ตอนที่ 22 ฉันจะลอง
หลังจากทั้งคู่ทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว ป้าจางก็เข้ามาเก็บโต๊ะ เมื่อเห็นว่ากู้ซีเฉียวเหลือกับข้าวไว้ในจาน เธอก็กล่าวอย่างอดไม่ได้ “คุณหนูกู้ ทานน้อยจริงๆ มิน่าล่ะถึงได้ผอมแห้งแรงน้อย ไม่โตสักที หากป่วยขึ้นมา อนาคตจะแย่เอานะเนี่ย คนที่บ้านก็ไม่ได้ดูดำดูดี…”
“ตอนสิบโมง เตรียมของว่างไว้ให้เธอหน่อยก็แล้วกัน” เจียงซูเสวียนลุกพรวดพลางตัดบทป้าจาง ชายหนุ่มยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก่อนจะหันไปสั่งป้าจาง “ผมมีธุระ คงกลับไม่ทันมื้อเที่ยง”
กู้ซีเฉียวขึ้นไปชั้นบน หยิบกระดานวาดรูปเดินลงมานั่งวาดอยู่ที่ริมทะเลสาบในบริเวณบ้านพัก ส่วนป้าจางก็เตรียมของว่างไว้ให้เธอ
กว่าเจียงซูเสวียนจะกลับมาก็เย็นมากแล้ว เขากลับมาพร้อมของฝากสำหรับเด็กสาว มันคือสมุดภาพ
กู้ซีเฉียวรับสมุดภาพใหม่เอี่ยมไปถือ เธอยืนนิ่งริมทะเลสาบเนิ่นนาน เจียงซูเสวียนมองมาที่เธอ “ฉันเห็นว่าเธอกำลังวาดภาพสีน้ำมันเลยให้คนไปซื้อมาให้ ไม่ชอบเหรอ”
“เปล่า ชอบมากค่ะ” กู้ซีเฉียวสูดลมหายใจก่อนจะส่งยิ้มร่าให้ชายหนุ่ม
เด็กสาวสวมชุดเดรสสีเหลืองอ่อน เป็นชุดที่ป้าจางเตรียมไว้ให้ ผิวพรรณขาวจัด สายลมโชยอ่อนโบกโบย เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าถัดจากลำคอเรียว เพราะผอมบางเกินไปจึงทำให้กระดูกไหปลาร้านูนสูงทำให้ความงามลดน้อยลงไป
เจียงซูเสวียนมองไปที่หญิงสาว แววตาเย็นชาหรี่ลงเล็กน้อย “ชอบก็ดี แต่ว่าอีกเดี๋ยวมาที่ห้องหนังสือฉันหน่อย มีเรื่องที่เราต้องคุยกันว่า ทำไมจู่ๆ เอกสารที่หายไปถึงได้กลับมาอยู่ที่โต๊ะ”
เอกสาร?
กู้ซีเฉียวกะพริบตาหมายจะทำไขสือเพื่อผ่านเรื่องนี้ไป “คือ นั่นอะไร…”
อีกฝ่ายกลับมิได้ใส่ใจหญิงสาว เขากลับหลังหันเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านด้วยท่าทีเย็นชางามสง่า
กู้ซีเชียวยืนงงอยู่ที่เก่า รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก สมองอันชาญฉลาดประมวลผลเร็วจี๋ วินาทีที่คิดหาเหตุผลสวยหรูได้ก็กลั้นใจเดินไปเคาะประตูห้องหนังสือ
ขณะที่เธอเดินเข้าไป เจียงซูเสวียนก็กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้โยกข้างหน้าต่าง
กู้ซีเฉียวสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ เหมือนเช่นทุกครั้ง ด้านในมีหนังสือไม่มากนักแต่ถูกจัดเรียงไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย หนังสือส่วนใหญ่เป็นตำราโบราณ เพียงกวาดตาก็สามารถมองเห็นขอบหนังสือขรุขระได้
“พรุ่งนี้ฉันมีธุระ สองสามวันนี้เธอก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนเรื่องที่บ้านเธอ ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว อยู่ให้สบาย ไม่ต้องกังวล” เจียงซูเสวียนหลุบตา นิ้วเรียวยาวพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ทว่ากลับไม่ได้ถามเรื่องเอกสารเสียอย่างนั้น
เรื่องนั้น เขารู้อยู่แก่ใจก็พอแล้ว เมื่อครู่แค่นึกครึ้มใจอยากแกล้งเด็กคนนี้ก็เท่านั้น ชายหนุ่มใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า ‘พี่ควรกลับเมืองหลวงได้แล้ว’
นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือว่า…เธอรู้จริงๆ ดวงตาของเจียงซูเสวียนหรี่แคบลง
กู้ซีเฉียวยังคงอยู่ในภวังค์ความคิด เขาจะต้องไปจากเมืองเอ็น ต้องกลับไปที่เมืองหลวง เรื่องนี้เธอคาดไว้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะไปปุบปับเช่นนี้
แต่ตอนนี้เธอต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าเหตุใดเขาถึงให้เธออาศัยอยู่ที่นี่
ความจริงแล้วข้อเสนอนี้ดึงดูดใจเธอมากทีเดียว ที่นี่เงียบสงบเหมาะแก่การเข้าไปในพื้นที่เสมือนจริง และหากกล่าวตามจริง คฤหาสน์ตระกูลกู้มิได้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ทุกครั้งก่อนที่เธอจะเข้าไปในพื้นที่เสมือนจริง เธอต้องให้ระบบตั้งระบบระวังภัย หากเธอได้อยู่ที่นี่คงจะดีไม่น้อย
ไว้สอบเข้ามหา’ลัยเสร็จเหมือนไหร่จะย้ายออกมาอยู่เอง กู้ซีเฉียวตั้งมั่นกับตัวเอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง
เมื่อเห็นว่าเจียงซูเสวียนไม่มีสิ่งใดจะกล่าวต่อ เธอจึงกลับไปที่ห้องของตัวเอง หยิบสมุดภาพที่เขาซื้อให้มาพลิกดู สมุดภาพใหม่เอี่ยม ภาพวาดในเล่มเรียงรายดึงดูดสายตา เพียงภาพธรรมดาไม่กี่ภาพก็พอจะบอกได้ว่าสมุดภาพเล่มนี้น่าจะราคาสูงพอควร มันเป็นสมุดสะสมภาพ
กู้ซีเฉียวนวดศีรษะของตัวเองแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ เข้าสู่พื้นที่เสมือนจริง เธอฝึกคัดลายมือ ฝึกวาดภาพ ฝึกความแข็งแรงของร่างกาย การเข้าไปคราวนี้ เธอใช้เวลาในพื้นที่เสมือนจริงเกือบครบสองเดือน สิ่งพัวพันยุ่งเหยิงในหัวถูกขจัดไปสิ้น
เช้าวันถัดมา หญิงสาวยังคงตื่นเช้าเหมือนทุกวัน หลังจากออกกำลังกายยามเช้าและกลับมาที่บ้านพัก ป้าจางเตรียมมื้อเช้าไว้พร้อมแล้ว
“คุณหนูกู้ คุณเจียงออกไปแล้วค่ะ และยังบอกอีกว่า ช่วงนี้ให้คุณหนูอยู่ที่นี่ไปก่อน อ้อ ไม่ทราบว่าคุณหนูแพ้อาหารอะไรหรือเปล่า” ป้าจางถือจานโจ๊กเข้ามาเสิร์ฟพลางอธิบายให้กู้ซีเฉียวฟังโดยละเอียด เธอหยิบสมุดจดเล่มเล็กออกมาอ่านเนื้อความในสมุดที่เจียงซูเสวียนกำชับไว้
“ไม่มีค่ะ ทานได้ทุกอย่างเลยค่ะ” กู้ซีเฉียวคลี่ยิ้ม แววตาสดใสโค้งได้องศา
เธอชอบที่นี่เพราะไม่มีคนตระกูลกู้ ไม่ต้องคอยระแวงว่าจะถูกเล่นงานเมื่อไหร่ ไม่ถูกรบกวน ทั้งยังทำให้จิตใจว้าวุ่นของเธอได้พักสงบ
หลังอาหารเช้า กู้ซีเฉียวตั้งใจจะไปเดินดูที่ตลาดหลักทรัพย์ เดิมทีป้าจางจะให้คนขับรถที่บ้านขับรถไปส่งเธอ ทว่าหญิงสาวปฏิเสธ
เมื่อเห็นสีหน้าดื้อรั้นของเด็กสาว ป้าจางก็ชะงักไป มิได้กล่าวต่อ หญิงวัยกลางคนมองร่างบางเดินหายไปแล้วได้แต่ถอนหายใจ “โธ่ เวรกรรมแท้ๆ…” เด็กดีแบบนี้ ที่บ้านต้องใจร้ายแค่ไหนถึงได้ปล่อยให้ผอมขนาดนี้
รอบๆ พื้นที่ตลาดหลักทรัพย์รายล้อมด้วยตึกสูงระฟ้า ผู้คนสัญจรคลาคล่ำ ขณะที่กู้ซีเฉียวออกมาจากตรงนั้น บนถนนเบื้องหน้ามีกลุ่มคนยืนอออยู่ คนกลุ่มนั้นกำลังมุงดูสิ่งใดไม่อาจทราบ เธอกวาดตามองไปรอบๆ ขณะที่กำลังกลับหลังหันเตรียมจะเดินอ้อมไป เสียงของระบบก็ดังขึ้น
[ติ๊ง! มอบหมายภารกิจทำความดีประจำวัน: ช่วยคนชรา! หากภารกิจสำเร็จจะได้รับคะแนนสะสม 50 คะแนน!]
คนข้างถนนกำลังยืนล้อมชายชราผู้หนึ่งที่กำลังนอนนิ่งอยู่ที่ริมถนน ใบหน้าของเขามองเห็นได้ไม่ชัด ผมขาวโพลน เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ในมือข้างหนึ่งมีโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำ
คนที่ยืนล้อมซุบซิบถามไถ่ถึงเหตุการณ์ตรงหน้า ทว่าไม่มีใครเดินเข้าไปช่วย
กู้ซีเฉียวเดินแทรกฝูงชนเข้าไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ระบบประมวลผลเสร็จ เบื้องหน้าปรากฏจอแสดงผลลักษณะอาการของชายชรา
[ผลการวินิจฉัย: อาการเลือดออกในสมองเฉียบพลัน อยู่ในภาวะหมดสติ มีโอกาสเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ!]
[ประมวลผลสำเร็จ ค้นหาวิธีการรักษาที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ใช้คะแนนสะสม 5 คะแนนเพื่อแลกซื้อเข็มเงินหนึ่งชุด ใช้คะแนนสะสม 1 คะแนนเพื่อแลกซื้อวิธีการรักษา ต้องการทำเช่นนั้นหรือไม่]
เสียงแข็งกระด้างของระบบดึงหญิงสาวกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง กู้ซีเฉียวพยักหน้าโดยพลันซึ่งมิใช่นิสัยปกติที่เห็นได้บ่อย ในช่วงเวลาเพียงเสี้ยวอึดใจ ชุดเข็มเงินปรากฏขึ้นในมือหญิงสาว แววตาสุกใสแปรเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก บนร่างชายชราที่นอนที่อยู่ที่พื้นปรากฏแผนผังหลอดเลือด
“ฉันเป็นพยาบาลค่ะ รบกวนหลีกทางด้วยค่ะ!”
มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินแทรกฝูงชนเข้ามาพร้อมประกาศกร้าวว่าเธอเป็นนางพยาบาล ฝูงชนที่ล้อมวงอยู่ก็หลีกทางทันทีเพื่อให้เธอเข้ามาช่วยชีวิตชายชรา
พยาบาลสาวต่อสายเรียกรถฉุกเฉิน แต่เมื่อเธอเหลือบไปเห็นกู้ซีเฉียวที่กำลังยืนอยู่ข้างร่างชายชราก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที “บอกว่าให้หลบไปไงคะ ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในอันตราย หากเธอยังยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นการขวางทางไม่ให้ฉันช่วยชีวิตเขานะคะ!”
ทุกคนมาเพื่อช่วย กู้ซีเฉียวไม่สนใจท่าทีของหญิงสาว เธอทราบดีว่าอาการของชายชราไม่สามารถรอรถฉุกเฉินได้ เธอยกเข็มเงินในมือพลางกล่าว “ฉันเรียนวิชาแพทย์กับคนในครอบครัวมาตั้งแต่ยังเล็ก ให้ฉันลองทำเถอะค่ะ”
“เรียนวิชาแพทย์? เด็กคนนี้นี่มันยังไง” หญิงสาวข่มอารมณ์โกรธ เธอหลุดหัวเราะ “ฉันเป็นพยาบาลประจำตัวคุณปู่เซียว เขาหัวใจหยุดเต้น ฉันจะต้องทำซีพีอาร์ เธอบอกเธอจะลอง เธอรู้หรือเปล่าว่าอะไรคือหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ อะไรคือการนวดหัวใจ รู้หรือเปล่าว่าในร่างกายมนุษย์มีกระดูกกี่ชิ้น ถึงยังไงฉันก็มีประสบการณ์การทำงานในโรงพยาบาลมาหลายปี แต่เธอล่ะ พอถึงเวลาเกิดเรื่องเธอจะไม่หงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์หนีความผิดเหรอ ยัยหนู เป็นเด็กน่ะอย่าริอาจพูดโกหก อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก!”