ตอนที่ 78 เอาความมั่นใจมาจากไหน
นี่คือลูกสาวในอุดมคติของเธอแท้ๆ เลย ถังเยี่ยนหลิงยิ่งมองยิ่งชอบเด็กสาวคนนี้ เมื่อเหลือบมองไปเห็นร่างผอมบางของเธอคิ้วเรียวก็ขมวดขึ้น “แต่ว่าหนูผอมเกินไป ต้องบำรุงมากๆ หน่อย”
อีกทั้งยังไม่ลืมหันไปกำชับ “ลุงเฉิน ช่วยเอาของที่ฉันซื้อมาไปไว้ที่ห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของห้องเซ่าหยวนที”
ถังเยี่ยนหลิงเริ่มตกแต่งห้องสำหรับกู้ซีเฉียวตั้งแต่หลายวันก่อน แม้ว่าอินเซ่าหยวนจะไม่ได้พาเธอเข้าบ้านในฐานะลูกสะใภ้ แต่การรับเธอมาเป็นลูกสาวก็ทำให้เธอพอใจเป็นอย่างมาก
ลูกชายของตัวเองที่วันๆ ทำตัวไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่กลับจัดการเรื่องนี้ได้ไม่เลวเลย
ไม่รู้ว่าคิดอะไร จู่ๆ เธอก็แอบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกด ‘แชะ’ ไปที่กู้ซีเฉียวที่ยังยืนงงอยู่
[ติ๊ง! ระบบตรวจพบว่าความรู้สึกดีที่ถังเยี่ยนหลิงมีต่อโฮสต์มีค่าสูงถึง 60 จะเพิ่มเธอเข้าไปอยู่ในหมวดหมู่มิตรหรือไม่]
ลมหายใจอุ่นๆ ยังคงหลงเหลืออยู่บนกายเธอพร้อมกับกลิ่นหอมจางๆ จากร่างกายของถังเยี่ยนหลิง กู้ซีเฉียวตอบรับระบบทันที คำถามคือเพิ่งเจอกันครั้งแรกความรู้สึกดีที่มีให้ก็สูงขนาดนี้เลยหรือ
เธอลูบกำไลข้อมือที่ถังเยี่ยนหลิงเพิ่งสวมให้เธอเมื่อครู่ รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ทันทีที่เธอซึ่งฝึกฝนวิทยายุทธ์โบราณจนไปถึงขั้นเกลากระดูกได้สวมกำไลนี้ก็สัมผัสได้ถึงพลังจากกำไลที่ไหลเวียนในร่างกาย พลังจากกำไลนี้ไหลเวียนและเสริมพลังลมปราณตัวเธอในทันทีที่สวม ถือเป็นของมีค่าหายากชิ้นหนึ่ง
แต่ต่อให้เป็นของรับขวัญ ของขวัญชิ้นนี้จะล้ำค่าเกินไปหน่อยไหมนะ
“คุณป้า” ในที่สุดอินเฟยเฟยก็หาโอกาสพูดแทรกได้ เธอสะกดกลั้นความตกใจและความกระอักกระอ่วนของตัวเองเอาไว้แล้วเข้าไปจับมือกู้ซีเฉียวด้วยความเป็นมิตร “คุณหนูคนสวยคนนี้ดูเหมือนหนูจะไม่เคยเจอมาก่อนเลยค่ะ”
เธอมองออกว่าถังเยี่ยนหลิงมีท่าทีเช่นไรต่อกู้ซีเฉียว เธอรู้ทันทีว่าตนทำผิดไปจึงรีบเปลี่ยนท่าทีตามถังเยี่ยนหลิง
“คนนี้คือลูกสาวบุญธรรมของป้า พวกเธอสองคนอายุเท่ากัน เฟยเฟย หนูต้องดูแลกันและกันให้ดีนะจ้ะ” ถังเยี่ยนหลิงยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยน
เธอกลัวว่ากู้ซีเฉียวจะอึดอัดที่มาบ้านนี้เป็นครั้งแรกจึงตั้งใจหาเด็กสาวที่อายุไล่เลี่ยกันมาอยู่เป็นเพื่อน
รับเป็นลูกสาวเหรอ อินเฟยเฟยอิจฉาตาร้อน อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอด เธอใช้เวลาสิบกว่าปีกว่าจะได้รับความโปรดปรานเพียงน้อยนิดจากถังเยี่ยนหลิง แต่จู่ๆ กลับมีใครที่ไหนไม่รู้ได้เข้ามาอยู่ในรังหงส์ มาเป็นลูกสาวบุญธรรมของถังเยี่ยนหลิง มาเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลอินเสียนี่
‘กู้ซีเฉียว’ เธอจำชื่อนี้ได้ดี ก็แค่ลูกนอกสมรสคนนั้นของตระกูลกู้มิใช่หรือ
ดูท่าจะมีความสามารถไม่เบา ถูกทอดทิ้งหลายปีแต่ก็ได้กลับมาอยู่ที่ตระกูลกู้ จนทำให้ลูกสาวคนโตตระกูลกู้ต้องตกระกำลำบาก มาตอนนี้กลับมักใหญ่ใฝ่สูงอยากมาอยู่ตระกูลอิน
เธอจ้องมองใบหน้างามและผิวที่ขาวราวกับหยกของกู้ซีเฉียว อีกทั้งสายตาอ่อนโยนที่อินเซ่าหยวนเธอ ทันใดนั้นเธอก็คาดเดาว่าไม่แน่ใจว่าอินเซ่าหยวนอาจจะเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังก็ได้
อินเฟยเฟยแสร้งมองไปที่กู้ซีเฉียวด้วยสายตาอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความปรารถนาดี หากแต่ในใจเอาแต่คิดว่า ‘รอก่อนเถอะ รอให้อินเซ่าหยวนเบื่อเธอขึ้นมาเมื่อไหร่ คงมีเรื่องสนุกให้ดูแน่’
เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็ยิ่งแสร้งยิ้มอย่างเป็นมิตรออกมา
ในแวดวงระดับสูงของเมืองเอ็น คนทั้งหลายต่างรู้จักกู้ซีเฉียวเพียงผิวเผินเท่านั้น แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ขี้เกียจจะเสียเวลาไปอยากรู้อยากเห็นกับเรื่องของเด็กโดนทิ้งแค่คนเดียว ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่มีใครเข้าใจตัวตนของเธอจริงๆ มีแต่ให้นิยามเธอว่าเป็นลูกนอกสมรส งูพิษ พวกเนรคุณคนก็เท่านั้น
กู้ซีเฉียวไม่ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด แต่ที่ทำให้เธอปวดหัวก็คือเมื่ออินจี้เหนียนกลับมา เขาไม่ได้กลับมาธรรมดา แต่ยังมอบของขวัญราคาแพงที่เลือกมาให้เธอเป็นพิเศษอีกต่างหาก
อินเฟยเฟยจ้องมองที่ถุงนั้นตาไม่กะพริบ สองตานั้นจับจ้องมองราวกับจะเจาะรูเพื่อเข้าไปดูให้เห็นว่าเป็นของขวัญอะไรเสียให้ได้ เธอจำแบรนด์นั้นได้ดี เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกและทุกปีจะผลิตแต่พวกเครื่องประดับรุ่นพิเศษที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
แม่ของเธอเคยโชคดีได้สร้อยคอมาเส้นหนึ่งและเก็บรักษามันราวกับลูกรัก ไม่ยอมให้ใครแตะต้องเลย
นี่เพิ่งจะเคยมาเหยียบวิลลาตระกูลอินเป็นครั้งแรก แม้แต่อินจี้เหนียนก็ถึงกับเตรียมของขวัญต้อนรับล้ำค่าขนาดนี้ให้เลยหรือ
กู้ซีเฉียวคนนี้มีอะไรดีเพียงนั้นกัน
เธอคอยติดตามถังเยี่ยนหลิงมาสิบกว่าปีแล้ว ทุกปีจะมีของขวัญมากมายส่งมาที่บ้านตระกูลอินนี้ ต่อให้เป็นหมาก็คงจะถูกเลี้ยงจนเชื่องไปแล้ว แต่เธอเคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้เสียที่ไหน ตระกูลอินนอกจากถังเยี่ยนหลิงแล้วคนอื่นๆ ก็ไม่เคยเห็นหัวเธอเลยด้วยซ้ำ
เหล่าเพื่อนสนิทของเธอที่คบอยู่ก็พากันอิจฉาที่เธอได้รับการปฏิบัติจากถังเยี่ยนหลิงต่างไปจากคนอื่นๆ การมีความสัมพันธ์พิเศษเช่นนี้ แม้กระทั่งลูกสาวของนายกเทศมนตรีเมืองนี้ยังต้องอ่อนน้อมกับเธอ เดิมทีเธอก็นึกภูมิใจกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อยู่บ้าง แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้ากู้ซีเฉียวแล้วเธอนับเป็นอะไรได้?
อินเฟยเฟยหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง วันนี้กว่าจะมาที่วิลลาตระกูลอินได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอไม่ควรเสียงานใหญ่เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
“คุณลุง คุณป้า” จู่ๆ เสียงดังชัดก็ดังออกมาจากด้านข้างบันได
อินเฟยเฟยมองไปทางเจ้าของเสียงนั้น ชั่วขณะเธอก็แทบจะหยุดหายใจ ผู้ชายที่อยู่ตรงบันไดชั้นบนกำลังประคองคุณปู่เดินลงมา เขามีท่าทีสง่างามในทุกท่วงท่า ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแม้จะดูไร้ความรู้สึกใดๆ หากแต่คิ้วคมเข้มและดวงตากลับดูอ่อนโยน ดวงตาทั้งคู่ดำขลับราวกับน้ำทะเลให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกออกมาจากร่างหนา
เธอถึงกับตกตะลึงไป
จนเมื่อเธอค่อยๆ มาหย่อนก้นนั่งลงที่โต๊ะกินข้าวสติของเธอถึงจะดึงกลับมา
เจียงซูเสวียนเหลือบมองอินเฟยเฟยแล้วลอบขมวดคิ้ว หากแต่เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือไปคีบกระดูกหมูชิ้นหนึ่งให้กับกู้ซีเฉียว
อินกั๋วฝูที่นั่งอยู่ที่นั่งตำแหน่งประธานมองตามอย่างเข้าใจ เขายิ้มอย่างมีเมตตา แม้แต่รอยย่นบนหน้าผากก็ดูผ่อนคลายลงมาก “ได้ยินว่าผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกมาแล้ว หนูเตรียมสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยไหนล่ะ”
กู้ซีเฉียววางตะเกียบลง หันไปมองทางอินกั๋วฝู ก่อนจะตอบอย่างนอบน้อม “หนูเตรียมจะไปสอบที่เมืองหลวงค่ะ แต่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยไหน หนูยังไม่แน่ใจเลย”
มุมปากของเจียงซูเสวียนยกขึ้นเล็กน้อย
“ที่แท้คุณหนูกู้ก็อยู่มอหกเหมือนกันเหรอคะ” อินเฟยเฟยเอ่ยโพล่งออกมา เธอยิ้มหวานให้แต่ในใจกลับไม่ได้สงบนิ่งเช่นนั้น
เธอแตกต่างจากกู้ซีเฉียว เธอรู้ดีว่ากฎของตระกูลอินนั้นเข้มงวดขนาดไหน หลายปีมานี่เธอได้พบกับอินกั๋วฝูแทบจะนับครั้งได้ และเธอก็ไม่เคยเห็นด้านที่ดูใจดีเช่นนี้ของอินอั๋วฝูมาก่อน และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากที่สุดก็คือท่าทีที่อินกั๋วฝูมีต่อเจียงซูเสวียน ดูแล้วไม่เหมือนกับการเอ็นดูลูกหลานทั่วไป แต่มีความนับถือเล็กๆ แฝงอยู่ด้วย
การที่อินกั๋วฝูแสดงออกถึงความนับถือชายหนุ่มเช่นนี้ ทำให้อินเฟยเฟยไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าสถานะของผู้ชายคนนี้จะสูงส่งขนาดไหน
ทันใดนั้นถังเยี่ยนหลิงนึกอะไรได้บางอย่าง “ฉันเกือบลืมไปเลย เฟยเฟยก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้เหมือนกัน แต่ไหนแต่ไรมาคะแนนของเธอก็ไม่แย่ หนูเช็กผลหรือยังล่ะ”
“เช็กแล้วเมื่อเช้าวันนี้ค่ะ” อินเฟยเฟยตั้งใจชำเลืองมองเจียงซูเสวียน ผลการเรียนของเธออยู่ในอันดับต้นๆ ของโรงเรียนเสมอ นี่คือสิ่งที่ทำให้เธอภูมิใจเป็นที่สุด เธอคิดดังนั้นจึงเบนสายตาไปที่กู้ซีเฉียว “คะแนนรวมได้ 671 สูงกว่าคะแนนกำหนดผ่านขั้นต่ำของมหาวิทยาลัยอยู่ที่ 100 คะแนน ติดอยู่ในหนึ่งร้อยคนแรกของเมืองค่ะ”
“ทำได้ดีมากเลยนะ” ถังเยี่ยนหลิงเอ่ยปากชม แม้แต่อินกั๋วฝูที่ไม่ได้มองหน้าเธอตรงๆ ก็ยังเอ่ยชม “ไม่เลวเลย”
มุมปากของอินเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม แต่เธอก็พยายามอย่างเต็มที่ในการหักห้ามความดีใจนี้เอาไว้ พลันหางตาของเธอก็เหลือบมองไปที่กู้ซีเฉียว ใบหน้าเรียวซีดขาวของฝ่ายตรงข้ามยังเรียบเฉยอยู่เช่นนั้น ไม่แสดงสีหน้าใดๆ
กู้ซีเฉียวไม่พูดอะไรออกมา คนอื่นหลับทนไม่ได้แทน อินเฟยเฟยคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกล้ามาอวดคะแนนต่อหน้าคนที่ทำคะแนนสูงสุดในปีนี้ อินเซ่าหยวนหัวเราะขบขัน จากนั้นก็เอ่ยด้วยท่าทีเฉื่อยชา “พ่อ แม่ ทั้งสองคนลืมจุดประสงค์ของคืนนี้ไปแล้วเหรอครับ”
“ให้ตายสิ ดีใจจนเกือบลืมเลย” ถังเยี่ยนหลิงปรบมือ “วันนี้พวกเรามาเพื่อฉลองผลการสอบของเฉียวเฉียวยังไงล่ะ”
“เอ๋ มีเรื่องนี้ด้วยเหรอ” อินกั๋วฝูวางตะเกียบลง มองไปทางกู้ซีเฉียวด้วยท่าทีแปลกใจ
เธอได้แต่ยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะต้องอวดเลย พลันมองไปที่แขนด้านขวาของอินกั๋วฝูแล้วเกิดความคิดบางอย่าง
“ใช่แล้ว เด็กน้อยคนนี้ไม่เพียงแต่สอบได้คะแนนสูงสุดของเมือง แต่ยังได้คะแนนสูงสุดระดับประเทศเลยครับคุณปู่ ไม่ว่าจะมหาวิทยาลัยเอ มหาวิทยาลัยบี หรือแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยที่ฮ่องกง ไต้หวันต่างโทรมาหาพี่เจียงให้วุ่นเพื่อจะแย่งตัวเธอ ดังนั้นวันนี้เลยมาเลี้ยงแสดงความยินดีให้เธอกันครับ” อินเซ่าหยวนลูบคางตนเองมองไปที่อินเฟยเฟยที่นั่งหน้าดำหน้าแดงอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเอ่ยออกมาเป็นนัย “คุณปู่ไม่ตบรางวัลให้สักหน่อยเหรอครับ”