ตอนที่ 7 ซย่าจื่อจวิ้น
“ทำไมฉันต้องโกรธด้วย” กู้ซีเฉียวหยุดแล้วหันมามองกู้ซีจิ่นด้วยสายตานิ่งเรียบ
ความแค้นในชาติก่อน เธอแก้แค้นไปแล้วในชาติที่แล้ว จริงอยู่ที่ในชาตินี้กู้ซีจิ่นไม่ได้รู้สึกดีต่อเธอ แต่ตราบใดที่เธอยังไม่ทำอะไร ตนก็จะไม่ถือสา
เธอจะให้โอกาสกู้ซีจิ่นอีกครั้งหนึ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ซีจิ่นไม่เห็นความอิจฉาเจือคาดหวังในสายตาของกู้ซีเฉียว เธอจึงผงะไปชั่วครู่
“น้องไม่ชอบอะไรพี่หรือเปล่า” เธอหันกลับไปมองคนรับใช้ที่กำลังเดินออกมาจากห้องครัว
ในความทรงจำของเธอ กู้ซีเฉียวเป็นคนถ่อมตัว อ่อนแอ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคน เธอกล้าสบตาคนตรงๆ เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เมื่อคิดถึงแววตาสดใสและใบหน้างดงามของกู้ซีเฉียวเมื่อครู่ กู้ซีจิ่นก็รู้สึกคับแน่นในอก
ในฐานะบุตรสาวคนเดียวของตระกูลกู้ กู้ซีจิ่นรู้สึกเหนือกว่าในทุกๆ ทาง ครั้งแรกที่เธอพบกู้ซีเฉียว เธอไม่ชายตามองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ โคลนตมกับดวงจันทร์สุกสกาวจะนำมาเทียบกันได้อย่างไร แต่มาวันนี้ กู้ซีเฉียวกลับทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย เธอเห็นว่ามีคนรับใช้หลายคนแอบชำเลืองมองกู้ซีเฉียว
ในเมืองเอ็นหาหญิงงามเพียงนี้ได้ยากนัก
กู้ซีจิ่นรู้สึกสะอิดสะเอียนประหนึ่งกลืนแมลงวันลงคอ น่าเสียดายที่ใบหน้าเช่นนั้นถึงไปอยู่บนร่างของคนพรรค์นั้น!
“คุณหนูคนดี อย่ามาอยู่ใกล้ยัยตัวซวยคนนี้เลยจะดีกว่านะคะ คุณนายรอคุณหนูอยู่ที่ด้านนอกนะคะ” คนรับใช้ก้าวเข้ามา ตวัดสายตามองกู้ซีเฉียวก่อนจะประคองกู้ซีจิ่นลงบันไดไป ลูกนอกสมรสชั้นต่ำอย่างกู้ซีเฉียวจะมาเทียบชั้นกับคุณหนูได้อย่างไร
วาจาเช่นนั้นไม่อาจทำอะไรกู้ซีเฉียวได้
เธอเดินขึ้นไปชั้นบน ลงกลอนประตูเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครพรวดพราดเข้ามา
นี่เป็นห้องรับรองสำหรับแขก มีข้าวของเครื่องใช้น้อยชิ้น สู้ห้องขององค์หญิงอย่างกู้ซีจิ่นไม่ได้ แต่ทว่ากู้ซีเฉียวไม่ได้ใส่ใจ เธอไม่ใช่พวกวัตถุนิยม
เธอนั่งลงบนเตียง เปิดฝากล่อง ด้านในมีโทรศัพท์มือถือสีขาวใหม่เอี่ยม เธอมองนิ่งๆ อยู่พักหนึ่งถึงตระหนักได้ว่าเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดัง มีซิมการ์ดใส่ไว้พร้อมใช้งาน นอกจากแอปฯเกมต่างๆ ในเครื่องยังติดตั้งแอปฯทางการเงินและเศรษฐกิจไว้ด้วย ในขณะนั้นกู้ซีเฉียวพูดไม่ออกเลยสักคำเดียว
เมื่อกดเข้าไปในส่วนที่เป็นรายชื่อ มีเบอร์โทรศัพท์เพียงหนึ่งชุด เจ้าของเบอร์คือเจียงซูเสวียน
เธอมีความจำเป็นเลิศ เบอร์โทรศัพท์จำพวกนี้ เธอปราดตามองเพียงครั้งเดียวก็จำได้ขึ้นใจ แต่วันนี้เธอเปิดดูซ้ำหลายครั้ง ฉะนั้นเมื่อหลับตาภาพตัวเลขเหล่านั้นก็ลอยขึ้นมาในหัวแทบจะทันที
หลังจากดูโทรศัพท์เสร็จแล้ว เธอไปนั่งอ่านหนังสือเรียนของตัวเองอยู่ที่โต๊ะ
หนังสือที่เธอกำลังอ่านเป็นวิชาคณิตศาสตร์ ภาพตัดกรวยแลดูคุ้นเคยและแปลกตาในคราวเดียวกัน ตอนมัธยม เธอทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้ไม่ดีนัก แม้กู้ซีเฉียวจะเป็นอัจฉริยะ ไอคิวสูง แต่เพราะเมื่อชาติก่อนเธอเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการวาดภาพสีน้ำมันและสงครามทางธุรกิจ ฉะนั้นเธอแทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเนื้อหาในวิชาเรียนอยู่เลย
แต่ถึงอย่างนั้นเธอมีพื้นฐานที่ดีและสมองดี หากมีเวลามากพอ เธอก็จะสามารถกลับมาเรียนได้อีกครั้ง
เมื่อระบบตรวจจับความคิดของโฮสต์ได้ก็นำเสนอผลิตภัณฑ์ของตัวเองทันที [เฉียวเหม่ยเหริน พื้นที่เสมือนจริงเป็นระบบที่ง่ายต่อการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งวินาทีในนี้จะเทียบเท่ากับหนึ่งวัน คุณจะไม่เข้ามาใช้งานในนี้จริงๆ หรือ นี่ฉันไม่ได้โม้นะ หากอยู่ในระบบเสมือนจริง คุณจะกลายเป็นปรมาจารย์ในชั่วพริบตา!]
“…นี่ขนาดไม่ได้โม้นะเนี่ย” กลายเป็นปรมาจารย์ในชั่วพริบตา ทำได้ถึงขนาดนั้นเชียวรึ
“ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบ แต่ว่า…ตอนนี้ฉันยังไม่ต้องการ” เธอเพิ่งจะออกมาจากพื้นที่เสมือนจริงได้ไม่เท่าไหร่ เธอยังไม่อยากเข้าไปใช้ชีวิตน่าเบื่อหน่ายคนเดียวในนั้น
ไม่มีใครรู้หรอกว่า การที่เธอได้สูดอากาศอย่างอิสระ และการได้เห็นสีสันของโลกใบนี้มีความหมายกับเธอเพียงไร
กู้ซีเฉียวหยิบปากกาออกมา ในขณะที่ใช้ความคิดเธอติดนิสัยกัดปลายปากกา หญิงสาวจดสูตรคำนวณลงในกระดาษ จากนั้นก็ค่อยๆ แก้โจทย์ไปทีละขั้น เธอใช้เวลาไปทั้งครึ่งบ่ายแต่ยังหาคำตอบภาพตัดกรวยนั้นไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นความทรงจำคลุมเครือก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
ตอนที่หญิงสาวอยู่ในพื้นที่เสมือนจริง หนังสือที่เธออ่านส่วนใหญ่เป็นตำราโบราณ แทบไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับฟิสิกส์เคมีชีวะของชั้นมัธยมปลายเลยสักนิด
เลขมัธยม เรื่องเมื่อชาติปางก่อน กู้ซีเฉียวนวดขมับ เธอในขณะนี้ดูประสบความลำบากไม่น้อย
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น กู้ซีจิ่นมาเคาะประตูห้อง “น้องสาว กินข้าว!”
สรรพนามเรียก “น้องสาว” ทำเอากระดูกสันหลังของกู้ซีเฉียวเกร็งตึง เพียงไม่นานสีหน้าเย็นชาก็ค่อยๆ จางหาย
กู้ซีจิ่นไม่เคยมาเรียกเธอลงไปทานข้าว เธอถูกมองว่าเป็นตัวทำลายความสุขจึงไม่ได้รับสิทธิ์ให้ร่วมโต๊ะอาหาร นอกเสียจากว่าคุณปู่กู้กลับมา ซูหว่านเอ๋อร์ถึงจะเรียกเธอไปทานอาหารด้วย
แต่เท่าที่เธอจำได้ วันนี้คุณปู่กู้ไม่ได้กลับมา
เมื่อลงไปถึงชั้นล่าง กู้ซีเฉียวถึงได้รู้ว่าเหตุผลที่กู้ซีจิ่นเรียกเธอลงไปเพราะซย่าจื่อจวิ้นมาที่บ้าน เขานั่งอยู่ด้านซ้ายของซูหว่านเอ๋อร์
ชายหนุ่มรูปงามสวมเสื้อยืดส่งยิ้มเล็กน้อย คิ้วและแววตาเป็นประกายอ่อนละมุน ท่าทางสง่าผ่าเผย สะดุดตา
กู้ซีจิ่นแสดงออกด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อของของเธอถูกนำมาแสดงต่อหน้าสาธารณชน สายตาอิจฉาริษยาของคนอื่นจะทำให้เธอรู้สึกพึงใจ เมื่อชาติที่แล้ว เธอใช้สิ่งของดึงดูดให้คนรอบตัวเข้าหา
แต่ถึงอย่างไร ของที่ไม่ใช่ของเธอก็จะไม่ใช่ของเธอ
กู้ซีจิ่นนั่งลงตรงที่ว่างข้างซย่าจื่อจวิ้น พลางกล่าวแก่กู้ซีเฉียวที่ยังยืนนิ่ง “มัวยืนอึ้งอยู่ทำไม รีบมานั่งเร็วเข้า”
เมื่อได้ยินกู้ซีจิ่นกล่าวเช่นนั้น ซย่าจื่อจวิ้นจึงเงยหน้า เขากวาดสายตาเชื่องช้าก่อนจะพบร่างบอบบาง
มือที่ถือตะเกียบชะงักค้าง ในฐานะลูกสาวของดาวยั่วสวาท กู้ซีเฉียวงดงามไร้ที่ติอย่างเป็นธรรมชาติ หากพิจารณาแต่ละรายละเอียดจะเห็นว่าเธอมีความละเมียดละไมกว่ากู้ซีจิ่นมาก หรือแม้กระทั่งบุคลิกของเธอก็ยังสุขุมในชนิดที่ว่ากู้ซีจิ่นเทียบชั้นไม่ติด
ซย่าจื่อจวิ้นทราบดีว่าคุณปู่กู้เป็นคนพาเด็กสาวผู้นี้มาจากชนบท ฉะนั้นแล้วเด็กที่เติบโตในชนบทจะสู้กู้ซีจิ่นที่เป็นบุตรสาวทายาทสายตรงได้อย่างไร
แต่สิ่งนี้ยิ่งทำให้ซย่าจื่อจวิ้นมองไปกู้ซีเฉียวซ้ำอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
ในเวลานั้น เธอนั่งเงียบๆ อยู่ที่ปลายโต๊ะ บนโต๊ะอาหารมีผู้คนนั่งรายล้อม มีเพียงแต่เธอเท่านั้นที่นั่งเงียบอยู่ในมุมโต๊ะ
[ระบบตรวจพบว่า ระดับความรู้สึกดีที่ซย่าจื่อจวิ้นมีต่อโฮสต์คือ 20 ไม่ทราบว่าคุณต้องการจัดเขาอยู่ในหมวดหมู่ของมิตรหรือไม่] เสียงระบบดังขึ้นในหัว
กู้ซีเฉียวที่ไม่ได้รู้สึกดีต่อซย่าจื่อจวิ้นปฏิเสธทันควัน “ไม่ต้อง”
กู้จู่ฮุยนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ แม้ว่าซูหว่านเอ๋อร์จะรู้สึกไม่พอใจ แต่เพราะมีคนนอกอยู่ด้วย เธอจึงไม่แสดงท่าทีไม่สบอารมณ์ออกมา การเรียกกู้ซีเฉียวลงมาร่วมโต๊ะอาหารไม่ใช่ความคิดของเธอ เรียกคนชั้นต่ำมาร่วมโต๊ะเพื่ออะไร หมดอารมณ์กินข้าวเปล่าๆ จะโทษกู้ซีจิ่นหรือจะให้เขกหัวเธอก็คงไม่ได้เช่นกัน เธอทำได้เพียงจ้องกู้ซีเฉียวเขม็งอย่างเย็นชา
กู้ซีเฉียวหลุบตาต่ำซ่อนความรู้สึกเย้ยหยัน
ตัวเองคุมกู้จู่ฮุยไม่ได้เองแล้วไปโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่น แต่ส่วนกู้จู่ฮุยที่มักมากหลายใจกลับไร้ความผิดเสียอย่างนั้น โง่งมโดยแท้!
กู้ซีจิ่นหันไปขยับปากให้ซูหว่านเอ๋อร์ก่อนจะหันไปกระซิบคนรับใช้
คนรับใช้หยิบจานซี่โครงข้างๆ กู้ซีจิ่นและถือไปวางกระแทกตรงหน้ากู้ซีเฉียวส่งเสียง “กุกกัก” พวกคนรับใช้ไม่ชอบลูกนอกสมรสคนนี้เอาเสียเลย คุณผู้หญิงผู้มีจิตใจเมตตาอุตส่าห์พากลับมาอยู่ที่นี่ การที่เธอชอบทำหน้าเศร้าสลดคงตั้งใจให้คนนอกสงสัยในตัวคุณผู้หญิงใช่หรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้นคือคุณหนูใหญ่ก็ช่างแสนดี เพราะเธอมักจะนึกถึงลูกสาวนอกสมรสจิตใจชั่วช้าคนนี้อยู่เสมอ