ตอนที่ 67 เดือดดาล
หลังจากเดินออกไปเพียงครู่เดียวอินเซ่าหยวนก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าลำบากใจ ขณะที่กินข้าวก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กู้ซีเฉียวเห็นท่าทีดังนั้นก็เก็บมือถือ “โอเคแล้ว ถงถงกินข้าวเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันส่งเธอกลับโรงพยาบาลเอง นายไปทำธุระของนายเถอะ”
“เดี๋ยวฉันส่งพวกเธอไปที่โรงพยาบาลก่อน” ต่อให้โดนตีตายอินเซ่าหยวนก็ไม่ยอมให้กู้ซีเฉียวเดินทางไปเพียงลำพัง หากเธอเป็นอะไรไปเพราะเขา เจียงซูเสวียนคงก็คงฆ่าเขาตายอยู่ดี
อินเซ่าหยวนพูดพลางเปิดประตูห้องกินข้าวแล้วให้กู้ซีเฉียวและถงถงออกไปก่อน เพียงกวาดสายตาไปข้างประตูก็เหลือบเห็นเงาคนแวบผ่านไป มุมปากพลันกระตุกอย่างช่วยไม่ได้ “เธอรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับมา ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
เมื่อพูดจบอินเซ่าหยวนก็ไม่ให้เวลากู้ซีเฉียวได้คิดแต่อย่างใด เขาปิดประตูทันที ส่วนตนเองเดินออกไปกระชากตัวคนที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องออกมา “แม่ แม่กำลังทำอะไรอยู่กันเนี่ย”
คุณนายอินอับอายอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเรียกความั่นใจกลับมา “ก็แม่ได้ยินมาว่าแกช่วยหาลูกสะใภ้มาให้แม่ แถมยังมีหลานตัวน้อยพ่วงมาด้วย แม่ก็เลยตามมาดู”
“บ้าแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะแม่ ใครมันปากมากไปบอกแม่กัน” อินเซ่าหยวนงงไปหมด ทั้งพูดอะไรไม่ออกและทำตัวไม่ถูก “อีกอย่างใครกันคือลูกสะใภ้ที่แม่พูดถึง คนนั้นเป็นน้องสาวผมต่างหาก เธอเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จเอง แม่นี่เลอะเทอะใหญ่แล้ว”
“ตายแล้ว…จริงหรือนี่” คุณนายอินตกใจตาถลน เธอรู้ดีว่าลูกชายตัวเองเป็นคนเจ้าชู้ เมื่อได้ยินคนพรรณนาถึงหญิงสาวก็ดีใจจนหน้ามืดตามัว รีบบึ่งมาดู หาได้คิดจะสืบหาความจริงไม่ แต่ยังไม่ทันไรก็โดนเจ้าลูกชายตัวดีดับฝันไปต่อหน้า ทำให้เธอเองอดผิดหวังไม่ได้ “ที่แกบอกว่าได้รู้จักน้องสาวคนหนึ่งเมื่อคราวก่อน คือคนนี้น่ะเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิครับ”
“เมื่อไหร่จะพามาที่บ้านล่ะ”
“ไม่นานหรอกครับ แต่แม่อย่าทำสีหน้าแบบนี้ ผมกับเธอไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ผมบอกแม่ไว้ก่อนเลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของคุณชายเจียง ผมไม่กล้าไปยุ่งด้วยหรอกนะ” อินเซ่าหยวนเห็นแม่ตัวเองกลอกตาไปมาก็รู้ทันทีว่าเธอเริ่มคิดอะไรไม่เข้าเรื่องอีกแล้วจึงรีบเอ่ยดักคอไว้ก่อน
ทันทีที่เอ่ยออกไป คุณนายอินก็ดูห่อเหี่ยวในทันที เธอรู้ขอบเขตดีต่อให้ต้องแลกกับทรัพย์สมบัติทุกอย่างของตระกูลอินเธอก็ไม่กล้าไปแตะคนของเจียงซูเสวียนแม้แต่ปลายผม
“งั้นแม่จะไปพบลูกสาวบุญธรรมคนนี้สักหน่อย” คุณนายอินพูดพลางเลิกคิ้วตาเป็นประกาย เธออยากมีลูกสาวสักคนมานานแล้ว
“อย่าเพิ่งเลยแม่ ตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่” อินเซ่าหยวนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ถ้าแม่ยังไม่กลับผมจะโทรฟ้องพ่อแล้วนะ ว่าเมื่อคืนแม่แอบมาเล่นเกมออนไลน์ห้องผมทั้งคืน”
“… ไอ้ลูกอกตัญญู!” คุณนายอินนิ่งอึ้งไป ก่อนจะยอมกลับไปอย่างเสียไม่ได้ “อย่าลืมหาเวลาพาเธอมาหาแม่นะ”
อินเซ่าหยวนถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะรีบกลับไปพากู้ซีเฉียวและถงถงไปส่ง
หลังจากส่งมู่จยาถงกลับไปที่โรงพยาบาลแล้ว กู้ซีเฉียวก็บอกให้อินเซ่าหยวนกลับไปก่อนเพราะเธออยากอยู่ดูมู่จยาถงอีกสักพัก อินเซ่าหยวนลังเลครู่หนึ่ง เขาไม่วางใจแต่ก็เถียงสู้กู้ซีเฉียวไม่ได้ เขาจึงกำชับเธอหลายครั้งแล้วค่อยขับรถกลับออกไป
กว่ากู้ซีเฉียวจะกลับออกมาจากโรงพยาบาลก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เธอเดินเลียบถนนตรงไป ทันใดนั้นระบบก็เตือนขึ้น [เฉียวเหม่ยเหริน ด้านหลังมีรถขับตามเธอมา]
“ฉันรู้” สัมผัสทั้งห้าของเธอแม่นยำขึ้นกว่าเดิมมาก เธอรู้ตัวก่อนที่ระบบจะเอ่ยเตือนเสียอีก
[เจ้าของรถคันนั้นไม่ได้ประสงค์ร้าย เฉียวเหม่ยเหรินอยากให้ฉันปิดกั้นตำแหน่งของเธอหรือไม่]
“ไม่ต้องหรอก” กู้ซีเฉียวหยุดเดิน หันหลังกลับไปยืนรอให้รถคันนั้นขับมาหาตน เธอมองรถคันสีดำด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ หลุบตาลง แววตาเฉยเมย
เธอรู้ว่าคนในรถคือใคร
รถคันนั้นค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาจอดข้างๆ เธอ เมื่อหน้าต่างรถปรับลงก็เผยให้เห็นใบหน้าของชายวัยกลางคนที่ดูร่ำรวยคนหนึ่ง คนผู้นั้นก็คือกู้จู่ฮุยผู้นำตระกูลกู้ในตอนนี้นั่นเอง
กู้ซีเฉียวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นมองไปที่เขา สีหน้าของเธอดูไม่ตกใจเลยสักนิด หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ขึ้นรถ
การที่คนตระกูลกู้มาตามหากู้ซีเฉียวล้วนแต่เป็นคำสั่งจากคุณปู่ ไม่รู้ว่าช่วงนี้ตระกูลอินเป็นอะไรถึงเที่ยวหาทางกดดันตระกูลกู้อยู่เรื่อย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีอีกสองตระกูลที่มาจากไหนไม่ทราบ จู่ๆ ก็มาคอยขัดแข้งขัดขาคนตระกูลกู้ พยายามกดดันจนพวกเขาสู่ทางตันจนไม่อาจหลบเลี่ยงได้แล้ว
ในเวลาเช่นนี้คุณปู่กู้จึงนึกถึงกู้ซีเฉียวขึ้นมา เขารู้ว่าเนื้อแท้กู้ซีเฉียวเป็นคนรักญาติมิตร อย่างไรเธอก็ต้องกลับมา เพราะรู้ว่าเธอสนิทชิดเชื้อกับคนตระกูลอินคนนั้น แต่หากไม่มีฐานะคุณหนูรองแห่งตระกูลกู้ แล้วเธอจะนับเป็นอะไรได้
ประเด็นนี้คุณปู่กู้ทึกทักว่าตัวเองมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง
กู้ซีเฉียวขึ้นมานั่งในรถ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงแต่หลุบตาลง ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วส่งข้อความบอกเจียงซูเสวียนว่าวันนี้เธอจะกลับค่ำหน่อย
รถค่อยๆ จอดที่นอกประตูรั้วบ้านตระกูลกู้ แสงที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างรถค่อยๆ พร่ามัว เธอยังจำครั้งแรกที่ได้ก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ในตอนนั้นเธอรู้สึกกระวนกระวาย ไม่สบายใจ รอคอยอย่างมีหวัง จนกระทั่งมาตอนนี้จิตใจของเธอมันตายไปหมดแล้ว
ละครเรื่องนี้ควรจะถึงตอนอวสานได้แล้ว
ด้วยความที่กู้จู่ฮุยระลึกถึงคำพูดของคุณปู่เอาไว้มั่น ตลอดทางจึงต้อนรับกู้ซีเฉียวด้วยรอยยิ้ม สนิทชิดเชื้อเสียเหลือเกิน คำพูดเป็นห่วงต่างๆ นานาพรั่งพรูออกมาราวกับของแจกฟรี
แต่ทว่า หญิงสาวที่สีหน้าเรียบเฉยมาตลอดจู่ๆ ก็เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตาสีดำสุกใสนั้นทำให้เขาไม่กล้าสบตาเธอตรงๆ ราวกับว่าเธอสามารถมองทะลุทุกอย่างในใจเขาได้ เขารู้สึกว่าลูกสาวคนนี้มีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม แต่ก็บอกชัดไม่ได้ว่าตรงไหนที่ต่างออกไป เขากลืนคำพูดที่กำลังจะเอ่ยลงไปแล้วหันไปมองทางอื่นด้วยความรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย
นอกจากการเผชิญหน้ากับคุณปู่ เขาก็ไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับใครเลย ความกลัว ใช่แล้ว เขารู้สึกหวาดกลัวบางอย่างในตัวลูกสาวที่เขาไม่เคยเอาใจใส่เลยคนนี้
เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลกู้แล้วคุณปู่กู้ก็ออกมาต้อนรับด้วยความเป็นมิตร แม้แต่ซูหว่านเอ๋อร์ก็ยังฝืนยิ้มต้อนรับ แม้ว่าในใจเธอจะโกรธเกลียดกู้ซีเฉียวเพียงใดแต่ก็พยายามสะกดเก็บเอาไว้ ในตอนนี้คุณปู่กู้ปฏิบัติต่อกู้ซีเฉียวเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่า เธอจึงไม่กล้าพูดอะไร คิดไปถึงลูกสาวของตนที่สติไม่สมประกอบ ใจของเธอก็แทบจะกระอักเลือดออกมา เธอแอบสาบานอยู่ในใจว่ารอให้กู้ซีเฉียวหมดประโยชน์เสียก่อนเธอจะทำทุกวิถีทางให้กู้ซีเฉียวได้ชดใช้ทบต้นทบดอก
“ไหนๆ ก็กลับมาบ้านแล้วก็อยู่ที่นี่เถอะ ไปอยู่ข้างนอกตลอดแบบนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย กลับมาอยู่ที่นี่จะได้ช่วยดูแลกัน” คุณปู่กู้แสดงออกว่าเรื่องในอดีตพวกเขาไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เธอก็ยังเป็นคุณหนูแห่งบ้านตระกูลกู้มีสิทธิ์สืบทอดตระกูลกู้ครึ่งหนึ่ง
ด้วยความผูกพันทางสายเลือดกับผลประโยชน์ เขาเชื่อว่ากู้ซีเฉียวจะต้องเชื่อฟังเขาเป็นแน่
กู้ซีเฉียวฟังเขาและคนอื่นๆ พูดทุกอย่างที่อยากพูดจบถึงได้เงยหน้าขึ้น ดวงตาสว่างใสของเธอไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ช่วงนี้เธอได้รับการบำรุงดูแลอย่างดี ได้ออกกำลังกายเต็มที่จนทำให้ระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือนเธอสูงขึ้นเล็กน้อย ดูผอมลง ผิวพรรณมีเลือดฝาด ดูขาวอมชมพูจนยากที่จะปกปิดความงามของเธอได้
“ยังจำได้ไหมว่าตอนนั้นหนูกลับมากับคุณปู่ได้ยังไง” กู้ซีเฉียวมองคุณปู่กู้ ดวงตากระจ่างใสค่อยๆ เปลี่ยนเป็นลึกล้ำ ตกลงสู่ห้วงความทรงจำ “คุณเดินทางมาตั้งไกลเพื่อมาหาหนู และบอกกับหนูว่าหนูไม่ใช่เด็กกำพร้า หนูมีญาติและญาติของหนูอยู่ที่เมืองเอ็น”
พูดถึงตรงนี้เธอก็หัวเราะไร้เสียง “คุณปู่บอกว่าจะพาหนูกลับไปเจอคนในครอบครัว หนูเคยเชื่อใจคุณปู่มากเพราะสำหรับเด็กที่เคยเข้าใจว่าตัวเองถูกเก็บมาเลี้ยง ไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริง คำว่า ‘คนในครอบครัว’ มันสำคัญกับหนูมากแค่ไหนคุณรู้หรือเปล่า หนูมองพวกคุณเป็นเหมือนผู้ช่วยชีวิตและหนูเองก็พยายามอย่างมากที่จะเข้ากับพวกคุณให้ได้”
“แต่หนูกลับถูกพ่อแท้ๆ ของตัวเองตราหน้าว่าเป็นตราบาปที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา ตั้งแต่วันแรกที่หนูเข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้ พวกคุณก็ใช้ท่าทีสูงส่งทั้งคำพูดและการกระทำมาบอกกับหนูว่าหนูมันคนละชนชั้นกับพวกคุณ หนูเป็นเพียงแค่ลูกนอกสมรสที่อยู่ในโคลนตม เป็นเพียงความอัปยศอดสูของตระกูลกู้!”
กู้ซีเฉียวยืนอยู่ตรงกลางของห้องโถง หลังของเธอเหยียดตรง ภายในแววตาดำมืดไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ
เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่คนอื่นๆ ในห้องโถงกลับรู้สึกราวกับโดนภูเขาลูกใหญ่กดทับร่างจนแทบจะหายใจไม่ออก
คุณปู่กู้มองกู้ซีเฉียว อยากจะขัดจังหวะเธอ แต่ในขณะนี้ต่อให้อ้าปากอยู่เขาก็พูดอะไรไม่ออก รู้สึกราวกับตัวเองถูกคนบังคับร่างกายอยู่ เมื่อมองหญิงสาวที่ยืนเมินเฉยอยู่ตรงข้ามเขา รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงอย่างฉับพลัน