พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 53

ตอนที่ 53

เรื่องราวแสนลับ ไอริสดิน่าผู้อยากช่วยทำงาน

 

 

ช่วงบ่ายของวันหยุด ไอริสดิน่า・ฟรานซิส กำลังเดินเล่นอยู่ในเมืองตามลำพัง

 

 

เป็นคนที่สวยมีเสน่ห์กำลังเดินเริงร่าอยู่ตามถนน

 

 

สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดมากระทบผมยาวๆเงางามของเธอและแสงแดดที่ทอแสงลงมาในดวงตาสีดำสนิท

 

 

เหนือสิ่งอื่นใดความสง่างามของเธอนั้นทำให้เธอเด่นสะดุดสายตาประชาชี

 

 

ผู้คนบนท้องถนนต่างจ้องมองรูปลักษณ์อันแสนงดงามของเธอ แต่ไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้ และบริเวณรอบๆก็เงียบราวกับภาพวาดที่ถูกวาดออกมาอย่างประนีต

 

 

「อืมม…………วันนี้อากาศดีจังเลย ท้องฟ้าเองก็สวยน่าจะชวนโซเมียมาด้วย?」

 

 

เธอมักจะไม่ขาดฝึกแม้แต่ในวันหยุด แต่วันนี้เธอฝึกขั้นต่ำเสร็จเรียบร้อยและออกมาในเมืองเพื่อหยุดพัก

 

 

ฉันคิดว่าจะชวนน้องสาวแสนรักของฉันมาเที่ยวด้วยกัน แต่ว่าฉันที่งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาว่างไปชวนเธอเลย

 

 

ฉันก็แค่อยากจะเดินไปรอบๆเมืองอาร์คาซัม

 

 

ทางเหนือนั้นเป็นที่ตั้งคฤหาสน์ของตระกูลฟรานซิสและผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ฉันเดินมาทางย่านใจกลางเมืองและกำลังไปย่านการค้าทางตอนใต้

 

 

หลังจากเดินชมย่านการค้าและดูของหายากมากมายจากทั่วทั้งทวีป คราวนี้ฉันก็ไปทางส่วนของทางช่างฝีมือที่อยู่ทิศตะวันตก

 

 

ในเขตของช่างฝีมือ มีช่างจำนวนมากที่ทำงานเพื่อเมืองอาร์คาซัมแห่งนี้อย่างหนักแทบทุกวัน

 

 

งานฝีมือมีหลากหหลายประเภทตั้งแต่ก่อสร้าง ช่างไม้ ช่างทำขนมปัง ช่างตัดเสื้อ และช่างฝีมืออีกมากมายในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงช่างเครื่องประดับ ช่างแก้วฝีมือ และช่างระดับไฮเอนต์

 

 

อย่างไรก็ตามสินค้ามากมายที่พวกเขาผลิตออกมาก็ชวนน่าหลงไหล ไอริสเองก็ได้เห็นสินค้าชั้นยอดมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย

 

 

บางครั้งฉันก็เจอสินค้าที่ราคาถูกแต่คุณภาพดีมาก และไอริสเองก็เพลิดเพลินกับการเดินเล่นในบริเวณนี้

 

 

ขณะที่พยายามเที่ยวเล่นต่อไป ดวงตาของไอริสก็เจอกับคนๆหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะเจอ ขณะที่เธอกำลังมองสิ่งของเรียงรายมากมายในถนน

 

 

「เขา……」

 

 

เหนือดวงตาของเธอคือร่างของเขาที่เดินพร้อมกับแบกวัสดุขนาดใหญ่ไว้บนหลัง

 

 

ฉันไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาเขาเป็นยังไงแต่ดูจากที่แบกของเกินกว่าตัวเองได้น่าจะเป็นผู้ชาย

 

 

ไอริสค่อยๆเดินเข้าไปหาเขาคนนั้นแล้วเรียกเขา

 

 

「……โนโซมุ?」

 

 

「เอ๋ ไอริส? ทำไมถึงมาอยู่ที่แบบนี้ล่ะครับ?」

 

 

โนโซมุหันมามองด้วยใบหน้าตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่

 

 

โนโซมุไม่คิดเลยว่าจะได้มาพูดคุยกับไอริสในที่แบบนี้

 

 

โนโซมุคิดว่าไอริสน่าจะมาซื้อของในเขตช่างฝีมือ

 

 

ลูกสาวของตระกูลฟรานซิสอาจจะต้องการสินค้าเชิงพาณิชย์ แต่การสั่งซื้อสินค้าเหล่านั้นส่วนมากจะเป็นงานของเมด ผมเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เธอมาที่นี่ด้วยตัวเอง

 

 

「ออกมาเที่ยวเล่นค่ะ พอดีว่ามีเวลาว่างอยู่ ผลิตภัณฑ์แถวนี้คุณภาพสูงกว่าแถบบ้านดิฉันอีกนะคะ แค่เดินดูก็เพลินตาแล้วล่ะคะ」

 

 

เธอที่ดูสง่างามตามปกติกำลังยิ้มให้กับผมและตอบคำถามของผม รอยยิ้มนั่นทำให้มันไม่ดีต่อใจผมเท่าไร รอยยิ้มอันแสนทรงเสน่ห์นั่น

 

 

ตามปกติแล้วไอริสเองก็มักจะดึงดูดคนรอบตัวอยู่เสมอ ทุกคนต่างหลงเสน่ห์ของเธอ แน่นอนรวมถึงผมด้วย

 

 

「อย่างงั้นเหรอครับ……」

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่โนโซมุก็ได้แค่ตอบโง่ๆออกไป ไอริสถามเขา

 

 

「แล้วโนโซมุมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ?」

 

 

「ทำงานน่ะครับ พอดีได้รับคำขอทั่วไปจากทางกิลด์มา」

 

 

「งั้นเหรอเนี่ย ขยันทำงานเลี้ยงตัวเองเหมือนกันนะคะ……」

 

 

ขณะพูดเช่นนั้น เธอก็จ้องมองดูสัมภาระที่โนโซมุแบกอยู่ มันมีหญ้าสีแดงจำนวนมากอยู่ในถุงหนังที่เขาแบกอยู่

 

 

「……โนโซมุ หญ้านี่เอาไว้ทำอะไรงั้นเหรอคะ?」

 

 

「ไว้ใช้เป็นสีย้อมผ้าน่ะครับ ช่างตัดเสื้อต้องการให้ไปช่วยย้อมสีเสื้อผ้าครับ」

 

 

เสื้อผ้าแถวนี้จะถูกย้อมด้วยการใช้หญ้าแช่กับแป้งเพื่อสกัดสีย้อมออกมา

 

 

จำเป็นต้องใช้สีย้อมผ้าจำนวนมากและโนโซมุเองก็อยู่ในขั้นตอนส่งหญ้าเหล่านี้เพื่อเอาไปทำสีย้อม

 

 

ไอริสที่ฟังเรื่องราวก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

 

 

「……โนโซมุ ให้ฉันช่วยงานด้วยได้ไหมคะ?」

 

 

「เอ๊ะ? ทำไมล่ะครับ?」

 

 

โนโซมุสงสัยที่จู่ๆเธอก็อยากจะช่วย แต่ไอริสเองก็บอกว่าจะช่วยให้ได้

 

 

「พอดีว่าฉันไม่เคยทำงานแบบนี้เลยค่ะ อย่างไรก็ตามครอบครัวฟรานซิสเอง ก็ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับชีวิตชาวเมืองเท่าไรแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวเมืองฉันอยากจะรู้เกี่ยวกับประชาชนที่คอยสนับสนุนพวกเราค่ะ」

 

 

หากได้ตั้งข้อสงสัยกับเธอแล้วเธอก็จะตอบคำถามนั้นสุดความสามารถเลยล่ะ

 

 

เห็นได้ชัดว่าตัวเธอนั้นโดนอิทธิพลทางการเมืองครอบคลุมตลอดมาตั้งแต่ที่กลายเป็นผู้สืบทอดตระกูล ผมเองก็ไม่ได้กังวลเรื่องนี้หรอก แต่ว่าเธอก็ไม่รู้ว่าวันไหน เมื่อไร ที่เธอจะต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลจริงๆ

 

 

นอกจากนี้หนึ่งในเป้าหมายของเธอคือการเข้าร่วมอัศวินเงินสีรุ้ง

 

 

การเป็นอัศวินที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีปแห่งนี้จะทำให้ได้รับภารกิจโดยอัศวินโดยตรงและไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจของทางตระกูลฟรานซิส

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เธออยากจะเรียนรู้ทุกอย่างให้มากที่สุด

 

 

「……เข้าใจล่ะถ้างั้นขอผมไปถามปาร์ตี้อื่นๆก่อนนะ ดังนั้นตามผมมา บางทีอาจจะขาดคนอยู่ก็ได้」

 

 

「อืม ขอบคุณนะคะ โนโซมุ」

 

 

ไอริสส่งยิ้มให้กับคำตอบของโนโซมุ

 

 

โนโซมุไม่อยากจะปฏิเสธคำขอจากใจจริงของเธอ

 

 

แต่โนโซมุก็ชอบเธอที่เป็นคนตรงไปตรงมาและตัดสินใจที่จะช่วยเธอ

 

 

◇◆◇

 

 

ทั้งสองคนมาถึงที่โรงย้อมหลังจากได้รับการต้อนรับจากคุณป้าแสนใจดีและชายวัยกลางคนซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของร้านตัดเสื้อ ที่เวิร์กช็อป แม่บ้านจากบ้านข้างเคียงเองก็ต่างมาช่วยกันทำงาน

 

 

จากผลลัพธ์แล้วคุณป้าเจ้าของร้านตัดเสื้อยินดีอย่างมากที่ไอริสจะมาช่วยงาน พอดีเธอกำลังต้องการคนและไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขออันแสนจริงใจของเธอได้

 

 

 

「ก่อนอื่นก็เอาหญ้าออกมาก่อนและบดมันให้ละเอียดตรงนี้」

 

งานของไอริสนั้นง่ายๆก็คือให้ฉีกหญ้าสีแดงให้เป็นส่วนๆที่กองเป็นภูเขาตรงนี้ ส่วนโนโซมุจะรับหน้าที่เป็นคนบดหญ้าให้ละเอียด

 

 

เหล่าแม่บ้านทั้งหลายต่างช่วยกันแยกหญ้าออกมาอย่างประณีต ไอริสเองก็เริ่มที่จะเรียนรู้ไปทีละน้อย

 

 

 

「มาอยู่ที่เมืองนี้หลายปีแล้วก็หมายความว่าเป็นลูกสาวที่มาเรียนที่สถาบันโซลมินาติสินะจ้ะ?」

 

「ค่ะ แม้ว่าฉันจะยังเด็กอยู่ แต่ว่าก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายเลยล่ะคะ」

 

「นั่นสิน้าาา! เอ๊ะแล้วเด็กคนนั้นก็หน้าตาคุ้นๆนะเรียนที่เดียวกันรึเปล่าเอ่ย……」

 

จากที่ไอริสกล่าวเช่นนั้น เธอก็มองโนโซมุที่อยู่ทางส่วนด้านหลังของเวิร์กช็อป

 

 

เขากำลังบดหญ้าสีแดงด้วยครกขนาดใหญ่และใช้สากยาวๆที่สามารถใช้คนเเดียวได้

 

 

บางทีมันคงไม่ใช่เรื่อง่ายเลยที่จะบดหญ้าจำนวนมาก โนโซมุพยายามอย่างมากในการจะบดหญ้าด้วยสาก

 

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุก็คงไม่หยุดมือแม้จะมีหญ้าจำนวนมากไหลลงไปในครกนั่น เขาใช้น้ำหนักของร่างกายให้เป็นประโยชน์ หญ้าที่ถูกส่งลงไปก็โดนบดเรื่อยๆและกลายเป็นน้ำสีแดงที่จะกลายเป็นสีย้อมที่จะนำไปสกัดต่อ

 

 

โนโซมุยังคงทำงานต่อไปแม้จะมีเหงื่อจำนวนมากไหลออกมา เมื่อมองไปทางเขาที่ทำงานอย่างจริงจัง ไอริสเองก็ตั้งใจทำงานตามโนโซมุ

 

 

เธอค่อยๆฉีกหญ้าที่ละเล็กละน้อย บางทีเพราะเธอเรียนรู้ได้เร็วก็เลยทำให้ความเร็วในการทำงานเพิ่มมากขึ้น

 

 

แม้ว่าจะช้ากว่าแม่บ้านที่อยู่รอบๆตัวเธอ แต่เธอก็สามารถทำงานด้วยความเร็วที่เหมาะสมได้ใน 10 นาที

 

 

 

「อืมมมม เรียนรู้ได้ไวดีนะจ้ะ หญ้าชนิดนี้น่ะมีส่วนที่แข็งอย่างมากดังนั้นมันเลยมีเคล็ดลับในการที่จะฉีกมันออกด้วยนะ」

 

คุณป้าที่ประทับใจในฝีมือของไอริสที่แสดงความสามารถทางการเรียนรู้ให้ได้เห็น

 

 

ไม่มีแม้แต่จะลังเลในการทำงานเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

「นอกจากนี้เธอเนี่ยน้าสวยเหลือเกิน ไม่เคยเห็นสาวสวยขนาดนี้มาก่อนเลยล่ะ ทำไมไม่ลองมาคบกับลูกชายของฉันหน่อยละจ้ะ?」

 

「พูดอะไรกันนะ ถ้าให้ไปแต่งกับลูกของเธอละก็มีหวังเธอคนนี้ไม่มีความสุขแน่ๆเลย!」

 

เหล่าแม่บ้านที่ประทับใจในตัวไอริสต่างเสนอลูกชายมาให้ไอริสทีละคนๆ

 

 

「ขอโทษนะคะ ฉันดีใจนะคะที่ทุกคนอยากจะแนะนำให้ฉันรู้จักกับลูกชายของทุกท่าน แต่ว่าฉันคงไม่ได้มาที่นี่บ่อยนักหรอกค่ะ พวกคุณเองก็เข้มแข็งมากขนาดนี้ ดิฉันว่าลูกชายของพวกคุณเองก็ต้องเข้มแข็งและหาภรรยาดีๆได้อย่างแน่นอนค่ะ」

 

อย่างไรก็ตามไอริสปฏิเสธอย่างชัดเจน

พูดได้เลยว่าเธอพูดชัดแจ่มแจ้งว่าจะไม่ขอพบหน้าลูกชายของเหล่าๆแม่บ้านในนี้สักคน

 

「อ่านั่นสินะจ้ะ ผู้หญิงดีๆแบบเธอคนนี้น่ะ คงหาผู้ชายที่ดีกว่าลูกชายฉันได้แน่นอนเลยล่ะ……」

 

「นั่นสินะว่าแต่เธอล่ะ?ถึงแม้การแต่งงานอาจจะดูเร็วเกินไป แต่ไม่มีผู้ชายที่สนใจบ้างเหรอจ้ะ?」

 

「ใช่ๆ! อยากจะรู้จังเลยน้าว่าหมายตาใครไว้อยู่น่ะ~!?จะช่วยบอกหน่อยได้ไหมเอ่ย」

 

เดิมทีก็ไม่ได้ซีเรียสแต่แม่บ้านทุกคนก็พากันถอนตัวหลังจากได้ยินคำปฏิเสธของไอริส

 

 

อย่างไรก็ตาม คราวนี้กลายเป็นหัวข้อรักๆใคร่ๆของไอริสไปเสียแล้ว

 

 

เป็นพวกชอบฟังข่าวซุบซิบนินทาสินะเนี่ย

 

 

ปกติชีวิตประจำวันของพวกเขาก็เป็นสิ่งที่แสนเบื่อหน่ายและสงบสุข นานๆทีจะมีน้ำตาลหวานอร่อยแบบนี้มาให้ลองชิมก็เป็นธรรมดา

 

「เอ่อ……แล้ว ว่าไงล่ะจ้ะ?」

 

อย่างไรก็ตามไอริสยังคงนิ่งเงียบ

ลังเลและทำหน้าโป๊กเกอรเฟคใส่เหล่าคุณป้าทั้งหลาย

 

「เข้าใจแล้ว! ผู้ชายที่อยู่ตรงนั้นละสินะ!ที่มาทำงานที่นี่ก็เพราะอยากจะมาเฝ้าดูเขาทำงานด้วยใช่ม้า!」

 

「นั่นสินะ! มั่นใจเลยล่ะ!」

 

ยังไงก็ตามคุณป้าคนหนึ่งก็ชี้ไปทางโนโซมุที่กำลังขยันทำงานและคุณป้าคนอื่นๆก็พากันมั่นใจกับคำสันนิฐานนั่น

อย่างไรก็ตาม ไอริสยังคงสงบนิ่ง

 

「ฉันเป็นหนี้บุญคุณเขาน่ะคะ แต่ว่าทางฝั่งเขาเองไม่ได้คิดอะไรกับทางฝั่งฉันเลย」

 

การโจมตีจากทุกทิศทางทำให้ไอริสทนไม่ไหวอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามไอริสเองก็เล่าเรื่องออกไปโดยแสดงใบหน้าที่เรียบเฉย

 

「……เฮ้ เจ้าหนุ่ม」

 

「ใส่หญ้าลงไปเร็วๆหน่อยสิครับ มาสเตอร์เดี๋ยวจะไม่ทันเอานะครับ」

 

ที่ปลายทางนั่นทั้งมาสเตอร์เจ้าของงานและโนโซมุต่างกำลังอยู่ในสภาพเดือดดาล

 

 

เมื่อโนโซมุส่งสายไปราวกับบอกว่า “ทำอะไรสักอย่างสิครับ” ทางฝั่งมาสเตอร์เองก็อยากจะบอกว่า “ข้าเองก็กลัวภรรเมียเหมือนกันนะเว้ย เพราะงั้นช่วยข้าด้วย”

 

 

เป็นผู้ชายที่น่าสงสารจริงๆ

 

 

แต่ก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน เหล่าป้าๆก็พูดถึงข่าวลือเรื่องสัตว์อสูรที่โผล่มาพร้อมมังกร

 

 

พวกเธอหันใบมีดมาทางนี้ครั้งหนึ่งราวกับจะบอกว่า “ผู้ชายที่ไม่ทำงานก็ไม่ควรมีเงินติดตัวหรอก เข้าใจไหม?” มันเป็นสมรภูมิรบอันดุเดือดเพื่อชิงค่าขนมในแต่ละวันเลยล่ะ

 

 

หากก้าวพลาดเพียงนิดเดียว เขาคนนี้ก็จะอดได้เงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไปหนึ่งวันเต็มๆเลย……。

 

 

โนโซมุที่กำลังบดหญ้าด้วยท่าทางสดใส กับมาสเตอร์ที่เก็บหญ้าภายในหม้ออย่างเร่งรีบ พวกเขาพยายามไม่สนเสียงรบกวนใดๆทั้งสิ้น พอหันไปมองทางนั้นก็ดูเหมือนจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาของทางฝั่งนั้นอยู่

 

 

โนโซมุก้มหน้าและนั่งบดหญ้าต่อไป โดยหวังว่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับตัวเขานะ

 

 

ในเมืองยามเที่ยงเช่นนี้ ผมคร่ำครวญยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในป่าอีกนะ

 

 

◇◆◇

 

 

หลังจากทำงานเสร็จแล้ว พวกโนโซมุที่ทำคำขอสำเร็จก็มาที่สวนสาธารณะใจกลางเมือง สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็ยื่นว่าทำคำขอเสร็จแล้ว

 

「ขอบคุณโนโซมุมากเลยนะได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างเลยละคะ」

 

「งั้นเหรอครับ……」

 

เรียนอะไรของเธอไปกันนะ……。ร่างของไอริสที่กำลังสนทนากับเหล่าป้าๆอย่างสนุกนานนั่นเรียกว่าเรียนรู้งั้นเหรอ

 

「ถึงอย่างงั้น ผมก็ได้แต่สงสัย ว่าควรจะดีใจไหมที่ได้รับอะไรแบบนี้มา?」

 

โนโซมุมองลงไปที่กระเป๋าใบใหญ่

 

 

ในมือของโนโซมุมีถุงหนังที่มีผ้าที่ย้อมสีแล้วเป็นผ้าส่วนที่ไม่ได้ใช้

 

「แล้วจะใช้ทำอะไรงั้นเหรอค่ะ?」

 

「อ่าก็อย่างเช่นใช้เย็บเสื้อผ้าที่ขาด หรือไม่ก็ใช้แทนเชือกอะไรประมาณนั้นครับ?แม้ว่าจะเอาไปขายที่ร้านเสื้อผ้ามือสองก็ได้ราคาประมาณหนึ่ง เอาไปใช้ได้หลายอย่างครับ」

 

อันที่จริงมันมีผ้าไม่ได้เยอะขนาดนั้น นอกจากใช้ซ่อมเสื้อที่ขาดแล้ว ก็เอาไปใช้เป็นเชือกที่ใช้ผูกกับเกราะเหล็กต่างๆได้เหมือนกัน

 

 

อันที่จริง เข็มก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับใช้ชีวิตในป่า เชือกและด้ายเองก็ใช้สำหรับมัดด้วยมีดสำหรับตรึงและขึงและเย็บ

 

 

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการสร้างเครื่องมือ และบางครั้งโนโซมุก็ใช้ด้ายสำหรับทำเขตป้องกัน

 

「งั้นเหรอคะ……โนโซมุคุงนี่รู้เยอะจังเลยนะคะ ทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองแถมยังเข้าป่าคนเดียวได้อีกด้วย」

 

「งั้นเหรอครับ? แต่ว่าผมไม่สามารถใช้เวทย์ได้เหมือนไอริสนะ……」

 

พูดตามตรงตอนนี้ไอริสประทับใจในตัวเขามากๆ

 

 

เพราะไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกันเลยเงียบกันชั่วขณะ

 

「……หืม!?」

 

「ว่าไงเหรอครับ?」

 

ทั้งสองเงียบแต่เป็นไอริสที่ทำลายความเงียบนั่น

 

 

เมื่อโนโซมุถามว่าเกิดอะไรขึ้น ไอริสก็ยื่นมืออกมา มือของเธอบวมแดงมากเลย

 

「คือว่า……มันคันมือแปลกๆอะคะ……」

 

「เหบวมมากเลยนะครับ……。บางทีคงโดนน้ำของหญ้านั่นตอนที่ฉีกหญ้าอยู่สินะครับ」

 

ตามคำกล่าวของโนโซมุน้ำของหญ้าใช้เป็นสีย้อมผ้าได้ แต่หากโดนเข้าไปตรงๆก็จะทำให้เป็นผื่นคันตามผิวหนัง ปล่อยสักพักไปเดี๋ยวก็หาย แต่ดูเหมือนว่าน้ำเหล่านั้นมันจะไม่ดีต่อสุขภาพผิวมากนัก

 

 

เหล่าป้าๆก็คุ้นเคยกันอยู่แล้วเลยไม่ค่อยโดนน้ำพวกนี้เท่าไร แต่ไอริสยังเป็นเด็กฝึกงานอยู่

 

「ถ้าจะให้หายเร็วน่าจะใช้สบู่ถูเอานะครับ แต่ว่าถ้าปล่อยไปสักพักเดี๋ยวก็หายได้เหมือนกัน ถ้าอยากให้หายไวๆก็ไปซื้อครีมมาทาตามร้านอุปกรณ์ได้ครับ……เอ่อ? เป็นอะไรไปเหรอครับ?」

 

ขณะที่อธิบายบางอย่างให้ไอริสฟัง มือของโนโซมุที่ถือถุงผ้าก็สัมผัสกับอะไรบางอย่าง

 

 

เมื่อโนโซมุหยิบของในถุงออกมา ก็มีขวดเล็กๆคล้ายสารวุ้นสีขาวขุ่นอยู่ภายใน

 

「……นี่มันขี้ผึ้งนี่น่า」

 

โนโซมุหยิบขี้ผึ้งออกมามันใช้สำหรับทามือไอริสพอดีเลย

 

 

คนที่ใส่ลงมาน่าจะเป็นป้าเจ้าของร้านตัดเสื้อ คงจะรู้ว่าไอริสน่าจะมือบวมเพราะน้ำของหญ้า เลยใส่มาไว้ในกระเป๋า ต้องขอบคุณจริงๆ

 

「ไอริส บางทีทาสิ่งนี้น่าจะช่วยลดอาการบวมได้นะครับ」

 

โนโซมุจ้องมองขี้ผึ้งในขวด แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างไอริสไม่ยอมรับไป

 

 

ขณะที่โนโซมุเอนหัวด้วยความสงสัย ไอริสก็ยื่นมือที่บวมแดงออกมา

 

「โนโซมุ คือว่ามันคันมาก ช่วยทาขี้ผึ้งนั่นให้หน่อยได้ไหมค่ะ?」

 

「……เอ๊ะ?」

 

อันที่จริงไอริสคันมือมากจนไม่สามารถหยิบจับอะไรได้เลย เธอเลยขอให้โนโซมุช่วยทาขี้ผึ้งให้ แต่โนโซมุก็ได้แต่สงสัย

 

 

หมายความว่าไงนะ? โนโซมุที่ได้ยินคำขอของไอริสขึ้นมาก็หน้าแดงแจ๋ทันทีเลย

 

 

โนโซมุคิดว่าคงไม่เป็นไรแต่ดูเหมือนไอริสเองก็เร่งเร้าให้เขารีบๆทำมันไวๆ

 

「……คือว่ามันคันมากเลยค่ะ โนโซมุ ขอร้องล่ะคะ ช่วยทาขี้ผึ้งให้ทีนะคะ」

 

「เข้าใจแล้วครับ……」

 

ในที่สุดโนโซมุก็เข้าใจสถานการณ์และจ้องไปที่มือของเธอที่ยื่นออกมา

 

 

ผิวของไอริสที่ขาวราวหิมะสดใส กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับกำลังลุกไหม้

 

 

เขาเปิดฝาขวดออกมาจากนั้นค่อยๆทาขี้ผึ้งลงบนมือของเธอ

 

「อร๊าาาาาาาาาาา!」

 

「เอ๊ะ! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?」

 

「อะอืม ไม่เป็นไรค่ะ แค่มันเย็นนิดหน่อยจนเผลอส่งเสียงแปลกๆไปซะได้」

 

โนโซมุทาขี้ผึ้งขณะที่ไอริสกำลังร้องเสียงหลงออกมา

 

 

สายตาของบริเวณโดยรอบต่างจับจ้องมาที่โนโซมุ ตอนนี้จากมุมมองทางภายนอกมองโนโซมุกำลังทำเรื่องแสนเร่าร้อนกับคู่รักอยู่

 

 

ใบหน้าของโนโซมุแดงแจ๋เมื่อสังเกตเห็นสถานการณ์ตรงหน้า เขาพยายามจะไม่กังวลและเน้นไปที่การทาขี้ผึ้งให้กับเธอ

 

 

ทว่าการที่มุ่งมั่นจ้องไปที่มือเธอ ก็จะสัมผัสมือที่แสนนุ่มนิ่มและขาวเนียนน่าสัมผัสเป็นอย่างมาก

 

 

มือที่นุ่มจนไม่คิดว่าจะเป็นมือของคนที่ฝึกดาบเลย อุณหภูมิที่ต่ำกว่าร่างกายของโนโซมุทำให้ผิวของเธอค่อนข้างจะเย็น ร่างกายของโนโซมุก็ร้อนขึ้นยิ่งไปอีก

 

 

ในทางกลับกันไอริสยังมีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ว่าจะโดนจ้องยังไงเธอก็ไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลงเพราะโดนฝึกนิสัยทางสังคมมาอย่างดี

 

 

หลังจากทาขึ้ผึ้งเสร็จแล้ว ไอริสก็หายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

 

โนโซมุหายใจหอบเหนื่อยอย่างรุนแรง

 

「เน่เน่ แม่ดูสิ สองคนนั้นดูสนิทกันจังเลย! เป็นคนรักกันสินะ!?」

 

「นั่นสิน้าาาา~。สงสัยจะเป็นคู่รักไฟแรงล่ะมั้งน้อ~」

 

เสียงของพ่อแม่และลูกๆที่ดูเหมือนจะมาที่สวนสาธารณะกำลังจ้องมองมาทางโนโซมุ

 

 

คนรักงั้นเหรอ……。

 

 

ใบหน้าของโนโซมุแดงขึ้นอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

 

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุก็นึกถึงเพื่อนที่ทรยศเขาและขโมยคนรักของเขาไป ทำให้แผลใจเก่าเปิดขึ้นมาชั่วขณะ

 

「ฟุฟุ คู่รักงั้นเหรอ……สาวน้อยคนนั้นน่ารักน่าชังมากเลยนะ」

 

「อืม………」

 

ไอริสพูดกับโนโซมุขณะที่โบกมมือให้กับพวกเขาเหล่านั้น

 

 

หลังจากสงบใจได้แล้ว เธอดูต่างจากปกติเล็กน้อย

 

 

โนโซมุที่พยายามจะตอบด้วยน้ำเสียงปกติ กลับตอบด้วยน้ำเสียงติดขัดเล็กน้อย

 

 

 

「โนโซมุ?」

 

「……ไปกันเถอะครับ」

 

ไอริสเรียกโนโซมุ โนโซมุรีบมุ่งหน้าไปที่กิลด์ราวกับจะบอกปัดคำพูดของเธอ

 

 

โนโซมุเริ่มเดิน ทำใบหน้าเคร่งเครียดราวกับจะปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอีกครั้ง

 

 

อย่างไรก็ตามคำพูดของไอริส รั้งตัวเขาเอาไว้

 

 

 

「โนโซมุ ขอบใจนะที่อยู่ด้วยกันตลอดทั้งวันเลย ถ้าไม่ว่าอะไรละก็ วันหลังมาเที่ยวและไปทำงานแบบนี้ด้วยกันอีกไหมคะ? ฉันอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับผู้คนอีกค่ะ」

 

คำที่รั้งตัวเขาไว้ก็คือคำขอบคุณของเธอและขอให้ไปด้วยกันอีก

 

 

คำขอเหล่านั้นเข้าในไปในใจของโนโซมุ ซึ่งมันทำให้จิตใจเขาเริ่มอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย หัวใจของโนโซมุกำลังเต้นช้าๆ พร้อมกับแผ่ความร้อนไปทั่วทั้งอก

 

「……ครับ ถ้าว่างๆไว้ไปด้วยกันอีกนะครับ」

 

เมื่อมองย้อนกลับไปก็พบกับไอริสที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม

 

 

ทันใดนั้นผมก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

◇◆◇

「……ถ้าว่างงั้นเหรอคะ」

 

ไอริสเดินกลับบ้านพร้อมกับครุ่นคิดกับคำพูดของโนโซมุ

 

「แต่วันนี้มันวิเศษมากเลยนะคะ เหมือนได้ฝึกเป็นแม่ศรีเรือนเลยล่ะ……」

 

ไอริสที่เป็นขุนนางผู้มีชื่อเสียงแห่งอาณาจักรฟอร์ซิน่า ทำให้เธอเป็นคนหัวอ่อนต่อโลกภายนอก ทำให้เธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับผู้คนทั่วไป

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เธอพยายามช่วยเขาทำงานอย่างหนัก โดยคิดว่าความจริงมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นเลย แต่วันนี้มันเหมือนเปิดโลกใหม่ๆในมุมมองของเธอ

 

 

บอกตรงๆว่าอยากลองหลากหลายงานมากกว่านี้ แต่คราวนี้ช่วยไม่ได้ และเนื่องจากก็สัญญากับเขาแล้ว ยังไงฉันก็มีโอกาสที่จะได้ช่วยงานเขาในอนาคตอีก

 

 

พอมองที่ฝ่ามือแล้ว

 

 

ขี้ผึ้งที่โนโซมุทาให้เริ่มออกผล ทำให้มือของฉันเริ่มหายบวม

 

 

ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในใจของฉันมันเป็นเช่นไร หัวใจมันเต้นรัวไปยอมหยุดกับคำถามของเหล่าแม่บ้านพวกนั้น และตอนที่เขาทาครีมให้ฉันใจฉันเต้นรัวผิดปกติ หน้าอกร้อนผ่าว ยังไงก็ตามความรู้สึกที่มีมันยิ่งกว่าตอนที่เดทครั้งแรกกับเขาเสียอีก

 

 

สิ่งนี้เห็นชัดเจนเลยตอนที่โนโซมุสัมผัสมือของฉัน

 

 

ภายนอกฉันอาจจะดูสงบแต่ในใจกลับว้าวุ่น

 

 

ด้วยมือที่ร้อนผ่าวจากอาการบวม

 

 

ในอกของเธอ เธอมีอารมณ์ที่สนใจในตัวโนโซมุมากมายนัก และในขณะเดียวกันก็สนใจเรื่องแฟนเก่าของเขา……。

 

 

ไอริสเดินไปตามถนนที่ตรงไปยังคฤหาสน์ของเธอ พร้อมกับสัมผัสหน้าอกของตัวเองที่มีความร้อนสุมอยู่ในอก

 

“อยากจะรู้จักเขามากกว่านี้”

 

ความรู้สึกเหล่านี้ต่างถูกสลักไว้ในใจของเธอ

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท