โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ – ตอนที่ 6 พี่สาวน้องสาว

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

ตอนที่ 6 พี่สาวน้องสาว

เหตุใดคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ซานเหอถึงได้ผอมขนาดนี้

เจียงซูเสวียนพยายามยับยั้งความคิดไม่ให้ตัวเองเอื้อมมือไปลูบศีรษะหญิงสาว “เข้าไปเถอะ ตรงนี้แดดร้อน”

“งั้นฉันไปก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ” กู้ซีเฉียวโบกมือให้ชายหนุ่มก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูใหญ่

แม้ว่าภายในใจจะต่อต้านที่แห่งนี้เพียงใด แต่ถึงอย่างไรเธอก็กลับมาแล้ว เธอมองตัวอักษรสองตัวบนประตูใหญ่ หลับตาแช่มช้า ในวินาทีนั้นเธอไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร

รถยนต์ของชายหนุ่มจอดอยู่บริเวณหัวมุมถนนอีกด้านหนึ่ง เจียงซูเสวียนยืนพิงตัวรถเพื่อรอให้เธอเดินเข้าไปในบ้าน

เขาเฝ้าดูเธอกดออดและยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูเกือบจะห้านาที แต่ประตูกลับไม่มีทีท่าว่าจะเปิด แววตาเจียงซูเสวียนพลันลุ่มลึก ขยับนิ้ว จากนั้นก็โน้มตัวลงไปหยิบซองบุหรี่จากในรถ

เมืองเอ็นในเดือนพฤษภาคมแทบไม่ต่างจากเมืองอื่นๆ ที่ร้อนเกินจะกล่าว แสงแดดตอนบ่ายสองร้อนแรงถึงจุดสูงสุด คลื่นความร้อนลามเลียไปทั่วใบหน้า แสบร้อนประหนึ่งถูกน้ำร้อนลวก

ทันใดนั้น เจียงซูเสวียนก็โยนบุหรี่ที่สูบไปได้เพียงครึ่งมวนทิ้งไป ข้างเท้าของเขามีก้นบุหรี่กองหนึ่ง แววตาลุ่มลึกขับประกายเย็นวาบ เขาเดินไปที่หน้าประตูเหล็กบานใหญ่และในตอนนั้นเอง ประตูเหล็กที่แน่นิ่งอยู่นานก็เปิดออก

เขาไม่ได้หยุดฝีท้าราวกับกำลังเดินทอดน่องแต่กลับเดินมาถึงหน้าประตูหลักในไม่กี่อึดใจ ชายหนุ่มเงยหน้ามองตัวอักษรปิดทองสองตัวที่ตั้งตะหง่านน่าประทับใจ

เรือนกู้!

กู้ซีเฉียวเดินผ่านทางเข้าหลักและกำลังเข้าไปในตัวบ้าน เสียงหัวเราะรื่นเริงทำให้ฝีเท้าของเธอหยุดชะงัก ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในหัว หากเธอเข้าไปตอนนี้จะเป็นการทำลายบรรยากาศหรือเปล่า

เธอผลักประตู ก้าวเท้าเข้าไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

เป็นไปได้ว่าพวกเขาคงไม่คาดคิดว่ากู้ซีเฉียวจะปรากฏตัวในช่วงเวลาเช่นนี้ บรรยากาศเปี่ยมสุขภายในห้องรับแขกเมื่อครู่เย็นเยือกขึ้นทันใด รอยยิ้มของคนสามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาค่อยๆ จางหาย ความเงียบสงัดที่เกิดขึ้นกะทันหันชวนให้รู้สึกขนลุก

แม้แต่บรรดาคนรับใช้ยังรับรู้ถึงบรรยากาศที่ผิดแผกไปได้ สาวรับใช้ชักสีหน้าพลางหยิบรองเท้าแตะโยนลงพื้นจนเกิดเสียง “แปะ”

กู้ซีเฉียวจ้องรองเท้าแตะอยู่ครู่หนึ่ง

ความทรงจำในอดีตเมื่อนานมาแล้วฉายซ้ำอีกครั้งในหัว ครั้งแรกที่เธอได้พบคุณปู่กู้คือที่หน้าหลุมศพแม่บุญธรรมของเธอ ชายชราในชุดสูทยืนห่างจากเธอไม่ไกล เขาแต่งตัวสะอาดสะอ้าน พุ่มผมบนศีรษะเป็นสีขาวโพลน แววตาเปี่ยมชีวิตชีวาผิดปกติ ด้านหลังมีกลุ่มบอดี้การ์ดชุดดำยืนประกบ เขาบอกกับเธอว่า ‘ฉันคือปู่ของเธอ‘

เด็กที่คิดว่าตัวเองถูกครอบครัวทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพังชะงักนิ่ง ในตอนนั้นเธอคิดกับตัวเองว่า โลกนี้ยังมีคนที่เป็นสายเลือดเดียวกับเธออยู่

เธอถูกพากลับมาที่บ้านหลังนี้ วันแรกที่เธอมาถึงคฤหาสน์ตระกูลกู้ เธอได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับประตูบานใหญ่โตมโหฬาร ในตอนนั้นเธอสวมรองเท้าสานที่ทำจากพาสติก พื้นรองเท้ามีโคลนสีเหลืองติดกรัง เธอยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูใหญ่เพราะทำตัวไม่ถูก

คนรับใช้มองเธอด้วยแววตาเดียดฉันท์ก่อนจะโยนรองเท้าแตะคู่ใหม่ให้เธอ

กู้ซีเฉียวเป็นเด็กฉลาด วันแรกที่เธอเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้ เธอรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติในทันที เธอคาดเดาสถานการณ์ของตัวเองได้จากถ้อยคำของบรรดาคนรับใช้เพียงไม่กี่ประโยค แม่ของเธอเป็นมือที่สามที่เข้ามาขัดขวางความสุขของครอบครัว เมื่อเธอตระหนักได้ดังนี้ เธอก็ปิดตัวเอง เธอแสดงออกว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติจะแก่งแย่งชิงดีกับกู้ซีจิ่น แต่คอยช่วยเหลือกู้ซีจิ่นอยู่ในมุมลับ

ผลลัพธ์ไม่ผิดไปจากที่เธอคาด เมื่อคุณปู่กู้เห็นว่าเธอเป็นเหมือนไม้ผุที่ไม่สามารถนำมาแกะสลักได้ก็ทอดทิ้งเธอแทบจะทันที ส่วนซูหว่านเอ๋อร์ก็เลิกมองเธอเป็นหนามยอกอกไปแล้ว

แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากู้ซีจิ่นจะเป็นพวกไม่รู้คุณคน!

……

กู้ซีเฉียวปิดตา สลัดความคิดออกจากหัวและค่อยๆ ก้มลงไปเปลี่ยนรองเท้าแตะ

กู้ซีจิ่นที่นั่งอยู่บนโซฟาตอบสนองเป็นคนแรก ใบหน้าอ่อนโยนของเธอเจือได้ความปีติยินดี เธอบ่นกระปอดกระแปด “น้องกลับมาก็ดีแล้ว พี่เป็นห่วงแทบแย่ เธอเล่นวิ่งออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำอย่างนั้นได้ยังไง แล้วไปอยู่ข้างนอกตั้งหลายวัน เพื่อนที่นี่ก็ไม่มี ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ!”

กู้ซีเฉียวเงยหน้า ดวงตาสดใสมองไปยังกู้ซีจิ่นที่เดินเข้ามาคล้องแขนเธออย่างรักใคร่

ดวงตาสุกใสและคมปลาบแตกต่างจากแววตาเศร้าหมองก่อนหน้านี้มองนิ่งไปที่รอยยิ้มของกู้ซีจิ่น

กู้ซีเฉียวถอนสายตากลับมา เดินเข้ามาในตัวบ้านพลางเอ่ยตอบเสียงเรียบ “เพื่อนที่นั่งโต๊ะติดกันชวนไปเล่นที่บ้านน่ะ”

“ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินว่าเธอเข้ากับเพื่อนในห้องไม่ได้…” กู้ซีจิ่นขมวดคิ้ว เธอเคยสืบมาได้ความว่า กู้ซีเฉียวเป็นพวกโนบอดี้ในห้องเรียน มีเพียงเด็กต่างห้องที่หลงใหลในความงามของเธอจึงแอบมาส่องบ้างเป็นครั้งคราว แล้วเธอจะมีเพื่อนได้อย่างไร ฉะนั้นแล้วคำตอบเมื่อครู่คงเป็นการบอกปัดเท่านั้น

“อาจิ่น มานี่” ซูหว่านเอ๋อร์กระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน

ฟางจื่ออี๋เห็นดังนั้นก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ เธอเคยได้ยินมาก่อนว่ากู้จู่ฮุยมีลูกสาวนอกสมรสอีกคน โดยที่คุณปู่กู้เป็นคนพาเธอกลับมา เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องขำขันให้คนหัวเราะเยาะ ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน เธอเข้าใจดีว่าซูหว่านเอ๋อร์ต้องรู้สึกหดหู่ใจเพียงใดจึงพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อขับไล่บรรยากาศอึมครึม

“หว่านเอ๋อร์ ว่าแต่กุหลาบจีนในสวนบ้านของเธอบานหรือยัง”

ซูหว่านเอ๋อร์ยืดแผ่นหลัง รู้ดีว่าไม่ควรระเบิดอารมณ์ต่อหน้าคนนอก เธอค่อยๆ เดินลงบันไดไป “บานแล้ว ไป ฉันจะพาคุณพี่ไปดู”

เมื่อเดินออกมาด้านนอก ฟางจื่ออี๋ถึงได้เอ่ยปาก “เด็กพรรค์นั้นไล่ๆ ไปเสียจะดีกว่า การพากลับมาที่เรือนกู้และให้อยู่ใกล้อาจิ่นคงมิใช่เรื่องดี อาจิ่นเป็นเด็กจิตใจดี เธอเองก็เหลือเกินที่กล้าปล่อยให้เด็กๆ ทำตามอำเภอใจ”

ซูหว่านเอ๋อร์พาแขกออกมานั่งในสวน คนรับใช้นำน้ำชามาเสิร์ฟ “พี่ฟาง พี่ก็รู้ว่าฉันมีแค่อาจิ่น คุณปู่เห็นว่าลูกหลานในตระกูลมีน้อยถึงได้พาเด็กคนนั้นกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ฉันเองก็พูดอะไรไม่ได้ ส่วนอาจิ่น ฉันก็พูดกับลูกตั้งหลายหนแล้วว่าไม่ให้ยุ่ง แต่ลูกก็ไม่ฟัง”

ฟางจื่ออี๋ถอนหายใจเล็กน้อย เธอจับมือซูหว่านเอ๋อร์แสดงความเห็นใจ ฟางจื่ออี๋รู้ดีว่าตนเป็นคนนอก ไม่อาจพูดอะไร ทำได้เพียงปลอบใจเท่านั้น “อาจิ่นเป็นเด็กจิตใจดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เจอหมาเจอแมวข้างถนนทีไรเป็นต้องเก็บมาเลี้ยงทุกที เธอเองก็อย่าได้กังวลนักเลย เหลือบไรตัวเล็กจะไปทำอะไรได้ ตอนนี้ก็สั่งให้คนจับตาดูเด็กคนนั้นไว้ก็พอ พออายุถึงกำหนดเมื่อไหร่ก็ค่อยไล่ออกจากบ้าน ทั้งนี้ก็เพื่ออาจิ่น เรื่องนี้เธอมีสิทธิ์ที่จะทำได้ คุณปู่เองก็คงจะไม่คัดค้านอะไร”

ครั้นเอ่ยถึงศัตรูหัวใจ ซูหว่านเอ๋อร์ก็ทุกข์หนัก เพราะการมีอยู่ของเด็กคนนั้นคอยตอกย้ำความมักมากหลายใจของกู้จู่ฮุย แล้วจะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไร

แต่เมื่อคิดถึงสีหน้าเศร้าสลดของกู้ซีเฉียว ซูหว่านเอ๋อร์กลับสบายใจอย่างยิ่งยวด

แต่กลับมาก็ดี จะได้เรียกคุณปู่มาดูซิว่าใครคลอดลูกสาวที่เหมาะจะเป็นผู้สืบทอดกิจการของตระกูลกู้มากที่สุด!

“เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า จื่อจวิ้นล่ะ” ซูหว่านเอ๋อร์นวดหว่างคิ้ว ไม่อยากจะเอ่ยถึงกู้ซีเฉียวอีกแล้ว

ซย่าจื่อจวิ้นเป็นลูกชายของฟางจื่ออี๋ เป็นทายาทตระกูลซย่า เขาหน้าตาดีและมีพรสวรรค์ อีกทั้งยังหมั้นหมายกับกู้ซีจิ่นไว้แล้ว คนตระกูลกู้ชื่นชอบเขาเป็นพิเศษ เมื่อเอ่ยถึงเขา ทั้งคู่ก็ลืมความทุกข์เมื่อครู่ไปสิ้น

ลูกสาวนอกสมรสที่เพิ่งกลับมาไม่อาจทำอะไรได้ เพียงแค่ขวางหูขวางตาไปวันๆ เท่านั้น ซูหว่านเอ๋อร์จึงมิได้ใส่ใจนัก

ในห้องรับแขก ละครรักใคร่ระหว่างพี่สาวและน้องสาวยังคงดำเนินต่อไป

“น้องสาว ที่เธอไม่ยอมกลับบ้านหลายวันเป็นเพราะโกรธอะไรฉันใช่หรือเปล่า” แววตาอ่อนโยนของกู้ซีจิ่นแสดงความเป็นห่วงเป็นใย เธอไม่ได้สนใจกู้ซีเฉียวอย่างจริงจัง เพียงแค่ให้ความสนใจลูกนอกสมรสผู้น่าสังเวชไปตามเรื่อง “พรุ่งนี้ ฉันจะบอกกับคุณพ่อว่า ถึงวันเกิดเธอเมื่อไหร่ ฉันจะขอให้คุณพ่อจัดงานเลี้ยงใหญ่ๆ ให้เธอบ้าง เป็นยังไง?”

เด็กผู้หญิงในวัยนี้มักจะชอบเรื่องเพ้อฝัน กู้ซีจิ่นจึงคิดว่ากู้ซีเฉียวอยากมีงานวันเกิดใหญ่ๆ เหมือนกับตน

กู้ซีจิ่นคาดเดาไปตามประสบการณ์ที่ตนเคยมี เพื่อนๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ของเธอต่างก็อิจฉาเธอทั้งนั้น ฉะนั้นแล้วเธอจึงคิดว่ากู้ซีเฉียวคงต้องการเช่นนั้น

ยกเว้นก็แต่ชุดเฮงซวยนั่น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แววตาคู่งามของกู้ซีจิ่นก็ปกคลุมไปด้วยหมอกทึบ

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

Status: Ongoing
ชาติก่อนเธอเผาตัวตายเพราะถูกทรยศ ชาตินี้เธอย้อนกลับมาเพื่อเขียนอดีตของตนใหม่อีกครั้ง! นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีที่นางเอกมีระบบสุดเทพที่ทำได้ทุกอย่าง!กู้ซีเฉียว ลูกนอกสมรสไร้ค่าจากบ้านนอก ส่วนเกินในสายตาของคนในตระกูลจวบจนวาระสุดท้ายเธอก็ยังเป็นเช่นนั้น ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีใดๆแต่ชาตินี้เธอจะเขียนอนาคตของตนขึ้นใหม่จะไม่มีเด็กสาวน่าสมเพชไร้ความสามารถคนเดิมอีกต่อไป มีเพียงหญิงสาวผู้เป็นอัจฉริยะรอบด้าน!เพราะสิ่งที่เธอนำกลับมาด้วยหลังความตายไม่ใช่เพียงพรสวรรค์ดั้งเดิมแต่เป็น ‘ระบบ’ สุดโกงที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้เพียงแลกแต้มคะแนนสะสม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท