ตอนที่ 17 ความขัดแย้ง
คฤหาสน์ตระกูลกู้เงียบสงัด
ในขณะนั้นดึกมากแล้ว แต่กู้จู่ฮุยและซูหว่านเอ๋อร์ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในห้องรับแขก ครั้นเห็นกู้ซีเฉียวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย กู้จู่ฮุยก็โกรธขึ้ง ขว้างแก้วน้ำในมือ “ลูกไม่รักดี หยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้!”
กู้ซีเฉียวชะงักฝีเท้า สรรพนามเรียกขานนั้นทำให้เธองุนงงไปชั่วครู่
เมื่อก่อนเธอเป็นคนหัวรั้น หากไม่ใช่ความผิดของเธอ เธอกจะยืนกรานกับกู้จู่ฮุยไปอย่างดื้อรั้น เพราะเธอเคยคิดว่านิสัยเช่นนี้เป็นเอกลักษณ์ของเธอ และมันก็เป็นความจริง ฉะนั้นแล้วคงมีสักวัน คนที่เคยเข้าใจเธอผิดจะสำนึกได้ว่าแท้จริงแล้วเป็นความผิดของพวกเขา และรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำต่อเธอ
แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่า คนพวกนี้จะคิดว่า การที่เธอมาอยู่ที่นี่เพราะหวังจะฮุบสมบัติของตระกูลกู้ คนที่มีอคติต่อเธอ คนที่ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน คนที่ไม่เคยใส่ใจเธอจริงๆ จะมาสนใจเรื่องเช่นนี้ และรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำกับเธอได้อย่างไร!
กู้ซีเฉียวกระตุกยิ้มเล็กน้อย เงยหน้ามองกู้จู่ยฮุยที่กำลังโกรธจัด เธอส่งยิ้มจางพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “มีอะไรหรือคะ”
แววตาของเธอสงบนิ่ง มุมปากของเธอกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม แผ่นหลังตั้งตรง โคมไฟคริสตัลสะท้อนแสงไฟจางๆ ลงบนหน้าเธอ
กู้จู่ฮุยชะงักงัน ไม่ทันตอบสนอง กลายเป็นซูหว่านเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกขึ้นแทน เธอมองมาที่เด็กสาวด้วยแววตาเย้ยหยัน
“กู้ซีเฉียว เธอควรจะจำไว้นะว่า การที่ตระกูลกู้พาเธอกลับมาเป็นความใจกว้างมากแล้ว! พวกเราไม่เคยขอร้องให้เธอทำอะไร ขอแค่เธอมีมารยาท ไม่ทำให้ตระกูลกู้ต้องขายหน้า แต่เธอทำอะไรของเธอ ตอนปิดเทอมที่เธอไม่กลับบ้านสองวันสองคืน ฉันก็อุตส่าห์ไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้เปิดเทอมแล้ว เธอยังกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ทุกวัน! เธออยู่มอหกแล้วนะ อีกไม่นานก็จะต้องสอบเข้ามหาฯลัย พวกเราก็อุตส่าห์ไม่คาดหวังว่าเธอจะต้องสอบเข้ามหาฯลัยดีๆ ขอเพียงแค่เธอทำอะไรจริงๆ จังๆ ประพฤติตัวเป็นกุลสตรีที่ดี และไม่ทำให้ตระกูลกู้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง!”
ห้องรับแขกเงียบเชียบ คนรับใช้อยากจะยกมือปิดหู
กู้ซีเฉียวหัวเราะแผ่วเบาและกวาดตาไปทางกู้จู่ฮุย “หนูไม่จริงจังเหรอคะ คิดแบบนั้นเหมือนกันเหรอคะพ่อ”
คำสุดท้ายของประโยคเบาหวิว เบาเสียจนหากมีลมพัด เกรงว่าจะปลิวหายไป
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ซีเฉียวเรียกเขาว่า “พ่อ” เขาเป็นพ่อของเธอ พ่อแท้ๆ เป็นคนใกล้ชิดที่สุดของเธอบนโลกใบนี้ เธออยากได้รับการยอมรับจากเขา แต่สุดท้ายเขากลับทอดทิ้งเธอ
ในวินาทีนั้นกู้จู่ฮุยพูดไม่ออก เขานั่งลงพลางยกมือปราม “เอาเถอะ ขึ้นไปเถอะ คราวหลังก็ตั้งใจเรียน ถึงตระกูลเราจะเป็นพ่อค้า แต่ถึงอย่างไรเราก็ทำด้วยความสุจริต”
ในสายตาของเขา การมีอยู่ของเธอคือจุดบอดของตระกูลกู้ และความคิดนี้ไม่เคยเปลี่ยน
กู้ซีเฉียวเงยหน้า พยายามกล้ำกลืนความรู้สึกขมขื่นในแววตา หญิงสาวไม่กล่าวคำใด เธอเดินตรงไปที่โทรศัพท์บ้าน ต่อสายไปหาครูประจำชั้น
กู้ซีเฉียวส่งโทรศัพท์ให้กู้จู่ฮุย “คนในสายคือครูประจำชั้นของหนู ครูสามารถบอกได้ว่าทำไมวันนี้หนูถึงกลับบ้านเย็น คุณเป็นผู้ปกครอง คุณพูดอะไรหนูก็ฟังทั้งนั้น เพียงแต่หนูหวังว่าคุณจะให้ความยุติธรรมกับหนูบ้าง หนูกลับมาช้า เป็นเพราะหนูเป็นเด็กไม่ดีหรือคะ เป็นเพราะหนูเถลไถลหรือคะ ในสายตาของคุณ หนูดูเป็นเด็กแบบนั้นเหรอคะ”
เธอไม่ได้เล่าเรื่องที่คนขับรถไม่รอรับเธอ ในเมื่อกู้ซีจิ่นทำเช่นนั้น เธอคงเตรียมแผนไว้อย่างรัดกุมแล้ว ตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าครูประจำชั้นจะช่วยพูดอะไรได้บ้าง
เห็นได้ชัดว่ากู้จู่ฮุ่ยและซูหว่านเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่ากู้ซีเฉียวจะตัดพ้อเช่นนี้ ทั้งคู่ตกตะลึง เมื่อต้องเผชิญกับใบหน้าอ่อนเยาว์ คำต่อว่าที่กู้จู่ฮุ่ยเตรียมมากลับติดอยู่ที่ปาก
หลังจากรับโทรศัพท์ไป กู้จู่ฮุยคุยกลับปลายสายสองสามประโยคแล้วใบหน้าแข็งขืนก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงช้าๆ เขาวางสาย และมองไปที่กู้ซีเฉียวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เขาคิดมาตลอดว่ากู้ซีเฉียวเป็นเด็กไม่เอาถ่าน แต่ที่เห็นวันนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะมีส่วนดีอยู่บ้าง?
“ครูประจำชั้นของเธอบอกว่าที่กลับบ้านช้าเป็นเพราะครูให้อยู่เพื่อถามคำถาม เธอตั้งใจเรียนขึ้นมาก และพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ดีมาก แบบนี้แหละสมเป็นคนตระกูลกู้ แม้อาจจะสู้พี่สาวของเธอไม่ได้ แต่นี่ก็นับว่าดีมากแล้ว” กู้จู่ฮุยกล่าวชมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “เอาล่ะ ขึ้นไปได้”
กู้ซีเฉียวค่อยๆ กลับหลังหัน ย่างเท้าเดินขึ้นไปบนบันได โลหิตในร่างของเธอเย็นวาบ
เบื้องหลัง ซูหว่านเอ๋อร์จ้องมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนจะมองไปที่กู้จู่ฮุยอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง เธอปาที่เขี่ยบุหรี่คริสตัลไปสุดแรง
เรื่องวันนี้ก็แค่ทำเป็นเล่นใหญ่!
แสดงละคร!
ซูหว่านเอ๋อร์โกรธจนตัวสั่น “กู้จู่ฮุย นี่คุณจะมีปัญหากับฉันเพราะเข้าข้างเด็กชั้นต่ำคนนั้นงั้นเหรอ อยากให้ฉันโกรธจนตายรึยังไง ทำไม ในสายตาคุณ แม่เลี้ยงใจร้ายอย่างฉันไม่มีสิทธิ์สั่งสอนแกเลยรึ!”
กู้จู่ฮุยขอโทษขอโพยเสียงเบา
ไม่มีใครทันสังเกตว่าที่เขี่ยบุหรี่คริสตัลที่ซูหว่านเอ๋อร์ขว้างไปนั้นลอยลิ่วไปทางกู้ซีเฉียว มันหยุดค้างกลางอากาศเพียงเสี้ยววินาที ทันทีที่หญิงสาวก้าวขาพ้นไปแล้ว ที่เขี่ยบุหรี่คริสตัสก็ตกลงพื้นส่งเสียงดัง “เพล้ง”
เมื่อกลับขึ้นมาบนห้อง กู้ซีเฉียวจัดการลงกลอนให้เรียบร้อย
[วันนี้งดทำภารกิจ พวกเรานอนพักผ่อนกันดีกว่า] เสียงระบบเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง
กู้ซีเฉียวส่ายหัว เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำ “ไม่เป็นไร วันนี้ฉันจะคัดลายมือสองชั่วโมง เสร็จแล้วจะสรุปวิชาทักษะภาษา แต่ว่าคงอยู่ในพื้นที่เสมือนได้ไม่นาน”
แม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ แต่ทว่าครั้งนี้ทำให้เธอหวั่นไหวไม่น้อย กู้ซีเฉียวรู้สึกเศร้าอย่างช่วยไม่ได้
เป็นเรื่องจริงที่เธอไม่ควรตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ
ครั้นอาบน้ำเสร็จ กู้ซีเฉียวลืมเรื่องที่ทำให้เธอกลุ้มใจไปสิ้น เธอเข้าไปอ่านหนังสืออยู่ในพื้นที่เสมือนจริง
ระบบพยายามหาเรื่องมาเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ มันจึงหยิบตำราวิทยายุทธ์โบราณที่หลงเหลืออยู่เล่มสุดท้ายออกมา [เฉียวเหม่ยเหริน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คุณถูกรังแก ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะใช้เวลาสอนวิทยายุทธโบราณให้คุณทุกวัน คุณจะเก็บเกี่ยวได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของคุณแล้ว!]
“โอเค” กู้ซีเฉียวเงยหน้าในห้วงแห่งความว่างเปล่า เธอฉุกคิดเรื่องหนึ่ง “ระบบ ถ้าจะอัปเกรดเป็นขั้นที่ 1 ต้องใช้กี่คะแนน”
[100 คะแนน โฮตส์จะช่วยอัปเกรดงั้นหรือ] ระบบตื่นเต้น
“…ตอนนี้ยังก่อน” ตอนนี้เธอยังมีหนี้ท่วมหัวอยู่เลย
[โฮตส์อย่าทำแบบนี้ซิ ถ้าอัปเกรดจะได้รับรางวัล ถ้าพัฒนาถึงระดับที่ 1 จะได้รับกล่องพัสดุสิบช่องจำนวนหนึ่งกล่อง โฮสต์ไม่สนใจจริงๆ เหรอ]
“…ไม่สนใจ”
[…]
เช้าวันถัดมา กู้ซีเฉียวตื่นเช้าไปโรงเรียนตามปกติ
ซูหว่านเอ๋อร์ยังไม่ลงมาที่โต๊ะอาหารเป็นเพราะยังโกรธจัด
กู้จู่ฮุยแสดงความสนใจกู้ซีเฉียวเป็นครั้งแรก “ลูกอยู่ในวัยกำลังโต แต่ทำไมถึงได้กินน้อยนัก ป้าลี่ เอานมมาให้คุณหนูรองหน่อย”
กู้ซีเฉียวกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่สื่ออารมณ์ใด
กู้ซีจิ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้นมามอง แววตาของเธอพลันเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก จนกระทั่งกู้ซีเฉียวจับได้ว่าเธอกำลังมองมา เธอกะพริบตาหนหนึ่งพลางส่งยิ้มกลบเกลื่อน “คุณพ่อพูดถูก น้องอยู่ในวัยกำลังโต ต้องกินเยอะๆ”
กู้ซีเฉียวที่ทานมื้อเช้าเสร็จแล้วรับกล่องนมจากคนรับใช้ หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป
กู้ซีจิ่นตามหลังมา ครั้นดื่มนมในแก้วเสร็จก็หยิบกระเป๋าเดินออกประตูไป เพียงไม่กี่ก้าวก็ตามกู้ซีเฉียวทัน