ตอนที่ 40 เธอที่เขาไม่เคยรู้จัก
“บริษัทของคุณตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว คนฉลาดที่ไหนจะยอมจ่ายเพื่อแลกธุรกิจแบบนี้กัน” กู้ซีเฉียวทาบมือบนกระจกหน้าต่าง เธอหัวเราะแผ่วเบา ระลอกคลื่นวาบผ่านนัยน์ตาใส น้ำเสียงพลันเปลี่ยนเป็นหนักแน่น
มู่จงทำบริษัทออนไลน์ แต่เพราะก่อนหน้านี้เขามัวแต่สาละวนอยู่กับมู่จยาถงลูกสาวที่กำลังป่วยหนัก จึงถูกขโมยความลับทางธุรกิจและเกมที่เพิ่งพัฒนาเสร็จหมาดๆ ไปโดยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย เป็นเหตุให้บริษัทของเขาล้มละลายในชั่วข้ามคืน ประกอบกับการชักจูงของคู่ต่อสู้ วิศวกรเก่งๆ ของบริษัทหลายคน รวมถึงเหล่าผู้บริหารระดับสูงจึงถูกซื้อตัวไป สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่มีเพียงความเน่าเฟะยุ่งเหยิง
จำนองงั้นเหรอ ใครเขาจะเอา
ระบบถือเป็นเครือข่ายปัญญาประดิษฐ์ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ให้กู้ซีเฉียวเรียบร้อยแล้ว เธอจึงรู้ว่าควรทำอย่างไร “ฉะนั้นแล้ว คุณต้องเชื่อฉัน แล้วคุณจะไม่ลำบาก”
ในช่วงที่ชีวิตสิ้นหวังถึงขีดสุด มนุษย์จะไขว่คว้าขอนไม้ที่ลอยมา ประกอบกับอภินิหารที่กู้ซีเฉียวสำแดงขณะที่อยู่บนดาดฟ้าเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา สุดท้ายมู่จงจึงตัดสินใจเชื่อหญิงสาว ทั้งคู่นัดพบกันเพื่อหารือเรื่องนี้อีกครั้งในภายหลัง
เจียงซูเสวียนที่เดินออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้ามองไปที่คนที่นั่งอยู่ในรถ เขาหยุดยืนรออยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเธอวางสายแล้วจึงเดินมาที่รถ
“เพื่อนให้มาเหรอ” เขาหมุนกุญแจพลางชำเลืองมองไปที่ถุงกระดาษในมือหญิงสาว
กู้ซีเฉียวมองไปที่ถุงใบนั้นพลางตอบเสียงสูง “เซียวอวิ๋นที่นั่งโต๊ะติดกันให้มา…หมายถึงเพื่อนผู้หญิงคนเมื่อกี้”
ท่าทางของเธอแลดูมีความสุข เจียงซูเสวียนอดคิดถึงครั้งที่เขาซื้อสมุดภาพให้เธอไม่ได้ ตอนนั้นเธอก็แสดงท่าทีเช่นนี้ “เวลาได้ของขวัญมันมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ”
สิ้นคำ มือของเขาก็ชะงักนิ่ง เวลาได้ของขวัญ คนรับย่อมต้องดีใจเป็นธรรมดา แต่ไม่เคยเห็นใครมีความสุขเท่าเธอมาก่อน แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ช่วงที่ผ่านมา เขาก็พอจะเข้าใจ ตอนที่เธออยู่ที่ตระกูลกู้คงลำบากเอาเรื่องใช่หรือเปล่า มีใครในตระกูลกู้เอาใจใส่เธอบ้าง แล้วใครในบ้านนั้นจะให้ของขวัญเธอ
นั่นเป็นสาเหตุที่เวลาที่ได้รับของขวัญ เธอถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้
ตอนวันเกิดหลานสาวของเขา เธอได้รับของขวัญมากมายถึงขนาดนี้ต้องเก็บไว้ในโกดัง เธอไม่เคยแกะกล่องของขวัญออกมาดูเลยสักครั้ง เมื่อเอาเรื่องราวของทั้งสองมาเทียบกันก็เข้าใจง่ายขึ้น เมื่อคิดได้ดังนั้น แววตาของเจียงซูเสวียนก็ลุ่มลึกขึ้นกว่าเดิม
รถยนต์ขับตรงไปที่วิลล่า ป้าจางยกซุปตุ๋นมาให้กู้ซีเฉียวเป็นอันดับแรก กู้ซีเฉียวกลั้นใจดื่มประหนึ่งดื่มยาพิษ ท่าทางของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มเม้มปากกลั้นขำ อารมณ์ของเขาผ่อนคลายลงแล้ว
ป้าจางรับชามเปล่าไป “หมู่นี้สีหน้าของคุณเริ่มดีขึ้นแล้วนะคะ ซุปนี้มีประโยชน์จริงๆ อืม ถ้างั้นต่อไปนี้คงต้องให้ดื่มทุกวันแล้วล่ะค่ะ”
สาเหตุที่สีหน้าของเธอดีขึ้นกว่าก่อนเป็นเพราะวิทยายุทธโบราณเริ่มประสบความสำเร็จบ้างแล้ว แต่เธอจะบอกความจริงได้หรือ กู้ซีเฉียวไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่าย ทำได้เพียงกลั้นใจดื่มไปเท่านั้น “ป้าจาง ป้าไม่ได้เปลี่ยนยานี่…”
“เปล่าค่ะ ฉันไปถามหมอแผนจีนมาแล้วค่ะ เขาบอกว่าต้องใส่ยาชนิดนั้นด้วย ผลลัพธ์ถึงจะดี” ป้าจางเผยสีหน้าจริงจัง
กู้ซีเฉียว: “…”
นี่คงนับว่าเป็นความรับผิดชอบอันแสนหวาน ก่อนหน้านี้ต่อให้เธออยากดื่ม แต่กลับไม่มีโอกาสได้ดื่ม เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้น
วันรุ่งขึ้น หลังจากวิ่งออกกำลังกายยามเช้าแล้ว กู้ซีเฉียวก็แบกเป้ใบน้อยเตรียมไปโรงเรียน เจียงซูเสวียนขับรถไปส่งเธอ อันที่จริง ช่วงนี้เขาขับรถไปส่งเธอที่โรงเรียนแทบทุกวัน
กู้ซีเฉียวขอลงก่อนจะถึงหน้าประตูโรงเรียน เมื่อเห็นว่ารถของชายหนุ่มขับออกไปแล้ว เธอจึงสะพายเป้ สอดมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วเดินเข้าโรงเรียน
เมื่ออู่หงเหวินเห็นเธอก็รีบวิ่งตามมาตบบ่าหญิงสาวเบาๆ
กู้ซีเฉียวรู้แต่แรกว่าเป็นเขา เพราะถ้ามีใครกล้าตบบ่าเธอ เธอคงหักข้อมืออีกฝ่ายไปแล้ว
ทั้งคู่เดินเข้าไปในประตูโรงเรียน ปากของอู่หงเหวินยังคาบแก้วน้ำเต้าหู้พลางชวนคุย เรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องการสอบที่ผ่านมา อู่หงเหวินบอกว่าตอนนี้คะแนนออกแล้ว เมื่อคืนครูประจำชั้นมัธยมหกได้รวบรวมคะแนนและจัดอันดับเรียบร้อยแล้ว
คะแนนคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมหก มันเป็นเหมือนต้นน้ำสายหลักบนเส้นทางชีวิต ระหว่างทางทุกคนล้วนพูดคุยเรื่องการสอบ
“คนที่สอบได้คะแนนสูงสุดคงจะเป็นเจ้าหุ่นยนต์นั่น” อู่หงเหวินจัดการน้ำเต้าหู้จนเกลี้ยงแล้วจึงโยนแก้วลงขยะ แต่แก้วนั้นกระแทกเข้ากับขอบถังขยะก่อนจะกลิ้งลงบนพื้นข้างๆ
กู้ซีเฉียวมองไปที่เขานิ่งๆ อู่หงเหวินลูบจมูกก่อนจะเดินไปหยิบแก้วขึ้นมาทิ้ง เธอกล่าวถามด้วยความสงสัย “เจ้าหุ่นยนต์?”
เมื่อต้องเอ่ยถึงชื่อนี้ อู่หงเหวินกัดฟันพลางกล่าว “ก็ลั่วเหวินหลั่งไง ฉันกับเขาเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มอต้นจนถึงมอปลาย แต่เจ้านั่นครองที่หนึ่งมาตลอด เขาได้คะแนนเต็มทุกวิชายกเว้นวิชาทักษะภาษา พวกเราก็เลยเรียกเขาว่าหุ่นยนต์ทำข้อสอบ!”
แต่ยังดีที่แม้เขาจะมีคะแนนสอบโดดเด่น ทว่าเป็นคนเงียบๆ รักสันโดษ ไม่ชอบสุงสิง เขาไม่คบเพื่อนในห้อง ได้ยินมาว่าเขาอาศัยอยู่ในตรอกรกๆ นั่น มีหลายคนเคยเห็นเขาอยู่กับพวกอันธพาล ฉะนั้นเด็กนักเรียนคนอื่นๆ จึงพยายามอยู่ให้ห่างจากเขา
อู่หงเหวินดูมีความแค้นส่วนตัวกับลั่วเหวินหลั่ง แต่เพราะคะแนนของอีกฝ่ายดีกว่าเขาทุกวิชา ฉะนั้นไม่ว่าจะแค้นฝั่งหุ่นแค่ไหน สุดท้ายก็ทำได้เพียงพูดระบายออกไปเท่านั้น
ทั้งคู่เดินคุยกันไปตลอดทาง ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอจงหย่งซือตรงหน้าบันได เขาถือกระดานวาดรูปเดินลงบันไดมาด้วยใบหน้าย่ำแย่
ความคับข้องใจตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อนทำให้ทั้งคู่ไม่สบอารมณ์ยามพบหน้ากัน ทว่าใบหน้าของกู้ซีเฉียวยังคงเรียบเฉยไม่แยแส เธอกล่าวลากับอู่หงเหวินก่อนจะเดินขึ้นตึกไป
วันนี้เธอสวมกระโปรงสีขาวที่เซียวอวิ๋นซื้อให้ สีขาวของกระโปรงขับเน้นผิวเนียนใสของเธอให้ดูเด่นขึ้น เรือนผมสีเข้มทิ้งตัวลงด้านหลังราวกับน้ำตก อากัปกิริยายามที่เธอก้มหน้าหรือเม้มปากยังดูงามสะดุดตา
จงหย่งซือยังคงยืนนิ่งอยู่บนบันได เขาสวมเสื้อยืดแขนสั้น รับรู้ได้ถึงปลายผมที่ปลิวมาโดนแขน
ชายหนุ่มที่เคยร่าเริงกลับเงียบขรึมลงภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน เขาในตอนนั้นไม่เชื่อสิ่งที่นักข่าวรายงานเหมือนกับหลายๆ คน และเขาไม่เชื่อว่ากู้ซีจิ่นจะเป็นคนเช่นนั้น!
เขาจึงหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต คลิปวิดีโอมากมายทำให้เขาตระหนักได้ว่าเขาไม่รู้จักกู้ซีเฉียวเลยสักนิด
มีทั้งวิดีโอขณะที่เธอช่วยเด็กผู้ชาย เธอให้อาหารสุนัขจรจัด เธอช่วยคนแก่ และขณะที่เธอกำลังวาดรูปอย่างขะมักเขม้น…คลิปวิดีโอเหล่านั้นถูกถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือและอัปโหลดคลิปลงในโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีการกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง
ชาวเน็ตถล่มคอมเมนต์ว่ากู้ซีเฉียวเหมาะจะเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ดี เมื่อเทียบกับกู้ซีจิ่นที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างผิดๆ พวกเขาเอนเอียงไปทางกู้ซีเฉียวมากกว่า ถึงขนาดที่มีคนเรียกเธอว่าเป็น ‘นางฟ้า’ ในขณะเดียวกัน อดีตของกู้ซีจิ่นก็ถูกนำมาเปิดเผย และหนึ่งในนั้นเป็นภาพที่เสื้อผ้าของเธอขาดหลุดลุ่ย
แม้จงหย่งซือไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไร แต่เขาก็สำนึกผิดแล้ว
กู้ซีเฉียวเป็นคนที่มีพรสวรรค์โดยแท้ เธอไม่ใช่คนขโมยภาพ เธอฝีมือดีถึงขนาดที่…ฝีมือของกู้ซีจิ่นเทียบไม่ได้แม้แต่หนึ่งในสิบ เขาจำต้องเชื่อว่ากู้ซีจิ่นเป็นคนขโมย สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้นคือ คนอย่างกู้ซีจิ่น คนที่ดีเลิศอย่างกู้ซีจิ่น จะทำเรื่องเช่นนั้นจริงๆ หรือ
ใจหนึ่งยังดื้อดึงไม่ยอมเชื่อ ทว่าอีกใจจำต้องยอมรับความจริง ความทุกข์ทรมานในใจส่งกระทบโดยตรงต่อการสอบ เป็นเหตุให้เช้านี้เขาถูกครูประจำชั้นเรียกไปพบ ความว้าวุ่นทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจถือกระดานวาดรูปเดินไปที่ห้องศิลปะ แต่ไม่คิดว่าลงบันไดมาจะบังเอิญเจอกู้ซีเฉียวและอู่หงเหวิน
เขารู้สึกละอายใจต่อสิ่งที่ทำ เขาทำให้กู้ซีเฉียวต้องอับอาย เขา…ทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน