ตอนที่ 12 จดหมายรัก
[ติ๊ง! พ้นขีดอันตราย โฮสต์ได้รับคะแนนสะสมสิบคะแนน]
ครั้นได้ยินเสียงเตือนจากระบบ กู้ซีเฉียวก็ค่อยๆ ชะลอฝีเท้า สถานะปรมาจารย์ด้านวิทยายุทธ์นับว่าไม่เลวทีเดียว เธอสัมผัสได้ว่าร่างกายภายในของเธอเปี่ยมไปด้วยกำลังมหาศาล เพียงหมัดเดียวก็สามารถล้มต้นไม้ต้นหนึ่งได้ “ให้ฉันมีสถานะแบบนี้ต่อไปไม่ได้เหรอ ตอนฉันไม่มีเงินจะได้เอาวิชานี้ไปหากินข้างถนนก็ยังได้”
[ร้านค้าในระบบมีขายสถานะถาวร หากระบบพัฒนาถึงระดับสามก็จะสามารถซื้อได้]
“งั้นต้องใช้กี่คะแนน” กู้เฉียวสงสัย ขนาดสถานะปรมาจารย์ยังซื้อได้ ระบบนี้ไม่วิเศษเกินไปหน่อยหรือ
เสียงของระบบเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด [2000 คะแนน แต่ฉันไม่แนะนำให้คุณซื้อไอเทมนั้น เฉียวเหม่ยเหริน หากคุณต้องการเป็นปรมาจารย์ด้านวิทยายุทธ์ คุณสามารถแลกคะแนนกับเวลาในพื้นที่เสมือนจริงเพื่อฝึกร่างกาย การใช้ทางลัดไม่ใช่วิธีที่ดี]
[ติ๊ง! ระบบตรวจพบว่า ความรู้สึกดีที่อู่หงเหวินมีต่อคุณอยู่ในระดับ: 38 ไม่ทราบว่าต้องการจัดประเภทอยู่ในหมวดหมู่มิตรหรือไม่]
“ไม่ต้อง” กู้ซีเฉียวปฏิเสธทันควัน เธอย้ายหนังสือจากมือซ้ายมาถือมือขวา “วางใจได้ ฉันก็แค่ถามเฉยๆ ความสามารถที่ฝึกฝนด้วยตัวเองจึงจะเรียกว่าเป็นความสามารถที่แท้จริง รอฉันมีเวลาเมื่อไหร่ไว้ค่อยไปเรียน”
หากชาติที่แล้ว เธอได้ร่ำเรียนทักษะทุกอย่างจนครบถ้วน เธอคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ในชาตินี้เธอจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นอีก
“ขอบคุณ เธอชื่ออะไร” อู่หงเหวินเห็นว่ากู้ซีเฉียวกำลังจะเดินจากไป สติถึงได้กลับเข้าที่ เขาเตรียมจะเอื้อมมือจะไปคว้าแขนของหญิงสาว
กู้ซีเฉียวที่ยังอยู่ในสถานะปรมาจารย์ด้านวิทยายุทธ์ตอบสนองว่องไว เธอขยับหลบในชั่วพริบตา เขาจึงจับไม่โดน
“ไม่ต้องขอบคุณ ฉันไม่ได้ทำเพื่อนาย”
อู่หงเหวินไม่เชื่อคำพูดของเธอ เขาเกาหัวแกรกๆ ใบหน้าเรื่อสีเล็กน้อย ลมหายใจหลังจากวิ่งยังคงหอบรัว หน้าขาวมีเหงื่อซึมจนเปียกชุ่ม แขนเสื้อสั้นๆ ของชุดนักเรียนถูกถกขึ้นไป แววตาสุกใสประหนึ่งแสงดาวระยิบระยับ สีดำสนิท วาววาม
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม คนมากมายที่เห็นเขาต่างก็วิ่งหนีไป มีแต่เธอที่ยอมช่วย ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร เธอก็มาปรากฏตัวในตอนที่ทุกคนหนีหาย เรื่องนี้เขารู้ดีที่สุด “เธอเป็นคนดี”
นั่นนายคิดไปเองทั้งนั้น กู้ซีเฉียวไม่ใคร่จะต่อความยาวสาวความยืด เธอเดินหน้าต่อพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ
เวลานี้จะไม่มีแท็กซี่สักคันเลยเหรอ
จู่ๆ อู่หงเหวินที่เดินตามอยู่ด้านหลังก็ชะงักฝีเท้า เขามองเงาร่างบางก่อนที่ความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นในหัว ใบหน้าหล่อเหลากล่าว “ฉันนึกออกแล้ว เธอคือกู้ซีเฉียวใช่รึเปล่า คราวก่อนเธอ…”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาพบกู้ซีเฉียว ความรู้สึกเดียวที่อู่หงเหวินมีต่อคนชื่อ ‘กู้ซีเฉียว’ คือ…
ขยะแขยง!
เพิ่งมานึกได้เอาป่านนี้ อู่หงเหวินไม่รู้ว่าตัวเองควรทำเช่นไร
ความทรงจำเกี่ยวกับจดหมายรักฉบับนั้นช่างฝังลึก เขาจำได้ว่ากู้ซีจิ่นผู้เป็นดาวของห้องนำจดหมายฉบับนั้นมาให้เขา แต่กลับถูกคนในห้องแย่งไป กระดาษสีชมพูที่ถูกบรรจงพับเป็นรูปหัวใจ เห็นได้ชัดว่าคนทำตั้งใจเพียงใด แต่ตอนที่จดหมายฉบับนั้นถูกอ่านออกมาดังๆ เพื่อนๆ ในห้องก็ขำขันกับเรื่องนี้อยู่นานเป็นสัปดาห์ นั่นเป็นสาเหตุที่อู่หงเหวินรู้สึกแขยงทันทีที่ได้ยินชื่อกู้ซีเฉียว
จดหมายรักของหญิงสาวถูกอ่านต่อหน้าคนจำนวนมากกลายเป็นข่าวลือไปทั่วทั้งโรงเรียน ข่าวลือจะมีผลกับเด็กนักเรียนหญิงมอหกมากแค่ไหน เขาไม่ทราบ แต่หากเป็นเขา เขาคงรับไม่ไหวแน่ๆ
อู่หงเหวินชะงักงัน
ต้องมีความอดทนขั้นไหนถึงจะทนกับข่าวลือพวกนั้นได้
ชายหนุ่มยังยืนนิ่งอยู่ที่เก่า เฝ้ามองเงานั้นเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เขารู้สึกขลาดกลัวและละอายใจเกินจะกล่าว รู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ
ร่างนั้นทั้งผอมและบอบบาง ใบหน้าเรียวเล็ก นวลขาวประดุจหยก ยามวิ่งใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ดวงตาสุกสกาวของเธอชัดเจนจนสะท้อนใบหน้าของเขาได้
อู่หงเหวินรู้สึกขมขื่นจับใจ เธอยังเด็ก เพิ่งย้ายมาอยู่โรงเรียนนี้ได้ไม่นาน แต่กลับถูกคนเหล่านี้ผลักไส
หากเขารู้แต่แรก…ไหนเลยจะมีแต่แรกมากมายปานนั้น
จดหมาย? กู้ซีเฉียวหรี่ตาคิด แต่คิดไม่ออกและเลือกจะไม่สนใจ
ไม่เห็นมีความทรงจำเช่นนั้นอยู่เลย อีกทั้งยังไม่มีความจำเป็นต้องไปรื้อฟื้น
เธอค่อยๆ ก้าวเหยียบหินก้อนหนึ่ง นัยน์ตาดำสนิทแลดูเหม่อลอยประหนึ่งว่ากำลังคิดเรื่องใดอยู่ รถแท็กซี่หลายคันขับผ่านมา แต่ทว่าไม่ได้จอด
เนื่องจากบริเวณนั้นอยู่ใกล้โรงเรียน คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นส่วนใหญ่เป็นเหล่าผู้ปกครองของนักเรียน ส่วนมากจะเดินผ่านไปด้วยท่าทีรีบร้อนพร้อมใบหน้าเฉยเมยถึงขั้นเย็นชา
กู้ซีเฉียวหรี่ตามองไปเบื้องหน้าเห็นคู่สามีภรรยาสูงวัยกำลังเดินประคองกันไป ศีรษะของพวกเขาขาวโพลน ฝีก้าวเชื่องช้า ทุลักทุเล แต่ไม่ว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะดูเย็นชาเพียงใดก็จะหันมาส่งยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบทางให้
เธอเหม่อจ้องจนกระทั่งมีเสียงแตรบาดหูดังขึ้นข้างตัว
รถบูกัตติจอดรอท่าอยู่นานแล้ว รถหรูดึงดูดสายตาคนรอบข้าง เมื่อเห็นว่ากู้ซีเฉียวยังคงนิ่ง เจียงซูเสวียนจึงกดแตรอีกครั้งพลางเปิดประตู “ขึ้นมา”
คราวนี้เจียงซูเสวียนไม่ได้ถามที่อยู่ของเธอ เขาขับตรงไปที่คฤหาสน์กู้ ยามที่รถจอดติดไฟแดง ชายหนุ่มหันหน้ามามองข้างๆ อย่างอดไม่ได้ เด็กสาวนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ ก้มหน้า เธอแลดูว่าง่าย แต่เขารู้สึกได้ว่าเธอแค่นิ่งยามที่อยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้น “รอคนอยู่เหรอ”
โทนเสียงของชายหนุ่มเย็นชา ริมฝีปากบางเม้มลง คิ้วเรียวประหนึ่งคมของดาบ แววตาลุ่มลึกราวกับว่าสามารถมองทุกสิ่งได้ทะลปรุโปร่ง
ท่าทีเย็นชา ไม่เป็นมิตรทำให้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าใกล้
หากเป็นเพื่อนกับคนอย่างเขา ชีวิตคงขมขื่นเอาเรื่อง คนประเภทนี้รังแต่จะทำลายสีสันในชีวิตของคนอื่น
“เปล่า ฉันกำลังรอแท็กซี่ค่ะ” กู้ซีเฉียวหลุดจากภวังค์ เธอกำชายเสื้อ เจียงซูเสวียนดูว่างนะ ถึงได้โผล่มาทันเวลาเช่นนี้
“แล้วคนที่บ้านล่ะ เลิกเรียนแล้วไม่มีใครมารับเลยเหรอ” เจียงซูเสวียนนึกถึงข้อมูลในกล่องข้อความอีเมลแล้วขมวดคิ้วมุ่น
ถึงอย่างไร ตระกูลกู้ก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง ในเมื่อเอาอีกหนึ่งชีวิตกลับมาอยู่ที่บ้านก็ควรดูแลให้ดี คนในเมืองเอ็นต่างก็ทราบว่าคุณผู้หญิงกู้เป็นคนใจกว้าง เหตุใดลับหลังถึงได้ไม่ดูดำดูดีเธอเช่นนี้ ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นเด็ก ปล่อยให้กลับจากโรงเรียนเช่นนี้ได้อย่างไร
หากมิใช่เพราะเขาขับรถผ่านมาพอดี เด็กคนนี้จะต้องยืนรอไปอีกนานแค่ไหน
เธอกลับบ้านไปเกือบจะครบเดือนแล้ว แต่ยังดูไม่สบายอยู่ นี่คือวิธีที่คนตระกูลกู้ดูแลคนในบ้านหรอกหรือ
เจียงซูเสวียนไม่ประทับใจตระกูลกู้เอาเสียเลย
“จะให้รับอะไร อีกอย่างคุณก็มารับฉันแล้วนี่คะ” กู้ซีเฉียวหัวเราะคิกคัก เธอไม่ได้รู้สึกแย่เลยสักนิด
เจียงซูเสวียนหรี่ตา นัยน์ตาดำมะเมื่อมเปล่งประกายมุ่งร้าย แต่โชคดีที่ปกติแล้วเขาไม่ค่อยให้ใครเข้าใกล้ ฉะนั้นกู้ซีเฉียวจึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้
เขาข่มอารมณ์โกรธแล้วออกรถ พยายามควบคุมน้ำเสียงให้อ่อนโยนกว่าก่อน แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงยังเจือไปด้วยความไม่พอใจ “ที่ให้มือถือไป ไม่ได้ให้เอาไปตั้งโชว์”
ทำไมไม่โทรหาเขาเล่า
เจียงซูเสวียนกดบริเวณขมับ รู้สึกปวดหนึบๆ เขารู้ดีว่าเธอพยายามระวัง เธอเป็นพวกกลัวว่าตนเองจะสร้างความลำบากให้กับคนอื่น ส่วนเขาก็บอกได้ไม่เต็มปากว่าตัวเองช่วยแบ่งเบาความลำบากนั้นได้ เพราะไม่มีสถานะจะทำเช่นนั้น
เดิมทีเขาอยากจะถามเธอเรื่องเอกสารชุดนั้น แต่ทว่าตอนนี้กลับไม่มีอารมณ์จะถาม ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องหนังสือ เขาก็รู้ทันทีว่าเธอเข้ามาที่นี่ นอกจากเธอแล้ว จะมีใครที่ช่วยเขากู้ข้อมูลชุดนั้นกลับมา หรือต่อให้ไม่ถาม เขาก็ทราบ
รถยนต์มาถึงที่หมาย กู้ซีเฉียวโบกมือก่อนจะลงจากรถ
เจียงซูเสวียนนั่งรออยู่บนรถพักหนึ่ง ความอดทนหนนี้มีมากกว่าคราวก่อน เขาเพียงแต่ลดกระจก หยิบซองบุหรี่จากด้านหน้ารถทั้งที่ไม่ได้อยากสูบ ปกติแล้วปีหนึ่งเขาสูบบุหรี่แทบจะนับมวนได้ แต่ตั้งแต่พบเธอ ปริมาณการสูบของเขาก็แทบจะเทียบเท่าปริมาณการสูบในหนึ่งปี
ในขณะนั้น โทรศัพท์ของชายหนุ่มส่งเสียงร้องหลายครั้ง ทว่าเขาไม่สนใจ
ประตูเหล็กยังคงปิดสนิท เจียงซูเสวียนวางมือลงบนพวงมาลัย ใบหน้าคมคายซ่อนอยู่หลังกลุ่มควันจางๆ นิ้วของเขาขยับเป็นจังหวะ แววตาลุ่มลึกขึ้นทุกขณะ แสงขาววับวาบปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วก่อนจะหายวับไป
ในเวลานั้นเอง ประตูที่ปิดสนิทก็ค่อยๆ เปิดออก
เมื่อเห็นเด็กสาวเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้ว เขาจึงดับบุหรี่และขับรถออกไป