ตอนที่ 60 คนคนนี้มันบ้า
เจียงซูเสวียนหรี่ตาลง มองท่วงท่าชำนาญและเป็นขั้นเป็นตอนของเธอ กลิ่นหอมพลันลอยฟุ้งออกมาจากด้านในห้องครัว เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอาหารที่หอมขนาดนี้ได้
“คุณเจียง เธอเก่งเอาเรื่องอยู่นะคะ” ป้าจางเดินตามกลิ่นหอมเข้ามาในครัว สายตาพลันตกตะลึงไป เธอสูดกลิ่นหอมนั้น รู้สึกว่ายิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งหิว ป้าจางที่คิดว่าฝีมือการทำอาหารของตนไม่แพ้ใครกลับรู้สึกว่ายังสู้ฝีมือกู้ซีเฉียวในวันนี้ไม่ได้เลย
กู้ซีเฉียวที่อยู่ในห้องครัวกำลังเอาน้ำมันเดือดๆ ราดลงบนตัวปลาที่นึ่งเสร็จ กลิ่นกระเทียมที่โชยมาพร้อมกลับกลิ่นหอมของปลานึ่งทำเอาคนที่รอกินต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“นี่ เธอวางไว้เถอะเดี๋ยวป้าจัดการต่อเอง” ป้าจางเห็นกู้ซีเฉียวกำลังจะยกหม้อน้ำแกงออกมาก็กลัวว่าเธอจะโดนลวกมือ เลยเข้าไปรับเอาหม้อน้ำแกงนั้นจากมือเธอมาพลางเอ่ยชมไม่หยุด “เฉียวเฉียว น้ำแกงหม้อนี้ดูดีมากจริงๆ แถมกลิ่นหอมมากด้วย ไหนบอกป้ามาทีว่าเธอทำได้ยังไง”
น้ำแกงด้านบนลอยฟ่องด้วยเม็ดน้ำมันที่ผุดขึ้นชัดเจนบนน้ำซุปขาวข้น อินเซ่าหยวนใช้ชามสีขาวราวหิมะตักน้ำแกงมาใส่ไว้ก่อนจะส่งให้เจียงซูเสวียนแล้วค่อยตักให้ตัวเอง
เจียงซูเสวียนลองชิมดูคำหนึ่ง น้ำแกงยังร้อนลวกปากอยู่ แต่เมื่อได้กลืนลงไปแล้วในปากกลับอบอวลด้วยความหอมหวาน ไม่รู้ว่ากู้ซีเฉียวใส่อะไรลงไปเพราะในน้ำแกงไม่เพียงแต่จะมีความหอมหวานจากไก่ ยังมีความสดชื่นอย่างหนึ่งกระจายอยู่ รสชาติสุดยอดจริงๆ
ทางด้านคนอื่นๆ ก็ทนไม่ไหวรีบตักข้าวเม็ดขาวเข้าปากตามด้วยปลาที่สดและไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด ยังมีหมูตุ๋นน้ำแดงที่นุ่มแต่ไม่เลี่ยน หรือแม้กระทั่งยำแตงกวาที่มีครบรสเปรี้ยวหวานก็เพิ่มรสชาติสดชื่นให้เป็นอย่างดี
กู้ซีเฉียวเห็นจานที่เกลี้ยงเกลาของแต่ละคนก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ได้แต่ก้มลงลูบขนฮาฮาอยู่อย่างนั้น
ภาพตรงหน้า … ไม่กล้ามองเต็มตาจริงๆ
แสงแดดเจิดจ้าหลังช่วงเที่ยงผ่านพ้น หญิงสาวนั่งอยู่ตรงข้างหน้าต่างดูอ่อนโยน เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวลายดอก ผมสีดำสลวยรวบไปอยู่ด้านหลังทำให้มองเห็นใบหูที่ขาวอิ่มราวกับหยก มือหนึ่งถือสีเทียนอีกมือถือกระดานวาดรูป สมาธิจดจ่ออยู่กับการวาดภาพ ขนตางอนยาวขยับไหวน้อยๆ
เมื่อคนอื่นๆ ที่นั่งเล่นอยู่ที่โซฟาเห็นภาพนี้เข้าก็อดมองอีกหลายครั้งไม่ได้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง กู้ซีเฉียวถึงลุกขึ้นมา เมื่อเจ้าหมาน้อยฮาฮาเห็นเธอลุกขึ้นก็รีบวิ่งมาหยุดที่เท้าของเธอ แล้วเอาหัวมาถูไถเธอ กู้ซีเฉียวเห็นดังนั้นก็ยิ้มตาหยี เอารูปที่เธอวาดอวดเจ้าหมาน้อย “ดูสิ เหมือนแกไหม”
เจ้าหมาน้อยฮาฮาเบิกตากลมโตมองตัวมันที่เล็กกว่าตัวจริงในรูป ผ่านไปครู่หนึ่งก็ค่อยเห่ารับออกมา
“วาดเสร็จแล้วเหรอ” เสียงสดใสชัดเจนดังขึ้นที่ข้างหู ลมอุ่นๆ พ่นเข้ามาทางหลังคอ กู้ซีเฉียวหันไปมองก็เห็นคางคมคายและสันจมูกโด่งของเจียงซูเสวียนมาอยู่ประชิดตน เธอชะงักไปก่อนจะส่งรูปที่วาดให้เขาดู
หลังจากที่กินอาหารเที่ยงเสร็จ กู้ซีเฉียวสังเกตเห็นเจ้าฮาฮามีท่าทีเศร้าซึมเพราะไม่ได้กินเนื้อจึงลงมือวาดภาพให้มันหนึ่งภาพ ด้วยเวลามีจำกัดเธอเลยลงมือสเก็ตช์รูปง่ายๆ ออกมา
และแม้ว่าจะเป็นแค่ภาพวาดสเก็ตช์ง่ายๆ แต่ก็แสดงฝีมือขั้นเทพของเธออกมา เธอวาดเจ้าฮาฮาได้ดูน่ารัก มีชีวิตชีวาราวกับเหมือนจะออกมาวิ่งเล่นนอกภาพได้
เธอวาดได้สวยมากจนเจียงซูเสวียนลอบถอดใจ คนตรงหน้าดูเหมือนจะเก่งไปหมดเสียทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องอะไรเธอก็ทำได้ดีจริงๆ
แต่ว่าเมื่อเขามองไปทางกู้ซีเฉียวที่กำลังเล่นกับเจ้าฮาฮาด้วยความเอ็นดูนั้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ๆ เขาก็รู้สึกขัดหูขัดตาเจ้าหมาหน้าตาดูไม่ได้ตัวนี้ขึ้นมาจนอยากจะลากคอมันแล้วเอาออกไปทิ้งให้ไกลๆ
เจ้าฮาฮาเองก็คงจะรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกในแววตาดำเข้มนั้น มันจึงรีบวิ่งไปหลบที่หลังขาของกู้ซีเฉียวแล้วเกาะข้อเท้าขาวของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
“เธอเล่นไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับมา” เจียงซูเสวียนเหลือบมองเจ้าฮาฮาแล้วเอ่ยกำชับกับกู้ซีเฉียว
กู้ซีเฉียวหรี่ตาพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ในดวงตาสุกใสเจือความขบขัน ผมสลวยที่รวบไว้ด้านหลังของเธอทำเอาเจียงซูเสวียนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้เบาๆ ก่อนจะเดินออกไป
ทันทีที่คนทั้งสามที่โซฟาเห็นเขาเดินออกไปถึงจะกล้าเดินมาหากู้ซีเฉียว อินเซ่าหยวนยืดศีรษะมาเหล่มองภาพที่อยู่ในมือกู้ซีเฉียวแล้วอดชื่นชมไม่ได้ “เธอใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็วาดออกมาได้ดีขนาดนี้ แถมยังฝีมือใช้ได้เสียด้วย ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้อำนวยการของสถาบันวิจิตรศิลป์ถึงได้พยายามติดต่อพี่เจียงเพื่อให้เขาอนุญาตให้เธอเข้าสถาบันนี้”
พูดไปก็แทงใจดำตัวเอง คนอะไรจะเก่งไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้
ตั้งแต่เล็กจนโตอินเซ่าหยวนเติบโตขึ้นมาท่ามกลางคำชื่นชมของคนรอบข้าง แม้เขาจะทำตัวแปลกอยู่บ้าง แต่การเรียนก็ไม่เคยตกเลย ตั้งแต่เล็กจนโตคะแนนของเขาอยู่ในลำดับต้นๆ เสมอ อีกทั้งบรรดาศิลปศาสตร์ของชนชั้นสูงเขาเองก็เพียบพร้อม ทั้งยังมีฝีมือที่โดดเด่นด้วย แต่คิดไม่ถึงว่ามาตอนนี้เขาจะมาพบคนประหลาดที่เก่งกว่าเขาหลายคน
หากเป็นคนในเมืองหลวงก็อาจจะพอเทียบเคียงกับเขาได้บ้างแต่ด้วยความเย่อหยิ่งเขาก็ไม่เคยยอมรับ จนกระทั่งเจอคนประหลาดอย่างเจียงซูเสวียน อินเซ่าหยวนถึงสะกดคำว่าแพ้ได้
แต่ยังไม่พอเมื่อเขาดันมารู้จักกับกู้ซีเฉียวคนนี้ ให้ตายเถอะ …จะไม่ให้เขาใช้ชีวิตสบายๆ ได้เลยหรือไร
กู้ซีเฉียวเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วอุ้มเจ้าฮาฮาขึ้นมาพลางเลิกคิ้วถาม “ไม่ต้องทำหน้าโอเวอร์ขนาดนั้นหรอก วาดภาพง่ายๆ แค่นี้ใครๆ ก็ทำเป็น ฉันเองเรื่องอื่นๆ ก็ใช่จะทำได้ แต่ถ้ากับเรื่องจอมปลอมแบบนี้กลับเรียนมาไม่น้อย เอาไว้ขู่คนไม่เชี่ยวชาญอย่างพวกนายไง”
อินเซ่าหยวนหัวเราะออกมา ช่างเถอะ เธอคิดว่าเขาโง่หรือไงนะ ถ้าวาดได้ขนาดนั้นยังบอกว่าเป็นมือสมัครเล่นอย่างนั้นพวกจิตรกรระดับโลกคงต้องม้วนเสื่อหนีเพราะความอับอายไปแล้ว
เซียวอวิ๋นยืนอยู่อีกมุมมองพวกมาที่พวกเธอด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เธอไพล่นึกไปถึงความสามารถชงชาอันล้ำเลิศของกู้ซีเฉียวแล้วยิ่งอึ้งทึ่งในความสามารถของเธอ แต่เซียวอวิ๋นรู้ดีว่าทุกอย่างที่เธอเรียนรู้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและการจะเรียนได้ดีขนาดนั้นก็ยิ่งต้องลำบากมากขึ้นไปอีก
แต่ความจริงสกิลโกงเช่นพื้นที่เสมือนแบบนี้ กู้ซีเฉียวอยากเรียนอะไรมีหรือจะเรียนได้ไม่ดี ยิ่งพลังจิตในตัวของเธอแข็งแกร่งขนาดนั้น ย่อมจะซึมซับวิชาความรู้ได้เยอะกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ตอนแรกที่เธอถูกขังอยู่ที่พื้นที่เสมือนทำได้แค่ฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือ ถ้าเป็นคนอื่นโดนขังอยู่นานจนลืมวันลืมคืนแบบนั้นป่านนี้คงบ้าตายไปนานแล้ว
แต่กู้ซีเฉียวกลับไม่เป็นบ้า แถมยังใช้เวลานั้นอ่านหนังสือไปหลายรอบ คนอย่างเธอหากไม่ได้รับการยอมรับจากระบบก็คงไม่มีใครจะทำได้แล้ว
ภาพลักษณ์ภายนอกที่เต็มไปด้วยราศีล้วนแต่เกิดจากความพยายามอย่างที่คนอื่นๆ ยากจะคาดเดาได้
ความสำเร็จของเธอใช้ความอดทนอดกลั้นแลกมาทั้งนั้น
เมื่อวาดภาพเจ้าหมาน้อยเสร็จแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรทำ แต่เมื่อไม่ได้รับอนุญาตใดๆ จากเจียงซูเสวียน อินเซ่าหยวนจึงไม่กล้าที่จะพากู้ซีเฉียวออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก เขาจึงได้แต่ลังเลไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี
เซียวอวิ๋นยืนอยู่พักหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “เฉียวเฉียว ออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
“ได้สิ เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” กู้ซีเฉียวพูดพลางเดินขึ้นห้องไป
อู่หงเหวินที่ไม่มีโอกาสเอ่ยปากเลยตั้งแต่ต้น ทันทีที่เห็นกู้ซีเฉียวจะออกไปข้างนอกก็รีบคว้าโทรศัพท์มือถือของตนมาเตรียมไว้ อินเซ่าหยวนตาไวรีบคล้องคอเขาเอาไว้ ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “เฮ้ย ผู้ชายอย่างเราๆ จะตามออกไปด้วยทำไม ถ้าพวกสาวๆ ไปซื้อชุดชั้นในแล้วนายจะทำยังไง”
บ้าเอ๊ย อู่หงเหวินฟังแล้วหน้าแดงก่ำทันที ขนตายาวสั่นระริก ร้านชุดชั้นในบ้าบออะไร แต่พอคิดได้ว่าครั้งที่แล้วที่สองสาวออกไปซื้อของตามลำพังแล้วเจอโจรร้าย ฉะนั้นครั้งนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรเขาก็จะตามไปด้วยเพราะเขามีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
หากบ่ายวันนี้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาจะทำอย่างไร
แต่อินเซ่าหยวนที่ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาไปนี่สิ
คนคนนี้เป็นบ้าหรือไง!