พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 56

ตอนที่ 56

บทที่5ตอนที่3

 

 

ไม่นานก่อนที่มาร์และโนโซมุจะทำการต่อสู้จำลอง ห้องเรียนห้อง 1 ก็กำลังสอนอยู่ที่สนามฝึกอีกแห่ง

 

 

เนื้อหาการเรียนก็เหมือนกัน

 

 

อย่างไรก็ตามบรรยากาศนั้นแตกต่างจากห้อง 10 โดยสิ้นเชิง มีแต่บรรยากาศตึงเครียด

 

 

ในที่ๆแห่งนี้ซึ่งใช้เกรดเป็นตัวชี้วัดมันไม่ง่ายเลยที่จะรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้สถาบัน

 

 

ถ้าไม่ทำคะแนนให้ดี ก็อาจจะตกไปอยู่ในระดับชั้นที่ต่ำกว่าเดิม

 

 

ถูกผู้คนดูหมิ่นเพราะด้อยค่าและได้ไปเรียนห้องที่อยู่ต่ำกว่าเดิม นั่นละคือความกดดัน

 

 

 

 

ช่วงปีแรกตัวเขาที่เคยเป็นดาวเด่นกลับตกต่ำลงเพราะความสามารถที่ตื่นขึ้น

 

 

และการแข่งขันในช่วงฤดูใบไม้ร่วงมักจะดุเดือดเป็นพิเศษ

 

 

ท่ามกลางความเครียด ลิซ่า・เฮาวนด์กำลังจ้องไปที่มุมหนึ่งของสนามฝึก

 

 

「……」

 

 

「ลิซ่า? เป็นไรงั้นเหรอ?」

 

 

「เคน?」

 

 

เมื่อลิซ่าหันไปมองก็พบกับเพื่อนสมัยเด็ก เคน・โนทิสที่อยู่ห้องเดียวกัน

 

 

เขามองไปทางที่ลิซ่าจ้องไปด้วยความสงสัย ก็พบกับหญิงสาวผมดำและหญิงสาวผมสีน้ำตาลกำลังพูดคุยกันอยู่

 

 

「อาาาา ไอริสดิน่างั้นเหรอ? ลิซ่าเองก็สนใจคู่แข่งของตัวเองงั้นเหรอเนี่ย?」

 

 

ลิซ่าและไอริสผลการเรียนเทียบเท่ากันและเป็นคู่แข่งกันและพวกเธอมักจะประลองด้วยกันบ่อยๆ

 

 

ดูเหมือนเธอจะกังวล แต่เคนคิดว่าลิซ่าไม่ใช่คนเดียวที่กังวลหรอก

 

 

「……หรือสนใจที่เธอคนนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับโนโซมุ?」

 

 

「!?」

 

 

ทันทีที่ได้ยินเคนพูดเช่นนั้น ใบหน้าของเธอก็แสดงท่าทีตกใจ แต่ไม่นานก็โกรธ กัดริมฝีปากแน่นด้วยใบหน้าที่แสนบิดเบี้ยว

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกนะ ข้าเองก็อยู่นี่ เธอไม่ได้ตัวคนเดียวนะ」

 

 

เคนกระซิบที่ข้างหูของลิซ่า โอบไหล่และดึงเธอเข้าไปใกล้อก

 

 

「……」

 

 

ลิซ่าปล่อยตัวเองไปตามน้ำ แต่ท่าทางของเธอยังแข็งทื่อ

 

 

จากข้างหลังทั้งสองคนมีเสียงคนอื่นแทรกเข้ามา

 

 

「อาาาา ทั้งสองคนนี่เร่าร้อนจังเลยน้า~」

 

 

เมื่อลิซ่าและเคนมองย้อนกลับไปที่เสียงนั่น ก็พบกับเด็กสาวคนหนึ่งยกมือขึ้นปิดปากด้วยความประหลาดใจ

 

 

เด็กผู้หญิงที่มีตาและผมสีชมพูอ่อนเช่นเดียวกับตาของเธอที่ดูปราดเปรียว แม้ว่าใบหน้าจะดูเรียบๆ แต่มองยังไงก็ดูไม่เหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป

 

 

「คามิลล่า!」

 

 

「คือว่า~ลิซ่าก็ดีอยู่หรอกนะที่ดูหวานแหววกันขนาดนั้นน่ะ แต่เลือกสถานที่หน่อยได้ไหม ทุกคนกำลังดูอยู่นะ」

 

 

「!?」

 

 

คามิลล่าบอกเช่นนั้นและเธอก็รีบผละตัวออกจากเคนทันที

 

 

「แล้ว ทำไมถึงจ้องไปที่เจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬงั้นเหรอ?……กังวลเกี่ยวกับเธอเพราะผู้ชายคนนั้นเหรอ?……」

 

 

คามิลล่าเหลือบมองไอริสและแสดงท่าทีครุ่นคิดถึงการที่ลิซ่ากังวล แต่ดูเหมือนว่าจะแสดงใบหน้าแสนขมขื่นออกมา

 

 

「หนอย! หมอนั่นนี่อภัยให้ไม่ได้! รอบนี้ฉันจะช่วยลิซ่าเองเพราะฉะนั้นเข้าไปหาไอริสกันเถอะ อยากจะตบสักป้าบ! คิดไหมว่าลิซ่าต้องเจ็บเพราะหมอนั่นแค่ไหนน่ะ」

 

 

เธอไม่พอใจและโกรธอย่างมาก

 

 

เธอเป็นคนที่อยู่กับลิซ่าตั้งแต่ปีหนึ่ง เรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทเลยก็ว่าได้

 

 

ก็อย่างที่เห็นเธอเองก็เป็นเด็กห้อง 1 เธอก็เก่งมากอีกด้วย และเมื่อโนโซมุกับลิซ่าเดทกันในปีแรกตัวเธอก็คอยเอาใจเชียร์ลิซ่าเต็มที่

 

 

แต่เมื่อข่าวลือของโนโซมุแพร่สะบัด เธอก็เข้าไปคุยกับลิซ่าและได้ฟังเรื่องราวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย

 

 

ตั้งแต่นั้นมาเธอก็เหมือนลิซ่า เกลียดโนโซมุเข้าไส้

 

 

「ก็นะ ขอให้สมหวังละกันเดี๋ยวสักพักก็เบื่อกันเองและเลิกกันไปนั่นล่ะ」

 

 

เคนวิจารณ์เช่นนั้นแต่คามิลล่ากับส่ายหัว

 

 

「หายากนะที่นายจะต่อว่าหมอนั่น ปกติจะพูดดีๆแบบนั้นกับหมอนั่นไม่ใช่เหรอ」

 

 

อย่างที่คามิลล่าพูดเคนเริ่มไม่เห็นใจโนโซมุเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เขาดูเปลี่ยนไป

 

 

ตอนแรกเธอก็คิดว่าเคนก็ยังเป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่

 

 

เคนนั้นทำให้โนโซมุและลิซ่าต่างสับสน คอยทำตัวเป็นตัวกั้นกลางระหว่างทั้งสอง และทำตัวเป็นเหมือนไม้กันหมาให้กับลิซ่าไม่ให้เขาเข้ามายุ่ง เขาพยายามจะทำตัวปกป้องโนโซมุด้วยเหตุผลบางอย่าง จนทำให้โนโซมุนั้นเกิดความขัดแย้งในตัวเอง

 

 

อย่างไรก็ตามเคนที่คิดว่าโนโซมุโดนกำจัดไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป และเปลี่ยนพฤติกรรมมาเป็นเช่นเดียวกับคนรอบข้าง

 

 

อย่างไรก็ตามการที่ตัวเขาเปลี่ยนไปแบบกระทันหันก็ทำให้รอบข้างเริ่มสงสัย

 

 

ในทางกลับกันเขาอาจจะเตรียมการอะไรบางอย่าง……。

 

 

「วันก่อนน่ะ…คิดว่าน่าจะที่”เรือนร่างของโค”? ข้าที่เข้าร้านไปพร้อมกับลิซ่า ก็บังเอิญเจอโนโซมุเข้าและตอนนั้นเขาก็ถามลิซ่าว่า “ทำไมเธอถึงได้หวั่นไหว”น่ะ」

 

 

「……อะไรละนั่น! อิหยังวะ!!」

 

 

เมื่อฉันได้ยินคำพูดของเคน ฉันก็นึกถึงลิซ่าที่เจอกับเขาให้ช่วงฤดูร้อนของปี เธอล้มตัวลงนอนอยู่ในห้องและร้องไห้ฟูมฟายเพราะโนโซมุนอกใจเธอ

 

 

คามิลล่าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น แต่ลิซ่าก็ไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าอย่างเดียว

 

 

ในท้ายที่สุดลิซ่าก็ไม่พูดอะไรจนกระทั่งเคนเข้ามาพูดกับเธอ

 

 

เมื่อเคนพูดกับลิซ่า เธอก็เงยหน้าขึ้นเธอนึกถึงเพื่อนสมัยเด็กของเธอที่เธอโหยหา

 

 

ลิซ่านั้นตกตะลึงแล้วตกใจว่าทำไมพวกคามิลล่ามาอยู่ที่นี่ แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเธอก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

 

 

และในที่สุดน้ำตาเหล่านั้นก็เอ่อล้นออกมา เธอเริ่มร้องไห้

 

 

เธอร้องไห้ประมาณชั่วโมงหนึ่งได้ หลังจากสงบใจลงได้แล้ว ฉันก็โกรธมากขึ้นกว่าเดิมตอนที่ได้ยินเรื่องราวจากเธอ

 

 

「เมื่อได้ยินอย่างนั้นข้าเองก็แปลกใจ จนถึงตอนนี้ ข้าคิดว่าโนโซมุเป็นปีศาจตัวน้อย แต่ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว」

 

 

เหตุผลที่เขาด่าโนโซมุเพราะตอนที่เจอกันที่”เรือนร่างของโค”

 

 

แล้วอีกอย่างที่โนโซมุทำก็คือการเผชิญหน้ากับความจริงว่าตัวเขาที่หนีความจริงมาตลอด กำลังจะสลัดเรื่องเล่านั้นทิ้งไปอีกครั้ง แต่คนที่เชื่อในข่าวลือทั้งหมด ก็ต่างเชื่อว่าเขาทำตัวเองทั้งนั้น

 

 

「……」

 

 

ขณะที่คามิลล่าและเคนพูดคุยกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น ลิซ่าก็หันไปมองไอริสอีกครั้ง

 

 

ไอริสกำลังเตรียมดาบเล่มโปรดของเธอ แต่เธอก็หันหน้ามาทางลิซ่า และจ้องกัน

 

 

「…………」

 

 

「…………」

 

 

ดวงตาของทั้งสองสบตากัน

 

 

ลิซ่าใจเต้นรัวและรู้สึกโกรธมากขึ้น แต่เธอก็ทำได้แค่หันหลังกลับ

 

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะละสายตาไป เสียงเต้นของหัวใจก็ยังไม่หายไป แม้ว่ามันจะแผ่วเบาก็ตาม

 

 

◇◆◇

 

 

「ไอ วันนี้ไปทำอะไรกันดี?」

 

 

ทิม่าคุยกับไอริสที่กำลังเช็คสภาพดาบ เธอเช็คดาบอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไร

อย่างไรก็ตามหากมองแวบแรกเธอกำลังเตรียมตัว แต่ทิม่าที่เป็นเพื่อนกับเธอมานานมองไอริสต่างออกไป เธอไม่ได้กำลังเตรียมตัว แต่คิดอย่างอื่น ไม่มีสมาธิอยู่ตรงนี้เลย

 

 

「……」

 

「……ไอ」

 

「เอ๊ะ?เอ่อ ขอโทษนะทิม่า มีอะไรงั้นเหรอ?」

 

 

ทิม่าจับจ้องไปทางไอริสที่หยุดมือกระทันหัน ทิม่าเห็นว่าเธอทำท่าทางไม่สบายใจและเธอค่อนข้างเป็นห่วงไอริส

 

 

「นี่ ไอ ฉันอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับลิซ่าและเพื่อนของเธอจังเลย?」

 

「……อาา นั่นสินะ」

 

 

สิ่งที่เธอสนใจตอนนี้ก็คือ ลิซ่า・เฮาวนด์

 

 

เธอเกือบจะแน่ใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสามคน แต่เธอก็ยังไม่ได้บอกใครกับเรื่องนี้

 

 

อย่างไรก็ตามฉันอยากจะคุยกับลิซ่าอีกครั้ง

 

 

เธอเป็นกุญแจสำคัญที่จะสามารถแก้ไขความสัมพันธ์ของทั้งสามได้

 

 

บางทีเป็นเพราะว่าฉันชอบเขาอยู่ก็ได้ เมื่อคำนึงถึงสิ่งนั้นไอริสก็รู้สึกว่าใจเต้นรัว

 

 

 

「……งั้นจะทำไงล่ะ?」

 

「พูดตามตรงอยากจะคุยกับเธออีกครั้ง เธอเองก็ดูท่าทางจะเป็นห่วงพวกเราด้วยนี่ ดูนั่นสิ?」

 

「เอ๊ะ?」

 

เมื่อทิม่าจ้องมองไปที่ลิซ่าก็เห็นลิซ่าจ้องมาทางนี้เช่นกัน

 

 

ฉันไม่รู้หรอกว่าสีหน้าที่เธอจ้องมาเป็นเช่นไร ไม่รู้ด้วยว่าเธอคิดอะไรอยู่ ไม่ใช่เพราะว่าเธออยู่ไกล แต่เพราะใบหน้าของเธอไร้อารมณ์

 

 

สิ่งที่ทำให้ฉันนึกถึงคือข่าวลือของโนโซมุที่แพร่สะบัดทั่วสถาบัน

 

 

ไอริสตระหนักแล้วว่าข่าวลือนั่นไม่จริงและอยากจะช่วยเขา

 

 

สำหรับเธอแล้วโนโซมุคือผู้มีพระคุณที่ช่วยน้องสาวและตัวเธอไว้ เขาเป็นตัวตนที่ไม่มีใครมาแทนได้

 

 

เลยอดไม่ได้ที่เห็นเขาต้องถูกกดขี่เช่นนี้และอยากจะทำอะไรสักอย่างให้มันดีขึ้น แต่ชื่อเสียงแย่ๆที่หยั่งรากลึกมาตลอด 2 ปี มีเธอเพียงคนเดียวก็คิดว่าทำอะไรไม่ได้แน่ๆ

 

 

อย่างน้อยฉันก็ต้องรู้จักทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับโนโซมุในสมัยเด็ก โนโซมุ ลิซ่า และเคน เพื่อกำจัดความเข้าใจผิด แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าหา

 

 

ตอนแรกฉันก็อยากจะถามตรงๆจากปากของโนโซมุเลยคุยกับพวกมาร์แต่ตอนนั้นทิม่าเองก็เป็นคนห้ามพวกเราไว้

 

 

 

บางทีอาจจะเป็นความจริงอย่างที่เธอว่า

 

 

มันจะดีที่สุดที่ให้โนโซมุบอกออกมาด้วยปากของตัวเขาเอง

 

 

อย่างไรก็ตาม ตัวฉันที่รู้สึกขัดใจกับข่าวลือพวกนี้ทนไม่ไหว ฉันอยากจะเป็นประโยชน์ให้กับเขา ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็พอจะเดาเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสามคนได้แล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ เธอรู้สึกถึงกำแพงบางๆที่โนโซมุสร้างขึ้นมาเพื่อกั้นพวกเราไว้

 

 

เห็นได้ชัดว่าเขารับภาระมากมายไว้คนเดียว แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะเปิดเผยมันให้ใครฟัง

 

 

ฉันพยายามฝืนยิ้มออกมาจากใจ แสดงรอยยิ้มให้เขาเห็นอย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันทำได้เพื่อให้กำลังใจเขา

 

 

รอยยิ้มจอมปลอมที่เหมือนกับที่เขาเห็นบ่อยๆนั่นล่ะ

 

 

มนุษย์นั้นมักปกปิดใบหน้าด้วยรอยยิ้มเหมือนหน้ากากที่ปิดบังจิตใจของตัวเอง สำหรับตระกูลฟรานซิสแล้วพวกเราถูกสอนมาให้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีเข้าสังคมและการทำรอยยิ้มจอมปลอมนี่เพื่อไม่ให้บุคคลอันตรายมาเข้าใกล้พวกเรา มาหลอกใช้งาน

 

 

แน่นอน ฉันรู้ว่าโนโซมุและศัตรูหัวใจของเขาต่างก็มีความชอบที่ไม่ลงรอยกัน แต่รอยยิ้มที่โนโซมุหัวเราะและยิ้มออกมาจากใจจริง มันก็อดทำให้ฉันอมยิ้มไม่ได้เลย รอยยิ้มเหล่านั้นมันทำให้ฉันอยากรู้จักเขามากขึ้นไปอีกขั้น

 

 

 

อยากรู้จักให้มากกว่านี้ แต่เขาไม่เคยบอกอะไรฉันเลย

 

 

แม้ว่าอยากจะรู้ แต่เขาก็ไม่สามารถบอกเราได้

 

 

ฉันอยากจะรู้จักเขา อยากให้เขายิ้มออกมาจากใจจริงที่ไม่เสแสร้ง

 

และไอริสในตอนนี้เธอไม่อยากจะพูดว่าตัวเธอหงุดหงิดแค่ไหน

 

 

「……เพราะงั้นคาบเรียนนี้แหละจะต้องได้คุยกัน」

 

 

เธอจ้องมองไปที่ลิซ่าด้วยสายตามุ่งมั่น

 

 

◇◆◇

 

 

เมื่อชั้นเรียนเริ่มต้น ไอริสเป็นคนแรกที่เสนอจะสู้กับลิซ่า

 

 

โดยพื้นฐานแล้วก็เช่นเดียวกับคาบเรียนทั่วไป เป็นการต่อสู้แบบกลุ่ม

 

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีนักเรียน 5 คน ที่เป็นแรงค์ A ที่มีความสามารถโดดเด่น พวกเขาจะเพิ่มแรงค์ A ให้แบ่งไปแต่ละปาร์ตี้เท่าๆกัน

 

 

แต่คราวนี้ไอริสขอสู้ตัวต่อตัวกับลิซ่า

 

 

ในตอนแรก จิฮัดเองก็สงสัย แต่เขาก็ยอมรับข้อเสนอของเธอเพราะเธอเป็นถึงแรงค์ A

 

 

「…………」

 

「…………」

 

 

เด็กสาวผมดำและผมแดงหันหน้าเข้าหากันโดยมีของพิเศษอยู่ตรงกลางสนามฝึก ไอริสยกดาบขึ้นมาและยื่นตรงไปทางลิซ่า ลิซ่าถือดาบในมือขวาและถือมีดสั้นในมือซ้ายและย่อตัวลง

 

 

เพื่อนร่วมชั้นต่างล้อมรอบพวกเธอเพื่อเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างสองคนที่กำลังจะเริ่ม

 

 

ทั้งสองต่างสบตากัน และต่างนึกถึงชายคนเดียวกันที่กุมชะตาของทั้งสองเอาไว้

 

 

「ถ้างั้นละก็….เริ่มได้!」

 

 

ไอริสเคลื่อนไหวทันทีที่จิฮัดส่งสัญญาณ

 

 

เธอยื่นดาบไว้ด้านหน้าและเปิดใช้ความสามารถ “ปรับใช้ทันที”สร้างกระสุนเวทย์สีดำออกมาห้านัดและพุ่งเข้าหาลิซ่า

 

「ฟู่!」

 

ลิซ่าร่ายเวทย์ไว้ล่วงหน้ามีบาเรียที่มองไม่เห็ฯป้องกันกระสุนเวทย์ของไอริส

 

 

ลิซ่าร่ายเวทย์ต่อไปทั้งๆที่มองดูกระสุนเวทย์ของไอริส

 

 

พลังเวทย์ห่อหุ้มร่างกายและเพิ่มความสามารถทางกายภาพ

 

 

ลิซ่าพุ่งออกไปด้วยความสามารถทางกายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีบาเรียคอยปกป้องตัวเธอ ทันใดนั้นไม่นานเธอก็ถมช่องว่างระหว่างไอริสได้ทันที

 

 

ความเร็วมันไม่ใช่ความเร็วที่มาจากการเสริมพลังกายตามปกติ มันเป็นความเร็วที่มากกว่าเสริมพลังกายปกติถึงสองเท่า

 

 

ไอริสยอมแพ้ในการหยุดดาบของเธอและสร้างบาเรียขึ้นมาเช่นเดียวกับลิซ่าที่เร่งโจมตี

 

 

บาเรียเวทย์ทั้งสองชนกันและเสียงที่ชนกันนั้นทำให้พวกเธอกระเด็นออกมาทั้งคู่ สุดท้ายบาเรียก็แตกออก ลิซ่าแทงดาบในมือขวาของเธอไปทางไอริส

 

 

ไอริสเองก็ใช้เวทย์เสริมพลังกายและปัดดาบของลิซ่าด้วยดาบของเธอ

 

 

เมื่อมองไปทางลิซ่าที่รีบร้อน ดาบของเธอที่เหวี่ยงออกมาด้วยเสริมพลังกายที่มากกว่าปกติสองเท่า จะทำให้เธอปลิวได้เลยถ้าโดนตรงๆ แม้แต่ไอริสก็ไม่เว้น

 

 

อันที่จริงตัวเธอรีบแบบนี้เป็นไปได้เพราะเธอจะเปิดใช้ความสามารถของเธอ

 

 

ความสามารถของลิซ่า“แม่มดเนวี่(ニベエイの魔手)”

 

 

ความสามารถในการแทรกแซงเวทย์และเพิ่มประสิทธิภาพของพลังเวทย์เป็นสองเท่า

 

 

ลิซ่าใช้ความสามารถนั่นในการเสริมพลังกาย และแทรกแซงเวทย์ของไอริส

 

 

ลิซ่ารับดาบด้วยแรงของเธอ  และพยายามฟันไปที่ไอริสอีกครั้ง

 

 

ทว่าไอริสเองก็เล็งไปตอนที่ลิซ่าดึงดาบออกมา และใช้ความเบาของดาบเธอนั้นแทงไปที่ไหล่ของเธอ

 

 

อย่างไรก็ตามลิซ่าเองก็เป็นถึงแรงค์ A เช่นเดียวกับไอริส เธอกวัดแกว่งมีดสั้นอย่างใจเย็นและปัดป้องดาบด้วยแรงผลักของไอริสและคราวนี้เธอใช้ดาบแทงไปที่ลำตัวของเธอ

 

 

ทั้งสองต่างรุกและรับอย่างเร่าร้อน

 

 

ภายในไม่กี่วินาทีคมดาบมากมายถูกวาดขึ้นมาเป็นประกายและกระทบกันจนดังสนั่นไปทั่ว

 

 

พวกเธอผลัดกันโจมตีมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ทันใดนั้นไอริสก็ถอยกลับ

 

 

วินาทีต่อมาลิซ่าแทงดาบของเธอในทันที

 

 

ดาบนั่นฟันผ่านอากาศไป!บริเวณโดยรอบถูกกวาดออกไปพร้อมกับเสียง ความสามารถ “แม่มดเนวี่”ถูกใช้อีกครั้ง (Rekka battou)

 

 

ลิซ่าพยายามใส่พลังเวทย์ลงไปในร่างกาย แต่ไอริสเองก็ใช้มือเดียวกันการโจมตีเธอถึงสองครั้ง

 

 

พื้นดินระหว่างไอริสและลิซ่าต่างยกสูงขึ้น เผยให้เห็นกำแพงหินขนาดใหญ่

 

 

เวทย์ดินของไอริส “กำแพงปราสาททราย”

 

 

เวทย์ที่ใช้ออกมาเป็นเวทย์ที่ใช้ทรายจากพื้นที่โดยรอบสร้างเป็นกำแพงสุดแข็งแกร่งชั่วคราว กำแพงที่สร้างขึ้นมานั้นแข็งแรงเป็นอย่างมาก แต่ต้องส่งพลังเวทย์เพื่อคงสภาพไว้ เป็นเวทย์ได้เรียกขานว่า กำแพงปราสาทบนผืนทราย เพราะมันจะกลับกลายเป็นทรายทันทีที่พลังเวทย์หมด

 

 

จุดประสงค์ของไอริสคือซื้อเวลา

 

 

ความสามารถของลิซ่า “แม่มดเนวี่”ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเวทย์ต่างๆเป็นสองเท่า แต่หลังจากเปิดใช้งานความสามารถแล้วจะไม่สามารถใช้ได้ชั่วขณะหนึ่ง และครั้งก่อนก็ใช้ไปจนครบเวลาแล้ว

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ยิ่งลิซ่าใช้ความสามารถ”แม่มดเนวี่มากเท่าไรก็จะยิ่งเสียเปรียบมากเท่านั้น

 

 

ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาชนะไอริสที่สามารถใช้ “ปรับใช้ทันที”ได้ ลักษณะของลิซ่าคือการพัฒนาพลังเวทย์ที่ใช้ขึ้นชั่วขณะเป็นสองเท่า เพื่อตอบโต้ไอริสนั่นเอง

 

 

แต่ลิซ่าเองก็รู้จุดประสงค์ของไอริสเช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เธอใช้มันในระยะเวลาสั้นๆ

 

 

ลิซ่ายื่นมือขวาออกไปและส่งพลังเวทย์ไปที่ดาบ ใบมีดนั่นกลายเป็นสีแดงสดและครู่ต่อมาใบมีดนั่นก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง

 

 

สิ่งที่เธอทำก็คือเวทย์เสริมพลังมันเป็นเวทย์ที่เสริมพลังโจมตีให้กับเธอ

 

 

เวทย์ที่เธอใช้คือ“วังวนระเบิดอัคคี(爆炎の渦)”เป็นเวทย์โจมตีตามชื่อ มันเป็นเวทย์ที่จะกระจายเปลวเพลิงไปรอบๆและเป่าวัตถุโดยรอบจนกระเด็นออกไปจนหมด

 

「ฟู่~~」

 

 

ลิซ่ารวบรวมเปลวเพลิงไว้บนใบมีดขณะหายใจออกหลังจากยืนยันพลังเวทย์ที่สถิตย์อยู่ในดาบเธอก็วิ่งเข้าไปที่กำแพงตรงหน้าเธอ

 

 

ด้วยความแข็งแกร่งที่เธอใช้ความสามารถ “แม่มดเนวี่” เธอเร่งความเร็วและฟาดดาบสีแดงเพลิงเข้าไปในผนัง

 

 

วินาทีต่อมา เสียงคำรามและเปลวเพลิงก็ดังขึ้นทำให้เกิดรูที่กำแพงขนาดใหญ่

 

 

ลิซ่าพุ่งเข้าไปในรูนั้นและพุ่งเข้าหาไอริสทันที

 

 

ในทางกลับกันไอริสเองก็พร้อมต้อนรับลิซ่าอยู่แล้ว

 

 

「ย๊าาาาาาาาา!!」

 

 

ฉันไม่คิดเลยว่าจะรีบเร่งใช้”แม่มดเนวี่”ขนาดนี้ ลิซ่าแทงดาบในมือขวาเข้าหาไอริส

 

 

ไอริสใช้เวทย์ขั้นสูงกับดาบของเธและฟันไปที่หน้าของลิซ่า

 

「คุ!!」

 

「อึก!?」

 

 

เสียงเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาจากปากของไอริสแต่เธอก็กัดฟันแน่น

 

 

ลิซ่าตกใจไม่คิดว่าจะโจมตีไอริสโดน

 

 

เหตุผลที่ไอริสยอมรับการโจมตีก็คือการเสริมพลังทางกายภาพซ้ำๆด้วย”ปรับใช้ทันที”

 

 

จนกว่าลิซ่าจะพังกำแพงทรายตรงหน้า ไอริสเองก็ใช้เวทย์ซ้อนทับหลายครั้งเพื่อเพิ่มความสามารถทางกายภาพชั่วคราวเป็นการทดแทน

 

 

อย่างไรก็๖าม การควบคุมเวทย์หลายๆอย่างพร้อมกันต้องใช้สมาธิขั้นสูงและพลังจิตมหาศาลและพลังในการควบคุมพลังเวทย์ และแม้จะเป็นการกระทำที่บ้าบิ่นแต่ไอริสนั้นต่างจากลิซ่าที่สามารถเสริมพลังเวทย์สองเท่าได้ ไอริสโดนลิซ่าผลักกระเด็นเล็กน้อย

 

 

(อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังเผชิญหน้ากับลิซ่าที่อยู่ตรงหน้า!)

 

 

ไอริสตั้งเป้าที่จะหาโอกาสคุยกับลิซ่า

 

 

เมื่อก่อนก็สงสัยเคนอย่างมากพยายามแยกเคนออกจากลิซ่าและหันหน้ามาคุยกัน เธอจึงใช้ประโยชน์จากการต่อสู้จำลองเนี่ยในการคุยซะเลย

 

 

「ลิซ่าคุง เธอคิดว่าโนโซมุน่ะนอกใจเธอจริงเหรอ?」

 

「อะอะไรกันเล่า」

 

 

ลิซ่าอารมณ์เสียทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ไม่คิดว่าจะโดนถามเรื่องแบบนี้อีก

 

 

「เธอต้องรู้นะ ว่าเขานะพยายามมากแค่ไหนเพื่อจะคืนดีกับเธอ」

 

 

โนโซมุและลิซ่าใช้เวลาอยู่ร่วมกันกับไอริสมากกว่าเยอะ แต่ไอริสที่พูดเช่นนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน

 

 

「แม้ว่าฉันจะอยู่กับเขาได้ไม่นาน เทียบกับเธอแล้ว ถึงแม้ฉันจะอยู่กับเขาด้วยระยะเวลาอันน้อยนิดแต่ฉันก็พอเข้าใจว่าเขาเป็นคนยังไง เธอที่อยู่กับเขามาตั้งนานน่ะไม่รู้จริงๆเหรอ」

 

 

ไอริสยังคงพูดต่อไป แต่ลิซ่าก้มหน้าลง

 

 

「เขาไม่ใช่คนแบบที่เธอคิดหรอกนะ! สิ่งนี้น่ะฉันยืนยันได้เต็มปาก!」

 

ไอริสพูดถึงโนโซมุ เธอไม่รู้จะพูดอะไรกับลิซ่า เธอเลยพูดออกไปตามความรู้สึกของเธอ

 

 

「……เธอนี่มัน「……แล้วทำไมหมอนั่นถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?」……เอ๊ะ?」

 

 

ไอริสพยายามจะพูดต่อ แต่ลิซ่าก็เปิดปากพูด

 

 

「ที่เขาไม่ได้พูดจนถึงตอนนี้นั่นก็เป็นเหตุผลในการยืนยันเรื่องที่เขานอกใจฉันไม่ใช่เหรอไง……ฉันน่ะโดนโนโซมุหักหลังนะตอนนั้นยามที่ฉันเศร้าเขาก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมองมีเพียงคามิลล่าและเคนที่เข้าหาฉัน ผู้ชายแบบนั้นน่ะ……เขาไม่ยอมมาหาฉันเลยด้วยซ้ำ」

 

 

ในขณะนั้นโนโซมุฝึกฝนอย่างหนักทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อต่อต้านความกดดัน

 

 

ในเขตแถวชานเมือง เขาฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

ตั้งแต่ปีแรกโนโซมุและลิซ่าถูกแยกออกจากกันด้วยความสามารถที่ต่างชั้น และโนโซมุมัวแต่ฝึกจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลิซ่า

 

 

ตอนที่เขาฝึกที่ชานเมือง เขาถามเคนว่าทำไมลิซ่าไม่มาด้วย เคนก็ตอบเขาว่าลิซ่าป่วยจนมาเไม่ไหวและพยายามไล่โนโซมุให้ห่างจากลิซ่ามากที่สุด

 

 

แต่ลิซ่าไม่รู้เรื่องนั้นเลย

 

 

สำหรับเธอแล้ว โนโซมุคงเป็นไอ้สารยำที่ไม่เคยแก้ตัวหรืออธิบายอะไรให้กระจ่าง และเธอก็คิดว่าเขาทรยศเธอเองโดยไม่ได้พิจารณาเลยว่าเคนเป็นตัวต้นเหตุนั่น โนโซมุเองก็หนีที่จะเผชิญหน้ากับลิซ่า โนโซมุไม่มีหน้าที่จะพบเธอต่างหาก

 

 

「แต่ตอนนี้มันเป็นแบบนั้นแล้วนี่……อย่ามาให้ฉันดูเป็นคนโง่หน่อยเลย!!!」

 

 

พลังเวทย์ระเบิดออกมาจากร่างของเธอ เธอผลักไอริสกลับทันทีจากนั้นปล่อยดาบออกมา

 

 

「หนอยยยยยยยยย!!」

 

「ย๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!」

 

 

ดาบนั่นโดนปัดออกและเข้าหาลิซ่า

 

 

อย่างไรก็ตามไอริสก็เหมือนกับเธอ เธอสร้างกระสุนเวทย์ออกมาด้วย “ปรับใช้ทันที”และกระหน่ำยิงจากระยะใกล้

 

 

ดาบถูกเหวี่ยงเข้าไปที่ท้องของไอริสและเป่าเธอกระเด็นออกไป

 

 

ลิซ่าไม่ได้ป้องกันกระสุนเวทย์ เช่นเดียวกับดาบที่พุ่งเข้าใส่ท้องของไอริส

 

 

「อั่ก!!!」

 

「อึก!!」

 

 

โดยปกติอาวุธสำหรับฝึกมันไม่มีคม แต่การฟันที่เสริมพลังด้วย “แม่มดเนวี่”ก็พอที่จะทำให้ไอริสหมดสติได้เลย ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะหมดสติ

 

 

ทันทีก่อนที่จะหมดสติไอริสรู้สึกสิ้นหวังที่ไม่สามารถแก้ไขความเข้าใจผิดได้ ในขณะที่ล้มฟุบลงไปที่พื้น ลิซ่าเองก็กำลังร้องไห้อยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าอันแสนบิดเบี้ยว ในเวลาเดียวกัน ฉันเองก็รู้สึกเจ็บใจอย่างมาก

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท