ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 388 บั้นปลายชีวิตของคู่รักวัยชรา (จบ)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 388 บั้นปลายชีวิตของคู่รักวัยชรา (จบ)

ตอนที่ 388 บั้นปลายชีวิตของคู่รักวัยชรา (จบ)

นางกล่าวอย่างยุติธรรมน่าเกรงขาม สายตาก็ชำเลืองมองมู่ฉินเจินเป็นครั้งคราว ด้วยอยากให้เขาสนใจ ทว่าสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงสายตาเย็นชาของฝ่าบาท

เฉียวเยี่ยนมองฝ่าบาทด้วยสีหน้าใสซื่อ “ฝ่าบาท พระองค์ตัดสินให้หม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันทรมานพวกนางที่ไหนกัน? นี่เป็นงานที่หม่อมฉันกับพระองค์ทำด้วยกันทุกวันมิใช่หรือ? ความสุขเล็กๆ ธรรมดาเช่นนี้ กลับกลายเป็นการทรมานในสายตาพวกนาง หม่อมฉันเจ็บปวดใจเหลือเกิน!”

ขณะฮองเฮาเฉียวกล่าว นางยังปิดใบหน้าร้องไห้ขึ้นมา เพียงแต่ว่าไม่มีน้ำตาหลั่งไหลออกมาสักหยดเท่านั้น

มู่ฉินเจินรู้ใจภรรยาตัวเองอยู่แล้ว จึงตำหนิขึ้นมาทันที “การเกษตรเป็นรากฐานของประเทศ ฮองเฮากับเราทำงานไร่นาทุกวันด้วยความตื่นตัว นั่นเป็นเหตุที่จัดงานเลี้ยงในหัวข้อ ‘เกษตรแสนสนุก’ นี้ขึ้นมา แต่พอมาถึงพวกเจ้ากลับกลายเป็นทรมานไปเสีย!”

“ดูเหมือนในวังเรานี้ไม่เหมาะให้พวกเจ้ามาเหยียบแล้ว ทหาร พาคนที่ไม่เคารพฮองเฮาออกจากวังไปให้เรา!”

พวกองครักษ์ที่เพิ่งส่งคนกลุ่มหนึ่งออกไปลากคนออกไปอย่างชำนาญ พาคนที่ขัดแย้งกับฮองเฮาโยนออกจากประตูวังไป

เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินร่วมมือกันได้ดีมาก เพียงตลอดทั้งเช้าก็หาความผิดและไล่เหล่านางปีศาจจิ้งจอกที่มีเจตนาชั่วร้ายเหล่านี้ออกจากวังไปได้ทั้งหมด พร้อมกับลงโทษไม่ให้ย่างเท้าเข้ามาในวังอีกแม้แต่ครึ่งก้าว

บรรดาขุนนางที่มีลูกสาวผู้ยังไม่ได้ออกเรือนล้วนอยู่ในรายชื่อทั้งหมด จนถึงตอนนี้ ความฝันที่จะส่งลูกสาวเข้าวังของพวกเขาก็ได้สูญสลายไป

อย่างไรเสียลูกสาวของพวกเขาก็เป็นคนทำผิดก่อน แม้จะรู้ว่าความผิดนี้ฝ่าบาทกับฮองเฮาจะเป็นคนยั่วยุขึ้นมา กระนั้นพวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน!

หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ราชสำนักก็เงียบไปนานมาก ไม่กล้ากล่าวถึงเรื่องคัดเลือกนางสนมอีกเลย

และมู่ฉินเจินก็ถือโอกาสตีในขณะที่เหล็กมันยังร้อน ประกาศกฤษฎีกาหนึ่งว่า ‘เขาจะยกเลิกวังหลัง นับจากนี้ไป วังหลังของราชวงศ์จะมีแต่ฮองเฮาผู้เดียวเท่านั้น ครองคู่ด้วยกันและตายด้วยกัน’

