ตอนที่ 1 เกิดใหม่
ภายในห้องมืดสลัว เงาร่างร่างหนึ่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง
ประตูถูกเปิดออก แสงสีขาวสาดส่องจนในห้องสว่างวาบ หญิงสาวที่ถูกมัดในมุมห้องขยับตัว เธอเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นใบหน้าขาวราวกับหยก เพียงดวงตาสีนิลสุกใสหรี่ลงก็สามารถดึงเอาจิตวิญญาณของผู้คนได้โดยสมบูรณ์ ริมฝีปากสีจางเม้มเล็กน้อย ขับเน้นความอ่อนโยนและความรู้สึกลึกซึ้ง
ครู่ต่อมา เธอก็หลุบสายตาลง แสงเงาจากเปลือกตาบดบังแววตาเฉยเมย
หญิงสาวที่นอกประตูค่อยๆ เดินเข้ามา ใบหน้าอ่อนโยนภายใต้แสงไฟแลดูพิลึกชอบกล
หญิงสาวผู้นี้คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลกู้ กู้ซีจิ่น เธอเป็นหญิงสาวผู้เป็นเลิศด้านการเงิน ทุกๆ การตัดสินใจของเธอส่งเสริมให้ตระกูลกู้ขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น หลังจากรับช่วงต่อได้เพียงสามปีแวดวงการเงินก็ได้ให้ฉายาเธอว่าวาจาสิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังทำให้ตระกูลกู้ที่เคยอยู่ในตระกูลชนชั้นรองก้าวขึ้นมาอยู่ในตระกูลแถวหน้าของโลก
ไม่เพียงเท่านั้น ผลงานของกู้ซีจิ่นยังถูกยกย่องให้เป็นมรดกที่ควรสืบสานต่อ ภาพวาดสีน้ำมันทุกชิ้นของเธอถูกนำไปจัดแสดงในนิทรรศการระดับโลก จิตรกรที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ที่สุดบนแผ่นดินจีนยังหลงใหลในผลงานของเธอ… เธอคือคุณหนูตระกูลดังที่สมบูรณ์พร้อม ฉะนั้นแล้วจึงมีผู้คนมากมายห้อมล้อมอยู่รอบตัวเธอเสมอ!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ กู้ซีเฉียวก็หัวเราะออกมา เธอหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาแทบจะไหล
หญิงสาวผู้สมบูรณ์พร้อมตรงหน้าคือพี่สาวของเธอ เป็นพี่สาวต่างมารดาผู้แสนดีของเธอ
วันที่กู้ซีเฉียวมาที่บ้านหลังนี้ เธอได้รู้ว่าตัวเองเป็นลูกนอกสมรส เธอไม่มีทางเป็นที่โปรดปรานของคุณนายกู้ เธอรับรู้ได้ในทันทีว่าคุณนายกู้ไม่ต้องการให้เธอทำตัวโดดเด่น เธอจึงปกปิดความสามารถและซ่อนตัวอยู่หลังกู้ซีจิ่นคอยช่วยให้พี่สาวของเธอได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุด
คนภายนอกรู้จักเพียงบุตรสาวคนโตของตระกูลกู้ แต่กลับไม่มีผู้ใดรู้เลยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากความคิดของลูกนอกสมรสผู้ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด!
ในสายตาคนนอก กู้ซีเฉียวเป็นเพียงบุตรสาวนอกสมรสธรรมดา ไร้ความสามารถประหนึ่งสิ่งของไร้ค่า
ส่วนกู้ซีจิ่นคือบุตรสาวผู้แสนเพียบพร้อมที่ใครต่างชื่นชม เธอเป็นอัจฉริยะในแวดวงธุรกิจ
กู้ซีเฉียวกลับมิได้สนใจว่าคนอื่นจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร เธอเป็นคนอ่อนไหวง่าย วันแรกที่เธอเข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้ เธอทั้งหวาดกลัวและกระวนกระวายใจ มีเพียงกู้ซีจิ่นเท่านั้นที่ดีกับเธอ เธอเป็นพวกมีคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ ฉะนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะช่วยกู้ซีจิ่นสุดกำลังและไม่เคยปริปากบ่นเลยสักครั้ง
เธอทุ่มเทแรงกาย แรงใจและแรงสมองเพื่อให้ตระกูลกู้ก้าวหน้าไปอยู่ในจุดสูงสุด
แต่มาวันนี้ คนตระกูลกู้กลับทอดทิ้งคนที่คอยกรุยทางให้แก่กู้ซีจิ่น
สุดท้าย เธอกู้ซีเฉียวก็ถูกเขี่ยทิ้งเหมือนขยะ!
น่าขัน…น่าขันสิ้นดี!
“เพราะอะไร” กู้ซีเฉียวหยุดหัวเราะ แววตาล้ำลึกจ้องตรงไปที่กู้ซีจิ่น
กู้ซีจิ่นค่อยๆ ย่อตัวลงมา สายตาเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่มือของกู้ซีเฉียว เดิมทีมือของกู้ซีเฉียวมีนิ้วเรียวยาวสวยงามครบถ้วน ข้อต่อแต่ละข้อปรากฏชัด เงางามไร้ที่ติ แต่ทว่าตอนนี้ นิ้วทั้งสิบกลับถูกหักจนใช้การไม่ได้
“ตระกูลกู้เลี้ยงดูแกมาตั้งกี่ปี แกจะไม่ตอบแทนพวกเราหน่อยหรือ” แววตากู้ซีจิ่นเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ เธอทำทีป้องปาก แต่แววตาคู่งามเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของฉันกับพี่ซย่า แต่ก่อนอื่น ฉันต้องจัดการน้องสาวของฉันให้เรียบร้อยเสียก่อน ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่อาจวางใจได้”
เมื่อเห็นว่ากู้ซีเฉียวหมดหนทางรอด กู้ซีจิ่นจึงไม่ลังเลที่จะเผยธาตุแท้ชั่วร้ายของตัวเองออกมา
เธอกลัว กลัวว่าวันหนึ่งความลับเกี่ยวกับตัวเองถูกเปิดโปง และกลัวว่าความรุ่งโรจน์นี้จะไม่ใช่ของเธออีกต่อไป คนนอกรับรู้แต่ด้านดีพร้อมของเธอ ทว่ากลับไม่รู้เลยว่า เธอถูกฝันร้ายเช่นนี้ตามรังควานอยู่ทุกคืนค่ำ เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงต้องกำจัดกู้ซีเฉียว เธอถึงจะสบายใจ!
ยิ่งไปกว่านั้นคือ กู้ซีเฉียวได้เขียนแผนยุทธศาสตร์เสร็จไปหมาดๆ ซึ่งตระกูลกู้สามารถใช้แผนนี้ได้ไปนานถึงสิบปี
ตระกูลกู้รุ่งเรืองมาจนถึงจุดสูงสุดแล้ว ประโยชน์ที่กู้ซีเฉียวพอจะทำได้ก็คงสิ้นสุดเพียงเท่านี้ การกำจัดกู้ซีเฉียวไปสักคนถือเป็นการลดความกังวลใจไปเปลาะหนึ่ง
“แกก็รู้ไม่ใช่หรือว่าฉันเกลียดสีหน้าทองไม่รู้ร้อนของแกมากที่สุด แกมีอะไรให้ภาคภูมิใจงั้นเหรอ แกก็แค่สุนัขที่ตระกูลกู้ของเราเก็บมาเลี้ยง เป็นแค่เศษขยะไร้ค่าที่ข้างในกลวงโบ๋ก็เท่านั้น!” กู้ซีจิ่นยกเท้าเหยียบมือที่มีรอยเลือดเปรอะเปื้อนจนกระทั่งโลหิตสีสดไหลซึมออกมาจากนิ้วอีกครั้งถึงจะยกเท้าออก หล่อนมองลงมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ตระกูลกู้ของเราไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์ ท่านผู้นั้นถูกใจแกก็นับว่าแกได้ทำเพื่อตระกูลกู้แล้ว!”
บานประตูหนักอึ้งปิดลง ภายในห้องเงียบสงัดลงทันตา
กู้ซีเฉียวไม่ได้ส่งเสียงใด แม้แต่ความรู้สึกเพียงน้อยนิดก็ไม่ได้ถ่ายทอดออกมาผ่านสีหน้า
เธอทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างที่มีแสงไฟสลัวผ่านเข้ามา เนิ่นนานกว่ามุมปากจะยกขึ้น แววตากระจ่างใสมืดมนอับแสง เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่า เคยมีเหตุผลมากมายปานนั้นที่ไหนกัน
คนพวกนี้ไม่เคยดูดำดูดีเธอตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก
การที่เธอเคยหลงเข้าใจว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่กู้ซีจิ่นสร้างขึ้นมาเท่านั้น
ในคืนนั้น คฤหาสน์ตระกูลกู้เกิดเหตุเพลิงไหม้ กู้ซีเฉียวเสียชีวิต ได้ยินว่าแม้แต่ร่างของเธอก็หาไม่พบ เรื่องนี้ทำให้คนภายนอกได้แต่ถอนหายใจ และหันไปให้ความสนใจกู้ซีจิ่น ผู้ทำหน้าที่วางแผนกลยุทธ์ คุณหนูอันดับหนึ่งของเมืองเอ็น
เพียงแต่เรื่องราวต่อจากนั้นกลับเกินความคาดหมายของผู้คนไปมาก
ตระกูลกู้ต้องประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างไม่คาดคิด บุตรสาวคนโตของตระกูลกู้พยายามจะพลิกสถานการณ์อย่างสุดความสามารถ แต่เพราะขาดประสบการณ์เป็นเหตุให้สุดท้ายพ่ายแพ้ให้แก่บริษัทขนาดเล็กที่มิได้มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนที่คอยจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ท่ามกลางคลื่นพายุขนาดใหญ่กลับมีเสียงลือแปลกพิลึกปะปนมาด้วย นั่นคือหลังจากบุตรสาวคนรองตายไป แล้วบุตรสาวคนโตก็ทำอะไรไม่ได้เลยรึ? แม้แต่บริษัทเล็กๆ แห่งนั้นยังเอาชนะไม่ได้? ญาณวิเศษที่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้มาตลอดโยนให้สุนัขกินไปแล้วรึ?
หลังจากนั้น หลักฐานที่บุตรสาวคนโตตระกูลกู้ติดสินบนก็ถูกเปิดโปง เป็นเหตุให้ถูกจำคุกตลอดชีวิต
ตระกูลกู้ที่เคยรุ่งเรืองแปรสภาพเป็นเพียงฝุ่นผง เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น ผู้คนจึงได้แต่ยืนมองตาค้าง
……
กู้ซีเฉียวยืนอยู่ในห้วงอากาศว่างเปล่า มองไปที่จอเบื้องหน้า จอกระจกใสแจ๋วกำลังฉายภาพเหตุการณ์จากโลกภายนอก
เธอยืนหลับตาอยู่ในห้วงแห่งความว่างเปล่าพลางครุ่นคิด เธอตายไปแล้ว เธอจุดไฟเผาตัวเองจนตาย แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เธอตายไปแล้ว เธอจะยังรับรู้สิ่งต่างๆ ที่แห่งนี้คือความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต จิตวิญญาณของเธอถูกกักขังไว้ในที่แห่งนี้ เธอไม่สามารถออกจากที่นี่ได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ยื่นมือออกมา โบกขึ้นลงหนหนึ่ง เบื้องหน้าปรากฏโต๊ะไม้ตัวหนึ่งและเก้าอี้ไม้อีกตัวหนึ่ง บนโต๊ะนั้นมีกองตำราโบราณกระจายเกลื่อน เธอเปิดตำรา สงบสติแล้วนั่งลงอ่าน
ในห้วงแห่งความว่างเปล่าไม่มีทั้งกลางวันและกลางคืน มีเพียงม้วนหนังสือมากมายนับไม่ถ้วน เธอไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในที่แห่งนานเท่าใด จนกระทั่งวันหนึ่ง จู่ๆ ก็มีเสียงเย็นเยียบดังขึ้นให้หัวของเธอ [ถึงมาตรฐานที่กำหนด ระบบเริ่มทำงาน…]
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็มองเห็นใบหน้าอ่อนโยนและสวยงามดวงหนึ่ง
เรือนผมดำขลับเรียบสลวยทิ้งตัวลงข้างแก้ม ยาวระลงมาถึงอกอย่างเป็นธรรมชาติ ขนตายาวเรียงตัวเป็นครึ่งวงคล้ายพัด ถัดมาคือคางเรียวได้รูป ริมฝีปากเฉดเดียวกับสีของกลีบดอกท้อ ช่วงวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะขับเน้นใบหน้าสวยให้แลดูอ่อนเยาว์ ยากที่จะซ่อนความสง่างามไว้ได้
กู้ซีเฉียวปิดก๊อกน้ำ เสียงน้ำหยุดลงในทันใด เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาแวววาวคู่งาม แผงขนตาไหววูบ ความปั่นป่วนในแววตาสงบลงภายในเวลาเพียงชั่วแล่น
[เฉียวเหม่ยเหริน ยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้ง!]
“ใช่ ฉันกลับมาแล้ว” กู้ซีเฉียวดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาบรรจงเช็ดนิ้วมือแต่ละนิ้วจนหมดจด น้ำเสียงของเธอแหบแห้งประหนึ่งคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย
ระบบในห้วงแห่งความว่างเปล่าแปลงร่างให้คล้ายกับร่างของมนุษย์ มันเท้าคาง [เฉียวเหม่ยเหริน ต้องการเริ่มภารกิจหรือไม่]
“เริ่ม”
[ติ๊ง! เริ่มภารกิจประจำวันสำเร็จ! เริ่มภารกิจแบบสุ่มสำเร็จ! เริ่มภารกิจลับสำเร็จ! เริ่มห้างสรรพสินค้าระดับศูนย์สำเร็จ! ขอแสดงความยินดีกับเฉียวเหม่ยเหริน!]
กู้ซีเฉียวสะบัดรองเท้าแตะขนาดใหญ่ออกจากเท้าอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะหยิบกระโปรงผ้าฝ้ายขึ้นมาสวมลวกๆ เท้าขาวเนียนใสดุจหยกเหยียบบนพรมลายพร้อยหลากสี เย้ายวนน่ามองเป็นที่สุด
เมื่อกระโปรงผ้าฝ้ายธรรมดาและรองเท้าผ้าอยู่บนร่างกายของเธอกลับดูเข้ากันอย่างน่าประหลาด กู้ซีเฉียวจ้องมองตัวเองในกระจก เนิ่นนานกว่าจะถอนสายตากลับไป แสงเลือนรางในตาจางหายไปสิ้น
วันนี้คือวันที่หนึ่งเดือนพฤษภาคมในปีที่สิบห้า เป็นวันที่กู้ซีจิ่นจะบรรลุนิติภาวะ กู้ซีเฉียวลงบันไดเชื่องช้า ขนตาหลุบต่ำบดบังความรู้สึกพลุ่งพล่านในตา
บรรดาหนุ่มสาวที่กำลังวุ่นวายที่ชั้นล่างชะงักฝีเท้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ต่างเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวบนบันไดด้วยความประหลาดใจ ห้องรับแขกขนาดใหญ่ตกอยู่ในความเงียบแทบจะทันที
หญิงสาวหันหน้าไปด้านข้าง เรือนผมนุ่มสลวยปรกลงบนใบหน้าแฉล้ม เผยให้เห็นเพียงใบหน้าด้านข้างที่มีผิวนวลขาวราวหิมะ แม้เธอจะสวมกระโปรงผ้าฝ้ายธรรมดาแต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ทุกๆ ฝีก้าวราวกับมีดอกไม้ผลิตามไปเรื่อยๆ
กู้ซีจิ่นที่ถูกห้อมล้อมในตอนแรกขมวดคิ้วขึ้นทันใด แต่ไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏแทนที่ เธอสาวเท้าเร็วรี่มาด้านหน้าและคล้องแขนกับกู้ซีเฉียว ก่อนจะค้อมศีรษะให้คนอื่นๆ พร้อมกล่าวแนะนำ “ทุกคนคงเคยได้ยินแล้ว นี่คือน้องสาวคนใหม่ของฉัน กู้ซีเฉียว”
ประเด็นสำคัญของน้องสาวคนใหม่คำว่า ‘คนใหม่’
เมื่อจบการแนะนำ วัยรุ่นเหล่านั้นต่างแสดงสีหน้ารู้แจ้ง สายตาที่มองมาที่กู้ซีเฉียวเปลี่ยนไปในทันที
เมื่อเดือนก่อนตระกูลกู้ป่าวประกาศว่าได้พาบุตรสาวนอกสมรสเข้ามาอยู่ที่บ้าน เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องชวนหัวของพวกผู้ดีมีตระกูล ไก่ป่าที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ท่ามกลางฝูงหงส์มิอาจกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว เธอมิอาจเทียบชั้นกับกู้ซีจิ่น บุตรสาวคนโตของตระกูลกู้ที่งดงามเพียบพร้อม เธอไม่ต่างอะไรจากลูกเป็ดขี้เหร่ ในช่วงที่เธอกลับมาอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอกลายเป็นที่เยาะเย้ยของผู้คนมากมาย
