ตอนที่ 11 ช่วยคน
อู่หงเหวินทอดสายตามอง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่สนใจ “ถ้าอยากอยู่ดูต่อก็เชิญ ฉันจะไปกินข้าว!”
เด็กหนุ่มหัวเกรียนถอนสายตาจากไปอย่างจำใจ ก่อนจะเหลือบมองอู่หงเหวินด้วยแววตาอิจฉา “ให้ตายเถอะ ถ้าจดหมายฉบับนั้นเขียนถึงผม ผมคงไม่มายุ่มย่ามกับพี่หรอก พี่ทำแบบนี้มันเสียดายของชัดๆ เหมือนไปยืนขวางส้วมแต่ไม่ขี้!”
“โถ สารรูป” อู่หงเหวินเหล่มองไปทางเขา โยนลูกบาส แล้วเดินจากไป
เด็กหนุ่มหัวเกรียนทำหน้าฉงน “ว้อททท คำว่าเพื่อนมันสั้น ไอ้คุณพี่อู่เดือนโรงเรียน!”
…..
อีกด้านหนึ่ง กู้ซีเฉียวที่ทานอาหารเสร็จเดินกลับขึ้นห้อง เธอตั้งใจเรียนคาบบ่ายเป็นอย่างดี
ครูประจำชั้นที่ยืนหลบอยู่นอกหน้าต่างแสดงท่าทีพึงใจ
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน เขาเรียกกู้ซีเฉียวเข้ามาพบเป็นการส่วนตัว
“เธอจะสอบเข้ามหาฯลัยไหน” ครูประจำชั้นหยิบใบคะแนนออกมา ถามเข้าประเด็นทันที “วิชาคณิตศาสตร์ของเธอดีขนาดนี้ แต่ภาษาอังกฤษไม่น่าจะแย่ถึงขนาดนี้ เลข ฟิสิกส์ เคมีแยกกันไม่ขาด ส่วนวิชารวมทักษะ หากขยันอีกหน่อยก็น่าจะได้เพิ่มอีกสักสิบคะแนน คะแนนระดับนี้สอบเข้ามหา’ลัยดีๆ ได้ไม่ยาก”
กู้ซีเฉียวกะพริบตา ตอบไปเพียงว่า “หนูยังไม่เคยคิดค่ะ”
เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ เมื่อชาติก่อน สุดท้ายเธอเข้ามหา’ลัยบี แต่ครั้งนี้เธอไม่อยากเดินซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว แต่หากถามว่าจะไปที่ไหนนั้น เธอยังไม่ได้ตัดสินใจ
ครูประจำชั้นชะงักไป เดิมทีเขาเดาว่าคำตอบคงจะเป็น มหา’ลัยเอส มหา’ลัยบี หรือมหา’ลัยเอ คิดไม่ถึงว่ากู้ซีเฉียวจะตอบเช่นนั้น “คนหนุ่มคนสาวควรจะมีเป้าหมายนะ เธอจะได้มีแพชชั่นในการเรียน ดูเธอสิ มีพรสวรรค์ออกปานนี้กลับไม่ใช้ น่าเสียดาย!”
“รอให้ถึงการสอบครั้งต่อไปก่อนก็แล้วกันค่ะ” กู้ซีเฉียวโค้งมุมปาก “ถึงเวลานั้นก็ค่อยมาดูคะแนนกันอีกทีค่ะ”
“ก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้น เธอก็ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองสูงหน่อย แล้วอย่ายอมแพ้เด็ดขาด” ครูประจำชั้นเห็นว่ากู้ซีเฉียวไม่อยากบอกจึงไม่ได้เซ้าซี้ “เอาตามนี้ก็แล้วกัน รีบกลับไปได้แล้ว ระวังตัวด้วย”
กู้ซีเฉียวพยักหน้า ขณะที่กำลังเดินไปถึงประตู เธอหันกลับมามองกระดาษคิดเลขบนโต๊ะในห้องพักครู เอียงศีรษะเล็กน้อยพลางส่งยิ้ม “ครูคะ โจทย์ข้อนั้นต้องใช้การคำนวณเรื่อง ‘ฟังก์ชันภาวะน่าจะเป็น’ ค่ะ ถ้าครูแก้โจทย์แบบนั้นเกรงว่าจะหาคำตอบไม่ได้ค่ะ”
แววตาเป็นประกายของเด็กสาวดูน่ารักน่าเอ็นดูทำให้ครูคนอื่นๆ ในห้องหัวเราะตามอย่างอารมณ์ดี
ครูประจำชั้นก้มหน้าหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาและแก้โจทย์โดยใช้วิธีการคำนวนเรื่องฟังก์ชันภาวะน่าจะเป็นแล้วพบว่าเป็นจริงตามนั้น เขาผงะไปชั่วครู่ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา ตาสองข้างหยีเป็นเส้นด้วยความสุข “เก่งจริงๆ”
เรื่อง ‘ฟังก์ชันภาวะน่าจะเป็น’ เป็นวิธีคำนวณที่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกคณิตศาสตร์เรียนกัน การนำมาออกข้อสอบเข้ามหา’ลัยถือว่าเกินขอบเขตเนื้อหา ฉะนั้นครูที่โรงเรียนจึงต้องสอดแทรกเนื้อหาเหล่านี้เข้าไปด้วย แต่เด็กคนนี้เพิ่งจะอยู่ชั้นมัธยม แต่กลับใช้สูตรนี้ได้อย่างว่องไว ดูแล้วเธอคงจะขยันขันแข็งพอควร
ครูที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ได้ยินจึงเดินมาดูและเริ่มรู้สึกอิจฉา “ถ้าคะแนนภาษาอังกฤษดีกว่านี้หน่อยคงย้ายไปห้องหัวกะทิได้สบายๆ เอาไปไว้ห้องคุณ คุณเองจะลำบากเปล่าๆ”
ในห้องพักครูถกกันอยู่นาน
กว่ากู้ซีเฉียวจะได้ออกจากโรงเรียนก็เย็นมากแล้ว บนถนนแทบจะไม่เหลือเงาคน รถตระกูลกู้ที่มักจะจอดคอยอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนก็กลับไปแล้ว
เธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ กู้ซีเฉียวไม่ได้รู้สึกอะไร เธอสะพายกระเป๋านักเรียนไว้บนหลัง หรี่ตามองครู่หนึ่ง แสงอาทิตย์อัสดงสาดกระทบร่างหญิงสาวสะท้อนเป็นเงายาว เธอเดินกลับทางที่ใกล้ที่สุด
[ติ๊ง! มอบหมายภารกิจทำความดีประจำวัน: ช่วยเหลืออู่หงเหวิน หากภารกิจสำเร็จจะได้รับคะแนนสะสม 10 คะแนน!]
ระบบที่เงียบไปตลอดทั้งบ่ายส่งเสียง กู้ซีเฉียวชะงักฝีเท้า “อู่หงเหวินคือใคร แล้วฉันจะไปช่วยเขาได้ยังไง”
ระบบในห้วงอากาศโบกมือสั้นๆ ของมันแล้วจึงปรากฏจอภาพโปร่งใสขึ้นตรงหน้ากู้ซีเฉียว บนจอนั้นมีลูกศรสีแดงบอกทิศทาง [ระบบตรวจพบว่า อู่หงเหวินซึ่งเป็นบุคคลเป้าหมายอยู่บริเวณถนนเล็กๆ ทางด้านซ้ายมือของคุณ]
กู้ซีเฉียวเดินตามลูกศรไปเรื่อยๆ เธอเห็นแต่ไกลว่ามีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งยืนล้อมเด็กหนุ่ม ในมือของชายฉกรรจ์มีมีดสั้นสะท้อนประกาย เธอมองไปที่แขนขาเล็กจิ๋วของตัวเองแล้วแทบสำลัก “โอ้ย อะไรน่ะ ฉันสู้พวกนั้นไม่ได้หรอก”
[โปรดอย่าลืมว่าไม่มีสิ่งใดที่ระบบทำไม่ได้ คุณสามารถใช้คะแนนสองคะแนนซื้อสถานะปรมาจารย์ด้านวิทยายุทธ์เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง]
“สองคะแนน? ช่างเถอะระบบ ฉันขอไม่เผือกดีกว่า” คะแนนหนึ่งคะแนนสามารถแลกเวลาในพื้นที่เสมือนจริงได้หนึ่งวัน หากจะเอามาใช้ตอนนี้ สิ้นเปลืองเปล่าๆ
[อย่าลืมสิว่าคุณติดหนี้ก้อนโตอยู่นะ! หักไปแค่สองคะแนน คุณก็จะได้กลับคืนมาอีก 8 คะแนน!] ระบบมีน้ำโห
มันเพิ่งจะชมว่าเธอขยัน ทำไมจู่ๆ ถึงได้กลายเป็นคนขี้เหนียวขนาดนี้
อู่หงเหวินรู้สึกว่าหมู่นี้ตัวเองโชคไม่ค่อยดี ก่อนหน้านี้เขาถูกดาวเด่นโรงเรียนข้างๆ ตามรังควาน ส่วนตอนนี้หนุ่มๆ ที่ตามจีบเธอกำลังล้อมหน้าล้อมหลังเขาอยู่ ฝ่ายตรงข้ามมีกันแปดคน ส่วนเขาแค่ตัวคนเดียว
ศัตรูแข็งแกร่ง ส่วนเขาอ่อนแอ อีกฝ่ายมีทั้งมีดสั้นและท่อนเหล็ก สีหน้าโหดเหี้ยมดุร้าย บรรยากาศเคร่งเครียดเกินกล่าว เพียงเห็นก็รู้ทันทีว่าต้องมีเลือดตกยางออก
รอบข้างมีนักเรียนเดินผ่านบ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นสภาพการณ์เช่นนั้นก็รีบกลับหลังหันเดินหนีไปทันที แต่หากใครจำต้องเดินผ่านทางนี้ก็จะก้มหน้าต่ำและสับเท้าให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอเพียงแค่ไม่เข้าไปยุ่งกับคนกลุ่มนี้ก็พอ อู่หงเหวินเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่เขียนจดหมายรักมาให้เขาวันนี้ ทันทีที่เธอเห็นเขา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เด็กสาวคนนั้นกลับหลังหันวิ่งหนีไวว่อง
สายตาของชายหนุ่มยังคงจ้องตรงไปที่กลุ่มคนท่าทางโหดเหี้ยม แม้อู่หงเหวินจะเข้าใจคนที่เดินผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดยิ้มอย่างขมขื่นกับตัวเองไม่ได้
คำโบราณกล่าวไว้ว่า ยามทุกข์จึงเห็นมิตรแท้ ประโยคนี้เป็นจริง มิได้บิดเบือน
นักเลงหัวทองที่ทำตัวเป็นหัวหน้าคาบบุหรี่ไว้ที่มุมปาก พิศมองชายหนุ่มใบหน้าคมคายพลางกล่าวด้วยท่าทางอวดดี “แกคืออู่หงเหวินนักเรียนดีเด่นซินะ แกคิดว่าตัวเองมีดีมาจากไหนถึงได้กล้าแตะต้องผู้หญิงของข้า ก็แค่เดือนโรงเรียนอีจง ข้าจะดูซิว่าจะมีน้ำยาจริงไหม!”
สิ้นประโยคก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของลิ่วล้อ
อู่หงเหวินไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ มุมปากยกยิ้มหยันถากถาง ทำให้คนเหล่านั้นยิ่งโกรธจนหน้าแดง ชายหัวทองคลี่ยิ้มชั่วร้าย ม้วนบุหรี่ขยับไหว กลุ่มคนด้านหลังล้อมเข้ามาอย่างมุ่งร้าย
ใบหน้าของคนเหล่านี้ดูน่ากลัว พวกเขาคือนักเรียนช่างจากโรงเรียนข้างๆ เพราะไม่ได้ใส่ใจจะเรียน เอาแต่สุมหัวก่อเรื่องทะเลาะวิวาทไปวันๆ ไม่รักตัวกลัวตาย คนพวกนี้จึงต่อสู้ดุเดือดกว่าคนทั่วไปหลายขุม ซ้ำร้ายในช่วงที่ผ่านมายังไปรวมตัวอยู่กับพวกอันธพาลเสียด้วย
รูม่านตาของอู่หงเหวินหดตัว คนฉลาดอย่างเขาย้ายกระเป๋าสะพายหลังมาไว้ด้านหน้าเพื่อบังตำแหน่งของหัวใจ
ท่อนเหล็กหนาสองสามท่อนวาดเข้ามาทั้งซ้ายและขวา อู่หงเหวินเตรียมจะสู้เพียงลำพัง แต่ในทันใดนั้น เหตุการณ์กลับเปลี่ยนไป
เงาหนึ่งพุ่งผ่านร่างของเขาไป ลอยลิ่วอยู่ในอากาศ พลิกตัวกระโดดเตะคนที่อยู่หน้าสุด จากนั้นเงานั้นก็ก้าวฉับไปคว้าหัวไหล่ของอีกคน เสียง “กร๊อบ” ดังชัด ทำเอาคนที่เหลือชะงักงันนิ่งอึ้ง
กู้ซีเฉียวอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังยืนอึ้งเข้าไปคว้าข้อมือของอู่หงเหวินและออกตัววิ่งสุดแรงเกิด
อู่หงเหวินหันหน้าไปมองคนที่จับมือของเขา สายลมข้างหูหวีดหวิว อันธพาลตะโกนไล่หลัง คนรอบข้างอุทานด้วยความแตกตื่น
แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ในสมองของเขาขาวโพลน ตาของเขาเห็นเพียงคนที่อยู่ข้างๆ
จากมุมนี้ เขาเห็นขนตายาวงอนของเธอ เงาจางปรกลงมาถึงขอบตาล่าง คิ้วโค้งได้รูป อวัยวะทุกส่วนบนหน้างามอย่างไร้ที่ติ แม้ว่ากำลังวิ่งหนี แต่เธอกลับดูสดใสแม้จะเจือไปด้วยความเมินเฉย เธอคล้ายกับแสงจันทร์ยามค่ำคืน
ชายหนุ่มมองค้างอยู่อย่างนั้น