โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ – ตอนที่ 21 จุดเริ่มต้น

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

ตอนที่ 21 จุดเริ่มต้น

เจียงซูเสวียนเช็ดมือเสร็จก็ส่งผ้าขนหนูให้ป้าจางแล้วจึงค่อยๆ หันหน้าไปหากู้ซีเฉียว ขนตายาว หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย แววตาที่ชายหนุ่มมองมาที่เธอผิดไปจากปกติ สีขาวและสีดำของดวงตามิได้แยกกันชัดเจน ในยามปกตินัยน์ตาลุ่มลึกเย็นเยือกจนไม่มีใครกล้าสบตา แต่ในเวลานี้มีประกายสดใสไหวเคลื่อนอยู่ในนั้น ทำเอาคนที่มองหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“เธอขึ้นไปข้างบนก่อน ไปนั่งสงบสติข้างบน ไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้าน” เขารู้ดีว่าการพาเธอมาที่นี่ตอนนี้คงไม่เหมาะ แต่เขาก็ไม่วางใจที่จะให้เธอไปอยู่ในบ้านหลังนั้น ขนาดเลิกเรียนยังไม่มีใครมาคอยรับ คนรับใช้ในบ้านไม่ให้ความเคารพ ไม่รู้ว่าอยู่ที่บ้านเธอจะต้องทนรับแรงกดดันขนาดไหน หนำซ้ำเจ้าเด็กคนนี้ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หากเขาไม่เห็นก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เขาเห็น แล้วก็ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย

จากที่เห็น เด็กสาวร่างบางที่ยืนเม้มปากอยู่นี่น่าจะหนักสักสามสิบห้ากิโลกรัมใช่รึเปล่า

เจียงซูเสวียนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

กู้ซีเฉียวลูบจมูก เธออ้าปากคล้ายกำลังจะพูด ทว่าถูกเจียงซูเสวียนห้ามไว้เสียก่อน “เอาของขึ้นไปเก็บข้างบนก่อนเถอะ ห้องเดิม ป้าจางคอยทำความสะอาดให้ทุกวันอยู่แล้ว”

ดูเหมือน เธอจะปฏิเสธไม่ได้แล้ว? เด็กสาวนวดขมับพลางเดินขึ้นไปชั้นบน

ตอนเย็นเธอทานอาหารไปไม่น้อย โดยเฉพาะซุปบำรุงกำลังที่ป้าจางตั้งใจต้มให้เธอเป็นพิเศษ ภายใต้สายตากดดันของเจียงซูเสวียน เธอทำได้เพียงกลั้นใจดื่มไปทั้งหมดสามถ้วย หากให้กินมากกว่านี้ เกรงว่าท้องของเธอจะรับไม่ไหว

หลังมื้ออาหาร กู้ซีเฉียวเดินอยู่ในห้องนั่งเล่นประมาณสิบนาที รอให้อาหารย่อยแล้วจึงขึ้นไปชั้นบน

วันที่เธอมีภารกิจมากมาย ทั้งฝึกคัดลายมือ ออกกำลังกาย ทั้งยังต้องหาเวลาศึกษาภาพวาดแบบจีนและภาพวาดสีน้ำมันอีกด้วย

วันเวลาในพื้นที่เสมือนจริงไม่แบ่งแยกกลางวันและกลางคืน

กู้ซีเฉียวนั่งอยู่เพียงลำพังในห้วงกว้างใหญ่ไรขอบเขต เบื้องหน้ามีโต๊ะไม้โบราณตัวยาวตัวหนึ่ง พู่กันอยู่ระหว่างปลายนิ้วทั้งสามและนิ้วหัวแม่มือ เธอจรดพู่กันเชื่องช้า พิถีพิถันแม้เป็นเส้นขวางเพียงหนึ่งเดียว

จังหวะการเขียนเป็นไปอย่างลื่นไหล จังหวะยกพู่กันแผ่วเบา หญิงสาวจรดพู่กันลงและยกขึ้นอีกครั้ง

แม้เธอจะเขียนช้า แต่ทำต่อเนื่องไปโดยไม่พักเลยจนกระทั่งเสียงของระบบดังขึ้น เธอถึงวางพู่กัน หลับตาพักชั่วครู่ ในขณะนั้นเอง แท่นฝนหมึกบนโต๊ะก็หายวับไป แทนที่ด้วยอุปกรณ์สำหรับวาดภาพสีน้ำมัน

“ระบบ คราวนี้ไม่ต้องเตือนเรื่องเวลาแล้วนะ ฉันจะฝึกวาดภาพ ฉันห่างหายจากการวาดภาพมานานมากแล้ว”

[อื้อ โปรดรักษาสุขภาพด้วย] ระบบกล่าวเตือน

ตอนแรกระบบกังวลว่าโฮสต์จะเป็นพวกเกียจคร้าน แต่หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันหนึ่งสัปดาห์ มันกลับกังวลว่าโฮสต์จะบ้าพลังเกินไป มันเตือนเสมอว่าให้รักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน แต่เธอเล่นสู้สุดตัว ทุกครั้งเธอจะรอให้พลังจิตแห้งเหือดไปก่อนแล้วจึงยอมออกมา

ใบหน้าซีดเซียวยามที่เธอออกมาทำให้มันรู้สึกละอายใจและทนไม่ได้ แต่หากโฮสต์ไม่ตั้งใจ เธอจะรับภารกิจขั้นสุดท้ายไม่ได้จริงไหม

สุดท้ายมันจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไร

ผลที่ตามมาของการปล่อยให้พลังจิตเหือดแห้งคือจะรู้สึกเหมือนกับว่ามีเข็มเงินเป็นหมื่นเล่มทิ่มอยู่ในสมอง ความเจ็บปวดนั้นไม่ใช่ทุกคนจะทนได้ แต่ผลลัพธ์จากการท้าทายขีดความสามารถก็เป็นที่ประจักษ์เช่นกัน กล่าวคือ เพราะครั้งแรกเธอทนได้นานถึงครึ่งเดือน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงทนอยู่ในนั้นได้นานถึงสามเดือน

ความเร็วระดับนี้ ขนาดระบบยังงงตาค้าง

หลังเสร็จภารกิจประจำวัน กู้ซีเฉียวใช้เวลาในพื้นที่เสมือนพักสั้นๆ จริงก่อนจะเริ่มเปิดตำราเก่าๆ ที่ระบบนำมาให้ ในบทนำมีประโยคหนึ่งที่เธออ่านแล้วไม่เข้าใจคือ ‘หากรู้จักสงวนสมบัติภายนอกทั้งสาม (หู ตาปาก) สมบัติภายในทั้งสามจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง เข้าถึงการตอบระหว่างฟากฟ้าและมนุษย์ พลังลมปราณก่อนกำเนิดไหลซึมเข้าสู่ศูนย์กลางของร่างกาย…’

“ฉันอ่านบันทึกพวกนี้มาตั้งหลายปีแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอประโยคไหนเข้าใจยากเท่าประโยคนี้เลย” กู้ซีเฉียวโยนตำราเล่มนั่น นั่งไขว่ห้างพลางนวดบริเวณขมับ เธอรู้สึกปวดศีรษะอย่างหนัก

[เอ้อร์เฉียว ฉันมีหนังสืออธิบายประกอบ คุณสามารถใช้อ่านควบคู่กับตำราโบราณเล่มนั้นได้ ฉันได้จัดตารางออกกำลังกายให้คุณแล้ว คุณเพิ่งจะเริ่มฝึกได้ไม่นาน ไม่จำเป็นต้องเข้าใจเนื้อความทั้งหมด ขอเพียงแค่จดจำท่วงท่าในตำราและนำมาใช้ก็พอ เดี๋ยวพอฝึกไปเรื่อยๆ คุณก็จะเข้าใจเอง]

กู้ซีเฉียวเริ่มเรียนรู้อู่ฉินซี่ขั้นพื้นฐานก่อนแล้วจึงเริ่มศึกษาวิทยายุทธ์โบราณที่ยากจะเข้าใจ

[ลมหายใจและจิตผสานเป็นหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าให้จุดกวนหยวนในท้องน้อยเป็นจุดนำทาง ใช้ฝ่ามือด้านซ้ายวนไปทั่วร่างผ่านทะลุฝ่ามือด้านขวายืดเหยียดขึ้นไปบนท้องนภาอันไกลโพ้นเพื่อสูดลมหายใจเข้าให้ลึก ยามผ่อนลมหายใจ ให้จินตนาการภาพว่าลอยล่องลงมาจากฝากฟ้า ส่งผ่านจากฝ่ามือขวาสู่ฝ่ามือซ้าย จากนั้นกลับไปยังจุดกวนหยวนบริเวณท้องน้อยเพื่อรวบรวมลมปราณ]

หลังจากถูกระบบทรมานอยู่นาน กู้ซีเฉียวก็นอนแผ่อยู่บนเตียงเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วจึงจะหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ

ตลอดคืนนั้นเธอพยายามทำสมาธิเพื่อสัมผัสถึงลมปราณ

เช้าวันถัดมา หลังจากตื่นนอน มือเท้าของเธอพลันแข็งทื่อ ทั้งชาและเจ็บ ไม่รู้สึกอบอุ่นเหมือนอย่างที่ระบบบอกเลยสักนิด เพียงแต่สีหน้าของเธอแลดูสดใสขึ้น ถึงขนาดป้าจางยังต้องออกปากชม

เธอสวมเสื้อผ้าออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งครึ่งชั่วโมง ฝึกอู่ฉินซี่หนึ่งกระบวนท่าแม้จะถูกระบบหัวเราะเยาะก็ตามที

ขณะที่เดินกลับเข้ามา เจียงซูเสวียนนั่งคอยอยู่ที่โต๊ะอาหาร “อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่เจียง”

“ไปจ๊อกกิ้งมาเหรอ” เจียงซูเสวียนเอ่ยถาม วางหนังสือพิมพ์ในมือพลางชำเลืองมาที่หญิงสาว

กู้ซีเฉียวพยักหน้า เดินอ้อมชายหนุ่ม วิ่งขึ้นไปอาบน้ำชั้นบนด้วยความไวแสง เมื่อเดินลงมาอีกครั้ง ป้าจางเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว เธอเดินไปนั่งที่ประจำของตัวเอง หยิบแผ่นแป้งอบขึ้นมากัดทีละคำ

มื้อเช้าง่ายๆ ประกอบด้วยไข่ต้ม แผ่นแป้งอบ นม โจ๊ก และผักเคียงอีกนิดหน่อย

ปริมาณมากเกินกว่าที่กู้ซีเฉียวจะกินหมด เธอเป็นคนทานน้อย เวลาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลกู้ เธอไม่อยากกินหรือต่อให้กินก็จะกินน้อยมาก

เจียงซูเสวียนมองไปที่หญิงสาว ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปสั่งป้าจางให้นำนมอีกขวดมา

กู้ซีเฉียวถือขวดนม แอบชำเลืองมองไปที่เจียงซูเสวียนแวบหนึ่ง สายตาคมปลาบยังคงจ้องเธอไม่วางตา หญิงสาวกรอกนมลงคอหมดในรวดเดียว

“กินนมจะได้ตัวสูงๆ” เมื่อเห็นเธอดื่มจนหมด เจียงซูเสวียนถึงได้ถอนสายตามองไปทางอื่น ปากยังคงกล่าวต่อ “ป้าจางบอกว่าเธอขาดสารอาหาร แต่ฉันว่าเธอไม่ใช่แค่ขาดสารอาหารอย่างเดียว เธออายุสิบแปดแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ตัวเตี้ยอย่างนี้”

“แค่กๆๆ…” กู้ซีเฉียวสำลัก มาบอกว่าเธอเตี้ยเนี่ยนะ? เรื่องนี้เธอยอมไม่ได้ “ฉันแค่ยังไม่โตเต็มที่ต่างหาก!”

ตะเกียบในมือเจียงซูเสวียนชะงักนิ่ง เขามองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ คล้ายจะหัวเราะแต่ก็ไม่ “หลานสาวของฉัน เมื่อวันปีใหม่ วัดส่วนสูงที่โรงเรียนได้หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ดเซนแน่ะ”

เพิ่งวันแรกของปีก็สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ดแล้ว ทำไมหลานสาวเขาถึงได้โตได้โตดีขนาดนั้น

“พี่ไม่เข้าใจ ฉันเป็นพวกพัฒนาการช้า” หญิงสาวเริ่มพล่ามไร้สาระ แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวผิดนัก เพราะเมื่อชาติก่อน ส่วนสูงของเธอหยุดอยู่ที่หนึ่งร้อยหกสิบแปดเซนติเมตร ฉะนั้นแล้วเธอยังมีโอกาสสูงมากกว่านี้

“ฉันก็พอจะมองออก” เจียงซูเสวียนชำเลืองมองหญิงสาว แต่มิได้กล่าวต่อ

กู้ซีเฉียวเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “พี่เจียง ช่วงนี้พี่กำลังมีปัญหาใช่หรือเปล่า”

เจียงซูเสวียนวางไข่ต้มที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วใส่ในชามของหญิงสาว “เปล่านี่”

“เฮ้ พี่อย่าดูถูกฉันหน่อยเลย ฉันเป็นคนมีความสามารถนะ ตอนนี้พี่ต้องกลับเมืองหลวงแล้วไม่ใช่เหรอ” กู้ซีเฉียวหยิบไข่ต้มขึ้นมากัด สายตามองไปที่เขาโดยมืออีกข้างเท้าศีรษะ เด็กสาวกล่าวเตือนด้วยท่าทีกระตือรือร้น ระบบแจ้งว่า เมื่อวานเขาตามคนคนนั้นไปถึงเมืองหลวง

“กลับเมืองหลวง? ดูจากอะไร” เจียงซูเสวียนค่อยๆ ตักโจ๊กใส่ปาก มิได้แสดงท่าทีตื่นตระหนก

“นับนิ้วทำนาย” หญิงสาวนับนิ้วทั้งห้าให้ดู

เจียงซูเสวียนเหลือบมองไปที่เธอ “กินข้าว”

สาวงามกู้รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย ก็จริง เธอเป็นแค่เด็กมัธยม ไม่น่าเชื่อถือ ในทางกลับกันหากมีเด็กเหลือขอที่ไหนมากล่าวกับเธอเช่นนี้ เธอคงไม่สนใจเช่นกัน

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

Status: Ongoing
ชาติก่อนเธอเผาตัวตายเพราะถูกทรยศ ชาตินี้เธอย้อนกลับมาเพื่อเขียนอดีตของตนใหม่อีกครั้ง! นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีที่นางเอกมีระบบสุดเทพที่ทำได้ทุกอย่าง!กู้ซีเฉียว ลูกนอกสมรสไร้ค่าจากบ้านนอก ส่วนเกินในสายตาของคนในตระกูลจวบจนวาระสุดท้ายเธอก็ยังเป็นเช่นนั้น ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีใดๆแต่ชาตินี้เธอจะเขียนอนาคตของตนขึ้นใหม่จะไม่มีเด็กสาวน่าสมเพชไร้ความสามารถคนเดิมอีกต่อไป มีเพียงหญิงสาวผู้เป็นอัจฉริยะรอบด้าน!เพราะสิ่งที่เธอนำกลับมาด้วยหลังความตายไม่ใช่เพียงพรสวรรค์ดั้งเดิมแต่เป็น ‘ระบบ’ สุดโกงที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้เพียงแลกแต้มคะแนนสะสม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท