ตอนที่ 88 รับการรักษา
เจียงซูเสวียนช่วยพูดออกตัวแทนเธอ แถมยังเอ่ยปากขอความช่วยเหลือเช่นนี้ ต่อให้อินกั๋วฝูทำเพื่ออินเซ่าหยวนไม่อาจปฏิเสธเขาได้
แต่ในใจส่วนลึกก็ยังตกตะลึงไม่หาย เพื่อสาวน้อยที่เกิดความคิดเพ้อฝันเพียงคนเดียว เขาถึงกับยอมมาขอความช่วยเหลือด้วยตนเอง คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเจียงให้ความเอ็นดูสนใจเด็กคนนี้มากเกินปกติจริงๆ
คุณปู่อินคิดอะไรมากมาย แต่ภายนอกยังคงท่าทีสงบเยือกเย็น ในใจส่วนลึกรู้สึกพอใจมากกับสิ่งที่อินเซ่าหยวนทำลงไปโดยไม่ได้เจตนา ในขณะที่คนอื่นๆ ยังไม่รู้ตัวก็รีบจับเด็กคนนี้มาเป็นคนในตระกูล ดูท่าภายในหนึ่งร้อยปีนี้ ตระกูลอินคงไม่มีวันตกต่ำลงแน่
อีกทั้งเด็กน้อยจิ้มลิ้มคนนี้เขาเองก็ถูกชะตาด้วย
ไม่ว่าจะพูดในมุมไหน เขาก็ไม่เสียเปรียบเลยสักนิด
เมื่อได้รับคำอนุญาตแล้ว เจียงซูเสวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การที่จู่ๆ กู้ซีเฉียวหุนหันพลันแล่นคิดเช่นนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไรจึงได้แต่เพียงถอยออกมาทำเรื่องอื่น นั่นคือขอความช่วยเหลือจากอินกั๋วฝู
เธอยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ไม่ได้คิดให้รอบคอบอีกทั้งไม่เคยคิดว่าอยู่ดีๆ คุณปู่อินจะยอมยกแขนของตัวเองให้เด็กน้อยคนหนึ่งรักษาได้อย่างไร อีกทั้งถ้ารักษาแล้วไม่หายซ้ำยังเกิดปัญหาอื่นขึ้นมาอีกจะทำเช่นไร
เขาจึงต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองและช่วยออกตัวกับอินกั๋วฝูแทนเธอก่อน
กู้ซีเฉียวไม่รู้เลยว่าเจียงซูเสวียนได้ช่วยเหลือเธอลับๆ มากมายขนาดนี้ เธอเพียงแค่รู้สึกว่าช่วงนี้เขาไม่มารบกวนเวลาที่เธออ่านตำราแพทย์ แถมยังกำชับไม่ให้ป้าจางเข้ามาวุ่นวายด้วย เพียงกำชับให้เธอดูแลตัวเอง เธอจึงไม่ค่อยชินเสียเท่าไหร่ ได้แต่เพียงเข้าไปในพื้นที่เสมือนจริงเพื่อปรึกษาวิธีการรักษากับระบบ
[เฉียวเหม่ยเหริน หยุดค้นคว้าได้แล้ว เดี๋ยวฉันไปที่โซนร้านค้าหาดูว่ามีตัวอย่างโปรแกรมการรักษาอะไรบ้างหรือเปล่า] ระบบหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา มองไปที่กู้ซีเฉียวอย่างเหนื่อยหน่าย ท่าทีกระสับกระส่าย
กู้ซีเฉียวนั่งอยู่ในพื้นที่เสมือนจริง รอบตัวเต็มไปด้วยกองตำราโบราณมากมาย เธอพลิกหนังสือในมืออย่างรวดเร็วจากนั้นก็โยนทิ้ง กำหนดจิตเล็กน้อยจากนั้นก็มีตำราโบราณอีกเล่มลอยมาอยู่ในมือของเธอ “พอแล้ว เธอไปเล่นเกมเถอะ เดี๋ยวฉันหาต่อเอง”
ระบบฟังแล้วก็ไม่ฝืนอีก ระบบอยู่ที่พื้นที่เสมือนจริงเป็นเพื่อนกับกู้ซีเฉียวมาสองอาทิตย์แล้ว สองอาทิตย์มานี้เธอไม่พักไม่หลับอ่านแต่ตำราหนังสือ ทำเอาระบบเองก็เหนื่อยล้าเต็มที
[งั้นฉันขอไปเล่นเกมก่อนนะ] ระบบหายตัวไปในพื้นที่เสมือนทันทีเพื่อเล่นเกม ‘จิ่วเทียน’ ที่ตนเองเป็นคนคิดค้น
ในพื้นที่เสมือนจริง กู้ซีเฉียวก็ยังคงพลิกอ่านหนังสือต่อไป เล่มแล้วเล่มเล่า เธอพลิกหนังสือด้วยความรวดเร็ว กวาดตาเพียงครั้งก็สามารถอ่านไปได้สิบกว่าบรรทัด
แม้แต่คนที่มีพลังจิตสูงส่งหากต้องใช้ความจำติดต่อกันเวลานานก็ย่อมจะทนไม่ไหว ความเร็วที่กู้ซีเฉียวพลิกอ่านหนังสือค่อยๆ ช้าลง เธอเริ่มทบทวนเคสต่างๆ ในหนังสือ และพยายามฝึกซ้อมการฝังเข็มลงจุดชีพจรรวมถึงน้ำหนักในการลงเข็มในห้วงความคิดขนาดใหญ่ของตน
เมื่อเธอรู้สึกว่าพอใช้ได้แล้ว เธอถึงจะออกมาจากพื้นที่เสมือนจริง
แม้ในพื้นที่เสมือนจริงจะผ่านไปหลายวันหลายคืน แต่ในโลกแห่งความจริงเป็นเวลาเพียงชั่วครู่ กู้ซีเฉียวอาบน้ำเสร็จก็รู้สึกว่าพลังชีวิตของเธอเพิ่มขึ้น ระบบในพื้นที่เสมือนจริงร้องเรียกเธอออกมา
[เฉียวเหม่ยเหริน ทำไมพลังชีวิตของเธอดูเพิ่มขึ้นได้ล่ะ ไม่เป็นตามหลักวิทยาศาสตร์เลย]
“ถ้าเธอเป็นเหมือนฉันพลังเธอก็เพิ่มขึ้นเหมือนกันแหละ” กู้ซีเฉียวหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหัวตัวเอง แล้วเดินไปข้างหุ่นจำลองค่อยๆ ดู เพื่อหาจุดลงเข็มที่เหมาะสม
เธอไม่เคยเห็นแขนของอินกั๋วฝูโดยละเอียด ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแขนของเขากันแน่ เธอทำได้เพียงอ่านบันทึกเกี่ยวกับเขาเพิ่มเติม และนำเอาแต่ละสถานการณ์มาศึกษาสักหน่อย ถึงสถานการณ์จริงจะได้มีวิธีที่เหมาะสมกับพร้อมรับในแต่ละสถานการณ์
กู้ซีเฉียวยังไม่ทันจะศึกษาตำราโบราณได้ทั้งหมดก็ถูกแจ้งให้เตรียมตัวไปที่วิลลาตระกูลอิน
ครั้งนี้เป็นถังเยี่ยนหลิงที่ให้อินเซ่าหยวนโทรมาเชิญ แน่นอนว่าเจียงซูเสวียนก็ได้รับคำเชิญเช่นกัน
“อีกครู่เธอก็ลองไปดูแขนของคุณปู่อินเอาเถอะ” เจียงซูเสวียนขับรถช้าๆ เข้าไปในฝูงชนแล้วพูดเสียงเรียบ
ราวกับว่ามีลูกระเบิดโยนเข้ามาที่หูของกู้ซีเฉียว เธออดบีบโทรศัพท์มือถือแน่นไม่ได้ พลันสายตาก็หันไปมองเขา ดวงตาสุกใสปรากฏแวววิตกกังวล “เรื่องนี้…รออีกหน่อยได้ไหม”
นี่เป็นครั้งแรกในการทดลองรักษาของเธอ ไม่มีระบบมาช่วยสแกน ต้องอาศัยความสามารถของเธอล้วนๆ ไม่ต้องพูดถึงความกังวลในใจของเธอ เธอยุ่งกับเรื่องนี้มาตั้งนานแต่ก็ยังไม่พร้อมสักที จะให้เริ่มทั้งแบบนี้เหรอ
เจียงซูเสวียนเห็นท่าทีเช่นนั้นของเธอก็พูดปลอบ “อย่าวิตกไปเลย ถึงเวลาก็แค่ดูคร่าวๆ ก่อน คุณปู่ก็คงไม่ว่าอะไรเธอหรอก”
ที่จริงแล้วในใจลึกๆ ทั้งเขากับอินกั๋วฝูต่างก็ไม่ได้คาดหวังในตัวเธอมากมาย แต่ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับอินกั๋วฝูก็คือเขากลัวว่าเธอจะสะเทือนใจหากการรักษาครั้งนี้ล้มเหลว แต่ก็กลัวหากว่าเธอจะตั้งใจเรียนแพทย์จริงๆ
วิลลาตระกูลอินก็ยังครึกครื้นเช่นเดิม โดยเฉพาะกับถังเยี่ยนหลิงที่เตรียมชุดสวยให้กับกู้ซีเฉียวไว้มากมาย แถมยังสอบถามเรื่องสุขภาพเธออย่างละเอียด กู้ซีเฉียวรู้ว่าเธอยังขอเบอร์โทรศัพท์มือถือของป้าจางไว้ และได้โทรสอบถามป้าจางทุกวันเกี่ยวกับสุขภาพของเธอ
การเอาใจใส่ถึงเพียงนี้แม้ว่าระบบไม่ได้เตือนเธอ แต่กู้ซีเฉียวก็รู้สึกได้
เธอที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งล้วนพบแต่ความโชคดี
กู้ซีเฉียวค่อยๆ ทำจิตใจให้เข้มแข็งเดินตามเจียงซูเสวียนขึ้นไปที่ด้านบน คนในตระกูลอินต่างไม่รู้เรื่องอาการบาดเจ็บที่แขนของอินกั๋วฝู และเธอเองก็ไม่ตั้งใจจะบอกให้พวกเขารู้
คนอื่นๆ แค่เข้าใจไปว่าคุณปู่มีธุระจะคุยกับพวกเขา ดังนั้นจึงไม่ได้ข้องใจอะไร อินเซ่าหยวนยังคงหยิบรีโมทดูโทรทัศน์เช่นเดิม และยังกำชับให้กู้ซีเฉียวรีบลงมาดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนเขา
ส่วนถังเยี่ยนหลิงกลับบอกกู้ซีเฉียวอีกสักพักให้ลงมาทานน้ำซุป ได้ฟังดังนั้นเท้าของกู้ซีเฉียวก็ลื่นจนเกือบล้ม
ทำไมไม่ว่าไปที่ไหนก็หนีไม่พ้นเรื่องน้ำซุป
เจียงซูเสวียนอดไม่ได้ที่จะเม้มปาก ซ่อนมุมโค้งของริมฝีปากที่ยกขึ้น
อินกั๋วฝูกินข้าวเสร็จก็กลับไปที่ห้องหนังสือ โดยปกติในเวลานี้เขาต้องออกไปเดินเล่นที่สวนและเล่นกับนก แต่วันนี้เขามารอเด็กน้อยที่ตั้งใจมาช่วยรักษาเขา บ้าไปแล้ว เขาแอบคาดหวังจริงๆ หรือนี่
อินกั๋วฝูถอนหายใจพลางยกแขนขวาของตนขึ้นมา จิตใจก็ดิ่งลงอีกครั้ง ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว ต่อให้รักษาหายได้ก็คงจะไม่ได้หายด้วยฝีมือของเด็กน้อยคนนี้หรอกกระมัง
ความหวังในดวงตาของเขามอดดับลงไปอีก อินกั๋วฝูฉีกยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง มองกู้ซีเฉียวด้วยสายตาอ่อนโยน “มาตรวจได้เลย อยากรักษายังไงก็ได้ ปู่ไม่เป็นไรและไม่โทษเธอด้วย”
กู้ซีเฉียวมองไปที่แขนของเขาด้วยท่าทีเคร่งขรึม เธอรู้ดีว่าคนทั้งสองคนที่อยู่ในห้องหนังสือในตอนนี้ไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเธอ แต่เธอไม่สนใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดตรงหน้าก็คือการวินิจฉัยว่าแขนขวาของอินกั๋วฝูยังพอรักษาได้หรือไม่ เธอตรวจดูกล้ามเนื้อบริเวณที่เขาบาดเจ็บ และตรวจลึกไปที่เส้นลมปราณและลงลึกไปตรวจที่เส้นชีพจรด้วยท่าทีตั้งอกตั้งใจมาก
เห็นท่าทางที่จริงจังของเธอ อินกั๋วฝูและเจียงซูเสวียนก็เริ่มหายใจเบาๆ ไม่รบกวนเธอ
แขนของอินกั๋วฝูนับว่าฟื้นฟูขึ้นมาจนหายแล้ว โดยทั่วไปเมื่อกระสุนเจาะเข้าร่างกายมักจะเกิดเป็นรูอยู่ในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งส่งผลต่อเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อเป็นอย่างมาก แต่ถ้ากระสุนนี้เจาะเข้ากระดูก ก็จะทำให้อวัยวะของร่างกายในตำแหน่งนั้นไม่สามารถใช้การได้ หากแต่แขนของอินกั๋วฝูในตอนนี้ยังสามารถเคลื่อนไหวได้หลายท่า คนในบ้านที่อยู่กันมาเป็นสิบปียังไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขามีอาการบาดเจ็บที่แขน ก็ถือว่าเขาฟื้นฟูขึ้นมาได้น่าเหลือเชื่อมากแล้ว
หลังจากตรวจอยู่พักใหญ่ กู้ซีเฉียวก็ค้นพบปัญหาแล้ว
ตอนที่แขนของเขาบาดเจ็บจากลูกกระสุนนั้นส่งผลให้เส้นลมปราณไหม้และถูกอุดตัน รอยแตกบางๆ ของกระดูกไม่ได้ผสานกันอย่างดีจนทำให้เขาไม่สามารถควบคุมการใช้แขนได้อย่างแม่นยำ
เมื่อรู้ระดับของการบาดเจ็บแล้ว การรักษาก็ง่ายขึ้นเป็นกอง เธอหยิบเอาเข็มทองก็ตัวเองออกมาแล้ววางเรียงเป็นแถวไว้บนโต๊ะ
“หนูจะเริ่มแล้วนะคะ” กู้ซีเฉียวสบตาอินกั๋วฝู เมื่อเห็นเขาพยักหน้าอนุญาตก็หยิบเข็มทองเล่มหนึ่งขึ้นมา
ตั้งแต่เข็มทองอยู่ในมือของเธอออร่าในตัวเธอก็เปลี่ยนไป เธอหรี่ตาลง มือก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เข็มทุกเล่มถูกฝังตรงจุดชีพจรจุดต่างๆ ที่แฝงไปด้วยพลังลมปราณเข้าไปทะลวงเส้นเอ็นที่ถูกปิดกั้นอยู่
กระดูกต้องอาศัยการฟื้นฟูด้วยตัวเอง แต่สำหรับคนสูงอายุอย่างอินกั๋วฝูที่ร่างกายค่อนข้างเสื่อมถอยแล้ว การที่จะรอให้กระดูกฟื้นฟูด้วยตัวเองดูจะไม่มีโอกาส
หากแต่ตัวเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อสามารถฟื้นฟูได้ พลังลมปราณของกู้ซีเฉียวได้ส่งผ่านเข้าไปฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ พลังลมปราณที่วิ่งวนอยู่ในตัวของอินกั๋วฝูทำให้เซลล์ต่างๆ ที่แขนได้รับการซ่อมแซม
อินกั๋วฝูรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่แขน เพราะเป็นแขนของตัวเขาเองถึงรู้สึกได้ชัดเจนเช่นนี้ ในเวลานี้ชีพจรที่แขนของเขาขยับขึ้นลงหลายต่อหลายครั้งและดังก้องอยู่ในหู เขาค่อยๆ ก้มลงมองมาที่แขนของตัวเอง ดวงตาที่ขุ่นมัวค่อยๆ แข็งค้าง
แขนที่ชาและควบคุมไม่ได้มาหลายปี เหตุใดมาวันนี้เขากลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดและชาน้อยๆ
“ฉัน….” ดวงตาอินกั๋วฝูค่อยๆ พร่ามัว น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ เป็นเวลาหลายปีที่เขาตั้งใจหลีกเลี่ยงความจริงเรื่องนี้
ตั้งแต่เด็กจนโตมือเขาก็ถือปืนมาโดยตลอด ปืนกระบอกนั้นอยู่คู่กับเขาผ่านอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วน เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา ตั้งแต่ที่แขนข้างนี้บาดเจ็บ เขาก็ไม่ได้หยิบปืนกระบอกนั้นขึ้นมาอีกเลย อีกทั้งยังเก็บมันไว้ในตู้นิรภัย ตั้งใจจะลืมมันไปให้หมด แต่ในสมองและใจส่วนลึกก็ลืมมันไม่ลงเสียที
ที่แขนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในวันนี้พอจะสื่อเป็นนัยได้ไหมว่าเขายังพอมีโอกาสที่จะถือปืนกระบอกนั้นขึ้นมาได้อีก
อินกั๋วฝูมองกู้ซีเฉียวด้วยแววตาลุกโชน ขอบตาของเขาเริ่มแดงก่ำ “นี่….ฉัน…..”
เขาอ้ำอึ้งอยู่นานสองนานแต่กลับพูดอะไรไม่ออก แต่ในสายตากลับปรากฏความหวังที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ต่อให้กระดูกที่แตกจะประสานไม่ได้ แต่น่าจะเขียนอักษรตัวใหญ่จากพู่กันได้สักสองสามตัวนะคะ” กู้ซีเฉียวใช้พลังลมปราณในร่างกายทั้งหมดที่มี แม้ว่าสีหน้าของเธอจะไม่สู้ดีเอาเสียเลยแต่ก็ยังคงยกยิ้มทำให้คนอื่นดูไม่ออก เธอเหลือบมองกระดาษเสวียนจื่อบนโต๊ะเขียนหนังสือ คิ้วและดวงตาของเธอก็อ่อนโยนลง
เมื่ออารมณ์สงบลงแล้ว อินกั๋วฝูก็สังเกตเห็นสีหน้าของกู้ซีเฉียว เขาเข้าไปประคองเธอด้วยความเป็นห่วง รู้ว่าเด็กน้อยหมดพลังไปมากเพื่อเขา อีกทั้งค้นคว้าตำรามากมายเพื่อหาทางช่วยรักษาจนเห็นผลเพียงนี้ ในใจเขาก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก “ได้ ได้ นั่งลงพักเสียหน่อยนะ”
ไม่ว่าต่อไปจะรักษาได้หรือไม่ แค่น้ำใจมากมายที่เธอมีให้ก็เพียงพอจะทำให้จิตใจของเขาสั่นไหวแล้ว และนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อินกั๋วฝูก็ยอมรับเธอเป็น ‘หลานบุญธรรม‘ จริงๆ จากใจ โดยการยอมรับเช่นนี้ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย
เจียงซูเสวียนประคองกู้ซีเฉียว ในใจก็ไม่รู้ว่าควรรู้สึกเช่นไร เมื่อเห็นท่าทีอ่อนแรงของเธอก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ หักใจตำหนิเธอไม่ลง
กู้ซีเฉียวใช้พลังลมปราณมากเกินไปในการทะลวงเส้นชีพจรจนทำให้สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก เธอทำได้เพียงพิงเจียงซูเสวียนและเอ่ยเบาๆ บอกเขาให้เขียนใบสั่งยาให้
“คุณปู่อิน เดี๋ยวผมขอพาเธอกลับก่อนนะครับ” เจียงซูเสวียนโอบเธอไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งรีบจรดปากกาจดบันทึกอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบางเม้มแน่น เปลือกตาหลุบลงปิดบังความรู้สึก ใบหน้าคมเข้มดูเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด
ความจริงแล้วอินกั๋วฝูได้รับความช่วยเหลือมากมายจากกู้ซีเฉียวก็สมควรให้เธอได้พักอยู่ที่บ้านตระกูลอินสักคืน อีกทั้งเธอในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นคนในตระกูลอินเช่นกัน การค้างแรมอยู่ที่นี่ก็ดูเป็นเรื่องเหมาะสม
แต่เมื่อเหลือบมองเห็นดวงตาลึกล้ำที่ดูเย็นชาคู่นั้น อินกั๋วฝูก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่กำชับกู้ซีเฉียวให้ดูแลตัวเองซ้ำไปมาเช่นนั้น
“นี่ เฉียวเฉียว ห้ามลืมนะว่าวันที่หกต้องมางานเลี้ยงต้อนรับนะจ้ะ” ถังเยี่ยนหลิงตะโกนกำชับตามหลัง “นี่มาได้เพียงแป๊บเดียวก็กลับเสียแล้ว ครั้งหน้าต้องมาอยู่ค้างหลายคืนหน่อยนะ ';';”
กู้ซีเฉียวพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง เจียงซูเสวียนกลับโอบเธอเดินกลับออกไปในทันที
เธอสูญเสียพลังลมปราณที่มีทั้งหมด ทำได้เพียงรอให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง แม้แต่ตัวเจียงซูเสวียนเองก็ยังไม่มีวิธีอื่นช่วยเหลือ
มองเห็นใบหน้าเล็กซีดเซียวของเธอก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจ เขาได้แต่ทำหน้าตาเย็นชาไม่พูดอะไร
กู้ซีเฉียวที่นั่งอยู่บนเบาะด้านข้างคนขับหลับตาลงเพื่อพักผ่อน เธอเคยชินกับใบหน้าเย็นชาของเจียงซูเสวียนแล้ว ขณะนั้นจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ จนกระทั่งจู่ๆ ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
“เธอเหมาะกับอาชีพแพทย์มาก” เจียงซูเสวียนเหลือบมองเธอ ใบหน้าของเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย
ตอนที่เธอกำลังทำการรักษาให้อินกั๋วฝูนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังลมปราณที่เต็มไปด้วยกำลังวังชา แม้แต่เขาเองก็ยังหวั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้ อีกทั้งด้วยตัวเธอที่มีพลังลมปราณแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาชีพแพทย์ก็ดูจะเป็นเส้นทางที่เหมาะกับคนที่มีพรสวรรค์เช่นเธอ
บางทีในอนาคตเธออาจจะฝีมือทัดเทียมกับหรงเฟยซวง ณ ขณะนี้ แม้แต่เขาก็ยังรอคอยว่าเธอจะมีวันนั้นหรือไม่
ทันทีที่เธอเริ่มทำการรักษาให้อินกั๋วฝู เขาก็ค้นพบว่าเธอมีพลังจิตลึกล้ำพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย แม้ว่าระดับขั้นวิทยายุทธ์ของเธอจะไม่สูงเท่าเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือระดับความบริสุทธิ์ของพลังลมปราณของเธอไม่แตกต่างจากเขามากนัก
เจียงซูเสวียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ความสงสัยในใจค่อยๆ ได้รับการคลี่คลายทีละนิด กู้ซีเฉียวกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันกับที่เขาพอใจและสุขใจก็มีความกังวลใจอยู่บ้าง บางครั้งการมีความสามารถสูงก็ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สูงขึ้นตาม สิ่งนี้คือเหตุผลที่เขาไม่เคยบอกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ของโลกวิทยายุทธ์โบราณในตอนนี้