ตอนที่ 10 มอหก
วันหยุดยาวช่วงวันแรงงานผ่านพ้นไปแล้ว วันนี้คือวันเปิดเรียน กู้ซีเฉียวมองเงาสะท้อนในชุดนักเรียนสีขาวน้ำเงินตัวโคร่งในกระจก ผมยาวถูกรวบตึงเป็นหางม้า รอยยิ้มสดใสเฉกเช่นดอกไม้บานภายใต้ใบหน้าอ่อนเยาว์ ดูอย่างไรก็เป็นเพียงเด็กมัธยมธรรมดา
เธอหรี่ตา สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป
เธอและกู้ซีจิ่นเรียนอยู่ชั้นมัธยมหกของโรงเรียนอีจงในเมืองเอ็น แต่ที่ต่างกันคือกู้ซีจิ่นเรียนห้องหัวกะทิ ส่วนกู้ซีเฉียวเรียนห้องคู่ขนาน
ในยุคนี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการแบ่งห้องเรียนอีกแล้ว หากไล่จากบนลงล่างคือ ห้องหัวกะทิ ห้องทดลอง ห้องทั่วไป และห้องคู่ขนาน สำหรับห้องคู่ขนานทั้งครูผู้สอนและนักเรียนในห้องล้วนด้อยกว่าสามห้องข้างต้นที่กล่าวมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องหัวกะทิ เด็กระดับแนวหน้าของเมืองจะรวมอยู่ที่ห้องนี้ ฉะนั้นแล้วห้องนี้ถือว่ามีมูลค่ารวมสูงที่สุด
เด็กที่อยู่ห้องกะทิเกือบทั้งหมดให้ความสำคัญกับเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ส่วนนักเรียนจากห้องคู่ขนานถูกผู้อำนวยการโรงเรียนหลงลืมไปแล้วว่ามีห้องนี้อยู่ด้วย
ใกล้ถึงเวลาสอบเข้าไปทุกที ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือน ทุกคนในห้องต่างขยันทุ่มเทอย่างสุดกำลัง ส่วนนักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามามักจะก้มหน้าก้มตา เพื่อนในห้องแทบไม่เคยเห็นหน้าเธอชัดๆ เธอเป็นคนพูดน้อย ฉะนั้นแล้วเด็กส่วนใหญ่จึงไม่ได้ใส่ใจเธอนัก
เพียงแต่บางครั้งที่มองไปทางเธอต่างก็ได้แต่สงสัยว่าคนที่ใส่ชุดนักเรียนแล้วยังสวยได้ขนาดนี้ เกรงว่าในโรงเรียนคงมีแค่ไม่กี่คนใช่หรือไม่
แม้บนหน้าของเธอจะปราศจากเครื่องสำอาง แต่ใบหน้ายังคงงามหมดจดจึงไม่แปลกที่มักจะมีนักเรียนจากชั้นเรียนอื่นมาแอบส่องเธอที่หน้าต่าง
[ระบบตรวจพบว่า เซียวอวิ๋นเป็นคนซื่อตรง ต้องการจัดประเภทอยู่ในหมวดหมู่มิตรหรือไม่] ระบบพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
กู้ซีเฉียวได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองเซียวอวิ๋นที่กำลังแจกข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ เธอเป็นเพื่อนที่นั่งโต๊ะติดกันและเป็นตัวแทนวิชาคณิตศาสตร์ ในชาติที่แล้วเธอและเซียวอวิ๋นไม่เคยคุยกัน เธอได้ยินเพียงว่า เซียวอวิ๋นล้มเหลวในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย สุดท้ายจึงเลือกเข้าวงการบันเทิง ในตอนนั้นเองชั้นเรียนของเธอจึงมีเพื่อนเป็นดาราดัง
“ไม่ต้อง” เธอปฏิเสธ
[เฉียวเหม่ยเหริน คุณควรจัดให้เธออยู่ในหมวดหมู่มิตร เซียวอวิ๋นเป็นคนมีสติปัญญาและเด็ดเดี่ยว ถือเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ โลกนี้มีคำกล่าวที่ว่า “อยู่นอกบ้าน ต้องพึ่งมิตรสหาย” คุณต้องหาเพื่อนไว้บ้าง! และที่สำคัญคือ ระบบได้ตรวจสอบดูแล้ว บ้านของเธอ รวย! มาก!]
“เธอเห็นฉันเป็นพวกอัตคัดขัดสนเหรอ อีกอย่าง เธอก็บอกเองว่าตัวเองเก่งกาจ แล้วทำไมฉันถึงต้องการเพื่อนด้วยเล่า” กู้ซีเฉียวเลิกคิ้ว
ระบบแทบกระอัก ปากไวสู้โฮสต์ไม่ได้ งั้นก็ขอเป็นระบบน่ารักจิ้มลิ้มต่อไปแล้วกัน
กู้ซีเฉียวเพิ่งจะมีเวลาดูกระดาษข้อสอบบนโต๊ะ
วิชาทักษะภาษา 122 คะแนน ผ่านเกณฑ์ พาร์ทเขียนถูกตัดคะแนนเยอะไปหน่อย
วิชาคณิตศาสตร์ 140 คะแนน ถือว่าใช้ได้ เธอมีพื้นฐานวิชาเลขอยู่ในเกณฑ์ดี เพียงแค่การสอบครั้งนี้คงจะไม่มีสมาธิเท่าไหร่ ถึงได้เลือกคำตอบผิดไปสองข้อ
วิชารวมทักษะ 272 คะแนน ไม่เลว แค่ตอบข้อใหญ่ไม่ได้
วิชาภาษาอังกฤษ 72 คะแนน ตอบคำถามลงในช่องว่างกับพาร์ทอ่านน่าจะตอบผิดหมด ส่วนการฟังนั้นก็ปล่อยว่าง
กู้ซีเฉียวม้วนกระดาษเก็บเงียบๆ เธอเป็นพวกภาษาอังกฤษแย่ตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่หลังจากนั้นเธอได้กลับไปนั่งเรียนใหม่ และได้อ่านหนังสืออีกนับไม่ถ้วนขณะที่อยู่ในพื้นที่เสมือนจริง ตำราส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ฉะนั้นแล้วตอนนี้วิชาภาษาอังกฤษจึงไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกังวลแต่อย่างใด จากระดับความสามารถของเธอ ณ ตอนนี้ ภาษาอังกฤษระดับมัธยมไม่นับว่าเป็นปัญหาของเธออีกแล้ว
ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย สิ่งที่เธอกังวลไม่ใช่วิชาภาษาอังกฤษ แต่เป็นวิชาคณิตศาสตร์ ดูแล้วความรู้วิชาเลขคงลงไหไปหมดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องระบบต่างๆ คงต้องใช้เวลาศึกษานานทีเดียว ดูแล้วเธอคงต้องใช้คะแนนสะสมแลกกับเวลาในพื้นที่เสมือนจริง
ทันทีที่ตรวจจับความคิดของเธอได้ ระบบก็กระเด้งพรวด [คุณเลือกได้ฉลาดมาก การไหลของเวลาในพื้นที่เสมือนจริงแตกต่างจากโลกปัจจุบัน หากคุณเข้ามาในนี้ คุณจะได้รับแบบฝึกหัดอย่างครบถ้วนและครอบคลุม ฉะนั้นยังต้องกลัวว่าเวลาจะไม่พออีกหรือ]
“ฉันบอกแล้วไงว่า ถ้าไม่มีอะไรทำก็ให้ไปนั่งไถเวยปั๋ว ไม่ต้องมานั่งตรวจจับความคิดของฉัน”
ระบบ: […]
คาบเรียนตลอดทั้งช่วงเช้าทำเอากู้ซีเฉียวถึงกับปวดหัว สุดท้ายเธอยอมแลกคะแนนสะสมกับการเข้าไปหาตำราศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ในพื้นที่เสมือนจริง
ดังนั้น สถานการณ์ที่คนอื่นๆ เห็นจึงเป็นดังนี้
ในคาบแรกซึ่งเป็นวิชาเคมี นักเรียนกู้ฟุบนอนลงบนโต๊ะ ส่วนคาบที่สองวิชาภาษา เพื่อนนักเรียนกู้ก็ยังไม่ตื่น ส่วนคาบที่สามซึ่งเป็นวิชาชีววิทยา นักเรียนกู้น่าจะหลับเป็นตายไปแล้ว!
ครูส่วนใหญ่ในโรงเรียนอีจงก็เป็นพวกหัวสูง เมื่อเทียบกับนักเรียนดี นักเรียนในห้องคู่ขนาดจึงไม่อยู่ในสายตา ต่อให้มีนักเรียนนอนหลับในห้องก็จะปล่อยให้นอนต่อไป
ครูประจำชั้นเดินผ่านหน้าต่างด้านหลังเป็นครั้งที่สาม จากมุมนั้นเขาเห็นเด็กหญิงกู้กำลังแอบหลับอยู่ที่โต๊ะพอดี เขาขมวดคิ้วก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องพักครู พลิกดูคะแนนสอบของนักเรียนคนนั้นแล้วพบว่าความต่างของคะแนนแต่ละวิชานั้นมากจนเกินไป สุดท้ายครูประจำชั้นก็เดือนดาลเอาเสียดื้อๆ
คาบเรียนที่สี่เป็นวิชาคณิตศาสตร์ ครูประจำชั้นเดินเข้ามาพร้อมใบคะแนนด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาสอดส่ายสายตาไปรอบห้อง เด็กนักเรียนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างยังคงฟุบหน้าลงบนโต๊ะ เขาฟาดใบคะแนนลงบนโต๊ะอย่างเหลืออด กลับหลังหัน เขียนๆ ลบๆ โจทย์เรขาคณิตวิเคราะห์ข้อหนึ่งลงบนกระดาน
“กู้ซีเฉียว! ขึ้นมาแก้โจทย์ข้อนี้!”
[มีคนกำลังเรียกคุณจากโลกด้านนอก ระบบจะปิดพื้นที่เสมือนจริงในอีก 3 วินาที โฮสต์กรุณาเตรียมตัวออกจากพื้นที่]
กู้ซีเฉียวนั่งอยู่ในพื้นที่โล่งกว้าง ข้างๆ มือของเธอมีตำราและแบบฝึกหัดกองพะเนิน ครั้นได้ยินเสียงอิเล็กทรอนิกส์จากระบบในพื้นที่เสมือนจริง ความสับสนก็แวบผ่านในแววตาสีเข้มก่อนจะกลับสู่ความสงบนิ่งในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
“ฉันอยู่ในนี้มานานเท่าไหร่แล้ว”
[เฉียวเหม่ยเหริน ครั้งนี้คุณใช้คะแนนสะสมสามสิบคะแนนเพื่อแลกกับเวลาหนึ่งเดือน ใช้คะแนนเกินจากยอดคงเหลือสิบแปดคะแนน คุณควรจะต้องรักษาสมดุลช่วงเวลาทำงานและพักผ่อนให้ดี อย่าหักโหม เมื่อออกจากพื้นที่เสมือนจริงแล้ว กรุณาพักผ่อนทันที การใช้เวลาอยู่ในพื้นที่เสมือนจริงนานเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกาย!]
เซียวอวิ๋น เพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เขย่าตัวกู้ซีเฉียว เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงยหน้าด้วยอาการงุนงง เธอจึงเตือนว่า “ครูเรียกให้เธอออกไปแก้โจทย์”
กู้ซีเฉียวนวดบริเวณหว่างคิ้ว กล่าวขอบใจก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทำโจทย์บนกระดาน
โจทย์เรขาคณิตวิเคราะห์บนกระดานเป็นโจทย์ที่ดัดแปลงมาจากข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อปีก่อน ข้อสอบข้อนั้นถูกออกโดยอาจารย์ที่ทำหน้าที่ออกข้อสอบสำหรับแข่งขัน ระดับความยากถึงขั้นในเมืองเอ็นมีคนแก้โจทย์ได้เพียงไม่กี่คน การที่ครูประจำชั้นเลือกข้อนี้มาเพื่อเตือนสตินักเรียนไม่ให้ทะนงตัว
เขาหันหลังให้กู้ซีเฉียวและหันไปเทศนานักเรียนที่เหลือในห้อง “ชีวิตมนุษย์คือกระบวนการของการเลือกและการละทิ้งบางสิ่งบางอย่างอยู่ตลอดเวลา การสอบเข้าจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายในชีวิตของพวกเธอที่ตัวตนและภูมิหลังครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเธอจะคว้าและใช้ประโยชน์จากมัน หรือจะเลือกหนีและละทิ้ง อำนาจการตัดสินใจนี้อยู่ในมือของพวกเธอ…”
เขาเป็นครูประจำชั้นที่ดี แม้ว่าเขาจะต้องดูแลนักเรียนห้องที่แย่ที่สุด แต่กลับไม่ได้ละเลยหน้าที่ ทุกคำที่เขากล่าวทำให้นักเรียนทั้งห้องก้มหน้าสำนึก
เมื่อเห็นว่านักเรียนตั้งใจฟังสิ่งที่ตนพูด ครูประจำชั้นก็ซึ้งใจ เขาหันหลังกลับไปหากู้ซีเฉียว “นักเรียนกู้ ครูรู้ว่าเธอเป็นคนมีพื้นฐานวิชาคณิตศาสตร์ที่ดี แต่ตราบใดที่ยังเรียนมอหกไม่จบ เธอก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย ส่วนโจทย์ข้อนี้หากทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร…”
เดิมทีเขาตั้งใจให้กู้ซีเฉียวได้สำนึกตัว แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะสอนอะไรไม่ได้แล้ว
ที่หน้ากระดาน เด็กสาวอยู่ในยูนิฟอร์มนักเรียนตัวโคร่ง ชุดนักเรียนที่คนส่วนใหญ่ใส่แล้วทำให้รูปร่างดูตันกว่าปกติ ไม่น่าดู แต่ยามที่เธอใส่กลับดูพอดีตัว คนที่นั่งอยู่ด้านหลังเห็นเพียงคอระหงเนียนขาว ภาพที่เธอกำลังหันหลังเขียนกระดาษทำให้คนรู้สึกเหมือนกำลังชมภาพวาด
กู้ซีเฉียวเขียนตัวเลขตัวสุดท้าย เธอกวาดตามองสมการวงรี สมการเส้นสัมผัสวงกลม และการพิสูจน์หาคำตอบทั้งหมด เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจึงวางชอล์กแล้วหันกลับมา
ครูประจำชั้นที่เพิ่งหายจากอาการตะลึงกระแอมกระไอ เขาสั่งให้กู้ซีเฉียวกลับไปนั่งที่ สวมแว่นและดูการแก้โจทย์ของกู้ซีเฉียวอย่างละเอียด พบว่ากู้ซีเฉียวไม่ได้เพียงหาคำตอบได้เท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่เข้าใจง่ายด้วย เขาพยักหน้าอย่างพอใจ “ไม่เลว นักเรียนกู้ทำได้ยอดเยี่ยม นักเรียนคนอื่นๆ หากมีข้อสงสัย เลิกเรียนแล้วก็ให้ไปถามนักเรียนกู้ก็แล้วกัน”
ประโยคชื่นชมของครูประจำชั้นทำให้นักเรียนในห้องมองไปที่กู้ซีเฉียวด้วยแววตาประหลาดใจ
ขนาดเป็นโจทย์ง่ายๆ นักเรียนส่วนใหญ่ในห้องนี้ยังแก้ไม่ได้ แต่กู้ซีเฉียวไม่เพียงแต่แก้โจทย์ประยุกต์สามหัวข้อได้ แต่ยังได้รับคำชมจากครูประจำชั้นอีกด้วย
นักเรียนในห้องรู้สึกเกินความคาดหมาย
ครูประจำชั้นลบโจทย์ข้อดังกล่าวเนื่องจากซับซ้อนเกินไปสำหรับห้องคู่ขนาน แต่หางตาของเขายังเห็นนักเรียนบางคนทำท่าง่วงเหงาหาวนอนอยู่ ขี้เกียจขนาดนี้ ดูไม่เหมือนนักเรียนมอหกเลยสักนิด ลึกๆ เขาอยากฝากความหวังไว้ที่นักเรียนคนนี้จึงใช้ชอล์กเคาะลงบนโต๊ะ “กู้ซีเฉียว เธอเป็นคนเดียวในห้องที่เลือกปรนัยข้อง่ายผิดทั้งสองข้อแล้วยังจะไม่ตั้งใจเรียนอีก!”
กู้ซีเฉียวสั่นหัว พยายามนั่งหลังตรง หรี่ตามองชีทเลขที่ครูเพิ่งแจกเมื่อครู่เพื่อหาว่าครูกำลังสอนถึงข้อไหน
ไม่นานก็หมดคาบ กู้ซีเฉียวรอให้คนในห้องออกไปจนหมดแล้วจึงควานหาบัตรอาหารที่มีรูปประตูโรงเรียนพิมพ์อยู่จากในลิ้นชัก
ภาพของนักเรียนชายสองคนยืนอุ้มลูกบาสอยู่ที่หน้าประตูโรงอาหารดึงดูดสายตาจากรอบข้าง
หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหนุ่มหัวเกรียน เมื่อเห็นเด็กสาวหน้าตาดีเดินตรงมา เขาก็รีบคว้าตัวเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผู้มีใบหน้าคมคายทว่าไร้อารมณ์อีกคน “พี่อู่ พี่อู่ ดูนั่นเร็ว อย่างสวยเลยจริงไหม นั่นใช่คนที่เขียนจดหมายรักให้พี่รึเปล่า ชื่ออะไรนะ…อ๋อ กู้ซีเฉียว เมื่อเช้าตอนผมไปหาเซียวอวิ๋นที่ห้องบังเอิญเจอเธอพอดี โคตรสวยเลยครับ!”