ตอนที่ 74 ภารกิจสุดท้าย
กู้ซีเฉียวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ยกแก้วเหล้าขึ้นมา “นี่คือผลจากความขยันขันแข็งของพวกเธอเอง เป็นสิ่งที่ทุกคนสมควรได้รับ”
แก้วใสทรงสูงที่สะท้อนสีสันสวยงามออกมา ใบหน้าอันงดงามของแต่ละคนปรากฎรอยยิ้มดีใจพร้อมเสียงเชียร์ดังกระหึ่มไปทั้งห้องจัดเลี้ยงที่เหมาเอาไว้
หลังจากที่กินกันเสร็จแล้วพนักงานเสิร์ฟก็เข้ามาเก็บโต๊ะออกไป เมื่อเปิดฉากกั้นคริสตัลขนาดใหญ่บริเวณกลางห้องออก ห้องจัดเลี้ยงที่เหมาไว้ก็พลันกลายเป็นห้องคาราโอเกะขนาดใหญ่ในพริบตา หัวหน้าห้องกวักมือเรียกเพื่อนๆ บ้างให้มาเล่นเกม บ้างร้องคาราโอเกะ บ้างจับเข่าคุยกันราวกับทุกคนได้ย้อนวันวานกลับไปยังช่วงท้ายๆ ของการเป็นนักเรียนวัยมัธยมปลายช่วงนั้น
กู้ซีเฉียวนั่งอยู่บนโซฟาเท้าศีรษะมองพวกเขาที่เล่นสนุกกัน เธอเองก็ ‘อายุอานามขนาดนี้’ แล้วจึงไม่ตื่นเต้นอะไรเหมือนพวกเด็กวัยรุ่น คนข้างๆ คิดเอาว่าเธอคงจะดื่มหนักเลยไม่ได้บังคับให้เธอไปเล่นสนุกกับพวกเขาด้วย
“ทำไมเธอมาหลบอยู่ที่นี่เล่า มามามา มาร้องเพลงกัน ฉันอยากจะฟังว่าสาวสวยกู้อย่างเธอร้องเพลงเป็นยังไง” หญิงสาวที่นั่งอยู่โต๊ะท้ายๆ เป็นพวกบ้าไมค์ เธอเห็นกู้ซีเฉียวนั่งนิ่งไม่ร่วมวงด้วยจึงรีบร้อนเปิดไมค์ตะโกนพูดออกมา
ทันทีที่ตะโกนออกมา สายตาของคนทั้งห้องต่างก็มารวมกันอยู่ตรงจุดนี้ เมื่อได้ยินว่ากู้ซีเฉียวจะร้องเพลงด้วยแล้วทุกคนต่างก็ทำสีหน้ารอคอย
กู้ซีเฉียวเงยหน้ามาเห็นทุกคนที่หยุดเล่นเกมก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไร เธอลุกขึ้นไปหยิบไมค์จากสาวน้อยคนที่อยู่โต๊ะท้ายห้องแล้วขึ้นไปเลือกเพลงมาหนึ่งเพลง
เสียงทำนองเพลงคุ้นหูดังขึ้น เพียงแค่ทำนองทุกคนก็ฟังออกว่าคือเพลงอะไร
กู้ซีเฉียวไม่ได้หันมองเนื้อเพลงเลยสักนิด เธอนั่งสบายๆ บนเก้าอี้ ก้มหน้าไม่สบตา ขนตางอนยาวของเธอบดบังดวงตาดำขลับคู่นั้นจนมิด เสียงใสๆ ค่อยๆ ดังขึ้นมา “หากคำสองคำนั้นไม่ได้ดังขึ้น ฉันคงไม่รู้ว่าฉันทุกข์ใจ …”
เสียงของเธอเหมือนดั่งหยดน้ำที่ไหลเอื่อย ยิ่งเธอพยายามกดเสียงให้ต่ำในตอนนี้ก็ยิ่งทำให้เสียงนั้นชัดเจนขึ้น จนทำให้คนฟังเคลิบเคลิ้มตาม
เดิมทีความหมายของเพลงๆ นี้ก็เศร้าอยู่แล้ว ประกอบกับความสามารถในการร้องเพลงของเธอไม่ธรรมดา บรรยากาศที่เดิมทีครึกครื้นจึงเปลี่ยนเป็นบรรยากาศเศร้าๆ แทน
กว่าสามปีที่ทุกคนกินนอนด้วยกัน แม้กระทั่งไปเข้าห้องน้ำก็ยังไปด้วยกัน
โดยเฉพาะช่วงเดือนสุดท้ายยิ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดและเป็นช่วงเวลาที่ยากจะลบเลือนที่สุด ในชีวิตของพวกเขา พวกเขาแบกเป้เข้าเรียนด้วยกัน วิ่งด้วยกัน ประท้วงคุณครูด้วยกัน ต่างคนต่างจับมือพยุงกัน วันเวลาเหล่านี้ต่อให้แก่จนเดินไม่ไหวพวกเขาก็จะไม่มีวันลืมเลือน
มีสาวน้อยบางคนอดไม่ได้ที่เริ่มขอบตาแดงก่ำ บางคนที่สนิทกันก็เข้าไปกอดกันไว้และให้สัญญากันว่าจะไปเรียนที่เมืองเดียวกันมหาวิทยาลัยเดียวกันให้ได้
“กู้ซีเฉียว เธอเจ๋งมาก ร้องทีทำเอาพวกเราทั้งห้องร้องไห้ไปด้วย” เซียวอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นกู้ซีเฉียววางไมค์ลง ยิ่งมองเห็นเพื่อนร่วมห้องรอบๆ เธอเองก็อดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้
กู้ซีเฉียวไม่คิดว่าจะเป็นกันถึงขนาดนี้ “… ฉันไม่ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้นะ เอ๋ แล้วครูประจำชั้นทำไมไม่มาล่ะ”
เซียวอวิ๋นเอาส้อมจิ้มแตงโมชิ้นหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างขี้เกียจ “พอพวกเราสอบเสร็จเขาก็ไปเมืองหลวงแล้ว แต่พรุ่งนี้ผลสอบออก เขาคงต้องกลับมาแน่ๆ”
พอทราบดังนี้ กู้ซีเฉียวก็ไม่ได้ถามเพิ่มอีก “ฉันไปห้องน้ำเดี๋ยวมานะ”
ห้องน้ำส่วนตัวในห้องที่เหมาไว้มีคนเข้าไปตั้งนานแต่ไม่ยอมออกมา ไม่แน่ว่าคนๆ นี้อาจจะท้องผูกเลยเข้าไปนานแล้ว กู้ซีเฉียวไม่อยากรอ เซียวอวิ๋นที่เพิ่งคุยกับหัวหน้าห้องเสร็จได้ยินดังนั้นเลยพยักหน้าเอ่ยบอกเธอ “ระวังตัวด้วย”
“อืม” กู้ซีเฉียวหยิบโทรศัพท์มือถือออกไปด้วย
ห้องน้ำอยู่ถัดออกไปไม่ไกล แค่เลี้ยวไปหัวมุมเดียวก็ถึงแล้ว ถ้าจะว่ากันจริงจังเธอในตอนนี้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แถมเธอในอายุตอนนี้เพิ่งจะเคยดื่มเหล้าเป็นครั้งแรก อีกทั้งร่างนี้ของเธอก็ไม่เหมือนเธอในชาติก่อนที่คลุกคลีอยู่ในวงเหล้า ทำให้ในตอนนี้แค่กินเหล้านิดเดียวกู้ซีเฉียวก็รู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาแล้ว
ไฟที่นี่ค่อนข้างมืดสลัว แต่ก็ยังสะท้อนใบหน้าขาวกระจ่างด้านข้างของเธอให้เห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้านี้หมดจดงดงามมาก แม้ทางเดินจะเงียบมากแต่เธอกลับค่อยๆ หยุดฝีเท้าลง ขมวดคิ้วหันไปมองห้องจัดเลี้ยงที่อยู่ทางด้านซ้าย ดวงตาสุกสว่างราวกับไฟฉาย
ตรงนั้น มีไอรังสีบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวอยู่
มีมือยื่นออกมาจากมุมหนึ่ง กู้ซีเฉียวดวงตาเบิกกว้าง จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่พุ่งจู่โจมหัวใจอย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกไร้พลังเมื่อต่อกรกับคนที่อยู่ตรงหน้า ตั้งแต่ที่ทักษะวิทยายุทธ์โบราณของเธอเลื่อนขั้นเธอก็สามารถจัดการกับทุกสิ่งภายในรัศมีสิบเมตรได้ แต่เธอกลับไม่แม้แต่จะตรวจพบกลิ่นอายของคนผู้นี้ได้เลย
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะ กู้ซีเฉียวที่กำลังตกใจสัมผัสได้ถึงไออุ่นร้อนแผ่วเบาจากทางด้านหลัง แผ่นหลังของเธอสัมผัสเข้ากับหน้าอกแข็งแรงกำยำ แม้ว่ากลิ่นอายประจำตัวของเขาจะไม่ปรากฏ แต่ความรู้สึกคุ้นเคยนี้ก็ทำให้เธอคาดเดาได้ในทันที “พี่เจียง!”
เธอแหงนศีรษะขึ้นสบตากับดวงตาสีเข้มที่ดำขลับเปล่งประกายคู่นั้น
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ท่าทีของเจียงซูเสวียนก็ค่อยๆ อ่อนลง ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย คิ้วคมดังดาบขมวดขึ้น แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ดูหล่อเท่ห์จนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร “นี่เธอดื่มเหล้าด้วยเหรอ”
“มางานรวมรุ่นน่ะ ฉันดื่มไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง” กู้ซีเฉียวพูดพลางเอามือลูบจมูก เธอเพิ่งล้างหน้ามาแท้ๆ ไม่รู้ว่าทำไมเขายังได้กลิ่นอีก
[มอบหมายภารกิจหมุนเวียนภาคบังคับ : ชำระล้างกลิ่นไอชั่วร้าย! โฮสต์ต้องติดตามเจียงซูเสวียนเข้าไปไปในห้องจัดเลี้ยงเพื่อทำภารกิจ เมื่อพบเป้าหมายของภารกิจแล้วให้ทำการชำระล้างกลิ่นไอความชั่วร้ายเหล่านั้น หากปฏิบัติภารกิจรอบที่หนึ่งสำเร็จจะได้รับ 200 คะแนนเป็นรางวัล หากปฏิบัติภารกิจครบถ้วนจะได้รับ 100,000 คะแนน! การลงโทษหากภารกิจล้มเหลว : กำจัด!]
ตัวอักษรสีแดงเลือดปรากฏขึ้นบนหน้าจอตรงหน้าของเธอ แต่ละตัวอักษรแต่ละประโยคราวกับจะฝังลึกลงไปในจิตใจ ทำให้พลังจิตของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสไปด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่ปรากฎภารกิจดังกล่าว ตัวอักษรสีเลือดสองตัวที่เขียนคำว่า “กำจัด” ทำเอาเธอหน้าซีดเผือด เธอร้องเรียกระบบในพื้นที่เสมือนจริง “ระบบ! นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
[เดี๋ยวนะ เฉียวเหม่ยเหรินอย่ารีบร้อนไป ให้ฉันตรวจสอบก่อน] สีหน้าของระบบแสดงจริงจังแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ ระบบนั่งขัดสมาธิตรวจสอบข้อมูลอย่างจริงจัง ระบบเองก็ไม่ได้รู้ไปหมดทุกเรื่อง เรื่องที่รู้ก็มาจากข้อมูลที่คนอื่นๆ ใส่เข้ามาในชิปความจำ ข้อมูลหลายร้อยล้านรายการย่อมต้องค่อยๆ ทำการประมวลผล
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” เจียงซูเสวียนเห็นสีหน้าของเธอไม่สู้ดีนักจึงรีบคว้ามือเธอมาถ่ายทอดพลังให้กับเธอทันที
อย่างไรเสียก็เป็นคนที่เคยตายมาแล้วรอบหนึ่ง กู้ซีเฉียวรีบปรับอารมณ์ของตนลงอย่างรวดเร็วพลางยื่นมือไปจับชายเสื้อของเจียงซูเสวียน ดวงตากลมใสค่อยๆ สงบลง ผิวขาวราวหิมะ หางคิ้วที่สวยงามของเธอตกลงยิ่งแสดงร่องรอยความอ่อนแอออกมา “ไม่เป็นไร พี่เจียง ฉันจะไปกับพี่”
“ก็ได้” ท่าทีของเธอเช่นนี้ทำเอาเจียงซูเสวียนทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธ อีกอย่างภารกิจของเขาเองก็ไม่ได้ดูอันตรายอะไร หลังจากที่ครุ่นคิดเล็กน้อยเขาจึงรับปากเธอ “เข้าไปแล้วก็ไม่ต้องพูดอะไร เดินตามฉันไว้ก็พอ”
เจียงซูเสวียนขยี้หัวเธอเบาๆ แล้วพาเธอเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงห้องหนึ่งที่ดูหรูหรา
เมื่อเดินไปถึงข้างประตูของห้องจัดเลี้ยงเขาก็ปล่อยมือเธอ กู้ซีเฉียวปรับสีหน้าเดินตามเขาจากทางด้านหลัง
คนในห้องจัดเลี้ยงมีอยู่ไม่เยอะ เทียบไม่ได้กับห้องจัดเลี้ยงสังสรรค์ของนักเรียนห้องนั้น เมื่อคนเหล่านั้นเห็นเจียงซูเสวียนก็พากันเข้ามาทักทายเขา คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพวกเศรษฐีใหม่ของเมืองเอ็นไม่ใช่พวกลูกหลานตระกูลดังอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเจียงซูเสวียน พวกเขาแค่เห็นว่าเจียงซูเสวียนเป็นคนใจป้ำเลยรีบทักทายเมื่อเห็นเขาเข้ามา
ชายหนุ่มใบหน้าอิ่มเอิบที่ถูกผู้คนรายล้อมคนนั้น ชื่อของเขาปรากฏขึ้นที่เหนือหัวของเจ้าตัว ‘หวังลี่ซิน’
สามตัวอักษรนี้ถูกระบบขึ้นเป็นตัวอักษรสีแดง กู้ซีเฉียวเห็นดังนั้นก็ล็อคเป้าหมายของภารกิจนี้ในทันที
[เฉียวเหม่ยเหริน ฉันตรวจพบแล้ว ภารกิจนี้เรียกอีกอย่างว่าภารกิจหมุนเวียนสุดท้าย ตอนที่เธอตายในตอนนั้น ระบบได้ทำการสแกนตัวเธอและพบว่าเธอมีคุณสมบัติที่เป็นไปตามที่ทางระบบต้องการ ดังนั้นระบบจึงใช้พลังมหาศาลในการช่วยเหลือให้เธอกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง] ระบบหยุดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ
[แต่เธอก็รู้ว่าแต่ละคนมีชะตากรรมที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ การที่เธอได้กลับมาเกิดใหม่ก็ถือเป็นการเข้าไปเปลี่ยนแปลงอดีตในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จเพื่อให้โลกใบนี้ดำเนินไปตามปกติที่ควรจะเป็น ภารกิจหมุนเวียนสุดท้ายนี้จึงเป็นสิ่งที่เธอต้องทำให้สำเร็จ ถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด และอันตรายที่สุดด้วย ขอเพียงเธอทำภารกิจนี้สำเร็จก็จะถือว่าเธอได้กลับมาเกิดใหม่อย่างแท้จริง จากนั้นเธอจะหลุดจากการควบคุมของระบบ ภารกิจนี้จะเป็นรอบหมุนเวียนไปเรื่อยๆ เมื่อไปถึงภารกิจท้ายๆ อันตรายจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ณ ตอนนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น]