ตอนที่ 80 ความหวังเล็กๆ
ห้องเรียนของพวกเขาทั้งสองไม่ได้อยู่อาคารเดียวกัน ดังนั้นเมื่อมาถึงอาคารรวมแล้ว พวกเขาจึงต่างแยกย้ายกันไป
ลั่วเหวินหลั่งมองไปที่กู้ซีเฉียว แสงแดดยิ่งส่องให้ใบหน้าของเธอดูขาวใสโปร่งแสง ดวงตาที่สวยงามและบริสุทธิ์สุกใสยิ่งยากจะหาคำใดมาอธิบาย เขาเอ่ยกับเธอ “เธอจะสมัครเข้ามหาวิทยาลัยไหนเหรอ”
“มหาวิทยาลัยเอ” กู้ซีเฉียวหรี่ตาเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เธอพูดแผนการของเธอให้คนอื่นฟัง “ได้ยินว่ามหาวิทยาลัยเอกับมหาวิทยาลัยบีอยู่ห่างกันแค่ถนนเดียว เซียวอวิ๋นไปสอบภาคการแสดงของมหาวิทยาลัยบี ถึงเวลาฉันจะได้เดินไปหาเธอได้”
“อืม” ลั่วเหวินหลั่งพยักหน้า เมื่อเห็นอู่หงเหวินกำลังวิ่งมาทางนี้ เขาก็มองไปทางอื่น “งั้นก็ตามนี้ ฉันไปก่อนนะ” กู้ซีเฉียวเฝ้ามองเขาเดินจากไป
[เด็กชายคนนี้มักจะรีบร้อนอยู่เสมอเลยนะ] ระบบส่ายหัวและบีบนิ้วอยู่ในพื้นที่เสมือนจริง [ตามวิจารณญาณของฉัน ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา]
“ไร้สาระ” กู้ซีเฉียวลูบคางและมองอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “พลังชีวิตในตัวเขาไม่ได้น้อยลง ดวงตาก็ดูแจ่มใส จะมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นกับเขาได้เล่า”
[งั้นก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นญาติของเขา!] ระบบขมวดคิ้ว เพิ่งเคยสงสัยในวิจารณญาณของตัวเองเป็นครั้งแรก
“ต่อให้มีจริงก็สามารถเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้” กู้ซีเฉียวเอ่ยออกมาโดยไม่ลังเล รอจนอู่หงเหวินกับเซียวอวิ๋นมาถึง ทั้งสามคนก็เอ่ยทักกันสองสามคำแล้วแยกย้ายกลับออกไป
เซียวอวิ๋นหรี่ตาเย็นชามองไปทางกู้ซีเฉียว “ตายจริง วันนี้ที่ห้องต้องพูดคุยกันเรื่องการสมัครเลือกมหาวิทยาลัยแน่ๆ เธอคิดตกหรือยังว่าอยากเรียนที่มหาวิทยาลัยไหน”
“เอาน่ะ ไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่” กู้ซีเฉียวตบไหล่เธออย่างขำๆ จากนั้นก็ผลักประตูห้องเรียนเข้าไป
[เซอร์ไพรส์!]
ปัง! เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับกระดาษสีเป็นประกายที่ปลิวว่อน นักเรียนสองคนยืนอยู่ริมประตูในมือถือกระบอกพลุอันยาวพลางยิ้มให้อย่างสดใส เพื่อนๆ ในห้องเข้ามารุมเธอไว้ มะรุมมะตุ้มเอ่ยแสดงความยินดีกับเธอ ครูประจำชั้นยืนอยู่อีกมุมมองดูพวกเขาที่สนุกสนานกันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนหาดูได้ยาก
กู้ซีเฉียวเช็ดใบหน้าของเธออย่างขำๆ กระดาษสีวิบวับติดอยู่เต็มมือ นี่มันคือธรรมเนียมอะไรกัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ของเซียวอวิ๋น
พลังลมปราณในร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนแปลง กระดาษทั้งหมดที่ติดอยู่บนตัวเธอร่วงหล่นอย่างไร้เสียง กู้ซีเฉียวถอนหายใจ ก็ได้ เอาที่ทุกคนมีความสุขก็พอ
รอจนเหล่าเพื่อนๆ เฮฮากันเรียบร้อย ครูประจำชั้นก็โบกมือให้ทุกคนไปนั่งประจำที่ พลันกวาดตาไปรอบๆ ห้อง “ครูดีใจที่เห็นทุกคนมาอยู่ที่นี่ทุกคน แถมวันนี้มากันครบทุกคน ดังนั้นก่อนอื่นสิ่งที่ครูจะพูดก็คือ นักเรียนห้องคู่ขนานห้อง 11 รุ่น 56 ครูภูมิใจในตัวพวกเธอทุกคนมาก!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทั้งห้องเรียนก็ดังกึกก้องด้วยเสียงปรบมือ
“สำหรับนักเรียนห้องธรรมดาอย่างพวกเรา ความสำเร็จของพวกเธอทุกคนทำให้ผู้บริหารของโรงเรียนนี้ต่างพากันประหลาดใจเป็นอย่างมาก ตอนที่พวกเธอมาเข้าเรียนที่ห้องนี้ ผลคะแนนของพวกเธอคืออันดับ 400 คนสุดท้ายในบรรดานักเรียนทั้งชั้นปี ผ่านไปสามปีคะแนนเฉลี่ยของห้องเราก็แซงหน้าห้องคู่ขนานห้องอื่นๆ ไปแล้ว แถมยังเทียบได้กับห้องทั่วไป และในเดือนสุดท้ายก่อนสอบพวกเธอก็ได้สร้างความอัศจรรย์ในการทำผลคะแนนสูงกว่าห้องทดลอง แถมยังไล่บี้ห้องเด็กหัวกะทิไปติดๆ” ครูประจำชั้นนานๆ ครั้งจะหัวเราะออกมา
“ตอนนี้สิ่งที่ครูอยากจะบอกคือห้องทำงานข้างๆ มีบรรดานักข่าวจากช่องสถานีการศึกษานั่งอยู่ พวกเขายกเลิกการขอสัมภาษณ์นักเรียนห้องหัวกะทิแต่อยากจะสัมภาษณ์พวกเธอแทน เดี๋ยวพวกเธอให้สัมภาษณ์กับพวกเขาด้วยท่าทีอ่อนน้อมด้วยล่ะ” จากนั้นเขาอธิบายเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัยคร่าวๆ แล้วแจกคู่มือการสมัคร จากนั้นก็ให้ทุกคนทำกิจกรรมได้ตามอัธยาศัย
“ครูอยู่ที่ห้องทำงาน มีปัญหาอะไรก็ไปหาครูได้”
เหล่าบรรดานักข่าวที่รออยู่ที่ห้องทำงานพากันร้อนรนนั่งไม่ติด จนในที่สุดก็ได้พบกับครูประจำชั้นของนักเรียนห้องคู่ขนาน พวกเขาเตรียมอุปกรณ์สัมภาษณ์และตรงไปที่ห้อง สิบเอ็ด อดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะได้เจอพวกเขา นี่ไม่ใช่แค่การพบหน้าเด็กห้องสิบเอ็ดสุดมหัศจรรย์เท่านั้น หากแต่ในบรรดานักเรียนห้องนี้มีคนที่อัศจรรย์ยิ่งกว่า นั่นก็คือผู้สอบได้คะแนนอันดับหนึ่งของประเทศในตำนานนั่นเอง
เมื่อพวกเขาไปถึงประตูห้องสิบเอ็ดพวกเขาก็ต้องตกตะลึงไป
หัวหน้าห้องที่นั่งอยู่ที่โต๊ะแถวแรกรีบลุกขึ้นทันที “สวัสดีครับ ผมคือหัวหน้าห้องสิบเอ็ดพวกคุณอยากให้ผมทำอะไรบ้างครับ”
นักข่าวหลายคนรีบบอกความตั้งใจที่มาโดยทันที และสัมภาษณ์ตัวแทนนักเรียนสองสามคนในชั้นเรียน หัวหน้าห้องยังหยิบบันทึกของตัวเองออกมาอย่างให้ความร่วมมือ “ที่จริงก็ไม่มีอะไร พูดโดยสรุปแล้วก็มีอยู่สองข้อ นั่นคือเวลาและวิธีการ นี่คือประเด็นสำคัญที่นักเรียนกู้สรุปมาให้กับพวกเรา ผมให้พวกคุณยืมถ่ายรูปดู”
“นักเรียนกู้? ที่น้องพูดถึงคือกู้ซีเฉียว นักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงที่สุดในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใช่ไหม” ในที่สุดก็มีคนกล่าวถึงตัวละครหลักแล้ว บรรดานักข่าวแทบรอไม่ไหวที่จะแพนกล้องไปที่ด้านข้างหน้าต่าง สาวน้อยนั่งเท้าคางพลิกดูคู่มือการเลือกมหาวิทยาลัย นิ้วเรียวยาวขาวราวกับหยก ขนตายาวงอน บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกับผู้คนรอบข้าง บรรยากาศรอบข้างดูสงบนิ่ง
นักข่าวแววตาเป็นประกาย “เธอช่วยพวกน้องๆ จัดเตรียมโน้ตเหล่านี้เหรอ ไม่กลัวจะทำให้เกรดของตัวเองตกเหรอ”
“ดังนั้นพวกเราถึงบอกว่าเธอเป็นคนไร้สมองไงครับ” หัวหน้าห้องชำเลืองมองนักข่าวอย่างภูมิใจราวกับว่ากำลังพูดยกย่องตัวเขาเอง “คนหน้าตาดี ฉลาด และมีศักยภาพสูงอย่างเสี่ยวเฉียวมีไม่เยอะบนโลกใบนี้แล้ว ดังนั้นตอนที่พวกคุณกลับไปเขียนบทความรบกวนเขียนให้ดีๆ เลยนะครับ”
นักข่าว “….”
เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง เห็นหญิงสาวกำลังพูดคุยกับคนอื่นอยู่ไม่รู้ว่าพูดอะไร ใบหน้าที่งามราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิเจือรอยยิ้มจางๆ ดวงตาที่แจ่มใสทำเอาผู้คนที่เห็นรู้สึกเหมือนโลกพลันสดใสไปหมด
“แชะ” เสียงดังขึ้น เขาถ่ายภาพที่เห็นเก็บไว้
เป็นนักข่าวมาหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอสถานการณ์เช่นนี้ เวลาที่ทุกคนพูดถึงคนที่สอบได้อันดับหนึ่งคนนี้ต่างแสดงสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจราวกับพวกเขาก็ลืมไปแล้วว่าพวกเขาเองก็เป็นคนที่สร้างความมหัศจรรย์ขึ้นมาเช่นกัน เมื่อพูดถึงคนที่สอบได้อันดับหนึ่ง ท่าทีคำพูดของพวกนักเรียนที่มีต่อเด็กสาวหากจะอธิบายว่าเป็นท่าทีบูชาสรรเสริญก็อาจจะยังไม่พอด้วยซ้ำ อีกทั้งทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน จนทำให้พวกนักข่าวประหลาดใจเป็นอย่างมาก
รอจนพวกเขาได้มีโอกาสคุยกับคนที่สอบได้อันดับหนึ่งในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยคนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจความรู้สึกของนักเรียนในห้องว่ารู้สึกอย่างไร เธอเป็นคนหน้าตาดี สติปัญญาสูงและเป็นคนมีศักยภาพสูง พวกนักเรียนไม่ได้พูดเกินไปเลยสักนิด นักข่าวที่เขียนบทความจึงอดเติมท้ายบทความไปหนึ่งประโยคว่า ‘คนงามแดนเหนือ หาใครเทียบได้ไม่ อิสระเสรี ท่าทีงามราวกล้วยไม้ พรสวรรค์ดุจดั่งเทพเซียน’
ในตอนบ่าย ‘เทพธิดาแห่งชาติ’ ก็กลายเป็นประเด็นดังไปตามเครือข่ายออนไลน์ต่างๆ โดยปกติบนโลกอินเทอร์เน็ตมี ‘เทพธิดา’ ที่จู่ๆ ก็โด่งดังขึ้นมามากมาย นักแสดงสาวที่ท่าทีไร้เดียงสาหลายคนก็ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘เทพธิดาแห่งชาติ‘ แต่มีเพียงเทพธิดาแห่งชาติคนนี้เท่านั้นที่คอมเมนต์ทั้งหมดเป็นไปในทิศทางชื่นชมไร้ข้อกังขา
ไม่มีใครตั้งข้อสงสัยซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง
ใช่แล้ว นักเรียนที่สอบได้อันดับหนึ่งของประเทศปีนี้มีหน้าตาและความสามารถที่ล้ำเลิศซึ่งเป็นส่วนผสมที่หายาก หากเธอไม่เหมาะกับตำแหน่งเทพธิดาแล้วจะมีใครที่เหมาะสมกว่าอีกเล่า
ณ ตระกูลกู้ ปู่กู้ได้เห็นข่าวที่รายงานดังนั้น มือก็พลันก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ทันใดนั้นเขาเอามือกดที่หน้าอกพร้อมหอบหายใจย่างแรง ริมฝีปากที่ซีดขาวของเขากลายเป็นสีม่วงเข้ม
พ่อบ้านรีบวิ่งลนลานไปหยิบยาเม็ดสีดำออกมาให้เขากิน เขากลืนยาลงไปพร้อมน้ำ สีหน้าหมองเศร้า มือชี้ไปที่ประตูใหญ่ “ไป! รีบไปตามกู้จู่ฮุยกลับมาพบฉันเดียวนี้!”
จากนั้นก็มีคนโทรตามกู้จู่ฮุยในทันที
ระหว่างที่รอ ปู่กู้ได้แต่อ่านรายงานข่าวฉบับนั้น นักเรียนเมืองเอ็น คนแรกที่ทำคะแนนสอบได้อันดับหนึ่งของทั้งระดับเมืองและระดับประเทศ คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยทำได้จนเกือบเต็ม แม้แต่สถานีโทรทัศน์แห่งชาติยังรายงานเรื่องนี้! มหาวิทยาลัยหลายแห่งต่างพากันแย่งตัวนักเรียนคนนี้ แม้ว่านักเรียนที่สอบได้คะแนนอันดับหนึ่งทุกปีจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนที่สอบได้คะแนนเกือบเต็ม
ปู่กู้มองไปมองมา จนในที่สุดก็ในก้มหน้าก้มหน้าลงอย่างหดหู่ ตระกูลกู้สองรุ่นมานี้ยังไม่มีใครที่โดดเด่นเช่นนี้ เขาเคยกังวลนับครั้งไม่ถ้วนเกี่ยวกับอนาคตของตระกูลกู้ แม้กระทั่งเคยคิดว่าจะช่วยหาลูกเขยมาให้กับกู้ซีจิ่น แต่ในตอนนี้กู้ซีจิ่นมีอาการทางประสาท เขาเองก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ต่อให้ตระกูลกู้ตอนนี้จะมีสิ่งที่กู้ซีเฉียวมอบไว้ให้ แต่หากอาศัยแค่ฝีมือของกู้จู่ฮุย ดูทีสิ่งที่กู้ซีเฉียวอุตส่าห์ทำให้ก็เสียแรงเปล่าเท่านั้น
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสืบทอดตระกูลกู้จะอยู่ตรงหน้าเขา และเป็นเขาที่ผลักไสเธอไปกับมือ
ด้วยความหยิ่งทนงของเด็กคนนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรเธอคงจะไม่กลับมาแล้วสินะ แม้จะรู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะตั้งความหวังเล็กๆ เป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าเธอจะกลับมาและช่วยตระกูลกู้