ตอนที่ 51 นอบน้อมเกินไป
ไม่นานอินเซ่าหยวนก็เดินกลับมา ด้านหลังมีบริกรสาวสวยเข็นรถเข็นอาหารเดินตามมา เธอสวมชุดบริกร งามสง่า ดึงดูดสายตา
รถเข็นถูกเลื่อนมาจอดข้างโต๊ะกระจกกลางวงโซฟา เจียงซูเสวียนเอื้อมมือไปหยิบชามเล็กๆ จากรถเข็นออกมาวาง สิ่งที่อยู่ในชามคล้ายกับซุปยาจีนที่ป้าจางทำให้กู้ซีเฉียวกินเป็นประจำ เขาเป็นคนสั่งให้ห้องอาหารจัดเตรียมเป็นพิเศษ
เมื่อคนที่กำลังเล่นบิลเลียดอยู่ที่โถงด้านข้างเห็นอินเซ่าหยวนเดินมา พวกผู้หญิงก็วางไม้ และเดินนวยนาดเข้าไปหาเขา
อินเซ่าหยวนเป็นคนจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ คนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานต้องเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม พวกผู้หญิงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นทายาทตระกูลดัง คนเหล่านี้ทราบแต่แรกแล้วว่าผู้ที่รับผิดชอบเรื่องฐานคือคุณเจียงผู้นั้น ซึ่งตามหลักแล้วตอนนี้เขาควรอยู่ที่เมืองหลวง แต่ไม่คิดว่าเขาจะย้อนกลับมา ผู้หญิงเหล่านั้นถึงได้พยายามดึงดูดความสนใจของเขา
แต่ทว่าคนผู้นั้นแทบไม่ชายตามองพวกเธอ พวกผู้หญิงจึงไม่กล้าเข้าใกล้ สาเหตุหลักๆ เป็นเพราะเจียงซูเสวียนแตกต่างคนมีชื่อเสียงในเมืองเอ็นคนอื่นๆ ท่าทางทรงสง่าและภูมิฐานของเขาแผ่ออกมาจากเรือนร่างส่วนลึก เขาสุขุม เย็นชา เย่อหยิ่งและหล่อเหล่าอย่างไร้ที่ติ…ทำให้ผู้หญิงทุกคนที่เห็นเขาต้องขยับเข้าถอยกลับมามองอีกครั้ง
ความผิดหวังนี้ทำให้ความสนใจถูกเบนไปทางอินเซ่าหยวน อินเซ่าหยวนแตกต่างจากเจียงซูเสวียน เดิมเขาเองก็เป็นคนรักสนุกและชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว หากเข้าตาเขา การมาครั้งนี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
เมื่อเห็นอินเซ่าหยวนเดินมา สาวๆ ต่างก็พยายามหาข้ออ้างเข้ามาชวนคุย
อินเซ่าหยวนไม่ใช่พวกกินไม่เลือก ต่อหน้าหญิงงามจากตระกูลมีชื่อ เขาจะสุภาพและควบคุมตนเองได้ดีอย่างเห็นได้ชัด
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเจียงซูเสวียนก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู ยืนขึ้นและเดินออกไปรับโทรศัพท์ ก่อนจะไปเขาชำเลืองมาทางกู้ซีเฉียว เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังกัดแอปเปิลและดูหนังสือภาพไปด้วย เขาจึงวางใจเดินออกไป
เมื่อชายหนุ่มเดินจากไป คนที่เหลือก็เริ่มกระซิบกระซาบกันด้วยท่าทางเริงร่า วัยรุ่นหนุ่มใจกล้าสองสามคนเดินมาชวนกู้ซีเฉียวคุย น้ำเสียงประจบประแจง เมื่อแน่ใจแล้วว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับเจียงซูเสวียน ทุกคนก็พยายามเข้าหาเธอ
เด็กสาวกำลังพลิกหน้าหนังสือภาพด้วยปลายนิ้วเรียวยาวขาวนวล ประหนึ่งมีแสงออร่าอวลไออยู่รอบๆ ให้ความรู้สึกสงบนิ่ง ภาพนั้นทำให้พวกเขาที่ตั้งใจจะสนทนาด้วยกลับพูดไม่ออกเลยสักคำเดียว
พวกเขานั่งลงอย่างแข็งเกร็ง ไม่กล้าสบตาเธอ คนที่สามารถเดินเคียงข้างเจียงซูเสวียนได้จะเป็นคนธรรมดางั้นหรือ
แต่ส่วนพวกผู้หญิงกลับไม่เห็นเธออยู่ในสายตา พวกเธอเพิ่งจะเดินมาจากโต๊ะบิลเลียด ยังไม่ทราบว่ากู้ซีเฉียวเป็นใคร แต่เมื่อเห็นอินเซ่าหยวนเข้าไปคุยกับเธอจึงทึกทักว่าเธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของเขา
ในห้องน้ำ ซย่าจื่อหลานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะโทรไปหากู้ซีจิ่น แต่เมื่อทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เธอก็เปลี่ยนใจ สุดท้ายก็หยิบเครื่องสำอางออกมาเติมหน้า เมื่อเสร็จกิจก็ถือกระเป๋าออกไป แต่ขณะที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำกลับชนใครบางคนเข้า เดี๋ยวสิ เมื่อกี้เธอเดินชนคนจริงๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนชนกระจกใส!
ร่างของเธอเซจนเกือบล้ม ทรงผมที่บรรจงจัดทรงมาอย่างดียุ่งเหยิงในชั่วพริบตา ท่าทางกระเซอะกระเซิง ด้วยความอับอายเธอกำกระเป๋าแน่น ขณะที่เธอกำลังจัดชุดให้เข้าที่ เธอกลับไม่ได้ยินคำขอโทษจากอีกฝ่ายจึงหันหลังกลับไปหมายจะกล่าวตำหนิ
ครั้นหันหลัง เธอก็เห็นเงาร่างสูงโปร่งถือโทรศัพท์อยู่ในมือ นัยน์ตาสีเข้มหรี่ลงเล็กน้อย ทว่าสีหน้ายังคงนิ่งเฉย
เมื่อเห็นชัดว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เพลิงโทสะในใจก็พลันลดลง ซย่าจื่อหลานใจเต้นระรัว เธอกำกระเป๋าแน่นกว่าเก่า พยายามควบคุมสติให้มั่นก่อนจะเอ่ยอย่างระมัดระวัง “คุณเจียง?”
เธอแต่งหน้าบางๆ ผมลอนยาวเคลียไหล่ แม้จะดูเหมือนทำมาอย่างลวกๆ แต่กลับดูสวยงามยามอยู่ใต้แสงไฟ
เจียงซูเสวียนเย่อหยิ่งจนเป็นนิสัย เขาเพียงปรายตามองแล้วก็เดินหลีกไปอีกทาง สายตาไม่หยุดมองเลยสักนิดพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ
ซย่าจื่อหลานยืนอยู่ข้างหลังไม่กล้าเดินตามไป แต่ทว่าหัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามคุมสติให้มั่น ดูเหมือนว่าเธอจะมีโอกาสใกล้ชิดเขาแล้วใช่หรือเปล่า
เมื่อเดินกลับมาถึงห้องส่วนตัว สภาพจิตใจของเธอก็สงบลงกว่าเดิมมากแล้ว เธอเดินไปข้างโต๊ะบิลเลียด เด็กสาวที่รู้จักกับเธอวางไม้คิว “หลานหลาน กลับมาหน้าตาสดใสเชียว”
ซย่าจื่อหลานเม้มปากกลั้นยิ้ม “เธอก็ชมไปเรื่อย” แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกประหลาดใจ “แล้วเขาล่ะ”
“คุณอินกลับมาแล้ว เขาเดินไปตรงนั้น” เด็กสาวสะบัดผม โน้มตัวลงไป แทงบอลลูกหนึ่งไปกระทบลูกอื่นๆ ก่อนที่บอลลูกหนึ่งจะกลิ้งลงไปในหลุมตาข่าย
ซย่าจื่อหลานคิดกับตัวเอง ตั้งใจจะเดินไปดูว่าลูกนอกสมรสคนนั้น…มีอะไรดีกันแน่
มีชายหนุ่มหลายคนมองมาที่กู้ซีเฉียวไม่วางตา เพราะเธอเป็นคนสวย ความแตกต่างชัดเจนระหว่างความบริสุทธิ์ใสซื่อของเธอกับสถานที่อโคจรดึงดูดสายตาพวกเขา คนเหล่านั้นทำได้เพียงแอบมองครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าไม่กล้าเข้าไปชวนคุย
“คุณหนูรองกู้ ดูหนังสือภาพอยู่เหรอคะ” ซย่าจื่อหลานหรี่ตามองพลางนั่งลงข้างกู้ซีเฉียว พร้อมคลี่ยิ้มอ่อนโยน
เมื่อได้ยินสรรพนามเรียก “คุณหนูรองกู้” ทุกคนก็หยุดมือที่กำลังทำสิ่งต่างๆ พร้อมหันมามองกู้ซีเฉียว
วงการกว้างใหญ่เพียงนั้น เรื่องดีไม่เล็ดลอดทว่าเรื่องร้ายกลับลือไกลไปพันลี้ ทุกคนในนี้ต่างรู้ว่า “คุณหนูรองกู้” เป็นใคร ก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงแต่ได้ยินชื่อของเธอผ่านหู เวลานี้จึงมองอย่างใคร่รู้
เมื่อเอ่ยถึงชื่อกู้ซีเฉียว เธอไม่ทราบว่าด้านนอกกล่าวถึงเธอไว้ว่าอย่างไร ในช่วงแรกชื่อของเธอเป็นเพียงเรื่องชวนหัว ลูกนอกสมรสที่มาจากชนบทจะดึงดูดความสนใจคนเหล่านี้ได้อย่างไร มากที่สุดก็เป็นเพียงตัวตลกให้ทุกคนขำขัน
แต่เมื่อมีเรื่อง ‘ขโมยภาพวาด’ คนเหล่านี้ก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเธอ คนที่ทำให้ตระกูลกู้กลายสภาพเป็นเช่นนี้และทำให้ชื่อเสียงของกู้ซีจิ่นป่นปี้…จากที่ฟัง เธอดูน่ากลัวและชั่วร้ายไม่เบา
แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับดูใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่เหมือนกับในข่าวลือที่บอกว่าเธอร้ายกาจเลยสักนิด?
กู้ซีเฉียวพลิกหน้าหนังสือ ไม่ใส่ใจสายตาคนรอบข้าง เธอพอจะมีความทรงจำเกี่ยวกับซย่าจื่อหลานอยู่บ้าง เธอเป็นเพื่อนสนิทของกู้ซีจิ่น ตอนที่เธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศใหม่ๆ เธอเย่อหยิ่งและถือดี ตระกูลซย่าน่ะหรือ เทียบกับตระกูลกู้ยังไม่ได้! เพียงแต่โชคดีที่ซย่าจื่อจวิ้นยังพอมีไอคิวอยู่บ้าง
เมื่อเห็นว่าเด็กสาวไม่สนใจตัวเอง ซย่าจื่อหลานก็หุบยิ้ม เธอกวาดตาเล็กน้อยพบว่าอินเซ่าหยวนกำลังมองมาด้วยแววตาเย็นชา เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาช่วยกู้ซีเฉียว หญิงสาวเบาใจ เธอรู้จักนิสัยเย็นชาของเขาเป็นอย่างดี เขาไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น มีผู้หญิงมากมายถูกเขาหักอกแล้วคนอย่างกู้ซีเฉียวจะได้รับการยกเว้นงั้นเหรอ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความกล้าของเธอก็เพิ่มเป็นเท่าตัว หญิงสาวยื่นนิ้วสองนิ้วไปคีบหนังสือภาพในมือกู่ซีเฉียวเอาไว้พลางออกแรงหลายส่วนแต่หนังสือนั่นกลับไม่ยอมขยับ ซย่าจื่อหลานชักสีหน้า เธอออกแรงดึงหนังสือเล่มนั้นมากกว่าเดิม แต่ทว่ามันกลับไม่ยอมขยับเช่นเดิม!
ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าของสมุดภาพยังคงนั่งด้วยท่าทีสบายๆ อยู่บนโซฟา ใบหน้าสงบนิ่ง ยังพลิกหน้าหนังสือราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกด้วย!
ซย่าจื่อหลานขบริมฝีปาก มือซ้ายของเธอวางกระเป๋าลง คราวนี้เธอใช้สองมือออกแรงดึงหนังสือภาพจากมือหญิงสาวที่นั่งอยู่ แต่ทว่าหนังสือภาพยังคงวางนิ่งอยู่ในมือขาวนวลนั้นอย่างมั่นคงเช่นเดิม
กู้ซีเฉียวเงยหน้าขึ้น แววตาสุกใสเปล่งประกายประหนึ่งแสงดาว จู่ๆ มือเรียวบางก็ปล่อยหนังสือเสียอย่างนั้น
ตุบ! ซย่าจื่อหลานถลาล้มลงกับพื้น ทั้งเลานจ์ตกอยู่ในความเงียบ
กู้ซีเฉียวเอื้อมมือไปหยิบหนังสือภาพที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาดูต่อ ขนตางอนยาวขยับไหวน้อยๆ แววตาเปื้อนยิ้มละไม มุมปากบางยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมน้ำเสียงสดใส “คุณซย่า ดูเหมือนคุณจะ…นอบน้อมกับฉันเกินไปหน่อยนะคะ”