ตอนที่ 16 มโนธรรม
แม้เธอจะรู้ว่าทุกๆ วันกู้ซีจิ่นจะสั่งให้คนขับขับรถกลับไปโดยไม่รอเธอ แต่ถึงอย่างนั้นกู้ซีเฉียวกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เด็กๆ ทำกัน ขอเพียงกู้ซีจิ่นไม่รนหาที่ตายอย่างในชาติที่แล้ว เธอก็จะเห็นแก่ไมตรีไม่ลงมือกับอีกฝ่าย
เพียงแต่กู้ซีจิ่นจะเป็นคนแบบนั้นเหรอ กู้ซีเฉียวหัวเราะแผ่วเบาขณะล้วงเงินออกมาซื้อนมรสกล้วย จิ้มหลอดลงไปแล้วดูดอึกใหญ่ พลางทอดสายตามองไปที่ถนน
ตรงกลางสี่แยกด้านซ้ายมีเด็กผู้ชายอายุราวห้าถึงหกขวบยืนอยู่ ใบหน้าขาวจิ้มลิ้ม ตากลมโต กำลังง่วนอยู่กับการแทะลูกกวาดหลากสีในมือ เด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดู ดูเพลินตากว่าการมองกู้ซีจิ่นเป็นไหนๆ
เธอกวาดตาไปทางซ้าย เห็นรถยนต์สีดำกำลังขับตรงมา
[มอบหมายภารกิจประจำวัน: ช่วยคน…] ระบบยังกล่าวไม่ทันจบก็เห็นกู้ซีเฉียวก้าวเท้าไปแล้ว ดังนั้นระบบจึงเปลี่ยนคำกลางคัน [เนื่องจากความสามารถของโฮสต์มีอย่างจำกัด ระบบหัก 1 คะแนนโดยอัตโนมัติเพื่อซื้อการ์ดหลบภัย!]
กู้ซีเฉียวรู้สึกว่าจู่ๆ ร่างของตัวเองก็เบาหวิว พลังร้อนผ่าวไหวเวียนไปทั่วร่าง เธอเคลื่อนไหวไวว่องประหนึ่งนกนางแอ่น คนรอบข้างเห็นเพียงภาพลวงตาเลือนราง ภายในไม่กี่วินาทีก็เห็นหญิงสาวกำลังกอดเด็กผู้ชายยืนอยู่ที่ข้างถนนแล้ว
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีด้วย คุณทำภารกิจสำเร็จ ระบบมอบรางวัลคะแนนสะสม 30 คะแนน!]
เสียงเบรกดังสนั่นแสบแก้วหู ที่พื้นถนนเกิดเป็นรอยล้อลากยาวสองถึงสามเมตร ผู้คนถกกันเอ็ดอึง
ในตอนนั้นเอง หญิงสาววัยกลางคนเดินแหวกฝูงชนออกมาพร้อมใบหน้าซีดเซียว เธอเดินโซเซไปหาเด็กน้อยพลางร้องไห้เสียงหลง กว่าเธอจะหยุดร้องไห้ กวาดตามองไปก็พบว่าผู้มีพระคุณเมื่อครู่ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว แปลกจริง เมื่อครู่หญิงสาวคนนั้นยืนอยู่ข้างๆ เธอนี่นา แค่พริบตาเดียวเธอก็หายไปเสียแล้ว
กู้ซีเฉียวมาโผล่อยู่บนถนนอีกเส้น “ฉันขอให้เธอสร้างเกราะกำบัง แล้วทำไมถึงพาฉันมาที่นี่เล่า” ดีที่บนถนนนั้นร้างผู้คน ไม่อย่างนั้นคนที่เห็นเธอโผล่มาคงตกใจจนจับไข้
[ไม่ใช่อย่างนั้น เฉียวเหม่ยเหริน เนื่องจากระบบตรวจจับได้ว่าบริเวณใกล้เคียงนี้มีสุนัขจรจัดอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งมันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ]
“ว้อท?!” กู้ซีเฉียวหรี่ตาเกรี้ยวกราด เรื่องโง่ๆ พรรค์นั้นมีแค่กู้ซีจิ่นเท่านั้นที่จะทำ
ระบบเอารางวัลมาล่อ [โฮสต์? เฉียวเหม่ยเหริน? หากให้อาหารสุนัขตัวนี้จะได้รับคะแนนสะสม 2 คะแนนเป็นรางวัล คุณจะไม่ทำจริงหรือ]
“…โอเค แกชนะ” เนื่องจากวันนี้มีการบ้านหลายวิชา กู้ซีเฉียวจึงสะพายกระเป๋าเป้กลับมาด้วย ข้างในมีแฮมกล่องหนึ่งที่เพื่อนนักเรียนที่นั่งอยู่ด้านหลังให้มาเป็นการตอบแทนช็อกโกแลตที่เธอให้ไป
เจ้าสุนัขจรจัดคงจะไปคลุกถังขยะมา เนื้อตัวถึงได้มอมแมมปานนี้ หนำซ้ำยังมีรอยแผลตามตัวด้วย ในช่วงอากาศร้อนระอุเช่นนี้ หากเข้าไปใกล้มันจะได้กินเปรี้ยวๆ ลอยมา ฉะนั้นแล้วคนส่วนใหญ่จึงพยายามเดินเลี่ยง กู้ซีเฉียวนั่งยองลงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
สุนัขจรจัดไม่กล้าเข้าใกล้เธอ
เธอยังคงนั่งยองอยู่ที่เก่าเฝ้ามองแววตาอับแสงที่โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ เธอว่างแฮมไว้บนห่อเพื่อไม่ให้เลอะฝุ่น และดันไปวางไว้ใกล้ๆ เจ้าสุนัข มันก็ค่อยๆ ขยับเท้าออกมา เจ้าสุนัขหดตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ยื่นหัวออกมาคาบแฮมและมุดกลับเข้าไปในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
[ระบบวิเคราะห์ได้ว่า ระดับมโนธรรมของโฮสต์เพิ่มสูงขึ้นมา กรุณารักษาความดีเช่นนี้ต่อไป!]
กู้ซีเฉียวคลี่ยิ้มอ่อนโยนแล้วเดินหน้าต่อ แววตาสีเข้มพลันเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก เธอใช่คนดีที่ไหนกัน
ระบบในร่างเสมือนมนุษย์แกว่งเท้าด้วยสีหน้าเหยียดหยาม [เฉียวเหม่ยเหริน ยัยคนปากไม่ตรงกับใจ!]
“…”
ถนนนี้มีคนเดินผ่านไปผ่านมาไม่มาก กู้ซีเฉียวเดินไปไม่ไกล รถคันสีดำที่เกือบจะชนเด็กน้อยเมื่อครู่ก็ขับมาเทียบข้างๆ เธอ กระจกด้านหลังลดต่ำ เผยให้เห็นใบหน้าเย็นชาที่แสนคุ้นเคย คนๆ นั้นคือเซียวอวิ๋นเพื่อนที่นั่งข้างๆ เธอ
วีรกรรมของกู้ซีเฉียวเมื่อครู่ทำให้เซียวอวิ๋นเผยรอยยิ้มที่มีให้เห็นได้ไม่บ่อยนัก
เมื่อกล่าวถึงเซียวอวิ๋น เธอเป็นดั่งบุปผาบนเขาสูงของโรงเรียนอีจง บุคลิกงามสง่าเย็นชาของเธอทำให้บรรดาหนุ่มๆ ก้าวเท้าถอยออกห่างไปไกลลิบ แม้เธอจะไม่ได้ปริปากเอ่ยคำใด เพียงสายตาเย็นชำเลืองมา คนเหล่านั้นก็สัมผัสได้ถึงระยะห่างของเธอกับพวกเขาแล้ว
ฉะนั้นท่าทีเป็นมิตรของเธอในตอนนี้จึงทำให้กู้ซีเฉียวรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เมื่อชาติก่อนเธอแทบจะไม่เคยสนทนากับเซียวอวิ๋น แม้แต่หน้าตาเป็นอย่างไร เธอยังจำแทบไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้บางสิ่งกำลังเปลี่ยนไป
“เมื่อกี้ขอบใจเธอมาก” เซียวอวิ๋นยกมุมปาก หุบยิ้มก่อนจะปั้นหน้าเป็นเทพธิดาหญิงสูงส่งดังเดิม
กู้ซีเฉียวเดาว่าคงเป็นเรื่องที่เธอช่วยเด็กผู้ชายเมื่อครู่ เซียวอวิ๋นถึงได้ดูใจดีเช่นนี้ “ไม่เป็นไร แต่ว่าคราวหน้าบอกให้ลุงคนขับรถของเธอระวังหน่อยก็ดี โค้งตรงนั้นเป็นโค้งหักศอก ง่ายต่อการชนคน คราวนี้พวกเธอแค่โชคดี หากคราวหน้าเจอพวกต้มตุ๋นที่มาสร้างสถานการณ์เข้าจะแย่เอา”
ลุงคนขับรถได้ยินดังนั้นก็หน้าแดงระเรื่อ “ขอบคุณคุณหนูที่เตือนครับ คราวหน้าผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกครับ”
แต่เป็นเพราะวันนี้มีเรื่องด่วน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ขับเร็ว แต่ทำไมคนหนูที่ดูรีบร้อนก็สงบลงได้ถึงขนาดนี้ หนำซ้ำยังให้จอดรถแวะรับคนติดรถไปด้วยอีกต่างหาก ความประหลาดใจนี้ทำให้คุณลุงคนขับรถรู้สึกดีต่อเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างทาง
เขามองเงาสะท้อนของเด็กสาวจากกระจก ชุดเครื่องแบบนักเรียนอีจง สะอาดสะอ้าน ผิวขาวอมชมพูยิ่งทำให้เธอดูน่ามอง กิริยานุ่มนวลอ่อนสุภาพ อีกทั้งยังอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ซานเหอ ชาติตระกูลของเธอต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
คุณหนูใหญ่แทบจะไม่เคยคบหาเพื่อนคนไหน แต่หนนี้กลับมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งยังหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ลุงคนขับรถรู้สึกมีความสุขเกินจะกล่าว
กู้ซีเฉียวสื่อสารกับระบบ “นอกจากมอบหมายภารกิจแล้ว เธอมีประโยชน์อย่างอื่นบ้างไหม”
[ประโยชน์น่ะมีมากมายก่ายกอง อย่างเช่น เฉียวเหม่ยเหริน เมื่อครู่เซียวอวิ๋นเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างคุณกำลังจะไปเยี่ยมคุณปู่ของเธอที่โรงพยาบาล!]
“ฉันบอกแล้วว่าให้เลิกยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น” กู้ซีเฉียวลูบหน้าผากเนื่องจากรู้สึกปวดตุบๆ เมื่อไหร่ระบบจะเลิกนิสัยชอบสอดแนมเรื่องส่วนตัวของคนอื่นกันนะ
[โอ๋ ขออภัย ลืมสนิท งั้นเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า เมื่อคุณกลับถึงบ้านแล้ว คุณต้องระวังตัว ระบบตรวจพบว่าคนในบ้านของคุณจะใช้สกิลที่ไม่สามารถอธิบายกับคุณ] ระบบกระเด้งตัวขึ้นพร้อมใบหน้าจริงจัง
“งั้นฉันควรซื้อไอเทมป้องกันไว้หน่อยไหม” กู้ซีเฉียวหยิบโทรศัพท์ออกมาไถเว็บไซต์เศรษฐกิจ
[กับคนธรรมดาคุณต้องใช้ไอเทมด้วยเหรอ] ระบบกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน มันแค่สร้างเกราะขึ้นมาก็ป้องกันทุกอย่างได้แล้ว
“รอฉันมีคะแนนก่อนเถอะ ฉันจะใช้ให้ยับเลยคอยดู!” การไม่มีคะแนนนี่ช่างน่าอนาถเสียจริง ก่อนหน้านี้ที่เธอไม่มีเงินก็ว่าแย่แล้ว แต่ตอนนี้เธอหาเงินเองได้ แต่เงินนั้นกลับซื้อคะแนนไม่ได้ ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่าง
ไม่นานรถก็ขับมาถึงถนนซานเหอ กู้ซีเฉียวบอกให้ลุงคนขับรถจอดส่งเธอก่อนจะโบกมือให้เซียวอวิ๋น “ขอบใจ!”
“ไม่เป็นไร ชีทเลขของเธอ…” เซียวอวิ๋นเม้มปากก่อนใบหน้าจะกลับไปเย็นชาดังเก่า
กู้ซีเฉียวผงะไปชั่วครู่ แล้วผุดยิ้ม “อื้อ ถ้าคืนนี้ทำเสร็จ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันเอาไปให้”
“ขอบใจ” เซียวอวิ๋นขึ้นรถ ใบหน้าเคร่งขรึมหันไปกล่าวกับลุงคนขับ “ไปโรงพยาบาล”
ลุงคนขับรถตอบรับพลางกล่าวชื่นชม “คุณหนูใหญ่ นั่นคือเพื่อนใหม่หรือครับ หากคุณปู่ทราบจะต้องดีใจอย่างแน่นอน”
“ไม่ใช่” เซียวอวิ๋นเอ่ยเย็นชาก่อนจะหันหน้าเมินเฉยไปทางหน้าต่าง
ลุงคนขับรถ: “…” แบ่งกันลอกการบ้านแล้วยังบอกว่าไม่ใช่เพื่อนอีกเหรอ