่งผักกาดขาวโดนน้ำแข็งเกาะ
เฉียวเยี่ยนหันกลับไปเขา ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถิด ข้าจะไม่ส่งเจ้ากลับไปเข้าเรียนแล้ว วันนี้ตามข้าไปทำงานหนึ่งวันก็แล้วกัน”
เมื่อสวีอิงได้ยินว่าไม่ต้องกลับไปเข้าเรียน ก็เงยหน้าขึ้น มองนางอย่างสงสัย
ยังมีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ?
เขารู้สึกว่าการอยู่ในห้องเรียนมันน่าเบื่อเกินไป และอึดอัดมากกว่าการเอาชีวิตเขาไปเสียอีก ขอแค่ไม่ต้องกลับไปเข้าเรียน จะทำอะไรเขาก็มีความสุข!
เฉียวเยี่ยนรับปากกับเขาว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าพูดจริงทำจริง”
ตอนนี้เองสวีอิงก็มีความสุขขึ้นมา การก้าวเดินก็ดูร่าเริงขึ้นไม่น้อยและเดินตามหลังเฉียวเยี่ยนอย่างไม่เร่งรีบ
เฉียวเยี่ยนหันหลังให้เขาที่เดินตรงมาข้างหน้า พลันมุมปากก็วาดรอยยิ้มขึ้น
สุดท้ายเจ้าลิงทะโมนนี่ก็ยังเด็กเกินไป ไม่เคยได้เผชิญกับพิษร้ายของสังคม!
นางเดินไปที่อาคารสอนอย่างเงียบสงบ ระหว่างก็ไม่ได้พูดอะไรกับสวีอิง เมื่อมาถึงอาคารสอน นางก็เดินไปดูสภาพการเรียนของพวกนักเรียนแต่ละห้อง
เริ่มแรกสวีอิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย กลัวว่าเฉียวเยี่ยนจะจัดการเขา แต่หลังจากติดตามนางมาตลอดทาง เมื่อเห็นนางไม่ได้สร้างปัญหาอะไร เขาก็ผ่อนคลายลง
บางทีวันนี้นางอาจมาแค่ตรวจดูโรงเรียนเท่านั้น ส่วนเขาที่เป็นผู้ติดตามแค่ตามนางไปอย่างเงียบๆ ก็พอแล้ว
เฉียวเยี่ยนเดินเที่ยวชมโรงเรียนไปรอบหนึ่ง และตรวจสอบสภาพการทำงานของอาจารย์ในตำแหน่งต่างๆ หลังจากเห็นพวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว นางก็เริ่มสั่งสอนเด็กนิสัยเสียอย่างวางใจได้
นางพาสวีอิงไปแปลงนาทดลองของโรงเรียน และโบกมือให้เขา
“ไปเอาจอบสองด้ามกับเคียวสองเล่มจากโรงเก็บเครื่องมือมา”
สวีอิงไม่เข้าใจ ทว่าก็ยังทำตาม
จวบจนเฉียวเยี่ยนได้รับเครื่องมือ ก็เริ่มมอบหมายงานให้เขา “นาสองแปลงนี้เราแบ่งกันคนละแปลง กำจัดวัชพืชในนั้นออกให้หมด จากนั้นพรวนดินให้ต้นกล้า”
“หากวันนี้จัดการนาแปลงนี้ไม่เสร็จ ห้ามกินข้าว ข้าเองก็เหมือนกัน จัดการไม่เสร็จ ก็จะไม่กินข้าวเด็ดขาด”
สวีอิงถือจอบข้างหนึ่ง เคียวข้างหนึ่ง มองไปที่ทุ่งนาขนาดใหญ่สองแปลงตรงหน้าด้วยความงุนงงเล็กน้อย
เขาว่าแล้วเหตุใดหญิงคนนี้ถึงใจดีไม่ไล่เขากลับไปเข้าเรียน ที่แท้ก็มีสิ่งนี้รอเขาอยู่ที่นี่นี่เอง!
ผืนดินผืนใหญ่เช่นนี้ สองวันเขาก็ทำไม่เสร็จหรอก นางแค่จงใจทำให้ตัวเองหิว!
แต่ใครกลัวใครกัน? จะใช้วิธีนี้สั่งสอนให้เขากลับไปตั้งใจเรียนหรือ ไม่มีทางเสียหรอก!
เฉียวเยี่ยนไม่สนใจท่าทางโมโหจนพองลมเป็นปลาปักเป้าของเจ้าเด็กเปรตคนนี้หรอก นางแบกจอบเริ่มไปทำงานแล้ว
ที่ดินสองผืนนี้ แต่ละผืนมีพื้นที่ประมาณแปดส่วน สำหรับพวกนายน้อยที่ชอบเอาแต่ใจเหล่านี้ หากอยากจัดการให้เสร็จภายในวันเดียวมันเป็นไปได้ยากจริงๆ แต่สำหรับเฉียวเยี่ยนที่เป็นชาวนาแล้วมันสบายมาก
นางก้าวลงไปในดิน ถอนวัชพืชอย่างชำนาญ หลังจากกำจัดวัชพืชออกไปได้บางส่วนแล้ว ก็ใช้จอบพรวนดินให้ต้นกล้า
สวีอิงยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่เนิ่นนาน เขามองเฉียวเยี่ยนด้วยความอึ้ง และไม่รู้จะใช้คำใดมาอธิบายความรู้สึกเขาในขณะนี้จริงๆ
หญิงคนนี้แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่เขาเคยเจอมาก่อน พวกฮูหยินคุณหนูเหล่านั้นมักจะวางท่า และแสร้งทำเป็นสงวนตัว แต่นางบอกว่าจะทำงานก็ทำงาน ไม่มีท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเลย
สวีอิงเด็กนิสัยเสียที่มีชีวิตอยู่ดีกินดีมาตั้งแต่เด็กรู้สึกว่ามุมมองต่อโลกของเขาได้รับผลกระทบ และไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเนิ่นนาน
ในขณะที่เขากำลังนิ่งอึ้งอยู่นั้น เฉียวเยี่ยนได้ถอนวัชพืชในแปลงเสร็จแล้วผืนหนึ่ง และนางเองก็ไม่อยากเตือนเจ้าเด็กโง่คนนี้ อย่างไรเสียถ้าเขาจัดการไม่เสร็จ นางไม่มีทางให้อาหารเขากินหรอก
จวบจนในที่สุดสวีอิงได้สติขึ้นมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันดุเดือดก็ลุกโชนอยู่ในอกของเขา แค่ถอนวัชพืชเองไม่ใช่หรือ? แค่ขุดดินเองไม่ใช่หรือ?
หญิงคนนี้ทำได้ เขาก็ทำได้ เขาต้องทำได้ดีกว่านางด้วย! เขาไม่เชื่อว่าวันนี้ตัวเองจะกินข้าวไม่ได้!
เขาทำตามเฉียวเยี่ยน ก้มตัวถอนวัชพืช แม้จะมาเข้าเรียนได้หนึ่งเดือนกว่าแล้ว และอาจารย์ก็เคยสอนเขาทำงานในไร่นา ทว่าเขาไม่ใส่ใจกับการเรียนรู้เลย ยังคงเป็นเด็กนิสัยเสียเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เกาะคนอื่นกินเหมือนเดิม
ตอนนี้เมื่อมองไปที่ต้นกล้าและวัชพืชแล้วก็โง่มากจนแยกไม่ออก ตะครุบมือลงไปแล้วถอนมันออกมาแบบสุ่มๆ ไม่เพียงแต่ถอนวัชพืชออกเท่านั้น แม้แต่ต้นกล้าก็ถอนออกมาด้วย
เฉียวเยี่ยนจ้องมองการกระทำของเจ้าเด็กนี่ตลอด เห็นเขาถอนต้นกล้าออกมา ก็ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ยังคงแสร้งทำเป็นดุด้วยสีหน้าเจ็บปวด “เฮ้ไอ้เจ้าเด็กเปรตสุรุ่ยสุร่าย ต้นกล้าข้าที่งอกออกมาดีๆ ถูกเจ้าถอนออกไปแล้ว! เจ้ารู้ไหมว่าในปีหน้าจะมีอาหารน้อยลงไปเท่าไร?”
“โตจนปานนี้แล้วยังแยกแยะวัชพืชกับต้นกล้าไม่ออก ลูกๆ ข้าที่อายุน้อยกว่าเจ้ามากยังรู้เรื่องนี้เลย”
สวีอิงหน้าแดงก่ำเพราะถูกด่า ทว่าในใจรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ครอบครัวพวกเขาร่ำรวยขนาดนั้น พ่อเขายังเป็นขุนนางด้วย เหตุใดเขาถึงต้องเรียนเรื่องพวกนี้ด้วย? ช่างเสียเวลาเขาจริงๆ !
เฉียวเยี่ยนเห็นสีหน้าเจ้าเด็กนี่ก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ แต่ก็ไม่คิดจะเอาใจเขาเลยแม้แต่น้อย ก่อนเอ่ยต่อ “พึ่งพาภูเขาภูเขาย่อมถล่ม พึ่งพาผู้คนผู้คนย่อมหนีหาย ที่เคยมีอำนาจก็ล่มสลายในชั่วข้ามคืน ครอบครัวแตกแยกคนล้มตาย เรื่องแบบนี้มีถมเถไป”
“ดังนั้นแทนที่จะเป็นเด็กนิสัยไม่ดีที่กำลังรอวันตาย มิสู้เรียนรู้ทักษะบางอย่างและทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ แม้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังมีความสามารถนำกลับมาใช้ได้”
นางกล่าวคำพวกนี้ไปด้วย ถอนหญ้าไปด้วย ราวกับคุยเล่นกับเขาก็มิปาน
สวีอิงที่คิดจะสลัดมือทิ้งไม่ทำแล้วเมื่อครู่ ตอนนี้กำหญ้าไว้กำหนึ่ง จะไปก็ไม่ใช่ ไม่ไปก็ไม่เชิง
สิ่งที่หญิงคนนี้พูดมีเหตุผลอยู่ เขาไม่สามารถหาคำพูดมาหักล้างได้ ทว่าในใจก็ยังไม่ยอมรับ ฮึ่ม!
เขาก้มตัวลงบนพื้น ครั้งนี้ไม่ได้รีบร้อนลงมืออีกแล้ว แค่สำรวจการกระทำของเฉียวเยี่ยนอย่างเงียบๆ ดูว่านางกำลังถอนหญ้าชนิดใด
เฉียวเยี่ยนรู้สึกได้ถึงสายตาของเด็กชาย ก็ไม่คิดจะขัดแต่อย่างใด แต่ลดความเร็วลง ให้เขาได้เห็นอย่างชัดเจน
สวีอิงดูเพียงครู่เดียวก็ทำเป็นแล้ว และเริ่มถอนวัชพืชอย่างมีความสุข เฉียวเยี่ยนมองท่าทางเย่อหยิ่งของเด็กชาย ก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย
นางแสร้งทำเป็นอุทาน “เจ้าเด็กนี่ไม่เลวเลย แค่ประเดี๋ยวเดียวก็เรียนเป็นแล้ว นับว่ามีอนาคต!”
สวีอิงยังคงเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง แต่ท่าทางการถอนวัชพืชนั้นดูร่าเริงเป็นพิเศษ มุมปากก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เขาว่าแล้ว เขาคุณชายรองสวีย่อมฉลาดอยู่แล้ว ขอแค่อยากเรียน ก็ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้!
เด็กน้อยจอมซนและดื้อรั้นต้องค่อยๆ สั่งสอนไปทีละน้อย หลังจากเฉียวเยี่ยนชมเขาไม่กี่ประโยคก็ทำงานในมือตัวเองต่อ
ถอนหญ้า พรวนดิน เรื่องเหล่านี้ดูเหมือนง่าย แต่ใช้เวลานานมาก ก้มนานๆ ก็จะทั้งปวดทั้งเมื่อยเอว หากต้องลุกนั่งอยู่นานๆ ไม่เพียงแต่ขาชาเท่านั้น พอยืนขึ้นยังเวียนหัวเป็นระลอกๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เห็นแววมีอนาคตขึ้นมารางๆ แล้วแฮะไอ้เด็กนี่ ขอแค่สอนให้ถูกจุดเท่านั้นแหละ
ไหหม่า(海馬)