เธอคือซินเดอเรลล่าในชีวิตจริง ที่สุดท้ายแล้วซินเดอเรลล่าก็ยังเป็นซินเดอเรลล่าอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เธอจะมีใบหน้างดงามเพียงใด นั่นก็เป็นเพียงเปลือกนอก
จะสู้กับทายาทเศรษฐีอย่างพวกเขาที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีได้อย่างไร
แต่เมื่อได้มาเห็นตัวจริง คนไม่น้อยพยายามเข้าหาเธอ แต่ทว่ากู้ซีเฉียวกลับตอบรับด้วยรอยยิ้มจางๆ มิได้ใส่ใจผู้ใดเป็นพิเศษ
หญิงสาวในชุดสีขาวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะกล่าวเย้ยหยัน เธอมองไปที่กู้ซีจิ่นด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ “เจ้าพวกนั้นเข้าหาก็เพราะเห็นแก่หน้าเธอ กับอีแค่ลูกนอกสมรสที่สุดท้ายแล้วคงทำได้เพียงถือรองเท้าให้เธอ หล่อนมีดีอะไรถึงได้ทำตัวยิ่งยโสแบบนั้น!”
หญิงสาวเหล่านั้นจงใจพูดเสียงดังให้กู้ซีเฉียวได้ยิน
แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มของเธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นิ้วขาวนวลสะท้อนแสงจากแก้วไวน์ งดงามจับตา เธอเฝ้ามองกู้ซีจิ่นที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ แต่แล้วในสมองกลับมีเสียงของระบบดังขึ้น
[ระวัง! ระบบตรวจพบว่า ความรู้สึกดีที่กู้ซีจิ่นมีต่อคุณอยู่ในระดับ -48 ระดับเทียบเท่าศัตรู ติดเครื่องหมายสีแดงเป็นบุคคลอันตรายโดยอัตโนมัติ!]
เธอก้มหน้า ปอยผมทั้งสองด้านปรกลงมาบังหน้า ริมฝีปากยกเป็นเส้นโค้ง นัยน์ตาอาบชุ่มไปด้วยไอชั่วร้าย
แววตาคู่สวยมืดมน ไร้รอยยิ้ม ลานสายตาหรี่แคบมองไปที่กู้ซีจิ่นที่กำลังเดินเข้ามา เธอชูแก้วไปที่หญิงสาวพร้อมส่งยิ้ม “สุขสันต์วันเกิด พี่สาว”
ครั้นกล่าวจบก็วางแก้วและเดินออกไปทางประตู
เธอกล่าวเสียงใสและนุ่มนวล แต่ทว่าสีหน้าของเธอกลับเมินเฉย ไม่มีท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างเช่นที่ผ่านมา นี่ใช่กู้ซีเฉียวจริงๆ งั้นหรือ
ในตอนนั้น ขณะที่กู้ซีจิ่นยังคงนิ่ง กู้ซีเฉียวก็เดินออกจากประตูใหญ่ของคฤหาสน์กู้ไปแล้ว
เมื่อหญิงสาวในชุดขาวเห็นดังนั้นก็หันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนของตัวเอง เหล่าเพลย์บอยทั้งหลายมีโอกาสได้เห็นของสวยๆ งามๆ เช่นนี้ไม่บ่อยนัก ชายหนุ่มสองสามคนจึงวิ่งตามไปทันที แต่ที่น่าแปลกคือ ไม่ว่าพวกเขาจะเดินตามไปอย่างไร ก็ไม่สามารถออกไปจากประตูใหญ่ได้
หรือว่าผีก่อกำแพง? แผ่นหลังของชายหนุ่มเหล่านั้นเย็นวาบขึ้นทันใด