ตอนที่ 57 ปรากฏตัว
โต๊ะที่นั่งของนักเรียนชายคนนั้นอยู่ข้างหน้าเธอพอดี เพียงไม่นานกู้ซีเฉียวก็นึกออก เขาคือขโมยที่เธอจับได้ที่ห้าง!
เหยาจยามู่ลากรองเท้าแตะเดินเข้ามานั่งที่ตัวเอง เขาเป็นเด็กโรงเรียนนี้จึงรู้แต่แรกว่าที่นั่งของตัวเองอยู่ตรงไหน เด็กหนุ่มโยนข้าวของลงบนโต๊ะด้วยท่าทีเกียจคร้าน กวาดสายตาไปรอบห้องด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะสะดุ้งโหยง เขามองไปยังคนตรงหน้า ภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้าสาดส่อง แม้แต่เงาของร่างนั้นยังงดงามปานสลัก
ฝีเท้าของชายหนุ่มชะงักงัน ดวงตาเบิกโพลงไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น!
กู้ซีเฉียวมองมาที่เขา แววตาสดใสประหนึ่งคลื่นน้ำเจือไปด้วยความอบอุ่น เธอส่งสัญญาณมือให้เขา “สู้ๆ” ก่อนจะหลุบตาลงเริ่มทำข้อสอบ
เก้าโมงเริ่มสอบวิชาทักษะภาษา เธอไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด ใบหน้างดงามราวหยกสงบนิ่ง เธอหยิบปากกาขึ้นด้วยความมุ่งมั่นแล้วจึงจรดปลายปากกาเขียนคำตอบอักษรตัวบรรจงลงไปในกระดาษอย่างไม่รีบร้อน
ครูคุมสอบสามคนเดินวนอยู่ในห้อง ใครที่เดินผ่านโต๊ะของเธอเป็นต้องหยุดดู เด็กคนนี้ลายมือสวยจริงๆ หากเขาเป็นคนตรวจข้อสอบชุดนี้ เขาคงหักคะแนนไม่ลง
หัวข้อเรียงความคราวนี้คือ ‘ที่ที่สบายใจคือบ้านเกิด‘ กู้ซีเฉียวนั่งอ่านหัวข้อนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะมองทะลุกระดาษบางๆ ได้อย่างไรอย่างนั้น
เธอหลับตา ชั่วครู่ เธอก็ยกปากกาขึ้นและเริ่มเขียน
วิชาทักษะภาษาไม่ยาก คนส่วนใหญ่ทำคะแนนได้ดี ครั้นออดหมดเวลาดังขึ้น เธอก็หยิบกล่องดินสอเดินออกจากห้อง ขณะที่เธอเดินมาถึงตรงบันได จู่ๆ เธอก็ยกมือขึ้นมา ผัวะ
เหยาจยามู่มองกล่องดินสอที่ขวางอยู่ที่มือของเขา ผงะไปชั่วครู่ “พระ…พระเจ้า เธอมีตาหลังเหรอ”
เขาเป็นพวกอันธพาล แม้จะไม่ใช่คนที่เก่งกาจที่สุด แต่เขาก็เป็นอันธพาลที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เขาหนึ่งคนสามารถสู้คนสิบคนได้ แต่ทำไมวันนี้เขาถึงสู้กล่องดินสอเล็กๆ ไม่ได้
“โอ๊ย กล่องดินสอเธอแข็งเป็นบ้าเลย!” เหยาจยามู่ยื่นมือไปจับ เมื่อครู่เขารู้สึกจริงๆ ว่ามันแข็งเหมือนเหล็ก เขารู้สึกชาไปทั้งแขนและที่น่าตกใจกว่านั้นคือตอนนี้รากฟันของเขายังปวดระบมอยู่เลย มันช่าง…แปลกพิลึก
กู้ซีเฉียวชำเลืองมองเขาก่อนจะดึงกล่องดินสอของตัวเองกลับมา เธอกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “มีอะไรก็พูดมา ไม่ต้องมาจับ”
เหยาจยามู่ชะงักงันไปชั่วครู่ ครั้นเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะเดินหนีไป เขาก็รีบวิ่งตาม “เดี๋ยว เธอมาสอบที่นี่เหรอ แถมนั่งหน้าฉันอีกต่างหาก!”
“พูดมาก!”
เหยาจยามู่ไม่สนใจว่าเธอจะเย็นชาเพียงใด ในทางกลับกัน เขากลับรู้สึกตื่นเต้น ก่อนหน้านี้เขานั่งมองเบอร์โทรศัพท์อยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยกดโทรฯ เลยสักครั้ง เขาลอบปฏิญาณกับตัวเองว่า หากยังไม่มีหน้าที่การงานที่ดี เขาจะไม่โทรฯเบอร์นี้เด็ดขาด
แต่ทว่าบังเอิญโลกกลม ตอนสอบเอ็นทรานซ์เขาได้นั่งอยู่ข้างหน้าเธอ…
“เธอชื่ออะไร อยู่โรงเรียนไหน ต้องไม่ใช่เด็กซานจงแน่ๆ!” เด็กโรงเรียนซานจงเล่นสนุกไปวันๆ เหยาจยามู่เห็นท่าทางเรียบร้อยแสนดีของกู้ซีเฉียวแล้วก็รู้ทันทีว่าเธอไม่ใช่เด็กโรงเรียนนี้ อีกอย่างในซานจงไม่มีใครไม่รู้จักเขา นี่ไม่ใช่การหลงตัวเอง แต่ว่าเหยาจยามู่เป็นคนดังในซานจงจริงๆ เขาหน้าตาดี ต่อสู้เก่ง ถึงมีสาวๆ ตามกรี๊ดเขาเป็นแถว
ฝีเท้าของกู้ซีเฉียวหยุดชะงัก กล่าวตอบสั้นกระชับเพื่อตัดความรำคาญ “กู้ซีเฉียว อีจง”
ชายหนุ่มตาเป็นประกายเพราะมีเรื่องให้ชวนเธอคุยต่อ “อีจง…งั้นเธอก็ต้องรู้จักเพื่อนฉันที่ชื่อลั่วเหวินหลั่งสิ!”
“อื้อ” กู้ซีเฉียวหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังพูดเป็นต่อยหอย คิดไม่ถึงว่าคนอย่างเขาจะรู้จักลั่วเหวินหลั่ง
ทั้งคู่เดินคุยกันมาถึงหน้าประตูโรงเรียน กู้ซีเฉียวหันไปเห็นรถยนต์ที่จอดรอท่าอยู่ข้างถนน แววตาสุกใสเป็นประกาย “เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว ไว้เจอกัน”
เหยาจยามู่หยุดชะงักตะโกนออกไปเสียงดัง “ฉันชื่อเหยาจยามู่”
เธอโบกมือทำทีบอกว่าตนรับรู้แล้ว
เซียวอวิ๋นที่ออกไปก่อนหน้ายืนดักรอกู้ซีเฉียวอยู่หน้าประตูโรงเรียนเมื่อเห็นกู้ซีเฉียวเดินมาเธอก็รีบตะครุบตัวกู้ซีเฉียวมาถาม “สอบเป็นยังไงบ้าง”
“อืม คำถามนี้ฉันต้องถามเธอมากกว่ามั้ง”
กู้ซีเฉียวเอามือลูบจมูกยังดีที่เธอรู้ตัวเร็วไม่งั้นเซียวอวิ๋นคงโดนเธอบิดข้อมือจนหักไปแล้ว
“ฉันทำได้ดีอยู่แล้วล่ะ ว่าแต่หัวข้อเรียงความข้อนั้นตรงกับที่เธอเคยให้พวกเราเป๊ะเลย เธอยังไม่ได้ดูข้อความในแชทห้องเราใช่ไหม พอพวกเพื่อนๆ ในห้องออกจากห้องสอบมาก็แชทกันกระหึ่มเลย เธอบอกมาหน่อยสิว่าเธอเดาถูกได้ยังไง” เซียวอวิ๋นท่าทีภูมิใจและศรัทธาในกู้ซีเฉียวมาก
กู้ซีเฉียวมองเซียวอวิ๋น “ถ้าครั้งนี้คะแนนเธอไม่ดีก็ไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้วนะ โน่นพี่ชายกับคุณปู่เธอมารับแล้ว รีบไปเถอะ”
เมื่อรอจนเห็นเซียวอวิ๋นวิ่งไปขึ้นรถคันสีขาวตรงหน้าแล้วกู้ซีเฉียวก็ก้มหน้าก้มตาเดินข้ามถนนไปขึ้นรถที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม
“คนเมื่อกี้นี้เป็นเพื่อนร่วมห้องเธอเหรอ” ทันทีที่กู้ซีเฉียวขึ้นรถก็มีเสียงเคร่งขรึมเอ่ยถามพาให้สถานการณ์ในรถอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
“ไม่ใช่ คนนั้นแค่นั่งข้างหน้าฉันตอนสอบ” กู้ซีเฉียวรู้ว่าเขาถามถึงเหยาจยามู่จึงรีบตอบไปตามสัญชาตญาณด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทำเอาคนฟังรู้สึกสบายใจมาก
ใบหน้าเจียงซูเสวียนดูผ่อนคลายลง เขาวางหนังสือลงและสั่งให้คนขับรถออกรถ วันนี้เขาวิ่งวุ่นทั้งวันกับการจัดการเรื่องฐานเพื่อจะได้มีเวลามารับเธอ อีกทั้งยังหาคนขับขับมาให้ด้วย
ในช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยบรรดาเด็กนักเรียนต่างพากันหน้าดำคร่ำเครียดจนทำให้เหล่าบรรดาผู้ปกครองต่างก็ไม่กล้าทำให้พวกเด็กๆ กดดันและพยายามสนับสนุนทุกทางให้เด็กๆ ได้แสดงความสามารถที่มีออกมาได้อย่างเต็มที่ เจียงซูเสวียนสังเกตเห็นสีหน้าของกู้ซีเฉียวที่ดูไม่ได้ผิดหวัง แถมยังดูอารมณ์ดีจึงไม่ได้ไต่ถามเรื่องการสอบต่อ ปล่อยให้เธอได้ผ่อนคลายบ้าง
อันที่จริงเจียงซูเสวียนมารออยู่ด้านนอกตั้งแต่ตอนบ่ายที่มีจัดสอบคณิตศาสตร์แล้ว ระหว่างที่รอกู้ซีเฉียวสอบเสร็จเขาเห็นเด็กนักเรียนหลายคนที่เดินออกมาด้วยท่าทีโซซัดโซเซจากนั้นก็วิ่งเข้าไปร้องไห้กับผู้ปกครองที่มายืนรออยู่
แม้ว่าเขาเองไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าข้อสอบคณิตศาสตร์คงจะยากมากแน่ๆ เลยทำให้ตัวเขาเองอดว้าวุ่นกังวลใจไม่ได้ยังดีที่ในกลุ่มเด็กที่เดินร้องไห้โฮออกมาจากห้องสอบเหล่านั้นไม่มีกู้ซีเฉียว เขาจึงโล่งอกเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อคิดกลับกัน ต่อให้เธอออกมาก่อนแล้วจะมีประโยชน์อะไร
เพราะด้านนอกไม่มีญาติของเธอสักคนที่มารอรับ
เจียงซูเสวียนรู้สึกอึดอัดเลยตัดสินใจออกมายืนสูบบุหรี่นอกรถ แต่ยังไม่ทันจะสูบหมดมวน พลันสายตาก็เห็นร่างของคนที่แสนคุ้นเคย เขายืนอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะดับบุหรี่รีบปรี่เข้าไปหา
กู้ซีเฉียวถือกล่องดินสอ หรี่ตาน้อยๆ ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาดูไร้อารมณ์ แต่เมื่อเห็นเจียงซูเสวียน เธอก็พลันผุดรอยยิ้มที่แสนสดใสออกมา “พี่มารออยู่ตรงนี้ตลอดเลยเหรอ”
น้อยครั้งมากที่เธอจะเผยรอยยิ้มเปล่งประกายเช่นนี้ออกมา รอยยิ้มงดงามแสนไร้เดียงสาทำเอาคนทั้งหลายที่ได้เห็นล้วนอยากจะคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมากองไว้ตรงหน้าให้เธอ เจียงซูเสวียนค่อยๆ เดินเข้าไปหาเธอ
จากที่แอบกังวลเรื่องการสอบของเธออยู่ก็พอจะเดาได้ว่าเธอน่าจะทำออกมาได้ไม่เลวเลย
ในปีนี้นอกจากวิชาคณิตศาสตร์แล้ววิชาอื่นๆ ก็ไม่ยากเท่าไหร่
กู้ซีเฉียวใช้เวลาทำข้อสอบภาษาอังกฤษเพียงครู่เดียวเธอส่งกระดาษคำตอบที่ฝนเรียบร้อยแล้วให้อาจารย์คุมสอบแล้วเดินออกจากห้องสอบท่ามกลางสายตาอึ้งทึ่งของนักเรียนคนอื่นๆ
ช่างงามสง่าเสียจริง!
เหยาจยามู่เห็นเงาร่างที่เดินออกไปก็ยิ้มบางๆ อยู่นานแล้วก้มหน้าตั้งใจอ่านบทความต่อ เขาเคยได้ยินเรื่องราวของกู้ซีเฉียวจากลั่วเหวินหลั่งมาบ้าง ที่แท้เธอก็คือคนที่ทำให้เทพการเรียนอย่างลั่วเหวินหลางทอดถอนใจได้นั่นเอง
ส่วนเขาเองก็จะน้อยหน้าไม่ได้
แสงแดดนอกสนามสอบสว่างจ้า อากาศปลอดโปร่ง กู้ซีเฉียวสูดหายใจเข้าเต็มปอด ความกดดันที่แบกอยู่พลันคลายลงในพริบตา
กู้ซีเฉียวเดินด้วยความสบายใจออกไปด้านนอกโรงเรียน แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงรถที่เจียงซูเสวียนจอดอยู่ก็ถูกร่างหนึ่งเข้ามาขวางไว้จนต้องหยุดฝีเท้าลง เธอหรี่ตามองร่างนั้น
ใบหน้าของคนที่เธอเห็นดูหมองคล้ำ ใบหน้าที่เดิมสวยงามอ่อนโยนถูกเคลือบไปด้วยความหมองเศร้าอย่างไม่ควรจะเป็น แววตาขุ่นมัวต่างจากเดิมที่เคยเปล่งประกายสดใส แต่กู้ซีเฉียวก็จำได้ในทันทีว่าคนตรงหน้านี้ก็คือ…กู้ซีจิ่น