ตอนที่ 77 ตระกูลอิน
เขาพาเธอขับรถบูกัตติออกไปบนเส้นทางที่เธอคุ้นเคย กู้ซีเฉียวแอบตกใจไม่น้อย ‘นี่คือทางไปวิลลาตระกูลกู้’ เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยมองไปที่เจียงซูเสวียน ท่าทีเวลาเขาขับรถดูจริงจังมาก ริมฝีปากของเขาเม้มแน่นใต้เงาจมูกที่สูงโด่ง ใบหน้าที่เย็นชาแต่หล่อเหลาของเขาไม่แสดงสีหน้าใดๆ และยิ่งทำให้เขาดูสูงส่งและน่าเกรงขาม
รถคันนี้มุ่งหน้าเข้าไปที่หมู่บ้านซานเหอจริง แต่ขับผ่านวิลลาเลขที่สิบหกไปและขับต่อเข้าไปด้านใน
หมู่บ้านซานเหอเป็นมรดกโบราณที่ตกทอดต่อกันมา เป็นที่อยู่อาศัยของบรรดาคนร่ำคนรวยและคนมีอำนาจแห่งเมืองเอ็น ที่แห่งนี้มีกฎที่ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นมาก่อน นั่นคือตระกูลไหนที่มีอิทธิพลกับเมืองเอ็นมากที่สุดก็จะมีวิลลาอยู่ด้านในสุด ในหมู่บ้านนี้มีวิลลาอยู่ทั้งหมดยี่สิบหลังดังนั้นตระกูลกู้แท้จริงแล้วก็เป็นแค่คนรวยชายขอบก็เท่านั้น
เจียงซูเสวียนขับรถเข้าไปด้านในและไม่มีท่าทีจะหยุดจอด วิลลาที่เขาขับผ่านยิ่งลึกก็ยิ่งดูอลังการและน่าเกรงขาม
ในที่สุดรถก็ได้มาจอด ณ วิลลาที่อยู่ลึกที่สุด เมื่อมาถึงก็เป็นเวลาพลบค่ำ ไฟในวิลลาต่างเปิดสว่างไสว ภายในเป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่อนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด งานคานแกะสลักลงสี อีกทั้งมังกรที่แกะสลักอยู่บนยอดหลังคาราวกับมีชีวิตทำทีราวกับจะพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในที่สุดกู้ซีเฉียวก็เข้าใจแล้วว่าอะไรคือความรุ่งโรจน์ อะไรคือคำว่ารวยจนเทียบกับประเทศๆ หนึ่งได้ ไม่เสียทีที่เป็นตระกูลที่มีมรดกมากที่สุดแห่งเมืองเอ็นไม่เสียทีที่เป็นตระกูลที่สามารถเข้าไปพัฒนาธุรกิจที่เมืองหลวงได้ หากเทียบตระกูลกู้กับตระกูลอินแล้ว ตระกูลกู้เทียบไม่ได้เป็นแม้แต่ปลายนิ้วก้อยของตระกูลอิน
“เข้าไปกัน” เมื่อเห็นกู้ซีเฉียวหยุดยืนอยู่ข้างประตู เจียงซูเสวียนก็เดินนำเธอขึ้นไป “นี่คือวิลลาของเซ่าหยวน เขาวางแผนที่จะพาเธอมาพบกับครอบครัวของเขาตั้งนานแล้ว วันนี้ถือว่าได้โอกาสเหมาะพอดี”
ด้านหลังประตูเป็นทางเดิน อินเซ่าหยวนนั่งอยู่ตรงที่นั่งบริเวณทางเดินกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือเพลินอยู่ รอจนเจียงซูเสวียนเรียกชื่อเขาถึงจะรู้สึกตัว
“มาช้าจัง” อินเซ่าหยวนพาคนทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน “เบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
ต้องเดินผ่านโถงทางเดินอีกสองโถงถึงจะไปถึงตึกหลักได้ สองข้างทางของแต่ละโถงทางเดินมีทหารยามเฝ้าอยู่สี่นาย กู้ซีเฉียวเห็นดังนั้นก็ตกใจ
“นั่งสิ แม่ผมได้ยินว่าเฉียวเฉียวจะมาเลยรีบไปซื้อข้าวของ แถมยังว่าผมที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า คิดว่าน่าจะใกล้กลับมาแล้ว” อินเซ่าหยวนหยิบนมขวดหนึ่งให้กู้ซีเฉียวแล้วหันไปถามเจียงซูเสวียน “ใช่แล้ว คุณปู่อยู่ที่ห้องหนังสือ ท่านมีเรื่องอยากคุยกับพี่ด้วย”
เจียงซูเสวียนเคารพในตัวคุณปู่อินไม่น้อย เขาไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แต่กำชับบางอย่างกับกู้ซีเฉียวแล้วเดินขึ้นด้านบนไป
