ตอนที่ 28 พิสูจน์
กู้ซีเฉียวลุกจากเตียง หรี่ตามองไปที่ชั้นล่าง
รถสีดำจอดอยู่ด้านนอกสนาม ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนก้าวขาลงจากรถ เขาไม่ใช่คนสูง ค่อนไปทางท้วม บนหน้าเปื้อนยิ้มใสซื่อ ดูเป็นคนซื่อตรง แต่ทว่าเขาดูมีบางอย่างผิดปกติ
กู้ซีเฉียวลูบคางครุ่นคิด
ใครก็ตามที่เคยผ่านการฝึกวิทยายุทธ์โบราณจะเคยอ่านคัมภีร์หวงตี้เน่ยจิงซึ่งมีประโยคหนึ่งที่กล่าวว่า ‘หากเจิ้งชี่ภายในยังดำรงอยู่ เสียชี่ก็มิอาจกล้ำกราย’
หากอ่านผ่านๆ ประโยคนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่คนในที่เคยฝึกฝนต่างรู้ดีว่า จิงแปรสภาพเป็นชี่ ชี่แปรสภาพเป็นเสิน เสินแปรสภาพเป็นจิง การฝึกฝนต้องอาศัยคุณธรรมนำใจ เหตุและผลวนเวียน หากคิดการชั่ว ปราณชั่วร้ายจะกล้ำกรายเข้าสู่ร่าง ปราณและจิตจะผิดไปจากที่ควร
การแยกความต่างระหว่างวิถีธรรมและวิถีชั่วมีรากฐานมาจากสิ่งเหล่านี้
“เขาเป็นอาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ตั้งแต่พ่อและแม่จากไป เขาก็ย้ายมาจากเมืองบี แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาเป็นพวกคิดไม่ซื่อ” เซียวอวิ๋นเม้มปาก จ้องชายคนนั้นตาเขม็งก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนแรง “แต่พี่กับคุณปู่กลับเชื่อใจเขา จนตอนนี้เขาเกือบจะกลายเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดของบริษัทไปแล้ว”
กู้ซีเฉียวตบบ่าเพื่อน “ไม่เป็นไรนะ พวกเราลงไปดูกันดีกว่า”
เมื่อถูกตบบ่าเช่นนั้น เซียวอวิ๋นกลับรู้ว่ามีไอเย็นๆ แผ่ซ่านออกมาจากมือซึมผ่านเข้ามาสู่ร่างของเธอ เพียงชั่วครู่ เธอหลุดจากภวังค์
เซียวหมิงอัน อาของเซียวอวิ๋นกำลังนั่งคุยอยู่กับคุณปู่เซียวในห้องรับแขกชั้นล่าง กู้ซีเฉียวเห็นว่าในมือของคุณลุงพ่อบ้านมีแจกันดอกไม้กระเบื้องเคลือบสีอยู่ด้วย
[ติ๊ง! มอบหมายภารกิจประจำวัน: ช่วยเซียวอวิ๋นพิสูจน์แจกันราชวงศ์หยวน รางวัลจากภารกิจ: 10คะแนน]
ระบบส่งเสียงได้ถูกเวลา
กู้ซีเฉียวเดินตามหลังเซียวอวิ๋นพร้อมกวาดตาไปทางแจกัน
“อาอวิ๋นสวยขึ้นอีกแล้วนะ” เซียวหมิงอันมองมาที่เซียวอวิ๋น แววตาเป็นประกายพร้อมกล่าวด้วยท่าทางยิ้มแย้ม
เซียวอวิ๋นมองเขาด้วยสายตาเย็นชา คล้ายกับว่ากำลังจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาของกู้ซีเฉียว เธอก็สงบลงและไม่กล่าวสิ่งใด
เซียวเฉิงกังวลว่าเซียวอวิ๋นจะคุมอารมณ์ไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าอาการของน้องสาวดูเป็นปกติ เขาก็วางใจ “พ่อบ้านครับ ช่วยเอาแจกันดอกไม้นี้ไปไว้ในห้องนอนของคุณปู่ และช่วยเตรียมมื้อเที่ยงทีครับ”
คุณปู่พ่อบ้านเตรียมเดินขึ้นไปตามคำสั่ง
แต่จู่ๆ กู้ซีเฉียวก็เอ่ยขึ้นว่า “แจกันนี้สวยจังเลยค่ะ”
“แม่หนูคนนี้ดูของแบบนี้เป็นด้วยหรือ นี่เป็นแจกันสมัยราชวงศ์หยวนที่เพิ่งขุดออกมาจากใต้ดิน ฉันซื้อมาแพงมาก และได้ขอให้ท่านอาจารย์ชื่อดังช่วยทำพิธีอยู่ยาวนานสี่สิบเก้าวัน เพื่อเป็นบุญกุศลให้ผู้รับมีอายุมั่นขวัญยืนและมีชีวิตสุขสงบ” เซียวหมิงอันกล่าวพร้อมแย้มยิ้ม
“เพิ่งขุดออกมาจากใต้ดินเลยหรือคะ แล้วก็เอาไปทำพิธีอยู่ยาวนานสี่สิบเก้าวันเลยหรือคะ” กู้ซีเฉียวดวงตาเป็นประกาย ในขณะที่หยิบมาจากมือของพ่อบ้าน “…คุณเห็นตอนมันถูกขุดออกมาจากดินเลยเหรอคะ”
เซียวหมิงอันยังคงยิ้ม “แน่นอน”
“อย่างนี้นี่เอง…” กู้ซีเฉียวยื่นมือออกมาลูบแจกัน ลานสายตาหรี่แคบ “ด้านในตรงกลางของกระเบื้องลายครามชิ้นนี้ค่อนข้างหนักและแข็ง ก้นตื้น มีรอยต่ออยู่ที่ก้นภาชนะ บริเวณส่วนกลางและส่วนต่อมีลวดลายสีแดงที่เขียนอย่างไม่ประณีต ส่วนคอของแจกันมีลายเส้นเรียบๆ รูปทรงกลมเกลี้ยงไม่ปรากฏรอยมีด ดูอย่างไรก็คล้ายของจริง”
รอยยิ้มของเซียวอันหมิงยังคงอยู่ในขณะที่ฟังประโยคครึ่งแรกของเด็กสาว แต่ห้วงวรรคสุดท้ายกลับทำให้รอยยิ้มนั้นชะงักไป “แม่หนู อย่าพูดมั่วๆ นะ”
เขามองไปที่กู้ซีเฉียว เอ่ยปากพร้อมสายตาข่มขู่ พลังจิตที่ดูเหนือชั้นกว่าคนธรรมดาถึงสามเท่าคุกคามหญิงสาว เขาส่งสัญญาณเพื่อทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก
เขาเป็นพวกฝึกวิทยายุทธ์จริงด้วย เพียงแต่พลังจิตระดับแค่นี้กล้าทำอะไรเธออย่างนั้นหรือ กู้ซีเฉียวหัวเราะแผ่วเบา
“คุณอาอย่าเพิ่งร้อนใจไปค่ะ” หญิงสาวไม่ได้สนใจพลังจิตของบุรุษตรงหน้า เธอยังคงส่งยิ้มร่า “คุณลักษณะของกระเบื้องลายครามจะมีสีสันสดใส ไม่ฉูดฉาด ใช้สารสีครามและสีเทาสามชนิด แต่เครื่องเคลือบลายครามของราชวงศ์หยวนจะใช้สารให้สีเฉพาะที่เรียกกว่า ‘สีน้ำเงินซูปั๋วหนี’ ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นโคบอลต์และออกไซด์ของเหล็ก ซึ่งต้องนำไปเผาในเตาที่มีอุณหภูมิสูง สีและลวดลายจึงจะแจ่มชัดซึมลงใต้ชั้นเคลือบ แต่สีของแจกันใบนี้กลับเป็นการเติมออกไซด์ของเหล็กเข้าไป เขียนลวดลายแล้วจึงนำไปเคลือบผิวด้านนอก ในจุดนี้หากนำไปส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์ก็จะเห็นถึงความต่าง”
กู้ซีเฉียวส่งแจกันใบนั้นคืนใส่มือพ่อบ้าน สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ส่วนเรื่องที่ทำพิธีอยู่ยาวนานสี่สิบเก้าวันน่าจะเป็นของที่ฝังอยู่ในสุสานของคนตายยาวนานสี่สิบเก้าวันมากกว่า”
ครั้นสิ้นประโยค ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็เงียบกริบ
มีเพียงเซียวอวิ๋นเท่านั้น เธอยืนนิ่งอยู่ข้างๆ กู้ซีเฉียวพลางกล่าว “คุณอาคะ คุณอาตั้งใจเอาแจกันจากหลุมคนตายมาให้คุณปู่แบบนี้ คุณอาคิดจะทำอะไรกันแน่คะ”
“คุณลุง คุณลุงจะไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูดก็ได้ แต่ไม่ควรให้คนนอกมาทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียงแบบนี้!” เซียวหมิงอันกระชากแจกันมาจากมือพ่อบ้าน แววตามุ่งร้ายจ้องตรงไปที่กู้ซีเฉียวครู่หนึ่งพลางกล่าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะไป!”
เสียงเครื่องยนต์ดังมาจากด้านนอก
ข้างในห้องยังคงไร้เสียงใด กู้ซีเฉียวมองไปที่เซียวอวิ๋น มองไปที่ใบหน้าไม่สื่ออารมณ์ใดของเซียวเฉิง ก่อนจะหันไปมองใบหน้าก้มต่ำไม่กล่าวคำใดของคุณปู่เซียว ในขณะนั้นเธอไม่รู้ว่าควรวางตัวอย่างไร
ในไม่กี่ชั่วอึดใจ คุณปู่เซียวก็จับหน้าอก ไอโขลกออกมาอย่างรุนแรง ใบหน้าซีดเผือด ลมหายใจหอบระรัว
“คุณปู่!”
“คุณท่าน!”
ทั้งพ่อบ้านและเซียวอวิ๋นถลาตัวเข้ามาพร้อมส่งเสียงร้องด้วยท่าทางตกใจ
กู้ซีเฉียวลูบหน้าผาก “พวกเธอถอยออกไปก่อน!”
คุณปู่จะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว คนพวกนี้จะเข้าไปรุมทำไม อยากให้ตายไวๆ นักหรือไง
กู้ซีเฉียวหยิบเข็มเงินออกมาแล้วทิ่มลงไปที่จุดชีพจรหลายจุด ร่างของปู่เซียวก็ค่อยๆ สงบลง สีหน้าที่ซีดเผือดเมื่อครู่กลับมาเรื่อสีอีกครั้ง มีเพียงบริเวณอกที่ยังพองเล็กน้อย
สิบนาทีหลังจากนั้น กู้ซีเฉียวก็ดึงเข็มเงินออก
คุณปู่เซียวปรือตามองกู้ซีเฉียว “ตอนแรกที่พวกเขาบอกว่าเธอฝังเข็มช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันยังไม่เชื่อ แต่เมื่อได้เห็นตอนนี้ ฉันก็เชื่อแล้ว”
เพราะอาการทุรนทุรายเมื่อครู่ เขาจึงต้องหยุดพักหายใจขณะพูดเนื่องจากเรี่ยวแรงยังน้อยอยู่
“คุณปู่เซียว ถนอมร่างกายด้วยค่ะ สิ่งที่หนูพูดไปเมื่อครู่ หนูไม่ได้ตั้งใจ แต่ของที่ขุดออกมาจากสุสานกักเก็บไอพิฆาตเอาไว้มาก นานวันเข้าจะส่งผลร้ายต่อร่างกายและสภาพจิตของคน หากสิ่งที่หนูเดาถูกต้อง คนคนนั้นมักจะส่งวัตถุโบราณมาให้ทุกๆ สองเดือนใช่หรือเปล่าคะ” กู้ซีเฉียวเม้มปาก เก็บเข็มเงินพลางอธิบาย
เซียวอวิ๋นเอ่ยขึ้นกะทันหัน “คุณปู่พ่อบ้าน เอาของที่คนๆ นั้นส่งมาไปเผาทิ้งให้หมดค่ะ!”
พ่อบ้านมองไปที่คุณปู่เซียวและเซียวเฉิง ขยับปากเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตนควรทำอย่างไร
“เผาซะ” คุณปู่เซียวยกมือด้วยความรู้สึกหดหู่ “เอาไปเผาให้หมด ของที่เป็นภัยต่อคนอื่นจะให้เก็บไว้ทำไม”
พ่อบ้านถึงยอมเดินขึ้นไปบนชั้นสอง เซียวเฉิงเงียบไปพลางส่งสัญญาณให้คนรับใช้เข้ามาเก็บกวาด
“คุณปู่เซียว เดี๋ยวหนูจะเขียนใบสั่งยาให้ก็แล้วกันนะคะ ปราณชั่วร้ายที่อยู่ในร่างกายเป็นเวลานานหลายปีเป็นต้นตอของโรคร้ายมากมาย การที่จะรักษาให้หายขาดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าทานยาตามที่หนูเขียนให้ ร่างกายจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้เกือบเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ทีเดียวค่ะ เพียงแต่ว่ายาสมุนไพรเหล่านี้อาจหาได้ยากหน่อยนะคะ” กู้ซีเฉียวปรึกษากับระบบก่อนจะใช้คะแนนสะสมแลกตำรับยารักษา
“ขอบคุณ” เซียวอวิ๋นเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
กู้ซีเฉียวรับแผ่นกระดาษที่เซียวเฉิงส่งให้มาเขียนสูตรยารักษา
เซียวอวิ๋นมองไปที่เธอ เม้มปากไม่กล่าวต่อ แววตายังคงจ้องนิ่งไปที่นิ้วเรียวยาว
อักษรบนกระดาษเป็นตัวบรรจงสวย คุณปู่เซียวและเซียวเฉิงที่ตั้งใจจะดูรายชื่อยาในตอนแรก แต่ตอนนี้สายตากลับจ้องตามปลายปากกาแหลมนั้นไปเรื่อยๆ ทั้งคู่เอ่ยชมลายมือของเด็กสาวไม่หยุดปาก ตัวอักษรเช่นนี้ ต้องเป็นคนที่มาจากชาติตระกูลที่ดีอย่างแน่นอน