โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ – ตอนที่ 38 หวาดกลัว

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

ตอนที่ 38 หวาดกลัว

กู้ซีเฉียวจำได้ว่าเขาคืออินเซ่าหยวน แต่ทว่าเธอไม่ได้ใส่ใจ หญิงสาวกวาดตามองไปรอบทิศ เด็กผู้หญิงที่ถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ในวงแขนของชายฉกรรจ์ เขาใช้แขนอีกข้างล้มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พยายามเข้าไปเจรจา

หญิงสาวหรี่ตาลงเล็กน้อย รู้ได้ในทันทีว่ากระดูกของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหักเป็นที่เรียบร้อย

ขนาดมีมือข้างเดียวยังทำได้ถึงขนาดนี้ เห็นทีคงจะจัดการได้ไม่ง่าย

“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” อินเซ่าหยวนก้าวพรวดเข้ามาพร้อมใบหน้าคร่ำเคร่ง “คนร้ายเป็นใครฉันไม่รู้ แต่คาดว่าเขากำลังวางแผนทำอะไรบางอย่าง…เดี๋ยวนะ เธอคือคนตระกูลเซียวใช่รึเปล่า ฉันเคยได้ยินเรื่องเธอจากพี่ชายของเธอ เธอพาเพื่อนเธอลงไปก่อน ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเธอ”

ตอนแรกเขาเห็นแค่กู้ซีเฉียว ทว่าหลังจากนั้นสังเกตเห็นเซียวอวิ๋น เขากับเซียวเฉิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจึงจำเซียวอวิ๋นได้เป็นธรรมดา

ขณะนี้บนดาดฟ้ามีคนร้ายไม่ทราบประวัติอยู่คนหนึ่ง เขากลัวว่ากู้ซีเฉียวจะทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นเหตุให้คนร้ายคลุ้มคลั่งหนักกว่าเดิม และเกรงว่าความอยากรู้อยากเห็นของเธอจะทำให้เธอไม่ยอมออกไปจากพื้นที่ จึงกำชับให้เซียวอวิ๋นเฝ้าเพื่อนสาวเอาไว้ ในสายตาเขา บุตรหลานจากตระกูลดังสำคัญกว่าเด็กธรรมดา

เซียวอวิ๋นชะงักงัน เธอที่เป็นคนตระกูลเซียว เธอย่อมรู้จักอินเซ่าหยวน

ในเมืองเอ็น ตระกูลเซียวถือว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคนละชั้นกับตระกูลอิน คุณปู่ตระกูลอินเป็นผู้บัญชาการทหารของเมืองเอ็น เขาผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่ามีลูกหลานตระกูลอินอยู่ในฝ่ายกองทัพและฝ่ายปกครองตั้งเท่าไหร่ ตระกูลอินรุ่นหลังเป็นทหารไปเสียสามรุ่นเป็นข้าราชการไปอีกสองรุ่น ฉะนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองเอ็นอย่างไม่ต้องสงสัย

คนพวกนี้ลึกลับ ต่อให้เป็นเซียวอวิ๋น หากต้องการพบคนตระกูลอินก็ยังต้องวิ่งเต้นจนเหงื่อตก ครั้งก่อนที่เธอได้พบเขาคือที่งานเลี้ยงเมื่อสามปีที่แล้ว ปีนั้นเป็นปีที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยบี ตระกูลอินจัดงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ เธอตามเซียวเฉิงไปที่งาน เธอมองอินเซ่าหยวนที่ถูกคนห้อมล้อมจากที่ไกลๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะจำเธอได้

เรื่องนี้ธรรมดาเหลือเกิน

สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจกว่านั้นคือกู้ซีเฉียวรู้จักกับอินเซ่าหยวน ซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่การรู้จักเพียงผิวเผิน ว่าแต่ทั้งคู่ไปรู้จักกันได้อย่างไร

เธอลูบคางครุ่นคิดในขณะที่มองไปที่อินเซ่าหยวนที่กำลังเกรี้ยวกราดใส่กู้ซีเฉียวแต่ทำอะไรไม่ได้

อินเซ่าหยวนปลดเนกไทอย่างหัวเสีย เขาประเมินกำลังของตัวเองและทราบดีว่าตนไม่อาจเอาชนะคนร้ายได้ เขาแจ้งตำรวจอาชญากรรมแล้ว แต่เห็นทีตำรวจอาชญากรรมก็คงเอาไม่อยู่ บางทีเขาคงต้องแจ้ง “หน่วยปฏิบัติการพิเศษ” เพราะคนร้ายดูจะไม่ใช่คนธรรมดา

“กู้ซีเฉียว เธอรู้หรือเปล่าว่าที่นี่ที่ไหน อย่ามาเกะกะแถวนี้จะได้ไหม!” ดูเหมือนสองคนนั้นจะไม่ได้ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าวเลยสักนิด ความอดทนของอินเซ่าหยวนหมดลง เขาส่งสัญญาณมือให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อีกฝ่ายเข้าใจและหยิบปืนออกมาตามคำสั่ง

ปืนนั้นเป็นปืนพิเศษที่อินเซ่าหยวนเตรียมไว้ให้พวกเขา ในกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดมีเพียงห้าคนที่มีความสามารถเท่านั้นจึงจะได้ใช้ปืนนี้ แม้แต่อินเซ่าหยวนยังไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาชักอาวุธกระบอกนี้ออกมาใช้

เมื่อชายท่าทางสุภาพที่กำลังประนีประนอมกับคนร้ายสุดฤทธิ์เห็นคนอื่นๆ ชักปืนออกมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “คุณอิน! ลูกสาวผมยังอยู่ในมือคนร้ายอยู่เลย!”

“ลูกสาวนายเหรอ” อินเซ่าหยวนมองไปที่เขา ไฟลุกโชนขับเน้นประกายในแววตา น้ำเสียงพลันเย็นเยือก “ไม่เห็นหรือยังไงว่าในมือคนร้ายมีรีโมต ถ้าฉันไม่ลงมือทั้งตึกนี้คงโดนระเบิดกระจุยและจะต้องมีคนตายอีกนับไม่ถ้วน!”

“แล้วจะให้แลกกับชีวิตลูกผมงั้นเหรอ” ชายท่าทางสุภาพเริ่มใจเย็นลง เขามองเด็กผู้หญิงที่โดนล็อคอยู่ในวงแขนของคนร้าย น้ำตาพลันคลอเบ้า

เขากำมือแน่น พยายามควบคุมสติ ทว่าไม่เป็นผล เขาที่ตลอดมาสามารถเจรจาต่อรองกับคนอื่นได้อย่างฉะฉานบนโต๊ะ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนร้ายคนนี้เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย อีกฝ่ายไม่ทนรอฟังแม้แต่ประโยคเดียวด้วยซ้ำ

ในวินาทีนั้นอินเซ่าหยวนไม่ได้สนใจเขาอีกแล้ว การต้องเลือกระหว่างชีวิตคนนับพันนับหมื่นกับคนหนึ่งคน เขาเลือกได้ไม่ยาก แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาใสซื่อของเด็กน้อย จู่ๆ ใจเขาก็อ่อนยวบ

นั่นก็แค่หนูน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

ในสมองปรากฏภาพดวงตาชัดเจนอีกคู่ อินเซ่าหยวนหันหน้าไปจ้องกู้ซีเฉียวพร้อมกล่าวอย่างดุดัน “รีบออกไปจากที่นี่ ไม่งั้นฉันคงปกป้องเธอไม่ได้!”

เขาเคยเห็นแสนยานุภาพของอาวุธนั้นมาแล้ว ถึงได้สั่งให้ทุกคนถอยหลังเพื่อที่จะไม่บาดเจ็บ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเตือนเธอ หากเธอรนหาที่ตาย เขาก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน

ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น สีหน้าของเซียวอวิ๋นก็เปลี่ยนไป สายตาเฉียบคมของเธอเห็นรีโมตในมือคนร้าย เธอไม่กังขาในสิ่งที่อินเซ่าหยวนกล่าวเลยสักนิด “เอ้อร์เฉียว พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ!”

“ไม่” กู้ซีเฉียวคลี่ยิ้มบาง

เซียวอวิ๋นรู้สึกว่าจู่ๆ แขนของเธอก็ชา นิ้วมือที่จับกู้ซีเฉียวค่อยๆ คลายออก

“อะไรนะ? เธอ!” อินเซ่าหยวนยังกล่าวไม่ทันจบก็เห็นว่ากู้ซีเฉียวไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว หญิงสาวไปโผล่อยู่ใกล้ๆ คนร้ายประหนึ่งผีล่องหน คนร้ายตะลึงงัน ยืนนิ่งอยู่นาน

กู้ซีเฉียวแค่จับข้อมือของคนร้ายเบาๆ ทว่าคนร้ายกลับรู้สึกว่าเหมือนมีน้ำหนักมหาศาลกดทับลงมาจนแขนของเขาไม่สามารถขยับได้

เมื่อเห็นสภาพการณ์เช่นนั้น อินเซ่าหยวนจึงให้สัญญาณมือเพื่อบอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเก็บอาวุธ

“ระบบ ช่วยทำให้เขาได้สติที” จากที่กู้ซีเฉียวเห็น เธอรู้ว่าคนร้ายกำลังคลุ้มคลั่ง เจ้าตัวไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่

[ติ๊ง! หักคะแนนสองคะแนน เพื่อทำให้บุคคลเป้าหมายของภารกิจได้สติ]

เมื่อได้ยินเสียงระบบ เธอจึงลองเริ่มเจรจากับคนร้าย “ฉันเข้าใจดีว่าคุณกำลังรู้สึกแย่ แต่ว่าเรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับเด็กน้อยตัวเล็กๆ วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ พ่อของเธอเลยพาเด็กน้อยคนนี้ออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อมาเที่ยวเล่นที่ห้างฯ…คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงต้องอยู่ที่โรงพยาบาล”

คนร้ายพลันได้สติ เขามองไปที่ใบหน้าสงบนิ่งของหญิงสาวและมองไปที่แววตาใสซื่อคู่นั้น เม้มปากอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไม”

“เพราะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว” กู้ซีเฉียวลูบศีรษะเด็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยนจากเดิมหลายเท่า “เธออาศัยอยู่กับพ่อ เกรงว่านี่คงเป็นช่วงชีวิตสุดท้ายของเด็กคนนี้แล้ว ฉะนั้น คุณปล่อยเด็กคนนี้ไปได้หรือเปล่า”

คนร้ายผงะไป ในช่วงสั้นๆ เขาคลายมือและทรุดร่างลงกับพื้น

คนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นยังคงนิ่งงัน มีเพียงพ่อของเด็กผู้หญิงที่ถลาตัวเขามาอุ้มลูกสาวของตัวเอง

“เมื่อกี้เธอไปโผล่ตรงนั้นได้ยังไง” อินเซ่าหยวนที่เพิ่งจะได้สติมองไปที่กู้ซีเฉียวด้วยแววตาสนเท่ห์ และถามสิ่งทุกคนตรงนั้นสงสัย “ฉันมองไม่ทัน”

“ก็แค่เดินไป” กู้ซีเฉียวตอบส่งเดช

หญิงสาวไม่ได้กล่าวต่อ อินเซ่าหยวนเค้นสมอง เขาทราบดีว่าบนโลกใบนี้นอกจากคนธรรมดายังมีคนอีกจำพวกหนึ่ง เมื่อครู่เขาสงสัยว่าคนร้ายน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา

เขาไม่ได้มีพรสวรรค์เช่นนั้น ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงฝึกหัด ระดับที่มีนับว่าเป็นความก้าวหน้าเฉกเช่นคนทั่วไป มิได้นับว่าเลวร้าย แต่กู้ซีเฉียวเพิ่งจะอายุไม่เท่าไหร่ คนที่มีฝีมือขนาดนี้จะมีกี่คนกันนะ ไม่แน่ว่าอาจเทียบชั้นกับลูกหลานตระกูลผู้ฝึกตนในเมืองหลวงก็เป็นได้!

คนที่อยู่ในระดับเดียวกับกู้ซีเฉียวใช้เวลาในการฝึกฝนแตกต่างกัน จากที่เขาเห็น คนที่ทำได้ตั้งแต่อายุสิบแปดปีก็นับว่าเก่งกาจมากแล้ว ซึ่งเทียบชั้นได้กับอัจฉริยะ เท่านี้ก็นับว่าเหลือเชื่อมากแล้ว ส่วนตัวเขา ขนาดเขามียอดปรมาจารย์คอยให้คำแนะนำ เขายังใช้เวลาถึงยี่สิบปี แต่หารู้ไม่ว่ากู้ซีเฉียวไม่ได้ใช้เวลาหลักสิบปี แต่เป็นหลักเดือนต่างหาก!

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

Status: Ongoing
ชาติก่อนเธอเผาตัวตายเพราะถูกทรยศ ชาตินี้เธอย้อนกลับมาเพื่อเขียนอดีตของตนใหม่อีกครั้ง! นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีที่นางเอกมีระบบสุดเทพที่ทำได้ทุกอย่าง!กู้ซีเฉียว ลูกนอกสมรสไร้ค่าจากบ้านนอก ส่วนเกินในสายตาของคนในตระกูลจวบจนวาระสุดท้ายเธอก็ยังเป็นเช่นนั้น ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีใดๆแต่ชาตินี้เธอจะเขียนอนาคตของตนขึ้นใหม่จะไม่มีเด็กสาวน่าสมเพชไร้ความสามารถคนเดิมอีกต่อไป มีเพียงหญิงสาวผู้เป็นอัจฉริยะรอบด้าน!เพราะสิ่งที่เธอนำกลับมาด้วยหลังความตายไม่ใช่เพียงพรสวรรค์ดั้งเดิมแต่เป็น ‘ระบบ’ สุดโกงที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้เพียงแลกแต้มคะแนนสะสม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท