ตอนที่ 35 ตอบสนอง
รถยนต์จอดนิ่งที่หน้าประตูใหญ่โรงเรียนอีจง เจียงซูเสวียนกำชับขณะที่เด็กสาวกำลังลงจากรถ “เย็นนี้กลับมาที่บ้านด้วย”
กู้ซีเฉียวชะงักฝีเท้า หันกลับมาโบกมือให้ชายหนุ่มเป็นอันรับทราบ
เจียงซูเสวียนมองร่างของหญิงสาวไปจนลับสายตาก่อนจะเอนหลังพิงเบาะ เขาหลับตาเชื่องช้า เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เขานั่งตรวจสอบหลักฐาน หาคลิปวิดีโอจากคนข้างถนนที่ถ่ายติดโดยบังเอิญ งานนี้ทำให้พลังจิตของเขาเสื่อมถอยไปมากจึงต้องใช้เวลาในการพักผ่อนระยะหนึ่ง
ในทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เดิมทีเขาตั้งใจจะไม่รับ แต่ว่าเมื่อเห็นหมายเลขปลายทางก็พยายามรวบรวมสติ กล่าวขอบคุณสองสามประโนคก่อนจะวางสายไป
ปลายสายที่โทรมาคือผู้อำนวยการโรงเรียนอีจง เขาโทรมาเรื่องสถานะนักเรียนของกู้ซีเฉียว ตระกูลกู้จัดการทุกอย่างในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อวานตอนเย็นพวกเขาแจ้งถอดถอนสถานะนักเรียนของกู้ซีเฉียวและย้ายไปอยู่ในโรงเรียนขนาดเล็กในเขตหนึ่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ได้หว่านล้อมให้อยู่ต่อ เพราะถึงอย่างไรกู้ซีเฉียวก็ทำความผิด หนำซ้ำผลการเรียนก็ไม่โดดเด่น หากปล่อยให้อยู่ในสถานะนักเรียนโรงเรียนอีจงต่อไปรังแต่จะทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง
แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้อำนวยการโรงเรียนกลับได้รับโทรศัพท์จากนายกเทศมนตรีเมืองที่โทรมาคุยเรื่องกู้ซีเฉียว และหลังจากนั้นก็มีสายโทรศัพท์ทั้งจากตระกูลอู่ ตระกูลเซียวหรือแม้แต่ตระกูลอิน ผู้อำนวยการโรงเรียนอีจงที่ควบตำแหน่งเลขาคณะกรรมการเทศมนตรีเมืองในเวลาเดียวกันตระหนักเห็นความสำคัญของเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
เพียงเพราะคำพูดของคนผู้นั้นทำให้บรรดาคนที่อยู่บนยอดพีระมิดในเมืองเอ็นโทรศัพท์หาเขาที่เป็นเพียงผู้อำนวยการโรงเรียนด้วยความเคารพนบนอบ นี่แสดงให้เห็นถึงสถานะของคุณเจียง
เอกสารที่ถูกคนตระกูลกู้นำไปถูกนำมาส่งคืนแทบจะในทันที ผู้อำนวยการโรงเรียนออกมารับเอกสารนั้นด้วยตัวเอง เขาได้แต่ถอนหายใจแต่เพียงในใจ คนที่คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังลูกนอกสมรสธรรมดาๆ คือคุณเจียงผู้ลึกลับและตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองเอ็นอีกมากมาย คราวนี้ตระกูลกู้กำลังทำความผิดครั้งยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ไม่คิดจะเตือน
ผู้อำนวยการโรงเรียนขำพรืดกับเรื่องที่คนพวกนั้นบอกว่ากู้ซีเฉียวขโมยภาพ มีคนหนุนหลังมากมายเพียงนี้ หากกู้ซีเฉียวอยากเข้ารวมงานนิทรรศการวาดภาพก็ง่ายดายเหมือนดีดนิ้ว มีความจำเป็นอะไรให้ต้องขโมยภาพวาด
……
คาบเรียนที่สามจบลงแล้ว กู้ซีเฉียวไปถึงตอนพักระหว่างคาบซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ครูประจำชั้นกำลังถือใบงานเดินออกมาจากห้องเรียนพอดี
ทันทีที่เห็นกู้ซีเฉียว ครูประจำชั้นก็ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะพาเธอไปที่ห้องทำงาน
เด็กนักเรียนในห้องทำคอยืดคอยาวมองตามกู้ซีเฉียวไป ทุกคนทำได้เพียงระบายความโกรธลงบนเวยปั๋ว ทันทีที่เห็นคนกล่าวร้ายถึงกู้ซีเฉียวก็พร้อมจะตอบกลับเหมือนพวกติ่งอย่างไรอย่างนั้น
ขณะเข้าเรียนเด็กนักเรียนก็ยังนั่งดูถ่ายทอดสดในโทรศัพท์ของตัวเอง ครูที่เห็นกลับมองข้าม พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ทราบข่าว เมื่อเห็นทิศทางของนักข่าวเปลี่ยนไป พวกเขาผงะนิ่งไป การกระทำของกู้ซีจิ่นเป็นเรื่องที่พวกเขาคาดไม่ถึง ดาวโรงเรียนผู้เป็นอัจฉริยะอย่างกู้ซีจิ่นเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน
คาบเรียนนั้นผ่านไปเฉยๆ ไม่มีใครใส่ใจจะเรียน ดีที่ครูผู้สอนก็ไม่มีใจจะสอนเช่นกัน
เมื่อกู้ซีเฉียวเดินกลับมา ห้องเรียนก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
กู้ซีเฉียวมองไปที่พวกเขาทว่ามิได้กล่าวคำใด เธอวางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะเหมือนเช่นทุกครั้ง หยิบหนังสือเรียนและใบงานออกมาเตรียมสำหรับวิชาชีวะในคาบถัดไป
พวกเด็กผู้ชายผลัดกันดันเพื่อนให้ใครสักคนชวนกู้ซีเฉียวคุย แต่ไม่มีใครกล้า วันนี้กู้ซีเฉียวไม่ได้สวมชุดนักเรียน เธอสวมชุดกระโปรงลายดอกไม้สีฟ้าอ่อน เธอดูไร้เดียงสา งดงามสะดุดตา พวกเด็กผู้ชายขัดเขินเกินกว่าจะเข้าไป กลายเป็นพวกเด็กผู้หญิงที่เข้าไปล้อมวง
ไม่นานเสียงออดก็ดังขึ้น ทุกคนแยกย้ายกลับไปนั่งที่
เซียวอวิ๋นจึงได้โอกาสคุยกับกู้ซีเฉียวตอนนี้ กู้ซีเฉียวเองก็ตอบรับอย่างดี ตอนใกล้จะหมดคาบ เซียวอวิ๋นถอนหายใจออกมาด้วยความปลง ส่วนกู้ซีเฉียวกลับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเศรษฐกิจเหมือนปกติไม่มีผิดเพี้ยน
จนกระทั่งออดหมดคาบดังขึ้น เซียวอวิ๋นคล้องแขนกู้ซีเฉียวและนิ้วชี้ไปเบื้องหน้า กู้ซีเฉียวมองตาม เห็นเงาของอู่หงเหวินยืนคอยอยู่ที่นอกห้อง
ร่างสูง ขายาวยืนพิงอยู่ที่ทางเดิน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายดึงดูดสายตาเด็กนักหญิงจำนวนมาก
เมื่อครูสอนวิชาชีวะเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า วินาทีที่เสียงออดดังขึ้นก็ปล่อยนักเรียนทันที อู่หงเหวินรีบเดินมายืนรออยู่ที่หน้าประตู
พลังของข่าวซุบซิบในโรงเรียนไม่เคยแผ่ว ภายในเวลาแค่สองวัน เรื่องของกู้ซีจิ่นก็ลือลั่นจนกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปทั่วโรงเรียน
ก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์ของกู้ซีจิ่นสมบูรณ์แบบยิ่ง เมื่อเรื่องนี้แดงขึ้นมา ในตอนแรกนักเรียนส่วนใหญ่ไม่อาจปักใจเชื่อ แต่ใครจะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น กู้ซีจิ่นคือทายาทสายตรงของเครือกู้ หากนี่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น บริษัทกู้จะยอมอยู่เฉยๆ งั้นหรือ
แม้จะมีติ่งบางคนไม่เชื่อว่ากู้ซีจิ่นจะเป็นคนเช่นนั้น แต่คนส่วนใหญ่ก็เริ่มตาสว่าง ต่อให้เธอรักษาภาพพจน์อย่างดี แต่เรื่องของตระกูลผู้มีอิทธิพล ใครบ้างจะล่วงรู้
พวกเขารู้เพียงว่ากู้ซีจิ่นไม่มาโรงเรียนสองวันแล้ว
แต่เมื่อเทียบแล้ว คนอื่นๆ ให้ความสนใจกับเรื่องของกู้ซีเฉียวมากกว่า
ลูกสาวนอกสมรสที่มาจากไหนไม่ทราบโดดเด่นเสียยิ่งกว่าพี่สาวของเธอ ผู้อำนวยการสถาบันวิจิตรศิลป์ของเมืองเอ็นออกปากชื่นชมภาพวาดของเธอ ภาพวาดของเธอผ่านการตรวจสอบหลายครั้งก่อนจะถูกส่งไปที่นิทรรศการภาพวาดแห่งชาติเพื่อรอการคัดเลือก
สองวันมานี้มีนักข่าวจำนวนมากมาขอสัมภาษณ์กู้ซีเฉียว ทว่ากลับถูกเธอปฏิเสธ
นักข่าวไม่มีทางเลือกจึงต้องไปสัมภาษณ์เพื่อนร่วมชั้นของเธอแทน ยามที่เพื่อนร่วมห้องเอ่ยถึงกู้ซีเฉียวกลับมีแต่คำชมพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
คนเหล่านี้เยินยอกู้ซีเฉียวจนฟังดูดีเกินจริง พวกนักข่าวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ส่วนใหญ่ไม่เชื่อจึงเข้าไปสัมภาษณ์นักเรียนที่เดินผ่านไปมาเพิ่มเติม พวกเขาบังเอิญเจอกับนักเรียนตัวท็อปแห่งอีจง เขาสวมแว่น เป็นที่หนึ่งในทุกการสอบ รางวัลอันดับหนึ่งในรายการต่างๆ ถูกเขากวาดไปจนเกลี้ยง เมื่อได้ยินคำถามของนักข่าว เขาชะงักฝีเท้าและตอบเพียงสั้นๆ “นักเรียนกู้เป็นคนดี และเก่งกว่าผมมาก”
เด็กหนุ่มดูรีบร้อน ครั้นกล่าวจบก็เดินจากไป
ประโยคนั้นสั้นกระชับชัดเจน ไม่ใช่แค่นักข่าว ขนาดเด็กในโรงเรียนอีจงยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
นักเรียนอันดับหนึ่งท่าทางจริงจัง สวมแว่นหนาเตอะ หมกมุ่นอยู่กับตำรา ยามว่างจะเห็นทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านเคเอฟซี สถานีช่องการศึกษาเคยมาขอสัมภาษณ์เขาหลายครั้งแต่กลับถูกปฏิเสธ ทว่าวันนี้เขากลับเดินเข้าไปให้สัมภาษณ์เรื่องกู้ซีเฉียวด้วยตนเอง
ท่าทีของนักเรียนอีจงที่มีต่อกู้ซีเฉียวเปลี่ยนเป็นความเคารพ
สุดท้ายนักข่าวนำบทสัมภาษณ์และภาพถ่ายของกู้ซีเฉียวอีกสองสามรูปตีพิมพ์ลงในข่าวสั้นภาคค่ำ คนส่วนใหญ่ที่ดูข่าวไม่ได้สนใจคลิปนั้น แต่ทว่าสนใจภาพถ่ายสองสามรูปนั้นมากกว่า
ในอินเทอร์เน็ต คลิปวิดีโอและภาพถ่ายถูกส่งต่อกันอย่างบ้าคลั่ง ความงามของเด็กสาวดึงดูดสายตาจนบรรดาคนอ่านแทบจะเลียจอ
กู้ซีเฉียวไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเรื่องเหล่านั้น เธอเดินไปบนถนนในโรงเรียนพร้อมเซียวอวิ๋นและอู่หงเหวิน แล้วจู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้นว่า “จะว่าไปแล้ว ทำไมลั่วเหวินหลั่งถึงยอมออกตัวแทนเธอ เวลาอยู่ในห้องเขาแทบจะไม่พูดอะไร ขนาดมีคนไปถามเรื่องเรียน เขายังไม่ตอบเลย ว่างเมื่อไหร่เป็นอันต้องทำพาร์ทไทม์ ตอนพักแทบจะไม่เคยเห็นเขา พอมีคนบอกว่าเขามาให้สัมภาษณ์เรื่องเธอ ฉันนี่ไม่อยากจะเชื่อ!”
เซียวอวิ๋นมองไปที่กู้ซีเฉียวด้วยแววตาสงสัย