ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 389 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ 1

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 389 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ 1

ตอนที่ 389 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ 1

ข้ามีนามว่าเฉียวสิงโจว มีชื่อเล่นว่าเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ ทว่าต่อมาเปลี่ยนเป็นมู่สิงโจว

เรื่องราวตั้งแต่อายุสามขวบจนถึงสิบแปดปี พวกเจ้าที่มีฐานะเป็นนักอ่านคงรู้หมดแล้ว เช่นนั้นข้าจะเล่าเรื่องราวในสิบแปดปีให้หลังแก่พวกเจ้าเอง

ในปีที่ข้าอายุสิบแปดปี ในที่สุดบิดาของข้าก็รับบัลลังก์ต่อจากเสด็จปู่ ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ส่วนข้าก็กลายเป็นองค์รัชทายาท

ท่านพ่อมีความสามารถมากมายในราชสำนัก ส่วนข้าก็กลายเป็นผู้ช่วยของเขา และมักจะได้เป็นผู้จัดการจิ้งจอกเฒ่าในราชสำนัก จึงตกเป็นเป้าของพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

วิธีการของจิ้งจอกเฒ่าเหล่านี้ยังคงเหม็นเน่าเหมือนเคย บางครั้งไม่ใช้เวลาไปกับงานราชการ มุ่งแต่จับจ้องหลังบ้านของคนอื่น

พวกเขาพยายามส่งคนเข้าไปในวังหลังของท่านพ่อแต่ไม่สำเร็จ จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ข้าแทน

ช่างสติฟั่นเฟือน ไร้มนุษยธรรม ไร้กฏหมาย ไร้เหตุผลจริงๆ …

เห็นๆ อยู่ว่าข้ายังเป็นแค่เด็ก!

ข้าที่เพิ่งอายุสิบแปดปี เหมือนต้นอ่อนที่เพิ่งงอกออกมาจากดิน ยังไม่แข็งแรง แต่จิ้งจอกเฒ่าพวกนี้กลับยัดสตรีมาให้ข้าเป็นแปดคนสิบคน!

แม้บุรุษส่วนมากที่มีอายุเท่าข้าจะมีภรรยากันแล้ว กระทั่งถึงขั้นเป็นพ่อคน แต่ในบ้านของเรามีกฏอย่างหนึ่ง ชายหญิงต้องมีอายุสิบแปดปีเต็มถึงจะสามารถมีคู่รักได้ และหลังจากยี่สิบปีถึงจะแต่งงานได้

ใครกล้ามีความรักตอนอายุยังน้อย ต้องถูกท่านพ่อท่านแม่จัดการแน่!

สิ่งนี้ซึมลึกเข้าไปในหัวใจข้า บุรุษที่ดีควรมีความมุ่งมั่นห้าวหาญฝ่าฟันอุปสรรคพาชีวิตให้อยู่รอดไปสู่เป้าหมาย เรื่องสตรีก็แค่มีผลกระทบต่อความเร็วในการชักกระบี่เท่านั้น!

แน่นอนว่าประโยคนี้เป็นเพียงลมปาก จากคำบอกเล่าของญาติสนิทมิตรสหายของท่านพ่อหลายคน ตอนนั้นท่านพ่อก็พูดแบบเดียวกันก่อนจะพบกับท่านแม่ ถึงขั้นเอ่ยคำสัตย์สาบาน ทว่าต่อมากลายเป็นชายผิดคำสาบาน ชายกลัวเมีย และชายติดเมีย

หากพูดไว้หน้าให้สักหน่อย เพื่อวันหน้าจะได้มองหน้ากันติดก็คือ ตอนนี้บอกได้แค่ว่าข้าที่เพิ่งอายุสิบแปดปีเต็มและไม่ทันได้สลัดความรู้สึกเป็นเด็กทิ้ง ไม่สนใจสตรีเลย

เพื่อหลุดพ้นจิ้งจอกเฒ่าพวกนี้ ข้าจึงได้เตรียมตัวออกเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วอาณาจักรทันที

พูดให้ดูดีหน่อยคือ อ่านหนังสือหมื่นเล่มไม่อาจเทียบได้กับเดินทางหมื่นลี้ ข้าต้องการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ระหว่างท่องเที่ยวเดินทาง

ท่านพ่อท่านแม่ต่างก็เห็นด้วยกับความคิดของข้า หลังจากตัดสินใจดีแล้ว วันรุ่งขึ้นข้าก็ควบอาชา พกกระบี่ออกเดินทางเพียงลำพัง เพียงแต่มีองครักษ์แอบตามไปอย่างลับๆ ไม่น้อย

ข้าพยายามท่องเที่ยวไปทั่วทั้งอาณาจักร พาพวกองครักษ์ลับลงใต้ ระหว่างทางผ่านเมืองที่แตกต่าง ได้เห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไป

ตอนเด็กๆ ท่านพ่อกับท่านแม่มักจะพาพวกเราไปเที่ยวทั่วทุกที่ ข้าจึงเป็นคนได้เห็นโลกกว้างคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ลงใต้ไปอีกครั้ง ถึงพบว่าชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก

ในยุคที่สงบสุขรุ่งเรือง ข้าเดินทางได้อย่างราบรื่นมาก แม้จะเจอโจรบางคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือมาปล้นบ้าง กระนั้นก็ถูกข้าจัดการหมด พร้อมกับทำลายรังของพวกมันด้วย

ข้าเดินทางหยุดๆ พักๆ ชื่นชมทิวทัศน์ที่แตกต่าง และได้สหายมาไม่น้อย

เมื่อผ่านชนเผ่าในตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่ง เป็นเวลาพลบค่ำพอดี ร้านอาหารส่วนใหญ่บนถนนปิดแล้ว มีเพียงร้านอาหารเล็กๆ แห่งเดียวที่ยังเปิดอยู่

ร้านอาหารเล็กนั้นไม่ใหญ่มาก น่าจะมีพื้นที่นั่งได้แค่สามโต๊ะ ทำเลก็ไม่เด่นมาก หากเป็นช่วงกลางวันคนแน่นขนัด ข้าคงไม่ทันสังเกตเห็น

ด้านบนประตูร้านเป็นป้ายไม้เรียบๆ และมีชื่อธรรมดามาก คือร้านอาหารสวีจี้

แต่ที่ดึงดูดข้าคือตัวอักษรนั้น ลายเส้นกลมเกลามาก ดูเหมือนเด็ก ทุกตัวอักษรทั้งกลมทั้งอ้วน ประหนึ่งเด็กน้อยเป็นคนเขียน

แม้เทียบกับการเขียนอักษรบรรจงไม่ได้ กระนั้นก็ดูน่ารักสดใส และเขียนสวยกว่าอวี๋เอ๋อร์น้องสาวของข้ามาก

ข้าเดินเข้าไปภายในร้าน ตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้ว แต่มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังก้มเช็ดโต๊ะอย่างตั้งใจ

นางม้วนแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย เผยแขนสองข้างที่ขาวนวลออกมา ดูแล้วพอมีเนื้อหนังบ้าง มือน้อยสองข้างที่ขาวเกลี้ยงเกลาเหมือนกันนั้น ถือผ้าเช็ดโต๊ะอย่างขมักเขม้น

นางเช็ดอย่างตั้งใจมาก จนบริเวณที่เช็ดเปลี่ยนเป็นมันเงา ตอนนี้นางหันหลังให้ข้า ไม่สังเกตเห็นข้าที่เข้ามาจากประตูเลย

ข้าเคาะประตูเบาๆ หญิงสาวเหมือนกระต่ายน้อยตื่นตูม หันกลับมามองข้าอย่างตกตะลึง ในมือยังถือผ้าอยู่ และทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

เกรงว่าน่าจะไม่เคยต้อนรับลูกค้าที่มาดึกขนาดนี้อย่างข้า

หญิงสาวหน้าตาดีมาก สวมชุดผ้าฝ้ายสีเหลืองอ่อน และผูกผ้ากันเปื้อนปักลายดอกไม้ ผมสีดำขลับถักเป็นเปียสองข้างคาดที่คาดผมสีเดียวกับชุด บ่าทั้งสองลู่ลง น่ารักงดงามนัก

ดวงหน้ากลมๆ ของนางดูอิ่มเอิบสมบูรณ์ ผิวพรรณขาวอมชมพู เห็นแล้วดูดีไม่น้อย

ที่กลมเหมือนกับดวงหน้าคือดวงตากลมโตของหญิงสาว ยิ่งมองข้าด้วยความตกใจเช่นนี้ ก็ยิ่งเหมือนกระต่ายน้อย

เนื่องจากตกใจ ปากสีอิงเถาแดงปลั่งนั้นยังเผยอออกเล็กน้อย ดูน่ารักมาก

หญิงสาวจ้องหน้าข้าอยู่นานมาก ดวงหน้าขาวนวลนั้นแดงเรื่อเล็กน้อย ราวกับอีกเดี๋ยวไอร้อนจะแผ่ออกมา

สายตาเช่นนี้ข้าคุ้นเคยมาก ตั้งแต่เติบใหญ่มา สตรีส่วนใหญ่ที่เห็นหน้าข้ามักจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จนหลายปีผ่านมา ข้าเบื่อหน่ายไปแล้ว

แต่วันนี้ถูกหญิงสาวอ่อนโยนผู้นี้จ้อง ข้ากลับไม่รู้สึกรำคาญ แถมยังเกิดความรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาด้วย

ข้ายิ้มบาง เดินเข้าไปใกล้นางอย่างช้าๆ ก่อนโน้มตัวไปถามนางเบาๆ “หล่อไหม?”

ดวงหน้าหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงฉับพลันอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ลำคอขาวระหงก็ยังเป็นสีแดง ก่อนจะเคลื่อนสายตาหลบเป็นพัลวัน

“ขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษเจ้าค่ะ…”

ท่าทางเขินอายของหญิงสาวทำให้อารมณ์ข้าดีมาก ข้ากำลังจะปลอบขวัญนาง กลับได้ยินนางเอ่ย

“ท่านหน้าตาดีมากจริงๆ คือคุณชายที่หน้าตาดีที่สุดที่ข้าเคยเห็น”

สาวน้อยยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเบาลง จนสุดท้ายพึมพำตรงริมฝีปาก แล้วดวงหน้านั้นพลันแดงขึ้นมาอีกครั้ง

แม้เสียงของนางจะเบามาก กระนั้นข้าก็ได้ยินชัดเจน พลันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยทันที

คนที่ตะลึงงันกับหน้าตาข้ามีไม่น้อย แต่คนที่แสดงความคิดตัวเองออกมาตรงๆ เช่นนี้มีนางเป็นคนแรก

ข้ามองออก นางแค่ทึ่งและฉงนกับรูปลักษณ์ภายนอกของข้าเท่านั้น ไม่เหมือนสตรีนางอื่นที่อยากเข้าใกล้ข้า

ข้ามองออกว่าหญิงสาวหน้าตาอ่อนโยนน้ำเสียงอ่อนหวานผู้นี้กำลังระแวงข้าเล็กน้อย ข้าจึงไม่แกล้งนางอีก เพียงแค่สั่งอาหารมาสองอย่าง

หญิงสาวบอกว่านางปิดร้านแล้ว จึงทำได้แค่เพียงต้มบะหมี่ให้ข้า ทำอาหารอย่างอื่นคงไม่ทันแล้ว

ข้าเหลือบมองสีท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง ก็พยักหน้าเล็กน้อย

ครัวด้านหลังของร้านอาหารเล็กอยู่ภายในร้าน ใช้แผ่นไม้มาแบ่งเป็นช่องเล็กๆ ช่องเล็กนั้นเป็นห้องครัวด้านหลัง ส่วนด้านนอกเป็นที่ต้อนรับลูกค้า

ข้านั่งรออยู่หน้าโต๊ะ และมองเห็นการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วของหญิงสาวได้

ส่วนเรื่องทำอาหารข้าไม่รู้สึกแปลกใจเท่าใด เพราะอยู่ข้างมารดามาตั้งแต่เด็ก ท่าทางที่นางทำอาหารได้ประทับลงในหัวใจข้านานแล้ว เพราะท่าทางทำอาหารของนางเหมือนกับท่านแม่ข้าอยู่บ้าง

ไม่นาน บะหมี่ก็ต้มเสร็จ บะหมี่ราดหมูสับผัดหนึ่งชาม บนเส้นบะหมี่ที่ต้มเสร็จปกคลุมไปด้วยเนื้อผัด และยังมีไข่ดาวอีกหนึ่งฟอง บนน้ำแกงยังโรยด้วยต้นหอมสับกับผักใบเขียว

กลิ่นหอมนี้ช่างคุ้นเคยนัก ท่านแม่ก็มักจะต้มบะหมี่เช่นนี้ให้พวกเราเหมือนกัน

ห่างหายจากเมืองหลวงไปครึ่งค่อนปี ยามนี้ได้เห็นบะหมี่อันคุ้นเคย ข้าก็มีความอยากอาหารอย่างมาก

ภายในร้านเงียบมาก ข้าเป็นคนไม่ค่อยพูด เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ หญิงสาวก็วุ่นอยู่ในห้องครัวด้านหลัง ไม่เคยคุยกับข้าเลย

วันนั้น หลังกินบะหมี่เสร็จข้าก็วางเงินไว้แล้วจากไป เดิมคิดว่าตั้งแต่นี้คงจะไม่เจอกันอีก กลับไม่คิดเลยว่ามันถูกเบื้องบนกำหนดไว้แล้ว

เดิมทีข้าตั้งใจจะอยู่ที่ตำบลแห่งนี้หนึ่งคืนแล้วก็จากไป แต่คืนนั้นกลับได้รับจดหมายลับที่บิดาส่งมาจากเมืองหลวง ว่ามีคดีทุจริตครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่รัฐฉู่ ต้องการให้ข้าไปจัดการ และจุดหมายก็คือตำบลเล็กๆ ในอำเภอแห่งนี้

ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงอยู่ที่ตำบลนี้ต่อ สืบคดีโดยไม่หลับไม่นอน และทุกวันยามพลบค่ำ ก็จะมากินบะหมี่ในร้านเล็กๆ นี้

หลังได้แวะเวียนมาหลายหน ข้ากับหญิงสาวก็คุ้นเคยกันขึ้นมา และยังจำท่าทางที่นางแนะนำตัวเองใต้แสงเทียนสลัวในยามพลบค่ำนั้นได้

“ข้าชื่อสวีเจียวเจียว ปีนี้อายุสิบห้าปี”

เสียงของนางทั้งนุ่มทั้งหวาน หวานยิ่งกว่าน้ำตาลกวนที่มารดาทำให้พวกเราพี่น้องอีก จนข้าได้ยินแล้วถึงกับใจสั่นเล็กน้อย

………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นี่คงเป็นคู่บุพเพของฉวนเอ๋อร์สินะ จะมีอุปสรรคอะไรหรือเปล่าหนอ?

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน