ตอนที่ 68 จุดจบที่เลวร้าย
คุณปู่กู้จ้องมองเธอ เดิมทีเขาอยากเอ่ยถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลกู้เป็นฝีมือเธอหรือไม่ แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
แต่ละคำพูดของเธอบาดลึก แต่ละประโยคทิ่มแทงใจ จนกระทั่งคนที่ไร้หัวจิตหัวใจอย่างเขาก็ยังสะเทือนใจอย่างช่วยไม่ได้
“ตั้งแต่ที่หนูกลับมา ทุกคนก็เริ่มกีดกันหนู พวกคุณเริ่มหาทางชดเชยให้กับกู้ซีจิ่น แต่ว่านี่เป็นความผิดของหนูเหรอ ก่อนหน้าที่หนูจะมีพ่อมีแม่ หนูเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง เป็นคนน่าสงสารที่ถูกคนอื่นชี้หน้าด่าและไม่มีใครต้องการ…แต่พอมีพ่อมีแม่แล้ว หนูเป็นลูกนอกสมรสคนหนึ่ง เป็นเด็กเนรคุณอกตัญญูคิดไม่ซื่อ!”
เสียงของเธอเริ่มแหบแห้ง “คุณปู่คะ จริงๆ หนูซึ้งใจคุณปู่มาก หนูซึ้งใจที่คุณปู่ไปพาหนูออกมาจากที่แห่งนั้น หนูรู้สึกมาตลอดว่าคุณปู่เป็นเพียงคนเดียวที่พอจะมีความยุติธรรมหลงเหลืออยู่บ้าง จนกระทั่งกลับมาคราวนี้ หนูถึงรู้ว่าหนูเข้าใจผิดไป คุณปู่แค่มองเห็นถึงใจที่โหยหาอยากมีครอบครัวของหนู เลยเอาตัวหนูกลับมาหวังจะเก็งกำไร และยังสามารถผลักไสหนูออกไปอย่างไร้ความปรานีเมื่อถึงคราวจำเป็น”
“หนูมันโง่ ที่หวังว่าตัวเองจะได้รับการยอมรับจากพวกคุณ แต่ว่า…สำหรับลูกนอกสมรสที่ถูกทิ้งตั้งแต่เด็กอย่างหนู ไม่ว่าจะทำอะไรก็คงเปล่าประโยชน์ใช่ไหมคะ”
กู้ซีเฉียวรู้สึกว่าสายตาของเธอเริ่มพร่ามัว ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องเมื่อชาติก่อนขึ้นมา ตอนที่ต้องคอยรับใช้เป็นมือเท้าให้ตระกูลกู้ คอยช่วยเหลือทำงานอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่เด็กที่ถูกทอดทิ้ง เหตุผลง่ายๆ แค่นี้ เธอกลับต้องใช้ทั้งชีวิตกว่าจะตระหนักรู้ได้
“เอกสารพวกนี้พวกคุณดูแลให้ดีๆ ถือซะว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่หนูจะทำเพื่อตระกูลกู้นี้ก็แล้วกัน ตั้งแต่วันนี้ไปหนูไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลกู้อีก!”
เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะนำเอกสารปึกใหญ่วางลงบนโต๊ะ หันไปยิ้มน้อยๆ ให้คุณปู่กู้ แววตาสุกสว่างขึ้น “สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่พวกคุณต้องการ แต่ได้โปรดจำไว้ว่าบุญคุณในฐานะผู้ให้กำเนิด หนูได้ชดใช้ให้ไปหมดแล้ว! แต่นี้ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับหนูอีก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคืออย่าได้มาหาเรื่องหนูอีก ช่วยควบคุมกู้ซีจิ่นเอาไว้ให้ดีๆ จำเอาไว้”
ท่าทีของเธอดูเฉยเมยเหมือนตอนที่เดินเข้ามา แผ่นหลังเหยียดตรงเช่นเดียวกับความทระนงของเธอ วินาทีที่เธอเดินพ้นประตูออกไป สายฟ้าก็พลันฟาดผ่านท้องฟ้าเป็นทางยาว ภายใต้แสงนั้นดวงตาของเธอดำขลับชัดเจนแต่เยือกเย็น ประกายน้ำรวมตัวกันมากขึ้นทุกที เม็ดฝนเทกระหน่ำไหลร่วงลงไปพร้อมกับน้ำตาเม็ดโตของเธอ
หลังจากเสียงฟ้าครืนครั่นเคลื่อนผ่าน ข้างหูก็พลันระเบิดเสียงกัมปนาท บดบังท้องฟ้าและตะวันขับเน้นให้บรรยากาศดูน่าหวาดผวา ท้องฟ้ายามราตรีมืดดำประดับด้วยสายฟ้าราวกับกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
เงาของร่างบางกลืนไปกับท้องฟ้ายามค่ำคืน คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างประตูบ้านรู้สึกว่าหัวใจบีบรัดจนหายใจไม่ค่อยออก บางคนถือร่มอยู่ในมือ แต่กลับไม่มีใครกล้าจะส่งร่มไปให้กับหญิงสาว ไม่ใช่ว่าพวกเขาไร้น้ำใจ แต่เมื่อตระหนักได้ก็ทำได้เพียงทอดถอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
คุณปู่กู้ที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาค่อยๆ ได้สติกลับมา เขายื่นมือไปหยิบเอกสารปึกใหญ่ที่กู้ซีเฉียววางไว้มาเปิดดู เมื่ออ่านหน้าแรกจบ มือเหี่ยวแห้งก็สั่นเทาขึ้นมา หัวใจเต้นแรง ความเจ็บปวดและความเสียใจแผ่ซ่านไปทั่ว
กู้จู่ฮุยและซูหว่านเอ๋อร์เห็นเขาเอามือจับหน้าอกก็รีบเข้าไปประคอง
แต่คุณปู่กู้กลับสะบัดทั้งสองคนออกอย่างเย็นชา มือหนึ่งกุมหน้าอกตนเองไว้ อีกมือก็ถือปึกเอกสารพลางอ่านต่อ ยิ่งอ่านก็ยิ่งตกตะลึง เมื่ออ่านจนถึงหน้าสุดท้าย น้ำตาก็นองหน้าอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “ฉันโอ้อวดว่าตัวเองเป็นคนฉลาดมาตลอดชีวิต แต่ฉันกลับปล่อยให้คนที่เหมาะจะสืบทอดตระกูลกู้ที่สุดหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา เป็นเวรกรรม กรรมสนองแท้ๆ แค่กๆ!”
เขารู้สึกว่าหายใจลำบากมากขึ้นทุกที สุดท้ายก็หน้ามืดเป็นลมล้มลงบนโซฟา
“คุณพ่อ!”
“คุณพ่อ!”
กู้จู่ฮุยและซูหว่านเอ๋อร์ประคองเขาไว้ด้วยความลนลาน บรรดาคนรับใช้ต่างกรูกันเข้ามา คนที่โทรศัพท์ก็โทรศัพท์ไป คนที่เรียกรถก็เรียกรถไป กู้จู่ฮุยดึงเอกสารที่คุณปู่กู้กำไว้แน่นแม้จะเป็นลมออกมา พลิกดูทีละแผ่น จนกระทั่งหน้าสุดท้ายเขาก็ตกตะลึงตัวแข็งไปในทันที
ในเมื่อเป็นสิ่งที่กู้ซีเฉียวนำมาใช้แลกกับการตัดขาดกับตระกูลกู้ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะมันคือสิ่งที่ตระกูลกู้ต้องการมากที่สุดในตอนนี้ ซึ่งก็คือกรรมสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการฐาน!
สัญญาฉบับนี้ไม่เพียงแต่สามารถช่วยให้ตระกูลกู้พ้นจากสภาวะคับขันเช่นนี้ได้ แต่ภายในปึกเอกสารนี้ยังมีแผนกลยุทธ์การดำเนินงานที่จะช่วยทำให้ตระกูลกู้มีโอกาสกลับมาเฟื่องฟูรุ่งเรืองได้อีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าเอกสารเหล่านี้ไม่ได้มาจากตระกูลอินแน่นอน หากดูจากที่ตระกูลอินพยายามไล่บี้ตระกูลกู้ให้จนตรอก กู้จู่ฮุยไม่คิดว่าพวกเขาจะทำแผนกลยุทธ์นี้ให้ตระกูลกู้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า หากคนตระกูลอินมีความสามารถแบบนี้ ป่านนี้คงจะรวยเป็นอันดับหนึ่งแห่งเมืองเอ็นไปแล้ว ดังนั้นพอจะเดาได้ว่ากลยุทธ์เหล่านี้เป็นฝีมือของกู้ซีเฉียวแน่นอน
คิดถึงตรงนี้ มือของกู้จู่ฮุยก็เริ่มสั่นเทาเช่นกัน สุดท้ายแล้วเขาไล่ลูกสาวคนเก่งคนนี้ออกจากตระกูลไปได้อย่างไร
แต่เพิ่งมาเสียใจเอาตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ ที่แนบมากับเอกสารชุดนี้ ยังมีหลักฐานการติดสินบนที่มีทั้งหมดของตระกูลกู้หนึ่งชุด และหลักฐานที่กู้ซีจิ่นจ้างวานคนให้มาลักพาตัวกู้ซีเฉียว เอกสารทั้งหมดนี้เป็นการประกาศว่า ไม่ว่าทำอย่างไร พวกเขาก็ต้องยอมรับการจากไปของกู้ซีเฉียวเท่านั้น
“นังตัวซวยกลับบ้านมาก็ไม่เคยมีเรื่องดีๆ เลย พรุ่งนี้อาจิ่นก็จะเดินทางไปเมืองนอกแล้ว มันมาทำแบบนี้เหมือนจะเอาความอัปมงคลมาให้ชัดๆ”
เพียะ! กู้จู่ฮุยทนไม่ไหวจึงตบหน้าซูหว่านเอ๋อร์ไปฉาดหนึ่ง เพราะผู้หญิงตรงหน้าของเขาทั้งนั้น หล่อนนั่นแหละ ที่ทำลายโอกาสในการกลับตัวกลับใจทั้งหมดของเขา
“กู้จู่ฮุย คุณกล้า กล้า…” ซูหว่านเอ๋อร์เบิกตาโพลง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสามีที่เชื่อฟังเธอมาตลอดจะกล้าตบเธอ
“ไสหัวออกไป!” กู้จู่ฮุยเอ่ยปากไล่ด้วยแววตาเกลียดชัง จากนั้นก็เดินขึ้นข้างบนไปพร้อมคุณหมอ
ข้างล่าง ด้านซูหว่านเอ๋อร์หลังจากที่ได้สติกลับมาก็พาลทำลายข้าวของ บ้านกู้ไม่ได้สงบสุขเลยตลอดทั้งคืน
กู้ซีเฉียวเดินออกมาจากบ้านตระกูลกู้ทีละก้าวๆ ฝนดูท่าจะตกหนัก หยดน้ำที่กระทบลงบนใบหน้าของเธอในตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นหยาดน้ำฝนหรือหยาดน้ำตากันแน่ ภาพตรงหน้าของเธอรางเลือนไปหมด เธอเดินทีละก้าวๆ เหมือนในคืนที่เธอกลับมาเกิดใหม่ไม่มีผิด แต่ที่ต่างออกไปคือ คราวนี้เธอกำลังเดินออกไปจากที่นี่จริงๆ
ทันใดนั้นฝนที่โปรยปรายเหนือศีรษะก็หายไป กู้ซีเฉียวยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าตนเอง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้าของคนคนหนึ่งที่คุ้นเคย
ฟ้าแลบวูบวาบ เสียงฟ้าร้องครืน ฝนเทกระหน่ำลงมา เสื้อเชิ้ตสีขาวของชายคนนี้ยังคงสะอาดเหมือนเดิม ไม่เปียกปอนใดๆ คิ้วของเขาเรียวยาว สีหน้าเรียบเฉย ดวงตาดูลุ่มลึกราวกับสระน้ำเย็นแฝงความอ่อนโยนซึ่งพบเห็นได้ยาก เขายืนถือร่มอยู่ราวกับบนโลกใบนี้เหลือเพียงเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทางเป็นห่วงเป็นใยจากคนที่คุ้นเคย น้ำตาของกู้ซีเฉียวก็เหมือนสร้อยลูกปัดที่ขาดสะบั้น หลั่งไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
เธอไม่ใช่คนชอบร้องไห้ ตลอดชีวิตนี้เธอร้องไห้แทบจะนับครั้งได้ แต่คืนนี้เพราะแรงกระตุ้นรุนแรงทำให้ทำอย่างไรก็หยุดร้องไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ให้กับจิตใจต่ำต้อยโหยหาความรักจากครอบครัวหรือว่าร้องไห้ให้กับชีวิตในชาติก่อนที่แสนจะโง่บรมของเธอกันแน่
เจียงซูเสวียนรีบขับรถออกมาทันทีตอนที่เห็นข้อความของกู้ซีเฉียว ความสามารถในการฟังของเขาดีมาโดยตลอด เขาฟังเธอพูดไม่ขาดตกไปแม้แต่คำเดียว
มือที่ถือร่มของเขากระชับแน่น ด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ย่อมจินตนาการไม่ออกว่าในโลกใบนี้จะมีคนแบบกู้ซีเฉียวอยู่ สิ่งที่เขาได้มาง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสสำหรับกู้ซีเฉียวกลับไกลเกินจะเอื้อมคว้า เขาฟังเธอตั้งคำถามและเอ่ยความในใจทุกประโยค
สิ่งที่คนอื่นเห็นคือความทระนงของเธอ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือความน้อยเนื้อต่ำใจของเธอต่างหาก
เขาก้มหน้าลงมองขนตาที่สั่นระริกของเธอ บนขนตายังมีหยดน้ำตาที่ค้างอยู่ ขณะนี้ดวงตาใสกระจ่างเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา บดบังแสงสุกสกาวภายใน รอบดวงตาเธอบวมแดง หยาดน้ำฝนไหลร่วงมาตามเส้นผม ร่างกายเล็กๆ ของเธอสั่นเทาอย่างน่าสงสาร
เขาไพล่คิดไปถึงตอนที่ได้เจอเธอครั้งแรก ตอนนั้นที่เขาได้เห็นเธอแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าสุดท้ายแล้ว…เธอต้องพบกับจุดจบที่เลวร้าย