พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 66

ตอนที่ 66

Ch.66 – บทที่ 5 ตอนที่ 13

Provider : รินคะน้า

 

บทที่5ตอนที่13

 

 

「เน่ โนโซมุ! คิดจะไปไหนกันละเนี่ย!?」

 

 

「ไปทางทิศตะวันตกของเขตฝึกพิเศษ!แถวนั้นเป็นที่ซ่อนชั้นดีเพราะมีต้นไม้ตั้งรกรากมากมาย!」

 

 

โนโซมุให้คำแนะนำแก่เพื่อนๆที่ถามอย่างร้อนรน ตามคำบอกเล่นของโนโซมุตรงนั้นมีเนินเขาเล็กๆอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะมีป่าปกคลุมมากมาย และการเฝ้าสังเกตจากที่สูงนั้นไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนัก

 

 

ทางด้านตะวันออกของพื้นที่ฝึกพิเศษมีถนนไปทางเมืองอาร์คาซัม แต่ไม่มีภูมิประเทศที่เป็นลักษณะจำเพาะเหมือนที่อื่นๆ

 

 

ตอนแรกก็วางแผนจะสร้างฐานบนเนินเขาเล็กๆ จริงอยู่ว่าไม่มีต้นไม้ที่สูงถึงยอดเนิน ทำให้มองเห็นศัตรูที่เข้ามาใกล้ได้ง่ายแต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่มีที่ให้ซ่อนตัว จึงทำให้ต้องเข้าสู้กับอีกฝ่าย

 

 

ไม่ว่ามาร์จะเก่งแค่ไหนหากโดนบุกโจมตีอย่างรวดเร็วก็จะแพ้ในทันที

 

 

ดังนั้นโนโซมุจึงหลีกเลี่ยงด้านเนินเขาและเลือกที่จะซ่อนตัวภายในป่า

 

 

ผมเลือกที่จะไปทางทิศตะวันตกซึ่งมีต้นไม้มากมาย……。

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก นี่ โนโซมุ!ข้างหลัง ข้างหลังงงง!!」

 

 

「กำลังตามมาอยู่แนะ!!」

 

 

แฮมเรียและคามี่ส่งเสียงมาจากด้านหลังดูเหมือนจะมีทีมที่แอบตามพวกโนโซมุมา

 

 

「รู้แล้วล่ะ! วิ่งต่อไปเถอะ!」

 

 

โนโซมุบอกให้วิ่งต่อไปแฮมเรียที่อยู่ข้างๆคามี่กำลังเหนื่อยจัด

 

 

 

 

「เน่ โนโซมุ! ข้าว่าไปสู้กับพวกมันจะดีกว่าไหม!?」

 

 

「ไม่ได้หรอก! ทีมอื่นๆยังไม่ค่อยแยกจากกันเท่าไรเลย!สู้ตอนนี้จะกลายเป็นการตะลุมบอลเสียมากกว่าเพราะฉะนั้นต้องรอ!!」

 

 

โนโซมุซึ่งกลัวว่าจะกลายเป็นการตะลุมบอล สำหรับฝ่ายโนโซมุที่มีพลังน้อยกว่าแล้วต้องหาวิธีที่ได้คะแนนมาอย่างปลอดภัย พวกโนโซมุเองก็เป็นห้องระดับต่ำๆคงจะมีเป้าหมายที่เล็งมาทางพวกเขาน้อยเพราะชิงไปได้ก็ได้คะแนนน้อยอยู่ดี

 

 

หากหยุดในสถานการณ์ตอนนี้โดนพวกนั้นกินนิ่มแน่ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่โนโซมุคิดว่าควรเว้นระยะห่างให้มากที่สุดและรอรับมือ

 

 

「อ่าาา! มันเล็งมาทางนี้แล้ว!」

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกระยะค่อนข้างห่างกันพอสมควร! ตอนนี้คิดแค่ว่าวิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวก็พอแล้ว!!」

 

 

กระสุนเวทย์มากมายต่างถูกยิงมาทางนี้ ทอมมี่กรีดร้องกับสถานการณ์ตรงหน้าแต่โนโซมุที่วัดจากระยะห่างแล้วก็ค่อนข้างใจเย็น และบอกให้พวกเขาวิ่งต่อไป ในความเป็นจริงแม้ว่าเวทย์จะเยอะแค่ไหนแต่ก็ห่างไกลมากนักและยังมีต้นไม้รอบๆที่ป้องกันการโจมตีให้พวกเรา

 

 

เดิมทีนักเรียนพวกนี้ก็แค่สู้กันในสนามฝึกเพียงอย่างเดียว พวกเขาไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ในพื้นที่ๆหลากหลาย อย่างเช่น ป่า

 

 

แน่นอน ว่าพวกเขาไม่มีประสบการณ์การเข้าป่าเหมือนโนโซมุ นักเรียนจำนวนน้อยนักที่จะรับคำขอและมาทำภารกิจภายในป่า พวกเขาเหล่านั้นที่มีจำนวนน้อยอยู่แล้วต่างก็ตื่นเต้นกับการฝึกพิเศษจนลืมไปว่าที่ต่อสู้เป็นป่ากันไปหมด

 

 

「บ้าเอ้ย! รอด้วยสิวะ!!」

 

 

ปาร์ตี้ที่ไล่ตามพวกเรามาตะโกนไล่หลังมาและปล่อยเวทย์มาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามมันไม่โดนพวกเราแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งร่ายเวทย์ก็ยิ่งห่างจากพวกโนโซมุ

 

 

ปาร์ตี้ของโนโซมุยังคงวิ่งต่อไป ไม่นานนักพวกเขาก็ได้จุดดักซุ่ม

 

 

◇◆◇

 

 

「……ฟู่ ดูเหมือนจะเริ่มแยกกันแล้วนะ」

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……งั้นเหรอ ค่อยยังชั่ว」

 

ในที่สุดพวกโนโซมุก็หยุดหลังจากยืนยันว่าไม่มีใครตามมาแล้ว สมาชิกคนอื่นๆก็ถอนหายใจ บางทีอาจจะเพราะโล่งใจแล้วที่แฮมเรียรอดจากสถานการณ์ชวนเหนื่อยมากที่สุด

 

 

หลังจากจิบน้ำจากขวดน้ำและหายใจเข้าเพื่อสูดอากาศ โนโซมุก็หยิบแกนไม้ที่พันด้วยด้ายจากกระเป๋าออกมา

 

「……โนโซมุ จะทำอะไรน่ะ?」

 

「ในขณะนี้ก็จะทำอุปกรณ์เตือนภัยเอาไว้น่ะ ระหว่างนี้ก็ช่วยยืนยันสกิลของแต่ละคนทีนะได้ไหม? มาร์เองก็ฝากด้วยนะ」

 

โนโซมุเริ่มลงมือทำงานตามแผนของเขา จากนั้นก็พันด้ายรอบๆต้นไม้จนกลายเป็นพื้นที่วงกลมรอบๆพื้นที่ปาร์ตี้ของพวกเขา ในที่สุดหลังจากพันมันหลายๆรอบ โนโซมุก็กลับไปที่ตำแหน่งเดิมและเมื่อปลายของอีกด้านผูกกับแกนไม้ ก็โดนยึดกับต้นไม้โดยสมบูรณ์

ถ้ามีคนเข้ามาละก็แกนไม้ที่ผูกด้ายไว้จะล้มลงและแจ้งให้รู้ว่ามีคนบุกเข้ามาหาแล้ว เป็นอุปกรณ์เตือนภัยง่ายๆ

 

 

มาร์ถามถึงสกิลของจินขณะที่โนโซมุกำลังสร้างตาข่ายเตือนภัย เมื่อมาร์ฟังจบก็โนโซมุก็ทำเสร็จพอดี

 

「งั้นเรามาทำฐานกันเถอะ จะได้วางกับดักรอบๆตัวได้」

 

「นี่ โนโซมุจะสร้างกับดักอย่างเดียวเหรอ? มันก็ดีหรอกนะสำหรับการตั้งรับแต่ว่ามันไม่ดูขี้เกียจไปหน่อยเหรอ แบบนี้จะได้คะแนนเยอะพอเหรอ……」

 

มาร์บ่นกับโนโซมุ แน่นอนสถานการณ์มันจะไม่ดีขึ้นแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะค่อยๆหายไปก็เถอะ ทางที่ดีควรลงมือแต่เนิ่นๆ โดยเฝ้ามองสถานการณ์และคอยจัดการไปทีละฝ่าย

 

「รู้อยู่แล้วล่ะ แต่ว่ากำลังคิดแผนอยู่ งั้นลองมาฟังกันหน่อยไหมละ」

 

ทุกคนต่างฟังเรื่องของโนโซมุที่จะบอกแผนการให้ทุกคนฟัง แผนก็ประมาณนี้

 

 

ขั้นแรกแบ่งปาร์ตี้ของพวกเราออกเป็นสองส่วน หนึ่งคือทีมที่เป็นฝ่ายบุก อีกทีมเป็นฝ่ายป้องกันฐาน

 

 

ทีมฝ่ายบุกจะได้แก่ มาร์ ทอมมี่ และ คามี่ ทีมป้องกันจะได้แก่ โนโซมุ จิน เดร็ก และ แฮมเรีย

 

 

ทีมที่จะบุกจำเป็นต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งและความคล่องตัวในการต่อสู้สูง โนโซมุเลยเสนอชื่อมาร์ออกไป คามี่เองก็เคลื่อนไหวรวดเร็วพร้อมกับใช้มีดสั้น และ ทอมมี่ที่เป็นนักดาบ

 

 

นอกจากนี้ เนื่องจากจำเป็นต้องกันฐานด้วย โนโซมุที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ จินที่มีความสามารถในการดึงดูดฝ่ายตรงข้าม เดร็กที่สามารถโจมตีได้หลากหลาย และแฮมเรียที่เป็นนักเวทย์

 

 

กลยุทธ์ของโนโซมุคือทีมที่ทำหน้าที่บุกจะต้องไปไล่เก็บคะแนนมาให้ได้มากที่สุด ในขณะที่ทีมป้องกันจะคอยป้องกันฐานเพื่อไม่ให้คะแนนหลุดไปฝั่งตรงข้าม

 

 

 

「เน่ พวกเราจะไม่อยู่รวมกันจริงๆนะเหรอ? ถ้าอยู่รวมกันมันจะปลอดถัยกว่านะ……」

 

แฮมเรียออกความเห็นกับแผนการของโนโซมุด้วยความเป็นห่วง

 

 

ในความเห็นของเธอการอยู่ร่วมกันจะดีที่สุด แต่โนโซมุปฏิเสธ

 

「ไม่หรอก ถ้าอยู่รวมกันจะแย่กว่าเก่า ทีมป้องกันขอแค่ป้องกันได้ก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ ใช้เวทย์ตอดๆพวกมันไปเรื่อยๆถ่วงเวลาเอาไว้ หากโดนโจมตีก็แค่เคลื่อนที่ไปรอบๆป่า เท่านี้ทีมก็ไม่น่าจะโดนทำลายในทันที」

 

ทีมบุกของโนโซมุคือมาร์ที่มีพลังล้นเหลือ และแฮมเรียที่เป็นฝ่ายปราการสุดแกร่ง ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะใช้เวทย์ไม่ได้นะ แต่ว่าแฮมเรียเป็นนักเวทย์ก็น่าจะชำนาญที่สุด เพราะฉะนั้นวิธีกันฐานด้วยเวทย์ถือเป็นหัวใจหลักเลย

 

「นั่นเป็นเหตุผลให้คนแกร่งๆไปชิงแต้มมาไง พวกนั้นมีโอกาสเจอปาร์ตี้มากมายมากกว่าพวกเราที่คอยเฝ้าฐาน」

 

ฝ่ายป้องกัน อาจารย์เองที่รับหน้าที่เป็นสัตว์อสูรเองก็โจมตีไม่เลือกหน้าเพราะฉะนั้นจะปล่อยให้ทีมจมอยู่ที่เดียวไม่ได้ ในทางกลับกันฝ่ายเราจะโดนถล่มอยู่ฝ่ายเดียวและงานจะไม่เดินเลย

 

 

เพื่อกันอาจารย์ที่รับบทเป็นสัตว์อสูรเราจำเป็นต้องส่งหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปเพื่อไม่ให้บุกมาถึงฐานได้ ในกรณีเลวร้ายที่สุดดฝ่ายเราจะไม่เสียคะแนนจนหมด ก่อนที่จะจบการฝึก

 

 

ในกรณีเควสที่ได้ในจี้เป็นเควสค้นหาก็แค่นำมันไปส่งที่สำนักงานใหญ่ โอกาสในการซุ่มโจมตีก็ไม่ใช่ศูนย์ซะทีเดียว อย่างไรก็ตามหากลดจำนวนคนลงและรีบไปให้ไวที่สุดโอกาสจะโดนเจอจะน้อยกว่าเกาะกลุ่มไป ยิ่งคนน้อยยิ่งเคลื่อนไหวได้สะดวก

 

 

นอกจากนี้ มาร์ที่มีพลังแข็งแกร่งและทะลวงฝ่ายตรงข้ามได้ก็สามารถผ่านสถานการณ์นั้นไปได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

「แต่ว่าไม่เป็นไรงั้นเหรอ?กองหน้าดี แต่กองหลังกลับไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควรเลยนะ?」

 

จินพูดด้วยท่าทีกังวลดูเหมือนว่าเขากังวลว่าทางฝั่งกันฐานจะเป็นฝ่ายแพ้เสียเอง

 

「ไม่จำเป็นต้องปกป้องฐานหรอกนะ งานนี้เน้นเอาตัวรอดไว้ก่อนและในกรณีฉุกเฉินทิ้งฐานไปได้เลย ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะบอกเอง」

 

โนโซมุหยิบหินออกมาสองก้อน เป็นหินที่โปร่งใส่เหมือนกับคริสตัลและมีรูปร่างได้สัดส่วน

 

「นี่คือ “หินแฝดบอกลาง” จะเรืองแสงสีแดงเมื่อได้รับแรงกระแทก และเมื่อเรืองแสง อีกอันก็จะเรืองแสงด้วย เป้นสัญญาณเอาไว้บอกว่าละทิ้งฐานทัพแล้ว จะใช้หินนี่เป็นตัวส่งสัญญาณ จริงๆก็ซื้อมาเอาไว้เผื่อเอาไว้กรณีหลงกับมาร์」

 

โนโซมุมอบอัญมณีบอกลางให้กับมาร์

 

「……อย่างงี้นี่เอง ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะรู้สถานการณ์ของทั้งสองฝ่าย」

 

「อืม ถ้างั้นจุดนัดพบอยู่ทางทิศเหนือจากที่นี่ มีต้นไม้ใหญ่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือบนแผนที่นี้และมีหินก้อนใหญ่อยู่ข้างๆต้นไม้นั่น หากไม่สามารถมารวมตัวกันได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ให้คิดว่าโดนจัดการไปแล้วก็แล้วกัน ถ้าผมโดนจัดการ จินจะคอยออกคำสั่งแทนผมและมาร์เองก็คอยรับคำสั่งและร่วมมือกับพวกจินด้วย」

 

เขาให้คำแนะนำยามเมื่อเขาถูกกำจัด เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีสูญเสียหัวหน้าทีมเขาเลยให้คำแนะนำ

มาร์เองก็จ้องมอง “หินแฝดบอกลาง”บนฝ่ามือและมองโนโซมุ

 

「……มาร์ มีอะไรที่ไม่เข้าใจรึเปล่า?」

 

「……ไม่เป็นไร เข้าใจทุกอย่างแล้วล่ะ」

 

มาร์ดูลังเลอยู่สักครู่ แต่เขาก็เก็บหินแฝดบอกลางไปโดยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

โนโซมุเองก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีแปลกๆของมาร์

 

「ถ้างั้นจะไปแล้วนะโนโซมุ ฝากที่เหลือด้วยล่ะ」

 

「อาา ระวังตัวด้วยนะ」

 

มาร์พยักหน้ารับคำพูดของโนโซมุและหายเข้าไปในป่าพร้อมกับทอมมี่และคามี่ โนโซมุยืนยันหลังจากเห็นพวกเขาหายไปแล้ว

◇◆◇

「……อูวววว」

 

「อั่ก……」

 

「โอววว……」

 

ทางด้านทิศใต้ของพื้นที่ฝึกพิเศษแสงแดดค่อยๆส่องลงมาทางทิศใต้ มีต้นไม้รกบังและป่าไม้ก็เริ่มมืดลงในเวลากลางวัน

 

 

เสียงครวญครางดังก้องอยู่ในป่าทึบๆมีนักเรียนประมาณ 10 คนนอนอยู่บนพื้น ทุกคนต่างเจ็บตัวกันทั้งนั้น

 

 

อย่างไรก็ตามจี้ของเหล่านักเรียนทั้งหมดต่างเรืองแสงสีแดง แสดงว่าโดนตัดสิทธิ์จากการฝึกพิเศษแล้ว ถ้าสังเกตดีๆน่าจะเป็นนักเรียนห้อง 3และ 4

 

「ฮะฮะฮะฮะ」

 

ในขณะเดียวกันมีเพียงนักเรียนคนเดียวที่กำลังถือดาบเผชิญหน้ากับใครบางคน ไม่รู้หรอกว่าหน้าตาเป็นยังไงเพราะแอบอยู่หลังต้นไม้ แต่เท่าที่เห็นเหมือนจะเป็นผู้หญิง คงเป็นคนที่ลอบโจมตีพวกเขา ทุกคนบอกได้เลยว่าเธอคนนั้นไม่ธรรมดาและสามารถเอาชนะนักเรียนห้อง3และ 4 จำนวน 10 กว่าคนได้

 

「หนอยยยยยยย!!」

 

ปาร์ตี้ของห้อง 4กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูสุดแกร่งในทัดใด นักเรียนชายที่ถือดาบพุ่งเข้าไปในเงามืด ไม่ว่าเพื่อนๆจะโดนจัดการยังไงเขาเองก็ต้องทุ่มสุดตัวแล้ว

เงานั่นยังคงเคลื่อนไหวขณะที่เคลื่อนไหวเหมือนเด็กๆวิ่งซน เงาวาบนั่นก็ตัดผ่านสามลมด้วยแขนของเธอ ในขณะนั้นเสียงบรรยากาศก็ระเบิดออก ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็พุ่งเข้ามาที่แขนของนักเรียนชาย

 

「อั่ก!」

 

นักเรียนชายคนนั้นร้องครวญคราง ความเจ็บปวดที่แขนกำลังซาลง และความก็มีท่าทีเร่งรีบ

 

「เวรเอ้ย!!」

 

นักเรียนชายคนนั้นพยายามลุกขึ้น อย่างไรก็ตามเงานั่นสะท้อนฟันแขนเขาอย่างรวดเร็วและทุกครั้งก็จะเกิดเสียงระเบิดอากาศ

 

「อั่ก! อึก!! ว๊ากกกกกก!!!」

 

ทุกครั้งที่เกิดเสียงระเบิดของอากาศจะมีเสียงร้องดังขึ้นและบาดแผลก็ถูกแกะสลักไปทั่วร่าง

สติของชายหนุ่มเริ่มขาวโพลนเนื่องจากความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วทั้งร่างไม่หยุดพัก ในที่สุดเขาก็ล้มลงกับพื้น ทันทีหลังจากนั้นจี้ก็เรืองแสงสีแดง ความเสียหายมันเกินกว่าที่กำหนดไว้

 

「อะอั่ก……」

 

「……ขอโทษน้าาาา~ไม่เป็นไรใช่ม้า~~?」

 

นักเรียนชายคนหนึ่งล้มลงกับพื้นและกำลังคร่ำครวญ เงาที่โผล่มาจากหลังต้นไม้ มีผมสีน้ำตาลยาวเป็นลอน เสียงที่ท่าทางผ่อนคลาย ดวงตาที่แสนริบหรี่ ตัวตนที่แท้จริงของเงานั่น คือ อันริ ・วาร์ ครูประจำชั้นของห้อง 10

เธอปฏิบัติต่อเหล่านักเรียนที่เธอทำลงไปด้วยท่าทางรู้สึกผิด บางทีอาจจะเป็นเพราะการรักษาของเธอเหล่านักเรียนก็เริ่มที่จะผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตามบาดแผลก็ยังคงเต็มตัวและพวกเขาก็ส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

「……ทุกโคนนน~ ขอโทษด้วยน้าที่ทำให้ต้องเจ็บตัวกันแบบนี้ เทเฮะ~~」

 

「อั่ก……。ทางนี้ก็เช่นกัน……เพราะมันคือการฝึกพิเศษ……」

 

อันริกล่าวขอโทษเหล่านักเรียน นักเรียนชายที่แพ้ไปก็ไม่โทษว่าเป็นความผิดของเธอ

 

「เอาจริงน้า~เค้าอยากจะพาทุกคนไปที่สำนักงานใหญ่ไวๆ~。……แต่ว่าขอโทษน้า~~」

 

「ไม่เป็นไรครับไม่ต้องห่วงพวกเรา………เชิญทำหน้าที่ต่อไปเถอะครับ……」

 

นักเรียนชายคนนั้นบอกเธอว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ

 

 

บทบาทของอันริคือเป้าหมายพิเศษกล่าวอีกนัยหนึ่งรับบทหน้าที่เป็นสัตว์อสูรสุดแกร่งที่จะโจมตีนักเรียนไม่เลือกหน้าและเป็นการปลุกระดมเหล่านักเรียนไม่ให้อยู่เฉยๆกับสถานการณ์ในตอนนี้

 

 

อันริน้ำตาคลอกับคำพูดของนักเรียนคนนั้น

 

 

เธอพยักหน้าเช่นนั้นและหายตัวเข้าไปในป่า ถึงอย่างนั้นเธอก็มองกลับมาด้วยความกังวล

 

 

อันริกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งน่าแปลกโนโซมุเองก็ตั้งฐานอยู่ที่นั่น

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน