ตอนที่ 107-1 เขาคงไม่ได้มาหาเธอหรอกใช่ไหม
เจียงซูเสวียนอุ้มกู้ซีเฉียวเดินขึ้นไปชั้นบน ทั้งที่เขาไม่เคยมาที่นี่ แต่กลับเดินตรงไปที่ห้องของกู้ซีเฉียวได้โดยไม่ต้องเอ่ยถาม เขาวางร่างของเธอลงบนเตียง ฝ่ามือแตะหน้าผากของหญิงสาวแผ่วเบา
ชั่วครู่เขาก็ชักมือกลับ ชายหนุ่มก้าวถอยหนึ่งก้าว เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอเริ่มเรื่อสี เขาก็วางใจ
เจียงซูเสวียนเดินกลับลงมาที่ชั้นล่าง ค่ายกลทับซ้อนที่เธอสร้างหายวับไปทันทีที่กู้ซีเฉียวถูกพาตัวขึ้นไปชั้นบน ถังชิงหงลุกขึ้นและตอนนี้กำลังนั่งเหม่อมองประตูใหญ่อยู่ที่โต๊ะหินกลางลานบ้าน
“ทำไมถึงไม่ขอกำลังเสริม” เจียงซูเสวียนยกมือ แล้วสมุนไพรที่กระจัดกระจายอยู่เต็มลานบ้านก็กลับเข้าที่
ถังชิงหงผุดลุก เขาไม่กล้าสบตาเจียงซูเสวียนตรงๆ “ผมประมาทเอง”
นัยน์ตาเย็นเฉียวของเจียงซูเสวียนหรี่ลง “ไร้สาระ! กลับไปรับโทษซะ!”
สายตากวาดขึ้นไปบนชั้นสอง ถังชิงหงเม้มปากก่อนจะตอบรับอย่างจนใจ “ครับ”
เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งมองดูเจียงซูเสวียนจัดการข้าวของในลานบ้านเข้าที่ก่อนจะหัวเราะอย่างขมขื่น จะมีใครรู้บ้างว่าคนตระกูลเจียงผู้สูงส่งจากเมืองหลวงที่วันๆ แทบจะไม่ปริปากพูดจะทำเรื่องไม่สลักสำคัญเหล่านี้
ตอนที่เจียงซูเสวียนยังเป็นหนุ่มน้อยอายุได้เพียงสิบห้าปีเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันการจัดอันดับยอดผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เป็นครั้งแรก ตอนนั้นเขาได้ที่หนึ่งจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสิบปีแล้ว เขายังคงรักษาตำแหน่งนั้นไว้ได้ แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นก่อนๆ ก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าแย่งชิง
เขาถอนหายใจเล็กน้อย การเกิดมาในยุคเดียวกับคนแบบนี้ มันช่างน่าอนาถเหลือเกิน ขนาดความกล้าที่จะสู้ยังไม่มี
ถังชิงหงจากไปโดยไม่ได้ร่ำลา นอกจากเจียงซูเสวียนแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน
เจียงซูเสวียนเดินวนบนชั้นสองรอบหนึ่ง ทำความสะอาดห้องที่ถังชิงหงเคยอยู่จนสะอาดแล้วจึงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสาย สามชั่วโมงหลังจากนั้น เขามองห้องใหม่เอี่ยมแล้วความขุ่นมัวในใจก็มลายหายไป
กู้ซีเฉียวหลับไปสองวันเต็ม เธอลืมตามตื่นขึ้นในวันที่สาม ยามที่เธอลืมตา เธอเห็นใครคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ริมหน้าต่างห้องของเธอ
แสงอาทิตย์สีทองสาดลงมาบนร่างของเขา เผยให้เห็นเพียงเค้าร่างปราดเปรียว ใบหน้าด้านข้างงามปานรูปปั้นโบราณที่ถูกสลักเสลามาอย่างประณีต เขานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น สง่างามเกินบรรยาย
ขนตายาวไหววูบ กู้ซีเฉียวยันตัวขึ้นนั่ง ขยี้ตา ทว่าเงานั้นยังอยู่ที่เดิม เธอส่งเสียงพึมพำ “ไม่ได้ฝันหรอกเหรอ”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เจียงซูเสวียนก็วางหนังสือในมือ ช้อนตาขึ้นมองหญิงสาว นี่เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกในสภาพสติครบถ้วน เนื้อแก้มน้อยๆ ของชายหนุ่มบุ๋มเข้าไปเล็กน้อย เขาลูบขมับอย่างช่วยไม่ได้ “หิวรึเปล่า”
“อือ” กู้ซีเฉียวติดจะงงงวย “ฉันขออาบน้ำก่อน”
“ได้ งั้นฉันจะลงไปรอข้างล่าง” เจียงซูเสวียนวางหนังสือ ซุปในหม้อถูกอุ่นไว้ตลอดเวลาเผื่อว่าเธอตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่จะได้กินทันที
ชายหนุ่มเดินไปที่ประตู และกำลังจะออกจากไป กู้ซีเฉียวถึงจะได้สติ “พี่เจียง”
เจียงซูเสวียนหันหลังกลับมา สีหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบ ทว่าน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าปกติ “หืม ว่าไง”
“แค่อยากเรียกเฉยๆ” กู้ซีเฉียวคิด เธอลงจากเตียงแล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา เธอยื่นมือซ้ายออกไปวางทาบลงบนหน้าอกของเขา ลมอุ่นๆ แผ่ซ่านออกมาจากฝ่ามือของเธอ เธอสัมผัสได้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรง มันส่งเสียงเป็นจังหวะทรงพลัง เสียงนั้นไม่ต่างจากตอนที่เธอได้ยินตอนที่สลบไป เป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
นัยน์ตาสีหมึกพลันลุ่มลึก เจียงซูเสวียนเลื่อนสายตาลงมามองใบหน้าขาวนวล คิ้วงามราวบรรจงวาด ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นจับมือที่ทาบอยู่ตรงอก
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่า บนโลกนี้มีคิ้วของใครบางคนส่งผลโดยตรงต่อหัวใจของเขา เพราะเพียงแค่เธอขมวดคิ้วก็ทำให้เขารู้สึกปวดใจได้
“ฉันจะลงไปอุ่นซุปไว้ให้ ทำอะไรเสร็จแล้วก็ลงไปกิน โอเคไหม” เขาโน้มตัวลงไปกอด แม้จะไม่อยากปล่อยไออุ่นที่สัมผัสอยู่ตรงปลายนิ้ว แต่สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี เธอหิวมาสองวันเต็มๆ ฉะนั้นเรื่องกินจึงสำคัญที่สุดในตอนนี้
เจียงซูเสวียนที่กำลังจะเดินลงไปชั้นล่างหยุดยืนอยู่ที่บันไดชั่วครู่ เขาลูบนิ้วของตัวเองพลางนึกเสียดาย
กู้ซีเฉียวจ้องบานประตูแทนร่างที่เดินหายไป เพียงไม่นานเธอก็คลี่ยิ้ม คำถามที่เธอคิดไม่ตกอยู่นานได้รับคำตอบแล้ววันนี้ กู้ซีเฉียวหยิบเสื้อผ้าเดินลงไปอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี
[เฉียวเหม่ยเหริน] ระบบที่ถูกเมินเอ่ยเสียงเรียบ
“ภารกิจหมุนเวียนเสร็จสิ้นแล้วใช่ไหม” กู้ซีเฉียวเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เปิดก๊อก ไอน้ำลอยฟุ้งไปทั่วเต็มห้องในชั่วพริบตา
เมื่อได้ยินดังนั้น ระบบตาเป็นประกาย [คิกๆๆ ได้ตั้งหลายพันคะแนนแน่ะ]
“รู้น่า อัปเกรดสิ”
[รับทราบเฉียวเหม่ยเหริน ฉันต้องใช้เวลาอัปเกรดประมาณสามวัน คุณอาจต้องรอหน่อย แล้วฉันจะกลับมาน้า จุ๊บๆ!] สิ้นคำ ระบบก็หายวับไป
ช่วงนี้เจียงซูเสวียนคอยดูแลกู้ซีเฉียวและจัดการวิญญาณร้ายในหมู่บ้านอยู่แล้ว แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เขาก็ไม่ไว้ใจปล่อยให้เธอเป็นคนจัดการ
“นกน้อยตัวนั้นอยู่ในลานบ้าน หลังจากนี้มันจะอยู่กับเธอ” เจียงซูเสวียนเห็นว่าเธอกินซุปหมดแล้วจึงกล่าว
กู้ซีเฉียวประหลาดใจ “อยู่กับฉัน?”
“เธอเป็นคนมีบุญ เดิมทีนกแดงเป็นหนึ่งในสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่แห่งสวรรค์ ตอนนี้ขนาดพวกมันยังถูกวิญญาณร้ายรุกราน เหตุการณ์กลุ่มดาวทั้งเจ็ดทางทิศใต้ไม่สงบ ให้มันอยู่กับเธอนั่นแหละ ฉันจะได้วางใจ” นกแดงเป็นตัวแทนของกลุ่มดาวทั้งเจ็ดทางทิศใต้ซึ่งได้แก่ จิ่ง กุ้ย หลิ่ว ซิง จาง อี้และเจิ่น ตอนนี้ขนาดนกแดงยังได้รับผลกระทบ สถานการณ์ท่ามกลางกลุ่มดาวไม่สงบ ถือว่าเป็นสัญญาณของลางร้าย
เธอไม่สงสัยในสิ่งที่เจียงซูเสวียนกล่าว กู้ซีเฉียวพยักหน้า “มันคือนกแดงจริงๆ งั้นเหรอ”
เธอนึกว่านกแดงเป็นสัตว์ในตำนานโบราณ ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง
เจียงซูเสวียนหัวเราะแผ่วเบา คิ้วและแววตาแลดูอ่อนโยน “สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นตามครรลองของฟ้าและดิน นกแดงไม่ได้เป็นเพียงตำนาน แต่มันเกิดขึ้นเพราะมันจำเป็นต้องเกิด”
กู้ซีเฉียวไม่ได้เข้าใจนัก เธอเพียงแต่มองไปที่นกตัวเล็กตัวนั้น นกแดงในตำนานถูกตรึงอยู่ในมุมเล็กๆ สองวันเต็ม นกตัวเล็กที่เคยเป็นสีดำสนิทตอนนี้สภาพกลับไปเหมือนปกติ ขนของมันเหมือนสีของเปลวเพลิง เป็นเพลิงบริสุทธิ์ ยามแสงแดดเจิดจ้าสาดส่องขนของมันจะเป็นประกายสว่างวาบ ราวกับกำลังลุกไหม้อย่างไรอย่างนั้น
“มันเปลี่ยนสีแล้ว” กู้ซีเฉียวเอื้อมมือออกไปลูบหัวของเจ้านก “ว่าแต่ปีกมันเป็นอะไร”
เลือดบนขนสวยๆ ของมันตรงปีกซ้ายยังไม่แห้งดี และดูเหมือนว่ามันกำลังเจ็บหนัก
“เจ้านาย” เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังมองมาที่มัน เจ้านกแดงก็ทำคอเอียง ขานเรียกด้วยท่าทางน่าสงสาร ท่าทางของมันตอนนี้แตกต่างจากเมื่อสองวันก่อนโดยสิ้นเชิง
เจียงซูเสวียนชำเลืองมองเจ้านกตัวเล็ก แสงขาววาบผ่านยามที่เขายกมือแล้วนกแดงก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ชายหนุ่มกระชากหน้ากากของมันอย่างไม่ปรานี “อย่าไปหลงกลมัน มันไม่ได้เจ็บหนักขนาดนั้น”
นกแดงที่ถูกแฉ ลำพังชีวิตก็ยากอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องมาทำให้ชีวิตยากด้วย
ยิ่งเมื่อเทียบระหว่างนกที่เคยจะทำร้ายเธอกับเจียงซูเสวียน กู้ซีเฉียวต้องเลือกเชื่อเจียงซูเสวียน “มันต้องอยู่กับฉันตลอดเลยเหรอ”
“โดยธรรมชาติก็ใช่”
“งั้นก็ไม่ควรเรียกนกแดง นกแดงไปเรื่อยๆ หรอกเนอะ ที่บ้านมีฮาฮาแล้ว ให้มันชื่อเฮเฮก็แล้วกัน”
กู้ซีเฉียวดีดนิ้วแทนการยืนยัน
ฮาฮา? เฮเฮ! ชื่อปัญญาอ่อนเป็นบ้า! นกแดงรู้ว่ามันต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องชื่อของตัวเองไว้ มันจึงพูดว่า “เจ้านาย ฉันมีชื่อนะ ชื่อของฉันคืออ้ายหมี่ อ้ายที่มาจากคำว่าอ้ายหมี่ หมี่ที่มาจากคำว่าอ้ายหมี่”
ใบหน้าแข็งทื่อของกู้ซีเฉียวนิ่งไปชั่วครู่ “พี่เจียง มันเป็นนกจริงๆ เหรอ” ไม่ใช่ปีศาจที่กลายร่างเป็นคนหรอกเหรอ
เจียงซูเสวียนคว้าตัวเจ้านกแดงพลางอธิบาย “นกแดงเป็นสัตว์ชั้นสูง ถึงจะไม่ได้ฉลาดมาก แต่การเลียนเสียงมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมัน”