ตอนที่ 19 ภาพวาดสีน้ำมัน
กู้ซีเฉียวไม่ได้เดินออกไปนอกประตูโรงเรียน แต่เดินไปตามทางที่มีต้นไม้ขึ้นเรียงรายสองข้างทางจนสุดถนน
เพราะถูกอู่หงเหวินรั้งตัวไว้จึงเสียเวลาไปไม่น้อย ก่อนที่เธอจะลงมา เธอมองจากบนอาคารเห็นว่ารถตระกูลกู้ที่จอดอยู่หน้าประตูใหญ่แล่นออกไปแล้ว แต่ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ โรงเรียนจะเลิกเร็วกว่าปกติหนึ่งคาบ ท้องฟ้าในตอนนี้จึงยังสว่างอยู่
ตรงสุดถนนมีตึกเล็กๆ ตึกหนึ่ง ชั้นล่างเป็นห้องเรียนศิลปะของโรงเรียนอีจง
ในเวลานั้น ประตูหน้าห้องเรียนที่อยู่ในมุมหนึ่งถูกปิดไว้ครึ่งบาน เมื่อมองผ่านช่องประตูจะเห็นกระดานวาดรูปกระจัดกระจายอยู่ในนั้น
กู้ซีเฉียวยืนนิ่งหน้าประตูเป็นนาน แรงดันบรรยากาศรอบๆ ตัวค่อนข้างต่ำ ระบบในพื้นที่เสมือนจริงยกมือปิดปาก ไม่กล้ารบกวนหญิงสาวในช่วงเวลาเช่นนี้ เนิ่นนานกว่าที่เธอจะผลักประตูแผ่วเบา
ด้านในมีชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งอยู่หน้ากระดานวาดรูปข้างๆ หน้าต่าง เสียงประตูทำให้ชายหนุ่มหันหน้ามามอง ครั้นเห็นกู้ซีเฉียว เขาผงะไปก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความชิงชัง “เธอมาที่นี่ได้ยังไง!”
กู้ซีเฉียวมองไปที่ชายหนุ่มทว่ามิได้ใส่ใจ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ห่างจากเขาที่สุด บนกรอบไม้ถูกขึงด้วยผ้าใบขาวสะอาด เธอก้มหน้าเอื้อมมือไปลูบผ้าใบ แววตาหลุบต่ำซ่อนความรู้สึกอาลัยอาวรณ์
ความรู้สึกคุ้นเคยผุดขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ
เมื่อชาติก่อน คนตระกูลกู้ทำลายมือทั้งสองข้างของเธอ เธอคิดว่าตัวเองคงไม่มีวันได้กลับมาจับพู่กันอีกแล้ว เธอเลือกที่จะหายตัวไปพร้อมกับตระกูลกู้เพราะเธอรู้สึกสิ้นหวังเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่
แม้ตอนที่วิญญาณของเธออยู่ในพื้นที่เสมือนจริง เธอก็ไม่เคยแตะพู่กันเลยสักครั้ง ความเจ็บปวดบนนิ้วมือซึมซาบไปถึงไขกระดูก ยากที่จะลบเลือน
ท่าทีไม่แยแสของกู้ซีเฉียวทำให้จงหย่งซือรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งยวด
เขาเป็นยอดฝีมือของโรงเรียนอีจง ประสบความสำเร็จอย่างมากในการวาดภาพเขียนแบบจีน เขาคว้าเหรียญรางวัลนับไม่ถ้วนจากการแข่งขันวาดภาพระดับเยาวชนในเมืองเอ็น แม้จะยังไม่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมหก แต่ได้ถูกเรียกตัวเข้าไปเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเอคณะศิลปะเป็นที่เรียบร้อย
ภาพวาดสีน้ำมันของกู้ซีจิ่นเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ชั้นเลิศ แต่เพราะเธอมีคะแนนวิชาวัฒนธรรมที่ดีไม่แพ้กัน เธอจึงถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือหญิงของโรงเรียนอีจง กู้ซีจิ่นและจงหย่งซือมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
แต่จงหย่งซือไม่ถูกใจที่กู้ซีเฉียวโผล่เข้ามาอยู่ในตระกูลกู้กลางคัน หญิงสาวที่ทอดทิ้งแม่บุญธรรม ไม่เคารพพ่อผู้ให้กำเนิดถือเป็นคนอกตัญญู โลภหลงในชื่อเสียงลาภยศ อิจฉาริษยา น่ารังเกียจ เขาผู้ถือว่าตัวว่าตนสูงส่งเกลียดคนเช่นนี้เป็นที่สุด
“ทำไม เธอมาวาดรูปงั้นเหรอ ว่าแต่คนอย่างเธอรู้จักภาพวาดสีน้ำมันกับเขาด้วยเหรอ” เดิมทีจงหย่งซือคิดจะเดินหนีไป แต่ไม่รู้ว่านึกครึ้มอะไร ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าและปรายตามองมาที่กู้ซีเฉียว
“หรือว่าเธอได้ยินเรื่องที่ชื่อของอาจิ่นถูกส่งเข้าชิงในนิทรรศการศิลปะของเมืองเอ็น เลยอยากมีส่วนร่วมกับเข้าด้วย เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ หรือเธอคิดว่าการวาดภาพสีน้ำมันเหมือนกับการวาดรูประบายสีของเด็กๆ!” จงหย่งซือเกรี้ยวกราด พวกศิลปินอารมณ์แปรปรวนพิลึก เขาเกลียดพวกที่เหยียบย่ำงานศิลปะเพียงเพราะต้องการชื่อเสียง เขาจ้องมองกู้ซีเฉียว แววตาร้อนผ่าวประหนึ่งเพลิงกัลป์ ก้าวพรวดเข้าไปหาหญิงสาว
ขณะที่ร่างอยู่ห่างจากกู้ซีเฉียวประมาณสามก้าว จู่ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้าราวกับว่าเบื้องหน้ามีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นอยู่
เขาตั้งใจจะเดินไปปัดกระดานวาดรูปที่อยู่ตรงหน้าเธอ แต่เท้าของเขากลับก้าวไม่ออก ความหวาดกลัวแปลกประหลาดเอ่อล้นขึ้นในอก
กู้ซีเฉียวเงยหน้า พิศมองไปที่จงหย่งซือ “นายจะทำอะไร”
เธอหัวเราะเย้ยหยัน นิทรรศการภาพวาดสีน้ำมันงั้นเหรอ หากเขาไม่เอ่ยถึงมัน เธอคงลืมไปแล้วว่ามีเรื่องนี้ เป็นเพราะกู้ซีจิ่น เธอเลยเรียนวาดภาพสีน้ำมันงั้นเหรอ แล้วมาดูกันว่ากู้ซีจิ่นจะหน้าใหญ่ใจใหญ่ขนาดนั้นจริงรึเปล่า!
เพียงแต่เธอคร้านจะอธิบายให้คนอย่างจงหย่งซือฟัง เขาไม่ใช่พวกที่จะเข้าใจอะไรง่ายๆ อธิบายไปก็เปล่าประโยชน์
[มอบหมายภารกิจภาคบังคับ: วาดภาพเขียนแบบจีนให้ถึงระดับปรมาจารย์ขึ้นไป จะได้รับคะแนน 1000 คะแนน ระบบตรวจพบว่าโฮสต์มีพรสวรรค์ในการวาดรูปจึงได้มอบหมายภารกิจแบบสุ่มนี้ กรุณาทำภารกิจให้ลุล่วงสมบูรณ์! มิเช่นนั้น จะได้รับโทษขั้นที่สาม!]
[ติ๊ง! มอบหมายภารกิจภาคบังคับประจำวัน: วาดรูปทุกวันวันละ 1 ชั่วโมง จะได้รับคะแนนสะสม 1 คะแนน!]
มือของกู้ซีเฉียวชะงักไปชั่วครู่ ประกายสุกใสแวบผ่านแววตา “…บอกฉันมาว่าเมื่อกี้เธอพูดผิด”
ไม่ใช่ว่าต้องมอบหมายภารกิจให้วาดภาพสีน้ำมันหรอกรึ วาดภาพเขียนแบบจีนหาพระแสงอะไรกันเล่า!
[เอ้อร์เฉียว ภาพเขียนแบบจีนเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิม เรามีหน้าที่สืบสานให้การวาดภาพแบบจีนยืนยงคงอยู่ต่อไป! อีกอย่างคุณมีพรสวรรค์ในการวาดภาพปานนั้น ระบบจึงเชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถวาดภาพเขียนแบบจีนออกมาได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน การมอบหมายภารกิจของระบบผ่านการวิเคราะห์ตรรกะทางวิทยาศาสตร์มาแล้วทั้งสิ้น!]
“…” ตอนนี้เธอรู้สึกว่าระบบไม่น่าไว้ใจกว่าเดิมเสียอีก
แต่ถึงอย่างนั้นเธอไม่ได้กล่าวต่อ คำกล่าวของระบบทำให้ทราบได้ว่ามันรู้จักเธอดีระดับหนึ่ง แม้ศิลปะจะเป็นสากล แต่การวาดภาพเขียนแบบจีนก็เป็นรากเหง้าของชาวจีน ตราบใดที่มีพื้นที่เสมือนจริง เธอไม่มีทางประสบปัญหาเรื่องเวลาไม่พอ ยิ่งไปกว่านั้นคือ หากเธอทำภารกิจเหล่านี้วันละหนึ่งชั่วโมง เธอจะได้รับคะแนนสะสมขั้นพื้นฐาน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือเธอเพียงแค่ต้องทำภารกิจให้สำเร็จ
หญิงสาวหลุบตา หยิบพู่กัน มองไปที่ผ้าใบ ในสมองปรากฏภาพแม่บุญธรรมที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยน
เมื่อชาติก่อน รูปนั้นเสร็จไปเพียงครึ่งเดียว นั่นเป็นเรื่องที่เธอรู้สึกเสียใจมาตลอด
จงหย่งซือที่ยืนห่างออกไปเพียงครึ่งเมตรมองกู้ซีเฉียวที่กำลังก้มหน้าจับพู่กัน หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าท่าทางดูจริงจัง ทันทีที่เธอหยิบพู่กันขึ้นมา บรรยากาศโดยรอบพลันเปลี่ยนไป มีรังสีลึกลับอวลไออยู่รอบตัวเธอ
เขาชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าจะเผยความชิงชังเข้าขั้น “คนอย่างเธอจะทำให้ศิลปะแปดเปื้อน เธอกำลังเหยียบย่ำภาพวาดสีน้ำมัน!”
เธอไม่มีทางเทียบชั้นกับกู้ซีจิ่นผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ได้หรอก!
พูดไม่รู้ฟัง!
ชายหนุ่มกระแทกประตูเสียงดัง กระจกหน้าต่างสั่นด้วยแรงสะเทือน
กู้ซีเฉียวยังคงนิ่งอยู่ในท่าเดิม ไม่ได้รับอิทธิพลใด พวกศิลปินก็แปลกแบบนี้แหละ เธอเห็นมาเยอะแล้ว
ว่าแต่มาคุยเรื่องศิลปะกับเธอย่างนั้นเหรอ เกรงว่าคนอย่างเขาจะไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำไป เมื่อชาติที่แล้ว ตอนที่ผลงานภาพวาดสีน้ำมันของเธอได้รับรางวัลระดับโลก เขาไปมุดหัวอยู่ที่ไหน
ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเข้ม ระบบเตือนให้กู้ซีเฉียวกลับบ้าน เพราะมันรู้ว่าหากเธอกลับบ้านช้าอาจถูกคนในบ้านตำหนิเอาได้ หากต้องกลับไปอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นอีก มันคงทนดูไม่ได้ ฉะนั้นแล้วรีบเตือนให้เธอกลับบ้านตอนที่ยังไม่สายเกินไปจะดีกว่า
“ช่างเถอะน่า ฉันยังไม่รีบ แล้วเธอจะรีบอะไรหนักหนา” กู้ซีเฉียวค่อยๆ วางพู่กัน บนผ้าใบปรากฏภาพเลือนราง โครงสร้างเป็นเช่นใดก็ยังดูไม่ออก นานมากแล้วที่เธอไม่ได้จับพู่กันจึงยังไม่กล้าลงมือจริงๆ จังๆ
กลับไปฝึกในพื้นที่เสมือนจริงก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลย
เธอปลดผ้าใบลงมา พรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่มีเรียน แต่เธอยังต้องฝึกทำข้อสอบเก่า ดังนั้นกู้ซีเฉียวจึงตัดสินใจเก็บกระดานวาดรูปกลับไปฝึกที่บ้าน
“ระบบ มีไอเทมที่ช่วยซ่อนของได้บ้างไหม ฉันไม่อยากให้คนตระกูลกู้เห็นมัน”
[ว่าอะไรนะ เฉียวเหม่ยเหริน คุณคงต้องพิจารณาเรื่องอัปเกรดฉันขึ้นเป็นระดับ 1 ได้แล้วล่ะ เพราะว่าถ้าทำแบบนั้นคุณจะได้รับกล่องพัสดุสิบช่อง ถึงเวลานั้นคุณอยากจะใส่กระดานวาดรูปกี่สิบแผ่นก็ย่อมได้! อีกประการหนึ่ง หากอัปเกรด ระบบก็จะแข็งแกร่งขึ้น!]
“รอมีคะแนนก่อน ไม่รีบ”
[…]
สุดท้าย ระบบจำใจรับปากว่าหากถึงคฤหาสน์ตระกูลกู้ มันจะสร้างเกราะบังตาให้
กู้ซีเฉียวถือกระดานวาดรูปเดินออกจากประตูโรงเรียน ฟ้ามืดลงทุกชั่วขณะ คนเดินถนนเริ่มบางตา หากกลับไปถึงบ้านตอนนี้ก็นับว่าช้าอยู่แล้ว เธอจึงไม่รีบร้อน หญิงสาวกวาดตาไปรอบๆ ตัดสินใจเดินผ่านตรอกเล็กๆ ที่ทะลุไปยังคฤหาสน์ตระกูลกู้
ถนนเส้นนั้นเงียบสงัด ไร้เงาคน แสงจากเสาไฟส่องสลัว มีกำแพงสูงประกบสองข้างทางทำให้ซอยนั้นดูทึมลงไปถนัดตา
[ติ๊ง! ระบบตรวจพบว่าด้านหน้ามีบุคคลอันตรายเครื่องหมายสีแดง ต้องการหลบหลีกหรือไม่]