เมื่อกฤษฎีกาออกมา ทั้งราชสำนักเกิดความโกลาหล บรรดาขุนนางคัดค้านอย่างรุนแรง ทว่ามู่ฉินเจินพยายามต่อสู้กับพวกขุนนางอย่างเต็มที่ หากใครไม่ยอมรับ ก็อย่าเป็นขุนนางเสียเลย เมื่อไม่เห็นใจจะได้อยู่เป็นสุข

เหล่าขุนนางยุยงให้ฮ่องเต้ฟื้นฟูวังหลังครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าทุกคราล้วนถูกฮ่องเต้ปฏิเสธ พอนานวันเข้า พวกเขาก็ยอมรับชะตากรรม

อยากทำอะไรก็ทำไปเถิด ราชสำนักในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว อำนาจของแต่ละตระกูลเท่าเทียมกัน ฝ่าบาทเองก็ต้องมีความเคารพยำเกรง เพื่อให้ราชสำนักเมื่อก่อนมีเสถียรภาพ ฝ่าบาทย่อมต้องฟังข้อเสนอแนะของพวกขุนนางเป็นหลักอยู่แล้ว

ทว่าตอนนี้ ฝ่าบาทได้ยึดครองอำนาจของราชสำนักไปหมดแล้ว และอำนาจทั้งหมดที่อยู่ในมือของพวกเขาก็ถูกยึดคืนไปเช่นกัน ตอนนี้เป็นแค่เพียงคนทำงานกินเงินเดือนเท่านั้น ไม่สามารถสู้ชนะฝ่าบาทได้เลย

ในราชวงศ์ก่อนหน้านี้ทะเลใสแม่น้ำสะอาด มู่ฉินเจินเลือกผู้มีความสามารถพิเศษ และส่งเสริมคนที่มีความสามารถ พวกขุนนางเก่าแก่ที่กินเงินเดือนราชสำนักไปวันๆ ถูกเปลี่ยนครั้งใหญ่ พวกคนที่อยู่ไปวันๆ เหล่านั้นพากันกระวนกระวายขึ้นมา

วังหลังยังคงเงียบสงบ เจ้านายในวังมีเพียงครอบครัวของเฉียวเยี่ยน พวกขันทีกับนางข้าหลวงทั้งหมดล้วนถูกเฉียวเยี่ยนใช้ไปทำสวนบ้าง ทำกิจการบ้าง

แม้แม่สาวขูดเลือดขูดเนื้อแซ่เฉียวจะเข้าวังมาแล้ว ทว่านางก็ไม่ปล่อยกิจการของตัวเองไป มักจะออกไปนอกวังตรวจดูเป็นระยะๆ อีกทั้งนางยังตั้งโรงงานแปรรูปด้ายขนสัตว์ในวังด้วย

คนงานล้วนเป็นขันทีกับนางข้าหลวงในวัง ตอนนี้มีเจ้านายน้อยลงแล้ว ชีวิตของพวกขันทีกับนางข้าหลวงจึงว่างมากขึ้น ทว่าเงินเดือนยังคงได้เหมือนเคย

เฉียวเยี่ยนไม่มีทางให้พวกเขาได้อยู่เฉยๆ หรอก ขนแกะที่ขนส่งกลับมาจากแคว้นเป่ยกองอยู่ในบ้านหลังใหญ่สองหลัง เฉียวเยี่ยนให้ขันทีกับนางข้าหลวงในราชสำนักเหล่านี้เรียนรู้วิธีถักด้าย ถักให้เป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปหรือของชิ้นเล็กๆ ต่างๆ แล้วขนส่งกลับไปขายยังร้านค้าในเมือง

เช่นนี้ สินค้าในร้านสิ่งทอของเฉียวเยี่ยนก็ถือได้ว่าผลิตมาจากราชวงศ์

โรงเรียนอาชีวะที่เฉียวเยี่ยนสร้างก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม พาคนจนจำนวนมากหลุดพ้นออกจากความยากจน

นักเรียนที่จบจากโรงเรียนอาชีวะล้วนถูกเจ้าของร้านค้าบางแห่งแย่งตัวกัน ทุกๆ ปีเมื่อถึงช่วงจบการศึกษา ก็มีเจ้าของร้านหลายแห่งมาหารือร่วมมือกันกับนาง

สุดท้าย โรงเรียนได้ลงนามตกลงร่วมมือระยะยาวกับร้านค้าที่มีชื่อเสียงบางแห่งและมีการพัฒนาที่ดี ขอแค่พวกเขาต้องการคน โรงเรียนของพวกเขาจะจัดหาผู้มีความสามารถให้ทันที

หลังจากผ่านการพัฒนาในปีนี้ไป โรงเรียนอาชีวะได้รับความนิยมล้นหลาม หลายคนต้องการส่งลูกๆ ของพวกเขาเข้าไปเรียน ถึงเวลานั้นโรงเรียนแห่งเดียวคงไม่เพียงพอ

หลังจากที่มู่ฉินเจินเข้ามามีอำนาจ เขาได้ให้ความสนใจกับการพัฒนาการศึกษาเป็นพิเศษ การศึกษาภาคบังคับที่ภรรยาของเขาบอกเขาเมื่อหลายปีก่อนยังคงอยู่ในใจเขาไม่เคยลืมเลือน

แม้เทียนลี่ของพวกเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถส่งเสริมการศึกษาภาคบังคับให้ขยายกว้างออกไปได้ แต่กระนั้นก็ยังสามารถสร้างโรงเรียนอาชีวะเพิ่มขึ้นอีกสักสองสามแห่งได้อยู่

เงินสะสมในท้องพระคลังค่อนข้างเฟื่องฟู มู่ฉินเจินจึงสั่งให้สร้างโรงเรียนอาชีวะในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองทั่วทั้งเมือง

ตามคำพูดของภรรยา นี่เรียกว่าคนที่รวยก่อนนำพาคนอื่นเจริญ​รวยด้วย ตอนนี้สร้างโรงเรียนในเมืองที่เจริญแล้ว ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาการเรียนของคนส่วนหนึ่งได้เท่านั้น แต่ยังช่วยคลายความตึงเครียดของปริมาณเงินในท้องพระคลังด้วย

หลังจากเด็กที่เข้าโรงเรียนได้พัฒนาขึ้นมาแล้ว ก็สามารถนำพาคนจนคนอื่นๆ ให้หลุดพ้นจากความยากจนเปลี่ยนมาเป็นคนรวยได้

ปัจจุบันโรงเรียนอาชีวะได้กลายเป็นสวรรค์ในดวงใจของคนทั่วไปไปแล้ว เมื่อรู้ว่าฝ่าบาทมีรับสั่งให้สร้างโรงเรียนอาชีวะขึ้นในอีกสิบเมืองทั่วทั้งอาณาจักร พวกเขาก็ดีใจอย่างมาก

จำนวนเงินที่ใช้สร้างโรงเรียนนั้นมหาศาลมาก ตอนนี้ต้องสร้างโรงเรียนสิบแห่งในคราวเดียว ท้องพระคลังหลั่งเลือกออกมาอย่างมาก เฉียวเยี่ยนจึงคิดหาวิธี เรียกร้องให้ผู้คนรวบรวมเงินบริจาค

เช่นเดียวกับการระดมทุนสมัยใหม่ ทุกการบริจาคมีรายละเอียดที่ชัดเจน บัญชีจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อให้ผู้บริจาคทราบว่าเงินที่พวกเขาบริจาคถูกนำไปใช้จริง ไม่ได้ถูกโกงไป

มู่ฉินเจินเห็นด้วยกับวิธีการของเฉียวเยี่ยนเป็นอย่างมาก และยังหารือกับขุนนางเก่าด้วย เมื่อได้รับความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์จากพวกขุนนาง เรื่องนี้จึงถูกส่งมอบให้กับเฉียวเยี่ยน โดยมีขุนนางจากทุกฝ่ายคอยช่วยเหลือ

เฉียวเยี่ยนเขียนแผนภาพเสร็จแล้ว ก็ให้มู่ฉินเจินส่งเอกอัครราชทูตไปยังส่วนต่างๆ ทั่วอาณาจักรเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ ส่วนเรื่องระดมทุนในเมืองหลวงนางจะเป็นคนดำเนินการเอง

ก่อนจะเริ่มระดมทุน นางได้หาผู้มีความรู้หลายคนในราชวงศ์มาช่วยเขียนเอกสารยกย่อง หรือก็คือใบเกียรติบัตรของสมัยใหม่ ซึ่งบนนั้นมีตราประทับของพวกเขาด้วย

ไม่ว่าพวกชาวบ้านจะบริจาคมากน้อยแค่ไหน ก็จะมีใบเอกสารยกย่องให้ และมีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้มีเกียรติ และทางการจะแจ้งรางวัลให้ด้วย

เมื่อโรงเรียนสร้างเสร็จแล้ว ทุกประตูโรงเรียนก็จะมีป้ายเกียรติยศอยู่ บนนั้นจะสลักรายชื่อผู้ทำคุณงามความดีให้แก่โรงเรียน เอาไว้เตือนใจนักเรียนอย่าลืมซึ่งน้ำใจคน

ส่วนผู้ที่บริจาคเงินจำนวนมาก มีส่วนร่วมในการก่อสร้างโรงเรียนอย่างยิ่ง จะได้รับแผ่นจารึก ‘ตระกูลอันทรงเกียรติ’ ที่มู่ฉินเจินเขียนเอง ซึ่งสามารถส่งต่อไปยังคนรุ่น

ทันทีที่มีปัจจัยดึงดูดเหล่านี้ออกมา ผู้คนต่างกระตือรือร้นในการบริจาคเงิน บางคนต้องการบริจาคให้กับโรงเรียนจริงๆ บางคนก็อยากได้ใบชมเชยที่เขียนโดยนักปราณช์ผู้ยิ่งใหญ่ แถมยังมีเอกสารรางวัลที่มีตราประทับด้วย

ต่อไปเมื่อแขวนของพวกนี้ไว้ในบ้าน ก็จะสามารถอวดไปได้ตลอดชีวิต!

ในเมืองหลวงไม่ขาดแคลนคนร่ำรวย เพื่อแผ่นจารึกที่ฝ่าทาบลงพระหัตน์ด้วยพระองค์เอง พวกเขาต่างบริจาคเงินด้วยกำลังทั้งหมดที่มี จนเกิดการเปรียบเทียบกันระหว่างตระกูลของพวกขุนนางขึ้นมา เลยบริจาคได้โรงเรียนหลังหนึ่ง

แน่นอนว่า หลังจากสิ้นสุดการระดมทุน เฉียวเยี่ยนก็เปิดเผยทุกบัญชีต่อสาธารณะตามที่ได้ตัดสินใจไว้แล้ว ให้ผู้คนได้กำกับดูแลเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่รับผิดชอบในการก่อสร้างโรงเรียน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครกล้าเล่นลูกไม้ยักยอกเอาเงินไป

มู่ฉินเจินดำรงตำแหน่งมาห้าปี ก็มีโรงเรียนอาชีวะมากกว่าสิบแห่งทั่วอาณาจักร ครอบครัวยากจนนับไม่ถ้วนได้รับการแก้ปัญหาด้านการศึกษา ชีวิตของพวกเขาก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเปรียบเทียบกับฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อนๆ มู่ฉินเจินหาได้กดขี่พ่อค้าเสมอไป กลับกันสนับสนุนให้คนทั่วไปทำกิจการ ผสมผสานการเกษตรเข้าด้วยกัน เพื่อกำจัดความยากจนและทำให้ผู้คนร่ำรวยขึ้นมา

สถานะของพ่อค้าได้รับการยกฐานะขึ้นมาก อุตสาหกรรมของประเทศมีความเข้มแข็งขึ้น ความเป็นอยู่ของผู้คนก็เจริญยิ่งขึ้น

เฉียวเยี่ยนทุ่มเทให้กับการทำสวนอันยิ่งใหญ่ของนางมาตลอด เถียนเฮ่าเฉินที่นางรับเป็นศิษย์รวมถึงลูกชายคนเล็กของนางมู่เหวินอวี่ได้รับการถ่ายทอดของนาง เรียนรู้ความรู้ทั้งหมดของนาง อีกทั้งยังสร้างผลงานใหม่ๆ มากมาย ซึ่งพัฒนาคุณภาพเกษตรกรรมของเทียนลี่ให้สูงขึ้น

มู่ฉินเจินครองราชย์เป็นเวลายี่สิบเอ็ดปี เมื่ออายุได้หกสิบปีก็สละบัลลังก์ให้กับเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ และพาเฉียวเยี่ยนไปใช้ชีวิตบั้นปลาย

ในช่วงยี่สิบเอ็ดปีแห่งการครองราชย์ ทั้งคู่ทำงานกันอย่างหนักเพื่อพัฒนาราชวงศ์เทียนลี่ให้เป็นราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งของชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ประเทศบริวารจึงมีมากกว่าราชวงศ์ก่อนๆ มากหลายเท่า

สามัญชนใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบสุข กฏหมายบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง สองสามีภรรยากลายเป็นคู่รักตัวอย่างที่สามัญชนบอกกันต่อปากต่อปาก

มู่ฉินเจินวัยหกสิบยังคงเป็นชายชราที่หล่อเหลา และเฉียวเยี่ยนวัยห้าสิบสี่ปียังคงเป็นหญิงชราที่งดงาม ทั้งคู่สร้างลานบ้านเล็กๆ อยู่บนหมู่บ้านจิ่วหลีพัว ชมนกชมไม้ ปลูกผักทำสวน เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่

เฉียวเยี่ยนยังคงทำอาหารให้มู่ฉินเจินเหมือนเดิม สองสามีภรรยาทำอาหารคนหนึ่ง ก่อไฟคนหนึ่ง มู่ฉินเจินที่เฝ้าดูภรรยาทำอาหารมาทั้งชีวิตก็ยังทำอาหารไม่ได้สักอย่าง ทว่ากลับควบคุมไฟได้ดีกว่าเดิม และกลายเป็นฮ่องเต้ผู้ควบคุมไฟที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์

ในฤดูใบไม้ผลิ ทั้งคู่เชยชมดอกท้อด้วยกัน และเดินเล่นในสวนป่าท้อ ฤดูร้อน ทั้งคู่ตกปลาหรือไม่ก็ไปเก็บผักป่าริมแม่น้ำ ปลาที่พวกเขาจับได้ก็คืออาหารกลางวันของพวกเขาในวันนี้

ฤดูใบไม้ร่วงยังคงเป็นฤดูโปรดของเฉียวเยี่ยน จวบจนแก่ชราแล้วก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ยามมองลูกท้อที่โชยกลิ่นหอมในสวนป่าท้อ หรือพืชผลสีเหลืองในแปลงผักเล็กๆ ก็ยิ้มจนตาหยี

ในฤดูหนาว เมื่อผู้คนแก่ตัวลงก็ไม่อยากออกไปเดินเล่นที่ไหน ทั้งคู่นั่งอยู่บนเตียงเตากินหม้อไฟ หรืออ่านหนังสือนิทานด้วยกัน

มู่ฉินเจินที่มีสายตาฝ้าฟางตามอายุหยิบหนังสือนิทานอ่านให้ภรรยาฟัง ในขณะที่เฉียวเยี่ยนฟังไปด้วย ถักไหมพรมไปด้วย

พวกเขาใช้ชีวิตมาทั้งชีวิต นางก็ได้ให้เสื้อกันหนาวถักแบบบิดเบี้ยวแก่เขาตอนที่อยู่แคว้นเป่ย ตอนนี้นางแก่แล้ว มีเวลา นางก็จะถักของให้ชายชราบ้างเป็นครั้งคราว

ครั้งนี้ถักผ้าพันคอ ครั้งหน้าจะถักถุงมือ แต่ฝีมือการถักของนางนั้นคล้ายกับทักษะการทำอาหารของชายชรา แม้จะฝึกฝนมาทั้งชีวิต ก็ยังคงถักแบบคดเคี้ยวอยู่

ผ้าพันคอคดเคี้ยว ปลายด้านหนึ่งใหญ่อีกด้านหนึ่งเล็ก ถุงมือก็มีแค่สี่นิ้ว…

ทว่าชายชราก็ยังคงมีความสุขเหมือนตอนที่เขายังหนุ่ม สวมผ้าพันคอบิดเบี้ยวของนาง สวมถุงมือที่มีเพียงแค่สี่นิ้ว อวดคนงานที่ทำงานในสวนป่าท้อไปทั่วภูเขา

หึๆ นี่คือของที่ภรรยาข้าถักให้ พวกเจ้าคงไม่มีสินะ!

พวกคนงานต่างชินกันแล้ว เอ่ยชมชายชราที่มักจะอวดภรรยากับพวกเขาประหนึ่งชมเด็กน้อย

พวกเขาก็อิจฉาเหมือนกันนะ คนงานบางคนทำงานในสวนป่าท้อมาทั้งชีวิตกระทั่งมีลูกหลานเต็มไปหมดก็ยากที่จะตัดใจจากไป ล้วนได้เห็นความสัมพันธ์ของคู่รักนี้แล้ว

ตั้งแต่ผมดำไปจนถึงผมหงอก ความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อกันไม่เคยเปลี่ยนแปลง เมื่อได้ใจคนๆ หนึ่ง แม้แต่ทิวทัศน์ที่สวยงามสุดบนโลกใบนี้ก็ไม่งดงามเท่า

ในวันส่งท้ายปีเก่า พวกลูกชายลูกสาวต่างพากันพาหลานๆ มาเยี่ยมพวกเขาบนภูเขา

เฉียวเยี่ยนยังคงเหมือนเมื่อก่อน ยุ่งอยู่ในครัว เตรียมอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่าให้พวกเขา ในขณะที่มู่ฉินเจินคอยช่วยอย่างเงียบๆ อยู่ข้างๆ

ทั้งชีวิตนี้พวกเขามีลูกห้าคน และตอนนี้ลูกทั้งห้าคนได้แต่งงานและก่อตั้งกิจการของตัวเองแล้ว และมีลูกเป็นของตนเอง

ครอบครัวอันคึกครื้นนั่งล้อมรอบกันอยู่ในลานเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นอย่างสุดจะพรรณนา

พวกเด็กๆ มีชีวิตชีวาและน่ารักมาก วิ่งไล่จับสุนัขตัวใหญ่กับแมวในลานบ้าน หรือไม่ก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของปู่ย่า (ตายาย )

หลังจากกินข้าวเย็นส่งท้ายปีเก่าเสร็จ ก็แจกอั่งเปา เฝ้ารอข้ามปี ชีวิตของพวกเขาคึกคักกันเช่นนี้ทุกปี

ผู้คนที่อยู่ตีนภูเขากำลังจุดดอกไม้ไฟ งดงามตระการตายิ่ง มู่ฉินเจินยังคงเหมือนตอนวัยหนุ่มโอบแขนรอบเอวเฉียวเยี่ยน พานางขึ้นไปบนหลังคา ดูดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าด้วยกัน

พวกเขาพิงซบกันและกัน ทอดมองออกไปไกล คุยเรื่องสัพเพเหระ ในขณะที่เด็กๆ ในลานบ้านเงยหน้าขึ้นมองผู้เฒ่าสองคนด้วยเปี่ยมไปด้วยความสุข

ทั้งชีวิตนี้ของพวกเขามีความสุขมากจริงๆ มีความสุขจนยามนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตทีไร ก็รู้สึกหวานชื่นอยู่ภายในใจทุกที

จบเรื่องหลักแล้วจ้า!

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ชีวิตบั้นปลายของฝ่าบาทกับฮองเฮาช่างสงบสุขเหลือเกิน ทำงานเพื่อบ้านเมืองมาหลายปีแล้วก็ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองต่อให้เต็มที่เลยนะคะ

ตอนนี้คือตอนจบของเรื่องหลักแล้วค่ะ ตอนต่อไปจะเป็นตอนพิเศษของบรรดาลูกหลาน จะมีเรื่องราวของใครบ้าง มาติดตามกันต่อนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน