ตอนที่ 53 หวังให้ลูกได้ดี
อินเซ่าหยวนที่เดินตามออกมาย่อมได้ยินสิ่งที่เจียงซูเสวียนกล่าวเต็มสองหู เขามองไปที่ซย่าจื่อหลานพร้อมยกมุมปาก “คุณซย่า ส่วนเงินห้าล้านก็โอนตรงเข้าบัตรผมได้เลย”
การเข้าร่วมฐานนี้เป็นโอกาสเดียวที่ธุรกิจครอบครัวจะได้มีส่วนร่วมกับโครงการระดับประเทศ นี่ยังไม่ทันจะเริ่ม ตระกูลกู้และตระกูลซย่ากลับถูกตัดสิทธิ์ไปแล้ว ทำให้ธุรกิจอื่นๆ เริ่มหวั่นใจ เมื่อคนเหล่านี้ทราบว่าคุณชายตระกูลอินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจียงซูเสวียน ทุกคนก็พยายามเข้าหาเพราะหวังว่าจะได้รับโอกาส
ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เลย คนข้างนอกทราบเพียงว่าตระกูลซย่าถูกตัดสิทธิ์ ทว่าไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
กว่ากู้ซีเฉียวจะกลับมาถึงก็ดึกมากแล้ว แต่เธอยังเข้าไปทำภารกิจในพื้นที่เสมือนจริงเช่นทุกวัน ขณะที่อยู่ในนั้น ระบบก็ส่งเสียง
[ติ๊ง! ทักษะการวาดภาพเขียนแบบจีนของโฮสต์พัฒนาจากระดับทั่วไปสู่ระดับกลางได้สำเร็จ ระบบมอบรางวัลเป็นคะแนนสะสม 50 คะแนน หวังว่าโฮสต์จะพัฒนาต่อไป!] ร่างตุ้ยนุ้ยของระบบลอยอยู่เบื้องหน้ากู้ซีเฉียว
ทักษะการวาดภาพระดับทั่วไป?
กู้ซีเฉียวก้มหน้ามองภาพวาดบนโต๊ะ สิ่งที่เธอวาดคือรูปทิวทัศน์ธรรมดา มีองค์ประกอบละเอียดครบถ้วน ดูเรียบง่ายทว่างามสง่า
ทุกๆ วันระบบสั่งให้เธอทำภารกิจประจำวันแต่ละอย่างเพียงหนึ่งชั่วโมง ฉะนั้นเธอจึงไม่ได้ทุ่มเทสมาธิปานนั้น เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกวิทยายุทธ์จีนโบราณ เธอจึงประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าทักษะการวาดภาพเลยระดับทั่วไปมาแล้ว แต่ส่วนวิทยายุทธ์จีนโบราณกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ
“ตอนนี้มีคะแนนอยู่เท่าไหร่”
[หักคะแนนที่ใช้ไป ตอนนี้คงเหลือ 168 คะแนน] ระบบขยับเข้ามาใกล้กู้ซีเฉียวพร้อมใบหน้ารอคอย [เฉียวเหม่ยเหริน อัปเกรดให้ฉันได้หรือยัง]
กู้ซีเฉียวลูบคาง “อยากให้อัปเกรดเหรอ”
[ถ้าอัปเกรดฉัน คุณก็จะได้ประโยชน์! และแน่นอนว่า…ฉันจะมีความสามารถเพิ่มขึ้นด้วย!] ระบบตาเป็นประกาย
กู้ซีเฉียวถอนหายใจ “รออีกหน่อย สอบเข้าเสร็จแล้วเดี๋ยวจะอัปเกรดให้”
ระบบเชื่อฟัง ไม่เซ้าซี้ เพราะถึงอย่างไรกู้ซีเฉียวก็เป็นผู้มีสิทธิ์ขาด
เช้าวันถัดมา กู้ซีเฉียวออกไปวิ่งแต่เช้า เธอกายบริหารกระบวนท่าอู่ฉินซี่อยู่กลางสวน โดยมีคุณปู่ข้างบ้านฝึกเป็นเพื่อน
ทั้งสองเจอกันทุกเช้า ชายชราเห็นว่าเธอทำรำมวยได้เข้าท่าและถูกต้องกว่าที่เขาเคยเรียนมาจึงขอคำแนะนำจากเธอ ทั้งคู่มีความคิดเป็นของตัวเอง ช่วงแรกกู้ซีเฉียวคุยแต่เรื่องสัพเพเหระ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้สนทนากันมากขึ้น
เรื่องที่สนทนามีตั้งแต่เรื่องชี่กงไปจนถึงเรื่องประเทศชาติ จากเรื่องประเทศชาติไปถึงเรื่องประวัติศาสตร์ชาติ หากไม่ใช่ป้าจางตะโกนเรียกให้กลับไปทานข้าว เธอคงคุยจนลืมเวลา
เธอกล่าวลาคุณปู่เพื่อนบ้านที่หน้าประตู อารมณ์ของหญิงสาวในขณะนี้นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว ครั้นหันหลังกลับมาก็เห็นเจียงซูเสวียน
ในมือชายหนุ่มถือเอกสารชุดหนึ่ง คิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย “เซ่าหยวนให้คนเอาสัญญาโอนหุ้นมาให้ มาเซ็นชื่อหน่อย”
นี่คือรางวัลสำหรับผู้ชนะที่อินเซ่าหยวนเสนอให้เมื่อคืน เมื่อเธอเป็นผู้ชนะ เขาจึงให้คนนำหนังสือสัญญามาให้ เมื่อกู้ซีเฉียวนึกได้ว่าคืออะไร ฝีเท้าของเธอพลันก้าวถอย เธอยกมือขึ้นลูบหน้าผาก “ช่วยส่งกลับคืนไปที ฉันไม่อยากได้ค่ะ”
“นี่เป็นการสื่อว่าเขายอมรับเธอในฐานะน้องสาวแล้วไม่ใช่เหรอ หุ้นแค่สองเปอร์เซ็นต์เอง เธอมีสิทธิ์ที่จะได้มัน” เจียงซูเสวียนเอื้อมมือมาเคาะโต๊ะ “เขาเดาได้แต่แรกแล้วว่าเธอจะชนะ ถึงได้เสนอรางวัลนี้ จะเรียกว่าตั้งใจให้ก็ได้ มาเซ็นชื่อเถอะ ไม่ต้องกังวลไป”
“น้องสาว?” กู้ซีเฉียวปวดหัวหนึบ เธอเอ่ยถามด้วยความยากลำบาก “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เจียงซูเสวียนกางกระดาษลงบนโต๊ะ ยื่นปากกาไปให้โดยไม่ถามความสมัครใจ “เซ็นชื่อ”
เอาเถอะ ถึงอย่างไรเจียงซูเสวียนก็ไม่เคยทำร้ายเธอ กู้ซีเฉียวหยิบปากกาขึ้นมาตวัดลายเส้นสามตัวอักษร
ครั้นเซ็นชื่อเสร็จ ชายหนุ่มก็หยิบกระดาษขึ้นมาตรวจสอบความถูกต้อง สายตาหยุดนิ่งอยู่ที่ตัวอักษรเส้นบางทว่าหนักแน่นสวยงาม ชั่วครู่มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย คิ้วเข้มเผยความอ่อนโยน “ลายมือสวยใช้ได้”
“แน่นอน เพราะพี่เรียนมา” กู้ซีเฉียวรับส่งๆ ในหัวใคร่ครวญหนังสือสัญญาฉบับนั้น พลังจิตของเธอกว้างขวาง ก่อนที่เธอจะเซ็นชื่อลงในสัญญาฉบับนั้นเธอกวาดตาอ่านเนื้อหาไปเกือบเจ็ดสิบถึงแปดสิบส่วน จำนวนหุ้นที่ตกลงไว้ที่ 2% อยู่ๆ ก็ถูกเปลี่ยนเป็น 6% อีกทั้งเธอยังไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงใดๆ ของบริษัทอีกอย่างนั้นหรือ
จนถึงวันนี้ เธอยังไม่ทราบว่าสรุปแล้วทั้งคู่ทำงานอะไรกันแน่
“พี่?” เจียงซูเสวียนเก็บเอกสารพลางมองเธอกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
กู้ซีเฉียวที่เพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากออกไปเช่นนั้นรีบเงยหน้า ส่งยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ป้าจางเรียกแล้ว ขอตัวไปกินข้าวก่อนนะคะ”
เธอเงยหน้าเล็กน้อย ลำคอเรียวเป็นเส้นได้องศา จากมุมนี้สามารถมองเห็นผิวขาวนวลดุจหยกและริมฝีปากสีพีชจางๆ ของเธอได้อย่างชัดเจน มือของเจียงซูเสวียนชะงักไปก่อนจะยกมือขึ้นมากดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว “ไปเถอะ”
ความรู้สึกนี้มันช่าง…
……
ณ คฤหาสน์ตระกูลกู้
คุณปู่กู้ยืนเท้ามืออยู่ที่หน้าต่างในห้องตำรา สีหน้าคล้ำหม่น คิ้วขมวดมุ่นเป็นปนแน่น การกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลกู้คราวนี้ทำให้ชายชราซูบผอมไปกว่าเดิมหลายเท่า
เรื่องแรกคือเรื่องของกู้ซีเฉียวทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทกู้เสียหาย ประกอบกับคนที่สนับสนุนฝ่ายผู้จัดการใหญ่สวีที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ตอนนี้อำนาจของตระกูลกู้กำลังประสบวิกฤตครั้งใหญ่ และในตอนนี้ตระกูลอินยังขัดขวางไม่ให้ตระกูลกู้ได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ…
เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้คุณปู่กู้ไม่รู้ว่าตนควรรับมืออย่างไร สมัยที่เขายังหนุ่มๆ เขาเป็นผู้นำที่เด็ดขาด วิสัยทัศน์กว้างไกล แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความเด็ดขาดนั้นก็ลดน้อยถอยลงไป วิธีการในการจัดการปัญหาต่างๆ ก็ไม่เหมือนก่อน เขาจึงมอบหมายเรื่องทั้งหมดให้กู้จู่ฮุยดูแล และได้แต่หวังว่ากู้จู่ฮุยจะจัดการบริษัทได้ดี แต่ไม่คิดว่ากู้จู่ฮุยจะไร้น้ำยา!
“ไม่ได้เรื่องจริงๆ…” คุณปู่กู้ถอนหายใจ
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาคือคนจากตระกูลซย่าอย่างซย่าเต๋อโหย่ว ตระกูลซย่าได้ผลประโยชน์จากตระกูลกู้ไปไม่น้อย ฉะนั้นทั้งสองตระกูลจึงสนิทกันเป็นพิเศษ “ตอนนี้บริษัทซย่าหมดหนทางแล้ว แต่ว่าบริษัทของลุงกู้ยังพอมีโอกาสนะครับ”
“หมายความว่ายังไง”
“เมื่อวานจื่อหลานเห็นคุณหนูรองกู้อยู่กับคุณชายตระกูลอิน หากเหตุผลหลักของตระกูลกู้คือถูกตระกูลอินขัดขวาง แม้ตระกูลอินจะไม่ใช่คนที่ควรมีเรื่องด้วย แต่พวกคุณลองไปคุยกับคุณเจียงดูก็ได้ เพียงแค่เขาเอ่ยปาก ทุกอย่างก็จะกลับสู่สภาพเดิม”
คุณปู่กู้ตาเป็นประกาย ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ไว้จะลองดู”
ในขณะนั้นเอง กู้จู่ฮุยกลับมาจากข้างนอกพร้อมเอกสารชุดหนึ่งด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “พ่อ ลูกสำส่อนนั่น มันไม่ได้แค่หนีไปเฉยๆ แต่ยังไปอยู่กับอินเซ่าหยวนด้วย!”
“หุบปาก! แกไม่มีการศึกษาหรือไง ถึงได้เรียกลูกสาวตัวเองว่าสำส่อน!” ใบหน้าคุณปู่กู้เย็นเยียบ “นี่ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเรื่องนั้น ตอนนี้บริษัทกำลังรับศึกหนัก แกช่วยทำอะไรให้มันเป็นประโยชน์หน่อยไม่ได้เหรอ ไม่ใช่ว่าถูกพวกผู้หญิงจูงจมูกไปวันๆ แล้วเอาแต่สนใจเรื่องขี้ปะติ๋วพวกนี้!”
พ่อแม่ที่ไหนก็หวังให้ลูกของตัวเองได้ดีทั้งนั้น แต่คนที่ทำได้มีเพียงหยิบมือ กู้จู่ฮุยไม่เคยทำให้คุณปู่กู้รู้สึกภูมิใจเลยสักครั้ง เขาหวังว่าลูกชายของเขาจะเป็นผู้สืบทอดกิจการคนต่อไป แต่ไม่คิดเลยว่ากู้จู่ฮุยจะไม่ได้รับยีนความเก่งและฉลาดของบรรพบุรุษไปเลย นี่ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง
เขาพยายามเสาะหาคนที่เหมาะสมมารับช่วงต่อ พยายามถึงขั้นรับลูกนอกสมรสอย่างกู้ซีเฉียวกลับมาอยู่ที่บ้าน ทว่ากลับโหลยโท่ยพอกัน!
เมื่อถูกกู้จู่ฮุยตำหนิเช่นนั้น สายตาของคุณปู่กู้ก็เบนไปทางซย่าเต๋อโหย่ว แววตานั้นคล้ำหม่น “เต๋อโหย่ว นายเป็นเด็กดี และยังมีลูกชายที่ดีด้วย…แค่กๆๆ…”
คุณปู่กู้เอ่ยมาถึงตรงนี้ก็ไออย่างรุนแรง สีหน้าของซย่าเต๋อโหย่วเปลี่ยนไปทันที เขาปรี่เข้ามาพยุงและลูบหลังให้ชายชรา
“แค่กๆ ฉันไม่เป็นไร…แค่กๆๆ…คนแก่น่ะ” คุณปู่กู้มองไปที่ไฟบนถนนนอกหน้าต่าง ใบหน้าที่ผ่านชีวิตมาอย่างยากลำบากเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา
เขารู้อยู่แก่ใจว่าบริษัทกู้ไม่ได้ประสบความสำเร็จใหญ่โต กู้จู่ฮุยก็ไร้ความสามารถ ส่วนกู้ซีจิ่นก็ก่อเรื่องฉาวเกินกว่าจะกลับมาเฉิดฉายได้อีก
ตอนนี้คงทำได้เพียงหวังว่าคุณเจียงจะยอมให้บริษัทกู้ได้สิทธิ์ในการถือหุ้น เพื่อที่บริษัทจะได้เข้าสู่เส้นทางระดับประเทศ เพราะหากเขาตายไปลูกหลานก็ยังได้อยู่สบาย ไม่เช่นนั้น บริษัทกู้ก็จะล่มจมและหายไปในที่สุด