พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 52

ตอนที่ 52

บทที่ 4คุยท้ายบท

 

 

「……อืมม ในที่สุดก็จบลงสักที……」

 

 

「ก็ช่วยไม่ได้แหละนะมิมุรุ วุ่นวายกันน่าดูเลยล่ะ」

 

 

พวกโนโซมุที่เอาชนะสัตว์อสูรสีดำมาและกลับมาที่เมืองอาร์คาซัมในตอนบ่ายได้รายงานเรื่องสัตว์ร้ายสีดำให้แก่สถาบันทราบ

 

 

เป็นผลให้โดนไปสอบปากคำโดยละเอียดให้ห้องของผอ.จิฮัด รัลเดลทันที

 

 

หลังจากรายงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว มิมุรุก็ออกมาจากห้องและถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายและทอมเองก็ยิ้มให้กับสถานการณ์เช่นนี้

 

 

มีผ้าพันแผลพันรอบแขนขวาและมีสลิงตึงไว้ เข้าเฝือกนั่นเอง

 

 

หลังจากรายงานเรื่องสัตว์อสูรสีดำเสร็๗ จิฮัดก็ได้กับชับทางสถาบันให้พิจารณาเรื่องราวและให้เก็บเรื่องไว้จนกกว่าจะเผยแพร่ออกไปในที่สุด

 

 

「เรื่องของซีน่าดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเจ้านั่นที่ทำลายบ้านเกิดของเธอ ดังนั้นระมัดระวังไว้ก็ดี」

 

 

หลังจากนั้น ภายในป่าซีน่าก็บอกทุกอย่างเกี่ยวกับเธอให้มิมุรุและคนอื่นๆได้ฟัง

 

 

การบุกรุกครั้งใหญ่ได้เข้าทำลายป่าฟอสซิลและครอบครัวของเธอสละชีวิตของพวกเขาเพื่อให้ซีน่ารอดมาได้

 

 

ในขณะที่คนสำคัญกำลังโดนฆ่า เธอทำอะไรไม่ได้ นอกจากคำสั่งของพี่สาวที่บอกให้เธอหนีไป ตัวเธอเองก็ตัดสินใจที่จะแข็งแกร่งขึ้นและมาที่สถาบันโซลมินาติ

 

 

เพราะยึดติดกับพลังมากเกินไปเลยละเลยเรื่องการสื่อสารกับเหล่าวิญญาณและเมื่อสัตว์อสูรปรากฏต่อหน้า ก็ทำให้ตัวฉันนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า และทำอะไรไม่ถูก

 

 

แน่นอน ก็ได้พูดเกี่ยวกับสัตว์อสูรสีดำตัวนั้นด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวที่ดูเหมือนที่บุกบ้านเกิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เกี่ยวข้องทีเดียว ทั้งบรรยากาศ ตะกอนสีดำ และดวงตาสีแดงมากมายบนร่างกายของมัน

 

 

โนโซมุจำได้ว่าเธอกำลังทำอะไรบางอย่างขณะที่รายงานเรื่องสัตว์อสูรตัวนั้น

 

 

เมื่อพวกโนโซมุเข้ามาในห้องของจิฮัดก็พบอาจารย์อันริที่เป็นอาจารย์ประจำชั้นของโนโซมุอยู่ข้างๆและอาจารย์ประจำชั้นของซีน่าก็อยู่ด้วยนั่นคือคุณอินด้าที่รับฟังรายงาน

 

 

อาจารย์อินด้าเป็นคนจริงจัง มีมารยาทและขยันขันแข็ง และมากความสามารถ แต่เธอเป็นที่รู้จักกันในเรื่องว่าเคร่งระเบียบวินัย

 

 

เพราะเธอเป็นคนคิดมาก เธอเองก็ค่อนข้างจะสนิทกับลิซ่าและไม่คิดอะไรกับโนโซมุมากนัก เธอเองก็เป็นพวกเดียวที่คิดว่าโนโซมุไม่ควรอยู่ในสถาบันแห่งนี้

 

 

เนื่องจากเธอมีความสามารถเป็นเลิศ บางครั้งก็คอยมาสอนแทนจิฮัดเรื่องบทเรียน และเธอยังเป็นคนเตือนไอริสไม่ให้เข้าใกล้ผมด้วย

 

 

เมื่อเธอสังเกตเห็นโนโซมุที่อยู่ข้างๆซีน่าก็ขมวดคิ้วทันที

 

 

「สัตว์อสูรสีดำ?」

 

 

「ใช่ค่ะ พวกเราพบมันในป่าแถวชานเมือง ซึ่งคล้ายกับสัตว์อสูรที่เคยทำลายบ้านเกิดของฉัน」

 

 

จากที่กล่าวมาซีน่าได้บรรยายรูปลักษณ์ของมัน และเธอเองก็คิดว่ามันเป็นตัวเดียวกันกับที่ทำลายบ้านเกิดของเธอเมื่อ 10 ปีก่อน

 

 

「งั้นเหรอ……」

 

 

「แงงงงงงงงงง……」

 

 

จิฮัดเอามือกุมโต๊ะและมองต่ำลงด้วยใบหน้าเศร้าๆ และอันริเองก็ร้องไห้ฟูมฟายเลย

 

 

「เข้าใจแล้วละว่าเกิดอะไรขึ้น โชคดีที่พวกเธอปลอดภัย จะแจ้งทางกิลด์ให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้และอัศวินผู้พิทักษ์ทราบด้วย แต่ว่าพวกเธออย่าพูดอะไรเกี่ยวกับมันถ้าไม่จำเป็น」

 

 

「……นั่นเป็นเพราะมันเหมือนกับตัวที่ทำลายบ้านเกิดฉันงั้นเหรอ?」

 

 

「ก็ใช่ บาดแผลจากการรุกรานครั้งใหญ่ยังคงฝังรากลึกลงไปในจิตใจของผู้คน หากพูดถึงโดยไม่จำเป็นมันจะไปกระตุ้นให้คนกังวลและเกิดความสับสน」

 

 

แน่นอนว่า แผลเป็นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อนยังไม่หายดี ข้อพิสูจน์ก็คือสถาบันโซลมินาติที่เหล่านานาประเทศสนใจและสรรหาทรัพยากรบุคคลเข้าประเทศของตนเอง

 

 

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ความกลัวของการรุกรานของสัตว์อสูรตัวนั้นมันแพร่กระจายไปทั่ว

 

 

「เท่าที่พอจะบอกได้เจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นมันคล้ายกับตัวที่บ้านเกิดของเธอเนบร้าไม่ผิดแน่ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาว่าไม่มีการพบเห็นมันหลายครั้งแล้ว ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลก่อนชั่วคราว เราจะตรวจสอบจากทั่วทุกทางและรวมถึงหินเวทย์ที่พวกเธอเอากลับมาด้วยและซากศพของมันที่ยังเหลืออยู่ในป่า」

 

 

หลังจากที่พวกโนโซมุเอาชนะมันได้ มันก็ทรุดตัวลงเหมือนซากดินเหนียวกลายเป็นก้อนเนื้อที่ปะปนกัน กระดูกบิดเบี้ยว และมีหินเวทย์ขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่

 

 

เนื้อและกระดูกบางส่วนเหมือนสัตว์สี่ขาเช่นเดียวกับพวกหมาป่า แต่ส่วนใหญ่มันดูรกมากๆและมองออกได้ยาก มันเหมือนมีหลากหลายซากศพมารวมตัวกันในตัวๆเดียว

 

 

ตามชื่อเรียกเลย หินเวทย์เป็นหินที่มีพลังเวทย์ประจุอยู่ภายในปกติจะเป็นแร่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและตกผลึก และพลังเวทย์ในนั้นจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆนาๆเช่นการเล่นแร่แปรธาตุและเวทย์พิธีกรรมของเหล่านักเวทย์

 

 

ใบบรรดาสัตว์อสูรที่ทรงพลังและมีพลังเวทย์จำนวนมาก มันก็จะมีหินเวทย์อยู่ภายในร่างและหินเวทย์ที่ได้จากสัตว์อสูรส่วนมากจะเอามาซื้อขายกันตามตลาด

 

 

และสัตว์อสูรที่มีพลังกล้าแกร่งมันจะได้หินเวทย์ที่มีความบริสุทธิ์และคุณภาพสูงกว่าสัตว๋อสูรทั่วไป

 

 

อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรที่มีหินเวทย์ความบริสุทธิ์สูงมักจะเก่งกาจและไม่ใช่ว่าสัตว์อสูรทุกตัวจะต้องมีหินเวทย์เสมอไป

 

 

ไม่ใช่ว่าหินเวทย์ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ แต่ว่าการสร้างมันต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก

 

 

นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้หินเวทย์ตกผลึกก็คือการควบแน่นของพลังเวทย์ด้วยแรงดันมหาศาล หรือค่อยๆเทพลังเวทย์ลงไปในตัวเร่งปฏิกิริยาจนเวลาผ่านไปและรอการตกผลึก

 

 

หินเวทย์ที่ออกมาจากสัตว์อสรูรในครั้งนี้เรียกว่าหาได้ยากมากในแง่ของความบริสุทธิ์และปริมาณพลังเวทย์ที่ประจุภายใน เพื่อเป็นการตอบแทนกับพวกเราทั้งสี่คนที่นำมันกลับมาได้ ทางสถาบันได้ให้รางวัลพวกเราเป็นเงินจำนวนมากประมาณหนึ่ง

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง“ทางสถาบันขอรับซื้อในราคาสูงและถามพวกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

 

「เอาจริงๆมีคำถามอยากจะถามผอ.จิฮัด ท่านรู้เรื่องสัตว์อสูรตัวนี้รึเปล่า?」

 

 

ซีน่าถามคำถามต่อตัวจิฮัดเอง คำถามที่ถ้าคิดตามปกติแล้วไม่ควรจะถาม แต่เธอกลับถามเพราะยังไงก็ต้องการคำตอบ

 

 

「…………」

 

 

「…………」

 

 

ซีน่าและจิฮัดจ้องหน้ากัน จิฮัดขมวดคิ้วพยายามเบือนหน้าหนี แต่ซีน่ายังคงจับจ้องไม่หยุด

 

 

「……ไม่รู้หรอกนะ มันมีหลายๆอย่างเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับเจ้านั่น ทั้งหมดที่พวกข้าทราบก็คือมีการพบเห็นมันหลายครั้งในการรุกรานครั้งใหญ่และในบรรดาประเทศที่โดนพวกมันรุกราน ก็ต่างต้องพบกับมันเช่นกันทั้งนั้น」

 

 

เพราะซีน่าทำท่าทางจริงจังเขาเลยตอบออกไป

 

 

「อย่างไรก็ตาม รูปร่างและลักษณะของมันแตกต่างกันไปหมดเลย ไม่มีรูปร่างแน่นอน บางครั้งก็เป็นสัตว์สี่ขา บางครั้งก็เป็นนก บางครั้งก็เป็นพืช อย่างไรก็ตามมันมีสีดำและดวงตาอันแดงก่ำทุกตัวเป็นเรื่องปกติ。」

 

 

เท่าที่ฟังเรื่องราวดูเหมือนว่าจิฮัดจะไม่รู้รายละเอียดมากนัก

 

 

「ขอเตือนอีกครั้งอย่าเล่าเรื่องราวพวกนี้ให้เหล่านักเรียนคนอื่นได้ยินเด็ดขาด。」

 

 

จิฮัดเตือนทั้ง 4 คน

 

 

การตัดสินใจของเขามีเหตุผล และต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเพราะมันเกี่ยงข้องกับการรุกรานครั้งใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน

 

 

ไม่ว่าจะซ่อนมันแค่ไหน ตราบใดที่จัดการข้อมูลได้ไม่ดีพอ ยังไงคนก็รู้อยู่ดี แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ขอซื้อเวลาไว้ก่อนเพื่อทำการสืบสวน ขณะที่ข้ากำลังพูดคุยกับทางกิลด์และอัศวินผู้พิทักษ์ ข้าเองก็วางแผนไว้แล้วหากพวกเขาปริปากออกมาก็ต้องกำจัดทิ้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

พวกโนโซมุเองก็เป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง

 

 

ตราบใดที่พวกเขาไม่มีประสบการณ์ด้านสังคม เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ การโดนจิฮัดที่เป็นหนึ่งในอัศวินเงินสีรุ้งสั่งการก็น่าจะเป็นเรื่องที่ควรภาคภูมิใจสำหรับพวกเขา

 

 

หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็ออกจากห้องไปกับอาจารย์ประจำชั้นอีกสองคน

 

 

◇◆◇

 

 

โนโซมุนึกถึงเรื่องที่รายงานขึ้นมา แต่มีบางอย่างที่น่าตกใจสำหรับเขา

 

 

「เอ่อคือ……」

 

「คงเจ็บปวดมามากเลยสิน้า……ผ่านอะไรมามากมายเลยสิน้า~~。อ่า ช่างเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!!」

 

「คิย๊าาาาาาาาาาาา!」

 

 

หลังออกจากห้องมาอาจารย์อันริที่ซาบซึ้งในเรื่องราวของซีน่าก็เข้าไปกอดเธอทันที เห็นได้ชัดว่าเธอเห็นอกเห็นใจซีน่ามาก

 

 

ซีน่าทำท่าทางโกรธและส่งเสียงน่ารักๆออกมา สำหรับเธอที่สูญเสียครอบครัวไปและแสวงหาแต่การแก้แค้นและเพื่อทวงคืนบ้านเกิดกลับมา การสกินชิพแบบนี้ยังคงดำเนินต่อไป ดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

 

 

「อาจารย์อันริทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ」

 

 

「ฮิย๊าาาา!!」

 

 

อันริที่กอดซีน่าโดนอาจารย์อินด้าลากออกมา

 

 

「เป็นอาจารย์ของสถาบันโซลมินาติแท้ๆ ทำตัวให้สมกับเป็นอาจารย์ของสถาบันหน่อยสิคะ」

 

 

เธอดุอันริที่ทำท่าทางเหมือนเด็กทั้งๆที่เป็นอาจารย์เหมือนกันแท้ๆ

 

 

「พวกเธอเองก็ลำบากน่าดูเลยนะคะ ดูเหมือนว่าจะประสบปัญหามากมาย แต่ก็ดีแล้วล่ะคะที่ปลอดภัย」

 

 

「ไม่หรอกค่ะ เพราะได้เขาช่วยฉันไว้」

 

 

เมื่อพูดจบซีน่าก็จ้องไปทางโนโซมุ หลังจากถูกจ้องมิมุรุและทอมเองก็ยิ้มแป้นและหันไปมองโนโซมุด้วย

 

 

ในทางกลับกันโนโซมุกลับแปลกใจที่โดนบอกเช่นนั้น

 

 

「หมอนี่นะเหรอคะ……」

 

 

อาจารย์อินด้าขมวดคิ้วและจ้องไปที่โนโซมุด้วยความสงสัย

 

 

「ค่ะ เขาช่วยฉันตอนที่เจอกับสัตว์อสูรตัวนั้นและคอยช่วยเพื่อนของฉันที่บาดเจ็บจนเกือบจะตายด้วยค่ะ」

 

 

「……เท่าที่ได้ยินมา ไม่อยากจะเชื่อเลยแหะ」

 

 

อาจารย์อินด้าพูดอย่างตรงไปตรงมากับคำพูดของซีน่า เป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับเธอที่โนโซมุจะปกป้องพวกเธอได้ เพราะพวกเธอเก่งกว่าเขาตั้งเยอะ

 

 

「เป็นความจริงนะคะ」

 

 

「ใช่แล้วล่ะ~~。โนโซมุคุงเป็นผู้ชายที่ดีมากๆเลยน้า~~」

 

 

「อะอาจารย์อันริ……」

 

 

ซีน่ายืนยันต่ออาจารย์อินด้าซึ่งกำลังสงสัยเขา และอันริเองก็ช่วยเป็นอีกเสียง ในกรณีของอันรินั้นทำให้บรรยากาศโดยรอบผ่อนคลายลงไม่เหมือนกับคนอื่นที่ทำท่าทางจริงจัง

 

 

「……แต่ด้วยผลการเรียนที่โรงเรียน ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนั้นได้เลยนะคะ ฉันคิดว่ามันคงไม่ดีสำหรับซีน่าและคนอื่นๆ แต่เท่าที่ฉันบอกได้ว่าการจะหนีจากสัตว์อสูรเช่นนั้นได้ แม้แต่นักผจญภัยระดับสูงยังลากเลือดเลยนะคะ ถึงดิชั้นจะทำได้ก็เถอะ แต่สำหรับเขาแล้วคงไม่มีโชคดีแบบนี้เป็นครั้งที่สองหรอกค่ะ」

 

 

อาจารย์อินด้าเริ่มพูดแก้ต่าง

 

 

เธอเชื่อในซีน่ามากกว่าความสามารถของโนโซมุ

 

 

「พูดให้ชัดเลย คราวนี้เธอน่าจะโชคดี ที่รอดมาได้ เดิมทีแล้วทุกคนคงไม่สามารถรอดมาจากสถานการณ์แบบนี้ได้หรอก อย่าลืมความโชคดีในวันนี้เสียละและมุ่งหน้าสู่อนาคตซะ」

 

 

อาจารย์อินด้าตัดสินใจว่าที่โนโซมุรอดมาได้เพราะโชคช่วย และแน่นอนเธอไม่เห็นความสามารถของโนโซมุด้วยตัวเอง

 

 

หลังจากที่โนโซมุรอดมาได้ การทะเลาะกันระหว่างซีน่าและมิมุรุก็เริ่มขึ้น จากนั้นซีน่าก็ออกไปตัวคนเดียว ดังนั้นเรื่องรายละเอียดแบบนั้นไม่เกียวข้อง

 

 

เกี่ยวกับเวลาที่จัดการกับสัตว์อสูรนั้น ผมซื้อเวลาให้ซีน่าพร้อมกับมิมุรุและตกลงเรื่องรายละเอียด

 

 

อันริซึ่งรู้เกี่ยวกับโนโซมุก็พยักหน้า แต่อาจารย์อินด้าดูสงสัยเกี่ยวกับเขาอยู่

 

 

จิฮัดจ้องมองไปยังโนโซมุ แต่โนโซมุก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร

 

 

อคติที่มีต่อโนโซมุยังคงลึกซึ้ง คราบใดที่เขายังไม่แสดงฝีมือในที่สาธารณะ ดูเหมือนมันเป็นเรื่องยากที่จะล้มล้างชื่อเสียงอันแสนล้มเหลวได้ยาก

 

 

「นอกจากนี้ การพูดคุยกับนักเรียนอาจจะไม่เป็นปัญหา แต่ในฐานะอาจารย์แล้ว ฉันไม่แนะนำให้พวกเธออยู่กับ โนโซมุ・ เบลาตี้ เพราะเดี๋ยวจะรู้เหตุผลเอง」

 

 

อันริและซีน่าพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับอาจารย์อินด้าที่พูดใส่แต่โนโซมุฝั่งเดียว แต่ก่อนที่จะพูดอะไร อินด้าก็เดินจากไป

 

 

「โมวววววววว! โนโซมุไม่ใช่คนไม่ดีนะ~~!!」

 

 

「หวาหวาหวา……」

 

 

เธอเอามือเท้าเอวและทำแก้มป่อง อันริที่กำลังโกรธก็ทำท่าทางยิ้มเฟื่อนๆออกมา

 

 

「เอ่อ….ขอโทษนะโนโซมุคุงอาจารย์อินด้าไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ……」

 

 

「อืม ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าทุกคนคิดยังไงกับผมในสถาบันแห่งนี้」

 

 

「…………」

 

 

ท่าทางของซีน่าโดนโนโซมุที่บอกปัดออกไป ทอมและมิมุรุเองก็ทำท่าทางขอโทษเช่นกัน

 

 

ซีน่าไหล่ตก แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นราวกับว่าเธอตัดสินใจแล้ว และเธอก็จ้องหน้าเธอเผชิญหน้ากับโนโซมุอีกครั้ง

 

 

「ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับการที่มาช่วยเหลือในตอนนั้นนะ ยังไงก็ตามต้องขอโทษด้วยที่เคยกล่าวโทษและต่อว่านายมากมาย……」

 

 

「ผมเองก็ขอบคุณโนโซมุเช่นกัน ขอบคุณโนโซมุที่ทำให้ผมมีชีวิตรอดต่อไปได้ ขอบคุณมาก」

 

「ใช่ขอบคุณมากเลยน่ะ!โนโซมุคุง ช่วยฉันไว้ได้เยอะเลยล่ะ」

 

 

ซีน่าและมิมุรุเองก็ขอบคุณโนโซมุอีกครั้ง โนโซมุเริ่มเขินอาย ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิด

 

 

「ไม่หรอก ผมน่ะ……」

 

 

โนโซมุพูดอะไรไม่ออกและละสายตาไปตอนที่สู้กับสัตว์อสูร เขาไม่สามารถปลดปล่อยพันธนาการได้เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับเทียแมทและกลัวเรื่องที่ตัวเองหนีจากความจริง นั่นทำให้โนโซมุรู้สึกไม่สบายใจ

 

 

โนโซมุจ้องมองซีน่าอีกครั้ง จนถึงตอนนี้เธอที่ทำตัวเย็นชาใส่ผมและด้านชา ผมรู้สึกเหมือนกับเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ แต่ตอนนี้เธอดูอ่อนโยนกับผมขึ้นมากเลยล่ะ

 

 

นั่นคือการเปลี่ยนแปลงเข้าไปอีกขั้นกับเหล่าเพื่อนๆของเขา และเป็นผลจากการรวมแรงรวมใจกันเอาชนะกับสัตว์อสูรและกล้าเผชิญหน้ากันกับเพื่อนของเธออย่างตรงไปตรงมา

 

 

โนโซมุรู้สึกมีความสุข และในขณะเดียวก็อิจฉาเธอที่สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้แล้ว

 

 

「โนโซมุคุง……คือว่า……」

 

 

「โนโซมุ! สบายดีไหม!?」

 

 

「อาาาา……」

 

 

มีสาวผมดำมาจากทางด้านหลังทางเดินขณะที่ซีน่าพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับโนโซมุเอง โนโซมุเองก็ตกใจที่ไอริส ทิม่า และมาร์ มาหา

 

 

บางทีพวกเขาอาจจะได้ยินจากมาร์ว่าโนโซมุทำอะไรเมื่อวานนี้

 

 

「โดนผอ.จิฮัดเรียกตัวไปแล้วเป็นไงคะ? และพวกเธอเหล่านี้ล่ะเป็นใครกันแน่……」

 

 

「อืม เกิดอะไรขึ้นหลายอย่างเลยล่ะ……」

 

 

เมื่อไอริสเดินมาหาโนโซมุก็รีบยิงคำถามทันที

 

 

จิฮัดไม่ให้ผมเล่ารายละเอียดออกไป ดังนั้นเมื่อผมคิดว่าควรจะพูดอะไรดี อันริก็เลยยื่นมือมาช่วย

 

 

「อา โมวถึงเวลามื้อกลางวันแล้ว~~。วันนี้อาจารย์จะไปกินข้าวเป็นเพื่อนด้วยนะ ว่าไงล่ะไปกินข้าวกันเถอะ~」

 

 

ดูเหมือนว่าจะมีหลายสิ่งที่อยากจะถามและพูดคุย แต่อันริเองก็กระตุ้นให้พวกเขาเริ่มเดินออกไป

 

 

โนโซมุเดินไปข้างหน้า ด้วยฝีเท้าอันหนักแน่นและมองหันหลังไป

 

 

จ้องมองดูซีน่าและคนอื่นๆ ที่เดินอยู่ด้วยกัน

 

 

โนโซมุเองก็จมลงสู่ห้วงแห่งความมืดมิด แต่ในขณะที่ก้าวต่อไปก็กลับมาหัวเราะได้อีกครั้ง แม้ว่าจะล้มไปแล้วแต่ก็กลับมาลุกใหม่ได้อีกครั้ง ความจริงเหล่านั้นทำให้โนโซมุอุ่นใจเล็กน้อย

 

 

คราวนี้ผมจ้องมองมาทางไอริสกับมาร์ และอันริที่เดินอยู่

 

 

「?มีอะไรล่ะ?」

 

 

「เป็นอะไรไปยังงั้นเหรอจ้ะ~~」

 

 

「เปล่าหรอก ไม่มีอะไร」

 

 

เมื่อไอริสและคนอื่นๆจ้องมาทางโนโซมุ โนโซมุเองก็บอกปัดไปดูเหมือนมีอะไรอยากจะถามกันน่าดู

 

 

ผมไม่สามารถเล่าเรื่องอะไรได้เลย มันอาจจะทำให้กังวลและกลัวกันก็ได้ แต่ตอนนี้ ผมเป็นห่วงพวกเขา…ผมไม่อยากเสียพวกเขาไปเพราะความกลัวในเรื่องที่จะเปิดเผยพลังของดราก้อนสเลเยอร์ แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ได้คนเดียวอีกต่อไปแล้วมันค่อยๆขจัดความกลัวที่มีในจิตใจของโนโซมุเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตัวเขาเริ่มจะก้าวไปข้างหน้าได้

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท