ตอนที่ 4 ภารกิจ
ที่อยู่อาศัยของเจียงซูเสวียนเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว แต่ถึงแม้จะเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว คนในเมืองเอ็นที่มีกำลังทรัพย์พอที่จะอาศัยที่นี่ได้คงมีจำนวนเพียงหยิบมือ
ที่ดินหรูใจกลางเมือง บ้านทุกหลังในพื้นที่นั้นล้วนแล้วแต่มูลค่าเกินร้อยล้านทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ถูกจับจองโดยเศรษฐีตั้งแต่ขณะที่กำลังสร้างแล้ว มิใช่พื้นที่ที่เหล่ารายย่อยทั่วไปหรือนักธุรกิจต่างชาติจะซื้อหาได้
กู้ซีเฉียวหรี่ตามอง ในชั่วพริบตาเธอก็รู้ทันทีว่าที่นี่คือที่ไหน แต่กลับมิได้มีอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด
เธอถูกพามายังห้องรับแขกที่จัดเตรียมไว้อย่างดี
ไม่นานนัก หญิงสาววัยกลางคนก็เข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่
[มอบหมายภารกิจทำความดีประจำวัน: ช่วยป้าจางรักษาขา หากภารกิจสำเร็จจะได้รับคะแนนสะสม 5 คะแนน] ขณะที่กู้ซีเฉียวกำลังรับชุดไป ทันใดนั้นเสียงระบบก็ดังขึ้นในหัว
กู้ซีเฉียวเข้าใจในทันทีว่าตนต้องทำภารกิจที่ระบบมอบหมายให้ จริงอยู่ที่ขณะที่เธออยู่ในพื้นที่เสมือนจริงเธอได้ศึกษาตำราแพทย์มาไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยลงมือปฏิบัติจริงเลยสักครั้ง ฉะนั้นแล้วมิควรคาดหวังให้เธอใช้ความรู้ทางแพทย์อันน้อยนิดมาทำร้ายผู้คน “ถ้ารักษาแล้วคนตายล่ะทำยังไง”
[ระบบสามารถตรวจสอบระดับความแข็งแรงของร่างกายได้ เพียงแต่คุณต้องใช้คะแนนแลกซื้อตำรับยาโบราณจากร้านค้า]
[ติ๊ง! ประมวลผลสำเร็จ]
กู้ซีเฉียวปราดตามองผลลัพธ์ที่ระบบประมวลผลออกมาพร้อมกับควานหาความรู้ทางการแพทย์ในสมองของตัวเอง เธอคิดวิธีรักษาออกภายในเวลาไม่กี่วินาที เธอยื่นมือไปจับข้อมือป้าจาง ใคร่ครวญชั่วครู่ก่อนจะเริ่มร่าย “ซวงฮวาสี่สิบห้ากรัม กงอิงสี่สิบห้ากรัม เซิงสือเกาสี่สิบห้ากรัม หญ้าหลงต่านสามสิบกรัม ถู่ฝูหลิงสามสิบกรัม หูจั้งสามสิบกรัม…”
ครั้นเห็นป้าจางทำหน้างงงวย กู้ซีเฉียวจึงหยุดพูด
เธอกวาดตามองไปรอบห้อง หยิบกระดาษและปากกา เขียนพลางกล่าวไปพร้อมกัน
“การเดินของคุณมีจังหวะหยุดชะงัก แม้จะเห็นได้ไม่ชัด แต่ถ้าสังเกตให้ดีก็พอจะมองออก นี่เป็นผลพวงจากโรคเก่าในอดีตที่เกิดจากการทำงานหนักหลังคลอดบุตร ปล่อยให้ร่างกายสัมผัสน้ำไวกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ร่างกายสูญเสียความอบอุ่น ในหนึ่งเดือนแรกจึงมีอาการเจ็บปวดตามส้นเท้า นิ้วมือ ตามข้อกระดูก และกระดูกก้นกบด้านขวา ต่อมาหลังจากการรักษา อาการเริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่เมื่อเดินมากๆ ส้นเท้าก็จะกลับมาเจ็บอีกครั้ง ในวันที่อากาศเปลี่ยนแปลงจะเจ็บปวดมากจนแทบจะเดินไม่ได้ ด้วยอาการเช่นนี้ ภายในไม่เกินสองปี คุณจะเป็นอัมพาตครึ่งตัวได้นะคะ”
การวินิจฉัยนี้เป็นความสามารถของเธอเอง ส่วนประวัติการรักษาที่ผ่านมาเป็นการประมวลผลของระบบ
ด้วยความสามารถและสติปัญญาของเธอทำให้เวลาตลอดหลายปีในพื้นที่เสมือนจริงมิได้สูญเปล่า ระบบทราบดีว่าการที่กู้ซีเฉียวบอกว่าตนอาจ ‘รักษาจนคนตาย’ นั้นเป็นเพียงการถ่อมตัว
ยิ่งป้าจางฟังก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากกู้ซีเฉียวอธิบายโรคของเธอโดยไม่มีผิดเพี้ยน หากนี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรก ป้าจางคงคิดว่าอีกฝ่ายคงแอบสืบประวัติของเธอแน่นอน “เธอ…เธอรู้ได้ยังไง”
กู้ซีเฉียวเขียนใบสั่งยาแล้วพิจารณาดูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าถูกต้องครบถ้วนจึงส่งให้ป้าจาง “สูตรหนึ่งสำหรับใช้กิน อีกสูตรสำหรับใช้ภายนอก ในกระดาษเขียนอธิบายไว้อย่างละเอียดแล้ว ฟังนะ เป็นผู้หญิงควรดีกับตัวเองให้มาก ยามที่ต้องเข้มแข็งก็จงเข้มแข็ง แต่ยามที่ควรอ่อนแอก็อย่าได้ฝืน ให้คนอื่นได้เห็นเรายามอ่อนแอบ้าง เขาถึงจะทะนุถนอมเรา”
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมส่งยิ้มละมุน แววตาของเธอเหมือนถูกอาบด้วยแสงอบอุ่น แววตาสดใสเปี่ยมล้นไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ป้าจางใจอ่อนยวบ เธอรู้จักนิสัยของตัวเองดี ในตอนที่เธอเพิ่งเข้าไปอยู่ที่บ้านสามี แม่สามีข่มเหงเธออย่างหนักเพียงเพราะเธอคลอดลูกสาว หลังจากคลอดลูกได้เพียงสามวัน เธอต้องกลับมาทำงานโดยไม่ทันคิดเลยว่าอาการป่วยตั้งแต่ตอนนั้นจะเป็นสาเหตุให้เธอแทบจะเดินไม่ได้ในวันที่ฝนตก และหลังจากนั้นสามีของเธอขอหย่าเนื่องด้วยสาเหตุนี้ ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่เพราะเธอทุ่มเทเพื่อคนอื่นจนเป็นนิสัย และเก็บซ่อนความรู้สึกจนเป็นนิสัย เวลาสิบปีล่วงเลยไปเช่นนั้น แต่แล้วจู่ๆ กลับมีคนมาพูดกับเธอว่า ‘ให้คนอื่นได้เห็นเรายามอ่อนแอบ้าง เขาถึงจะทะนุถนอมเรา’
“ขอบคุณนะ!” ป้าจางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เธอมองใบสั่งยาในมือแล้วตาของเธอก็พร่าเลือน เธอสะอึกสะอื้นโดยไม่ทันได้กล่าวคำใด
ราวกับว่าบัดนี้มีคนเห็นความน้อยเนื้อต่ำใจที่กล้ำกลืนฝืนทนมาทั้งชีวิตแล้ว การถูกรักทำให้เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ไม่เป็นไร” กู้ซีเฉียวคลี่ยิ้ม ยามที่เธอมองหญิงวัยกลางคนกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนเห็นตัวเอง
ทั้งโง่เง่าและดื้อด้าน
[ภารกิจสำเร็จ! ได้รับคะแนนสะสม 5 คะแนน หัก 1 คะแนนสำหรับแลกตำรับยา ยอดคะแนนคงเหลือ 4 คะแนน]
[ติ๊ง! มอบหมายภารกิจภาคบังคับ: คัดลายมือให้ถึงระดับปรมาจารย์ หากภารกิจสำเร็จจะได้รับคะแนนสะสม 1000 คะแนน ระบบตรวจพบว่า ลายมือของโฮสต์อยู่ในขั้นไก่เขี่ย มอบหมายภารกิจแบบสุ่ม กรุณาทำภารกิจให้สำเร็จ! หากล้มเหลว จะได้รับโทษระดับที่ 3!]
[ติ๊ง! มอบหมายภารกิจภาคบังคับประจำวัน: คัดลายมือวันละ 1 ชั่วโมง รางวัลสำหรับภารกิจเป็นคะแนนสะสม 1 คะแนน!]
[โฮสต์? เฉียวเหม่ยเหริน? กู้ซีเฉียว? ได้ยินการมอบหมายภารกิจหรือไม่] ระบบยืนเท้าเอวพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง
“ลายมือขั้นไก่เขี่ยอย่างนั้นหรือ” กู้ซีเฉียวเห็นว่าป้าจางเดินออกไปแล้วถึงได้เลิกคิ้ว ลายมือนี้เธอฝึกเขียนกับคุณปู่ข้างบ้านสมัยตอนที่เธอยังเป็นเด็ก แม้ว่าจะงามสู้นักเขียนพู่กันจีนไม่ได้ แต่ก็นับว่าเป็นระเบียบเรียบร้อย มิหนำซ้ำยังเขียนสวยกว่าคนส่วนใหญ่เสียอีก เจ้าระบบกล้ามาบอกว่า ‘ไก่เขี่ย’ อย่างนั้นรึ
มันเข้าใจภาษาคนจริงๆ หรือเปล่า
[เฉียวเหม่ยเหริน ระบบได้ตรวจสอบตัวอักษรจากฐานข้อมูลทั่วโลกแล้วพบว่า ลายมือของคุณหยาบกระด้างเกินไป ลายมือสะท้อนนิสัย ทุกสิ่งเริ่มต้นจากการเขียน การทำให้คุณได้กลับมาเกิดใหม่ ระบบต้องสูญเสียพลังงานไปไม่น้อย คุณต้องพัฒนาตนเองให้สมบูรณ์แบบโดยเร็วเพื่อจะได้รับภารกิจมากขึ้น และระบบก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย!] ในห้วงอากาศ ระบบที่แปลงร่างเสมือนคนนั่งนิ่งพลางพ่นลมอย่างไม่สบอารมณ์
“ก็ได้ ฉันจะคัด ว่าแต่โทษระดับที่สามคืออะไร” กู้ซีเฉียวเอ่ยพลางสำนึกได้ว่า เพราะตนเคยอ่านตำราทางการแพทย์มากมายจึงได้รับภารกิจเมื่อครู่
[การลงโทษมีทั้งหมดสิบระดับ ระดับที่หนึ่งคือสูญเสียเสียงเป็นเวลาสิบวัน ระดับที่สามคือถูกช็อตไฟฟ้าและที่ร้ายแรงที่สุดคือระดับที่สิบ สังหาร!]
แม้กู้ซีเฉียวจะเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังถูกคำว่า ‘สังหาร’ ทำให้ตกใจอยู่ดี รสชาติของชีวิตที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่นช่างน่ากลัวยิ่งนัก “การคัดลายมือเป็นงานที่ต้องใช้เวลามากโข ชีวิตนี้ฉันจะทำภารกิจสำเร็จเหรอ”
ระบบเปลี่ยนท่าที [คุณสามารถใช้คะแนนสะสมแลกกับเวลาในพื้นที่เสมือนจริง คะแนนหนึ่งคะแนนสามารถแลกเวลาได้หนึ่งวัน นี่คือเหตุผลที่ฉันให้คุณร่ำเรียนมากมายถึงขนาดนี้]
กู้ซีเฉียวจำได้ว่าหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว วิญญาณของเธอถูกขังอยู่ในห้วงแห่งหนึ่ง ซึ่งน่าจะหมายถึงพื้นที่เสมือนจริงที่เจ้าระบบกำลังกล่าวถึง
หากคิดด้วยตรรกะแล้ว หนึ่งคะแนนถือว่าไม่มากมายเลย โลกนี้ใครต่างก็รู้ดีว่าเงินไม่อาจซื้อเวลาได้ แต่เธอกลับสามารถแลกเปลี่ยนคะแนนเป็นเวลาได้ตามต้องการ ฉะนั้นแล้วนี่นับเป็นสกิลโกงที่สุดก็ว่าได้
เธอละสายตา เดินวนอยู่ในห้องพักครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจลงไปหาน้ำดื่มข้างล่าง
ไฟในห้องโถงชั้นล่างสว่างโร่ เจียงซูเสวียนยืนอยู่ข้างประตู รูปร่างสูงโปร่งทรงสง่า
เสียงของเขาดังกังวานไปทั่วห้องโถง กู้ซีเฉียวเดินลงบันไดมาเพียงหนึ่งก้าวก่อนจะพบว่าชายหนุ่มอยู่ที่ชั้นล่าง เท้าที่ก้าวลงมาเพียงก้าวเดียวทำทีจะถอยกลับไป อืม กลับขึ้นห้องตอนนี้ยังทันรึเปล่านะ
จำต้องบอกว่า กู้ซีเฉียวรู้สึกกลัวชายหนุ่ม เขาเป็นพวกคาดเดาไม่ค่อยได้แม้จะดูเป็นคนดีก็ตาม
เจียงซูเสวียนวางสาย เงยหน้าขึ้นมามองคนบนบันได
ชุดเดรสสีฟ้าลายดอกไม้เข้ากับนิสัยรักสงบของเธอเป็นอย่างดี สีฟ้าอ่อนของชุดขับเน้นให้ผิวพรรณนวลขาวยิ่งดูเปล่งปลั่งกว่าก่อน ภายใต้แสงไฟดูเหมือนมีแสงระยิบระยับจับตา พุ่มผมดำสนิททอดยาวลงกลางหลังราวกับเส้นทางการไหลของน้ำตก เธอเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยสดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิ แม้เธอยังดูอ่อนเยาว์แต่กลับมีพลังดึงดูดที่ทำให้จิตใจว้าวุ่นได้