ตอนที่ 24 ไอเทมเพิ่มพูนความจำ
ที่บ้านพัก ป้าจางที่เตรียมอาหารไว้พร้อมแล้วเริ่มร่าย “คุณหนูกู้ ตำรับยาที่คุณหนูให้ได้ผลมากเลยค่ะ หลายวันมานี้ขาของฉันดีขึ้นเยอะเลย ฉันไปจ่ายตลาดทุกวันแต่กลับไปปวดไม่เมื่อยเลยสักนิด!” จุดนี้ทำให้ป้าจางรู้สึกประหลาดอย่างยิ่งยวด เธอหาหมอมาหลายคน แต่ไม่มีใครรักษาอาการป่วยของเธอให้หายขาดได้ แต่ใบสั่งยาเพียงสองแผ่นจะรักษาจนหายเป็นปลิดทิ้งได้งั้นเหรอ
กู้ซีเฉียววางชามในมือ “ได้ผลก็ดีค่ะ ต่อไปนี้ป้าจางเรียกชื่อเล่นของฉันเถอะค่ะ”
เธอก็ไม่ใช่คุณหนูอะไรที่ไหน
เด็กสาวคลี่ยิ้ม ใบหน้าละเอียดอ่อนงดงามราวหยกสลัก เธอเปล่งประกายภายใต้แสงไฟ นัยน์ตาสุกใสประหนึ่งแสงที่ส่องสกาวไปทั่วฟ้า ป้าจางยากที่จะปฏิเสธเด็กสาวผู้นี้ เธอรีบตอบรับ “ได้ค่ะ งั้นที่บ้านของคุณเรียกคุณว่าอะไร ฉันจะได้เรียกตามพวกเขา”
มือเด็กสาวที่กำลังจับตะเกียบกำแน่น สายตาหลุบต่ำ “เฉียวเฉียว เรียกว่าเฉียวเฉียวแล้วกันค่ะ”
ป้าจางเดินวนไปวนมาด้วยความดีใจ ก่อนจะตบมือพลางอุทานออกมาว่า “ดูฉันสิ มัวแต่ตื่นเต้นจนลืมเอาซุปที่ตุ๋นไว้มาเสิร์ฟเลย เฉียวเฉียวคอยเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาซุปมาให้”
เมื่อเห็นป้าจางมีความสุข หัวใจหดหู่ของกู้ซีเฉียวก็ดีขึ้นถนัดตา หญิงวัยกลางคนนำน้ำแกงที่เจือไปด้วยกลิ่นยาจีนมาให้ ภายใต้สายตาหวังดีของป้าจาง เด็กสาวพยายามดื่มไปถึงสองชาม
หลังมื้อเย็นแล้ว เธอขึ้นไปชั้นบน ทันทีที่เปิดประตูห้อง เด็กสาวยืนอึ้งอยู่ที่หน้าประตูพักใหญ่ เธอกวาดตามอง มุมหนึ่งของห้องถูกเนรมิตเป็นสตูดิโอวาดรูปโดยใช้แผ่นกระจกฝ้าสองสามบาน ในนั้นมีทั้งกระดานวาดรูป ผ้าใบ สมุดภาพ…มีทุกสิ่งครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีกระถางต้นไม้เล็กๆ ที่นำมาจัดวางอย่างตั้งใจ
“ทั้งหมดนี้เป็นคำสั่งของคุณเจียงก่อนที่เขาจะไป แต่เนื่องจากเวลามีน้อย จึงยังตกแต่งได้ไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ” เสียงของป้าจางดังลอยมา
“ขอบคุณค่ะ ฉันชอบมากเลยค่ะ”
กู้ซีเฉียวค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง ในห้องนอนของเธอโอ่โถงกว้างขวาง การมีห้องวาดรูปในนั้นไม่ได้ส่งผลให้ห้องคับแคบแต่อย่างใด แต่กลับทำให้ห้องมีกลิ่นอายของความเป็นศิลปะมากขึ้น
[เฉียวเหม่ยเหริน ถึงเวลาเรียนแล้ว!]
เมื่อเห็นโฮสต์นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องอยู่นานเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ระบบจึงเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
กู้ซีเฉียวไม่ได้โต้ตอบ เธอเข้าไปในพื้นที่เสมือนจริง นั่งนิ่งมองโต๊ะที่มีอุปกรณ์สำหรับคัดลายมืออยู่นานก่อนจะเขียนตัวอักษรคำว่า “สงบ”
[ติ๊ง! ลายมือของโฮสต์พัฒนาถึงระดับกลาง ระบบให้รางวัลเป็นคะแนนสะสม 50 คะแนน หวังว่าโฮสต์จะพัฒนาลายมืออย่างสุดความสามารถต่อไป!] ระบบส่งเสียง
“ระดับกลาง? วัดยังไง” กู้ซีเฉียวหยุดพู่กันด้วยความฉงนกับคำว่า ‘ระดับกลาง’ เธอมองตัวอักษรที่เพิ่งเขียนเมื่อครู่และรู้สึกว่าดูประณีตบรรจงกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว อีกทั้งยังดูมีพลังมากด้วย
[ฉันเกือบลืมไปว่ายังมีสิ่งนี้อยู่ด้วย เฉียวเหม่ยเหรินกรุณารอสักครู่!]
ไม่นานก็มีจอโปร่งใสปรากฏขึ้นตรงหน้ากู้ซีเฉียว บนจอแสดงข้อมูลส่วนตัวของเธอโดยละเอียด รวมถึงคำอธิบายระดับต่างๆ ระดับทักษะชีวิตประจำวันแบ่งออกเป็นระดับต่ำ ระดับปานกลาง ระดับสูง ระดับอาจารย์ ระดับปรมาจารย์ ระดับยอดปรมาจารย์ และระดับเทพ
[บนโลกนี้ ทักษะชีวิตของคนส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ มีเพียงจำนวนน้อยที่อยู่ในระดับปานกลาง ระดับสูงถือว่าหาได้ยากยิ่ง ส่วนระดับสูงกว่านั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีสะทีเดียว แต่เพราะขีดความสามารถของระบบทำให้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ในขณะนี้ ส่วนชายที่คุณเจอที่ห้องศิลปะเมื่อครั้งก่อน ฝีมือในการวาดภาพของเขาก็อยู่ในระดับต่ำเช่นกัน ฉะนั้นแล้วฝีมือของโฮสต์ถือว่าสูงกว่าเขา]
ภารกิจทั้งหมดที่เธอได้รับมอบหมายล้วนแล้วแต่ต้องบรรลุให้ถึงขั้นปรมาจารย์ทั้งสิ้น เป็นงานที่ท้าทายเอาเรื่อง
แต่ระดับวิทยายุทธ์โบราณกลับต่างออกไป ระดับทั้งหมดแบ่งออกเป็น ขั้นฝึกหัด ขั้นฝึกลมปราณ ขั้นเกลากระดูก ขั้นฝึกกล้ามเนื้อ ขั้นกายเบา ขั้นทะลวงเส้น ขั้นพรสวรรค์ ขั้นพรแสวงและขั้นบรรลุ
[ระบบคิดว่าสหายเจียงซูเสวียนน่าจะอยู่ในขั้นกายเบาขึ้นไป เพียงแต่นี่เป็นการคาดเดาเท่านั้น เนื่องจากเดิมทีระบบคิดว่าบนโลกนี้ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถไปถึงขั้นเกลากระดูกได้ แต่ทว่าความสามารถของโฮสต์ยังไม่ได้ขั้นฝึกหัดเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นจะต้องพยายามต่อไป]
ช่วงเวลาสุดสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กู้ซีเฉียวใช้เวลาอยู่ในพื้นที่เสมือนจริงยาวนาน เธอทุ่มสมาธิไปกับการฝึกวาดภาพสีน้ำมัน ฝีมือที่เคยถูกสนิมเกาะแน่นเริ่มกลับมาใช้การได้อีกครั้ง
เช้าวันจันทร์ เธอไปโรงเรียนตามปกติ กู้ซีเฉียวเดินผ่านสวนของโรงเรียนเช่นทุกครั้ง แต่ที่ต่างออกไปคือคราวนี้มีคนเดินตามอยู่ข้างหลัง
ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอู่หงเหวินที่คอยมารังควาน
เมื่อเช้าขณะที่เธอนั่งอยู่ในรถโรงเรียน เธอเห็นเขายืนรอท่าอยู่ที่ข้างประตูโรงเรียน เมื่อเห็นหญิงสาว เขาก็เดินเนียนๆ มาตามทางประหนึ่งว่าเพิ่งมาถึง ดูเหมือนว่าเขาจะเบนเข็มจากการเป็นหนุ่มสายติสท์มาเป็นเด็กหนุ่มหน้าหนาไร้ยางอายเสียแล้ว
ต่อหน้าคนจำนวนมาก กู้ซีเฉียวไม่อยากมีปัญหากับเขา โชคดีที่สายตาเฉียบคมของเธอบังเอิญเห็นเพื่อนร่วมห้องที่นั่งโต๊ะหลังเธอกำลังเดินมาพอดี เธอจึงเดินจูงเพื่อนคนนั้นและเดินคุยกันไปตลอดทาง
แน่นอนว่า เพื่อนนักเรียนคนนั้นส่งยิ้มทักทายอู่หงเหวินด้วยท่าทีขวยเขินเป็นที่เรียบร้อย
อู่หงเหวินไม่มีท่าทีรีบร้อน ค่อยๆ เดินคุยกับเด็กสาวทั้งสองไปเรื่อยจนถึงห้องเรียนคู่ขนานแล้วถึงค่อยแยกตัวไป
ท่าทีประหนึ่งสตอล์กเกอร์ทำให้คนรอบข้างได้แต่ยืนอึ้ง
นี่เดือนโรงเรียนที่ทั้งหน้าตาหล่อและเรียนดีไม่ใช่หรือ ปกติแล้วคนที่เพียบพร้อมไปเสียทุกด้านมักจะเย็นชา เข้าถึงยาก คนธรรมดาได้แต่ยืนมองจากที่ไกลๆ ไม่ใช่หรือ แต่การที่เขาเดินตามต้อยๆ แบบนี้มาเป็นอาทิตย์ ทั้งยังเอานมเอาช็อกโกแลตมาให้ไม่ขาดทุกวันเช่นนี้ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
สิ่งที่ทำให้คนฉงนสนเท่ห์กว่านั้นคือดูเหมือนครูหลายๆ คนและครูหัวหน้าแผนกกลับไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้
เรื่องนี้ทำให้กู้ซีเฉียวกลายเป็นที่กล่าวขานในโรงเรียนถึงขั้นกลบชื่อของกู้ซีจิ่นไปแล้ว
กู้ซีเฉียวเดินมาที่โต๊ะของตัวเองก็พบว่าเซียวอวิ๋นมาถึงก่อนตั้งนานแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น เซียวอวิ๋นยังเอาแต่จ้องมาที่เธอ จ้องมองจนกู้ซีเฉียวเริ่มจะขนลุก การที่หญิงสาวที่งามสง่าจดจ้องเธอไม่วางตาต้องมีอะไรแปลกๆ ใช่หรือเปล่า
“พี่ชายฉันบอกว่า เธอช่วยคุณปู่เอาไว้” เซียวอวิ๋นถอนสายตากลับไป ก้มหน้ามองกระดาษบนโต๊ะพลางเอ่ยแผ่วเบา
กู้ซีเฉียวขบคิดอยู่พักหนึ่งจึงนึกขึ้นได้ว่าเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เธอส่งยิ้ม “ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องเกรงใจ เรื่องนี้คนที่ทำงานหนักที่สุดคือหมอ ฉันไม่ได้ทำอะไรมากมาย อย่างมากก็แค่เรียกรถพยาบาล เพียงแต่ไม่นึกว่านั่นคือปู่ของเธอ จริงด้วย ชีทเลข”
เธอยกแผ่นกระดาษในมือขึ้นบนอากาศ
เซียวอวิ๋นรีบคว้าไปก่อนจะมองกู้ซีเฉียวด้วยแววตาจริงจัง “ไม่ใช่ หมอบอกว่าถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้ ฉันกับพี่จะเสียคุณปู่ไปตลอดกาล เพราะงั้นฉันขอบคุณเธอจริงๆ นะ พี่ชายบอกว่าให้เชิญเธอไปที่บ้าน”
แม้เธอจะไม่เข้าใจว่า เหตุใดเด็กสาวที่อายุเท่ากันกับเธอถึงได้มีความสามารถในการรักษาคนป่วย ถึงขนาดที่แพทย์ที่มีฝีมืออันดับต้นๆ ของเมืองเอ็นยังรู้สึกประหลาดใจ
น้ำเสียงจริงจังทำให้กู้ซีเฉียวชะงักไป เธอฉุกคิดถึงเหตุการณ์เมื่อชาติก่อน จำได้ว่าบ้านของเซียวอวิ๋นเกิดปัญหาเป็นเหตุให้เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ สุดท้ายเธอจึงล้มเลิกเส้นทางการศึกษาและเข้าสู่วงการบันเทิง พอเดาได้ว่าเรื่องของคุณปู่คงส่งผลกระทบต่อเธออย่างนั้น การสอบเข้ามหาวิทยาลัยถึงได้ล้มเหลวไม่เป็นท่าเช่นนั้น
“ถ้าเธออยากจะขอบคุณฉันก็ง่ายนิดเดียว” กู้ซีเฉียวควงปากกาในมือ ก่อนจะหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาในขณะที่สายตาของเซียวอวิ๋นยังคงงงงวย “ท่องจำกลอนในสมุดเล่มนี้ให้ฉันที”
สมุดเล่มนั้นเป็นสรุปที่กู้ซีเฉียวรวบรวมขณะที่อยู่ในพื้นที่เสมือนจริง ซึ่งเป็นแนวข้อสอบสำหรับสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ภารกิจที่ระบบมอบหมายไม่จำเป็นต้องทำให้ลุล่วงทั้งหมด หากภารกิจไหนยากเกินไป เธอสามารถปฏิเสธได้ แต่ตอนนี้กู้ซีเฉียวอยากลองดูสักครั้ง เธออยากลองช่วยเซียวอวิ๋น
“ระบบ ช่วยแลกไอเทมเพิ่มพูนความจำให้เซียวอวิ๋นหน่อย”
[เอ๋ คุณกลายเป็นคนใจกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่กัน] ระบบใช้คะแนนห้าคะแนนของกู้ซีเฉียวแลกเปลี่ยนกับเม็ดยาความจำ [ยาความจำเป็นยาตำรับเทพโบราณ ปกติแล้วร้านค้าระดับสามขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถซื้อได้ แต่ว่าฉันให้สิทธิพิเศษกับคุณ ยานี้จะช่วยเพิ่มพูนความทรงจำแก่ผู้รับยาภายในหนึ่งเดือนเท่านั้น ดังนั้นอัตราความสำเร็จทั้งหมดต้องอาศัยความเพียรพยายามของบุคคลเป้าหมายของภารกิจ]
อีกหนึ่งเดือนก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยพอดี เวลาเท่านั้นถือว่าเพียงพอ กู้ซีเฉียวไตร่ตรองและตัดสินใจซื้อ
เซียวอวิ๋นรู้สึกว่าเพื่อนที่นั่งข้างเธอเก่งกาจเหนือมนุษย์เกินไป ภายนอกดูเหมือนกำลังตั้งใจฟังครูสอน ทั้งที่ในมือกลับถือโทรศัพท์มือถือดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย แต่พอครูถามคำถามกลับตอบได้อย่างลื่นไหล
เด็กสาวรู้สึกฉงนหนัก นี่เธอเป็นปีศาจที่แฝงตัวมาเหรอ