เมื่อเขาลับสายตาไปแล้วอินเซ่าหยวนถึงได้เอ่ยกระซิบกระซาบกับกู้ซีเฉียว “เธออยู่บ้านฉันมีอะไรที่เขาต้องไม่วางใจด้วย เกินไปจริงๆ”
กู้ซีเฉียวชำเลืองมองเขา เม้มปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เพราะเจียงซูเสวียนไม่ได้บอกว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน ดังนั้นตอนแรกเธอจึงคิดว่าเขาจะพาเธอออกมาเที่ยวเล่น คิดไม่ถึงว่าเขาจะพาเธอมาที่วิลลาตระกูลอิน อินเซ่าหยวนรับเธอเป็นน้องสาว แต่การมาที่วิลลาตระกูลอินครั้งแรกของเธอ เธอกลับมามือเปล่าเสียนี่
เธอฝืนหัวเราะยื่นมือขาวออกมากดที่ขมับ นี่เธอดูเสียมารยาทเสียจริง
“เธอเป็นอะไรไป” อินเซ่าหยวนพูดเพลิน พอเห็นกู้ซีเฉียวไม่สนใจเขาจึงยื่นมือมาโบกไปมาที่ตรงหน้าของเธอจนกู้ซีเฉียวต้องตีมือเขา
“พี่ชาย!” ทั้งสองกำลังตั้งท่าจะสู้กัน จู่ๆ ก็มีเสียงแหลมดังขึ้นจนกู้ซีเฉียวต้องหันไปหาที่มาของเสียง
เธอเห็นเพียงเด็กผู้หญิงอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดคนหนึ่งยืนอยู่ที่ข้างประตู ดวงตาของเธอมองผ่านกู้ซีเฉียวไป จากนั้นก็ยิ้มสดใสใหักับอินเซ่าหยวน “พี่ชาย วันนี้มีแขกเหรอ”
“อืม” อินเซ่าหยวนไม่ได้มองคนๆ นั้นตรงๆ และตอบอย่างขอไปที เมื่อเห็นกู้ซีเฉียวสงสัยเขาเลยก้มลงไปกระซิบข้างหูเธอว่า “ที่จริงฉันไม่รู้จักเด็กคนนี้หรอก เป็นญาติที่ห่างมากๆๆๆ ไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน”
อินเฟยเฟยเห็นว่าอินเซ่าหยวนไม่มีท่าทีสนใจเธอแต่ดันพูดกับหญิงแปลกหน้าอีกคน เธอเลยอดไม่ได้ที่จะหันไปมองกู้ซีเฉียว
ในภาพจำของอินเฟยเฟย แม้อินเซ่าหยวนจะเป็นคนเหลวไหลแต่ก็ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้าน เพราะทุกคนรู้ดีว่าเขาแค่เล่นสนุกไม่ได้จริงจังกับผู้หญิงเหล่านั้น แต่คราวนี้เขากลับพาหญิงผู้นี้มาเปิดตัวงั้นหรือ
นี่มันเหลวไหลเกินไปแล้วนะ แม้แต่เธอก็มีโอกาสเหยียบมาบ้านตระกูลอินแบบนับครั้งได้
อินเฟยเฟย ลอบขมวดคิ้วน้อยๆ เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่ญาติสายตรงของตระกูลนี้ดังนั้นจึงได้แต่พยายามเอาใจคุณนายอิน จนนานวันเข้าก็ทำให้คนตระกูลอินพากันเอ็นดูเธอ ยกเว้นอินเซ่าหยวน
อินเซ่าหยวนเป็นคนที่เอาใจยาก ในสายตาของเขา นอกจากคนรักแล้วก็ไม่มีใครอื่นที่เขาจะสนใจ ต่อให้อินเฟยเฟยใช้ความพยายามทั้งหมดของเธอก็ไม่สามารถทำให้อินเซ่าหยวนหันมาสนใจเธอได้ เธอจึงไร้ปัญญาจะผูกมิตรกับเขาได้แต่พยายามขอคะแนนจากคุณนายอินเสียเป็นส่วนใหญ่
“ตอนที่ฉันไปเดินช้อปที่ห้างสรรพสินค้าบังเอิญเจอคุณป้าเข้า คุณป้าเลยพาฉันกลับมาด้วย คุณป้ากำลังคุยกับคุณพ่อบ้านอยู่ด้านนอก ดูท่าใกล้จะเข้ามาแล้ว พี่ชายคิดว่า ….” อินเฟยเฟยเหลือบมองกู้ซีเฉียวแบบไม่ให้เธอรู้ตัว
เธอต้องการพูดเตือนอินเซ่าหยวนว่าคุณนายอินก็คงทนเห็นเขาพาสาวๆ มาที่บ้านแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเล่นสนุกกันข้างนอกก็ยังพอทำเนา แต่นี่พากลับมาถึงบ้านตระกูลอินทำให้บ้านแปดเปื้อนเปล่าๆ
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเตือนอินเซ่าหยวนให้เขารีบพาผู้หญิงคนนี้ออกไป เธอรู้สึกว่าต่อให้ครั้งนี้อินเซ่าหยวนไม่รับในน้ำใจนี้ แต่ก็คงจะเกิดความประทับใจในตัวเธออยู่บ้าง
แต่ที่ไหนได้เธอกลับเห็นอินเซ่าหยวนมองเธอด้วยท่าทีเย็นชา อินเฟยเฟยรู้สึกว่าแค่สายตานี้ของเขาก็แทงทะลุหัวใจเธอทำให้เธอทั้งโกรธทั้งอาย
ถึงตอนนั้นหากโดนคุณป้าตำหนิก็อย่าหาว่าเธอไม่เตือนก็แล้วกัน
อินเฟยเฟยเหลือบหลุบตาลงซ่อนสายตาไม่ประสงค์ดีของตนเอาไว้
“ของพวกนี้ยกเข้ามาเบาๆ นะ” เสียงด้านนอกประตูค่อยๆ ดังเข้ามา อินเฟยเฟยเอ่ยปากเรียก “คุณป้า” จากนั้นเดินตามออกไปแล้วหันกลับมาเหลือบมองกู้ซีเฉียวด้วยสายตาเย็นชา
“นี่มันอะไรกัน!” เมื่อเห็นอินเฟยเฟยมีท่าทีเช่นนั้น อินเซ่าหยวนก็ขว้างถ้วยในมือลงบนพื้น ดวงตาดอกท้อคู่นั้นหรี่ลงแฝงด้วยความโหดร้าย
อินเฟยเฟยคนนี้มีท่าทีแปลกๆ ตั้งแต่มาถึง เธอไม่เพียงไม่ทักทายกู้ซีเฉียวแต่ยังหันกลับทำทีหยามเกียรติเธอเสียอีก เธอคงคิดว่าที่นี่เป็นบ้านเธอไปแล้วกระมัง
เมื่อคิดได้ดังนี้อินเซ่าหยวนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่กู้ซีเฉียว หวังว่าเธอจะไม่เก็บเอาคำพูดของอินเฟยเฟยมาใส่ใจ
กู้ซีเฉียวลุกขึ้นด้วยท่าทีประหม่า ถามเขาเสียงเบา “อ้าว แม่นายกลับมาแล้วเหรอ”
เธอไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของอินเฟยเฟยเลยสักนิด หากแต่กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ควรจะกังวลด้วยซ้ำ
“ใจเธอนี่มันได้จริงๆ นะ” อินเซ่าหยวนพูดพึมพำ
“นายพูดว่าอะไรนะ” กู้ซีเฉียวได้ยินไม่ถนัด เธอรู้สึกอึดอัดเล็กๆ พลางมองออกไปที่ประตู พูดตามตรงเธอรู้สึกประหม่าเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคนภายนอกต่างเข้าใจว่าเป็นเธอที่บีบคั้นให้พี่สาวตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้นซึ่งชื่อเสียงก็ได้ดีอะไรนัก
“ฉันบอกว่าเธอไม่ต้องตื่นเต้นไป ถือว่าเขาเป็นแม่บุญธรรมของเธอ วางใจเถอะ เขาคงไม่กินเธอหรอกน่า” อินเซ่าหยวนข่มความโกรธลง นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ซีเฉียวมาที่นี่ เขาไม่ควรจะไปให้ค่าโกรธเคืองคนที่ไม่สำคัญแบบอินเฟยเฟย เขาลุกยืนขึ้นมองไปด้านนอกประตู ท่าทีสงสัยว่าแม่ของเขาซื้ออะไรมาบ้าง เหตุใดถึงโหวกเหวกเสียงดังเช่นนั้น
หญิงที่เดินเข้ามามีท่าทีสุภาพสง่างาม ไม่มีร่องรอยความชราแฝงอยู่บนใบหน้าเลยสักนิด หญิงคนนี้มีดวงตาสุกใสดั่งหยดน้ำ เปล่งประกายระยิบระยับ
กู้ซีเฉียวถูกเธอดึงตัวเข้ามากอดก็ผงะไป เดี๋ยวนะ ความสัมพันธ์พัฒนาไปเร็วเช่นนี้ดูจะแปลกไปหน่อยไหม
“ใช่เฉียวเฉียวใช่ไหม ในที่สุดไอ้เด็กไม่เอาไหนก็พาเธอมาบ้านจนได้ ดูสิหน้าตาจิ้มลิ้มสวยงามเสียจริง” ถังเยี่ยนหลิงคลายกอดเธอ ดวงตางามราวดอกท้อเหมือนดวงตาของอินเซ่าหยวนมองไปที่กู้ซีเฉียวหัวจรดเท้า
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคิ้วงามละเอียด่อน ดวงตาสีเข้มดุจคลื่น ริมฝีปากสีอ่อนราวสีกลีบดอกท้อ ผมสลวยดำขลับราวหมึก ใบหน้าที่เรียบเนียนสว่างใสราวหยก ท่าทีที่ดูเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน