บทที่ 15 หนอนกู่ที่ซ่อนอยู่เหนือน้องชาย
ชิงอวี่มองบุรุษตรงหน้า เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “คนผู้นี้…..”
ครั้งก่อนที่นางได้พบเขา เขายังเป็นบุรุษรูปงามทรงเสน่ห์อยู่เลย
เกิดอะไรขึ้นกับบุรุษผมกระเซิง เสื้อผ้าขาดวิ่น บนใบหน้ายังมีรอยช้ำเขียวผู้นี้กัน?
เมื่อไป๋จือเยี่ยนเห็นนาง ในสายตาก็ปกปิดแววความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ นางรอให้เขาเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน ทว่ากลับได้ยินเสียงปึงปังเกรี้ยวกราดดังมาจากด้านใน จากนั้นน้ำเสียงก่นด่าก็ดังตามมา “ไป๋จือเยี่ยนเจ้าคนสมควรตาย เจ้าภาวนาไว้เถอะว่าจะสามารถขังข้าเช่นนี้ได้ไปตลอด”
รอยยิ้มจางบนใบหน้าไป๋จือเยี่ยนพลันแข็งค้าง เขาคิดว่าครานี้คงหลีกหนีความตายไม่พ้นเป็นแน่แท้ เจ้านั่นคงอยากบีบคอเขาให้ตายเต็มทน…..
“เกิดอะไรขึ้น?” ชิงอวี่สังเกตเห็นสีหน้าเขา จากนั้นก็เดินผ่านเขาเข้าไปในตัวห้อง
ด้านในมีแสงเพียงนิด ที่ผนังมีหินที่สามารถส่งแสงเรืองออกมาท่ามกลางความมืดได้ถูกฝังไว้ ส่วนบนเตียงที่มีอยู่หลังเดียวในห้องแห่งนั้นมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งไขว้ขาอยู่
ร่างกายเขาดูแข็งเกร็ง นั่งอยู่บนนั้นไม่ขยับเขยื้อนแม้เพียงนิด
ชิงอวี่สงสัยในหัวใจยิ่งนัก นางเดินเข้าไปอีกสองสามก้าว จากนั้นก็พบว่าท่อนบนของบุรุษผู้นั้นไร้เสื้อผ้าปกปิด บนผิวขาวมีรอยสีแดงดูผิดปกติกระจายอยู่ทั่ว ส่วนนัยน์ตามีเสน่ห์ชั่วร้ายนั่น น่าแปลกที่ข้างหนึ่งมีสีม่วง ส่วนอีกข้างกลับมีสีน้ำเงินและแดงผสมวนเวียนกันอยู่ สีม่วงในนัยน์ตาข้างนั้นเกือบจะถูกกลืนหายไปจนสิ้น
เมื่อเห็นว่ามีคนผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ นัยน์ตาแปลกประหลาดข้างนั้นก็ตวัดมามองด้วยความเยียบเย็น
“คุณชายชิง หลบ!” ไป๋จือเยี่ยนที่ยังสับสนเผลอปล่อยให้นางเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นอีกทีนางก็เดินตรงเข้าไปหานายท่านแล้ว หัวใจเขาเกือบหยุดเต้นไปด้วยความหวาดกลัว
นัยน์ตาข้างที่มีสีน้ำเงินและแดงวนเวียนอยู่พลันปล่อยลำแสงน่าสะพรึงกลัวออกมาใส่ชิงอวี่
บนใบหน้าไป๋จือเยี่ยนมีแต่ความหวั่นเกรง เขาเตรียมตัวพุ่งเข้าไปช่วยเจ้าเด็กที่ยืนงงอยู่ตรงนั้นเต็มที่
ทว่าทันใดนั้น เขากลับเห็นว่าเงาร่างของเจ้าเด็กนั่นพลันหายไป
วินาทีต่อมา เงาร่างของเด็กหนุ่มก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างไร้เสียง เขาอยู่ห่างจากโหลวจวินเหยาเพียงครึ่งก้าว มือเรียวสะบัดซัดพลังออกมาอย่างรวดเร็วใส่นัยน์ตาสีประหลาดข้างนั้นสองที
ทันใดนั้น นัยน์ตาข้างนั้นก็หม่นแสงลง ก่อนจะค่อย ๆ ปิดลงในที่สุด
นัยน์ตาสีม่วงอีกข้างที่ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดก็สงบลงมาก ไป๋จือเยี่ยนไม่อาจเข้าใกล้นายท่านของตน จึงไม่รู้ว่าที่ผ่านมานายท่านไม่ได้มีสติ เพียงแต่ร่างกายปลดปล่อยการโจมตีออกมาโดยไม่สนว่าเป็นผู้ใดเท่านั้น
ไป๋จือเยี่ยนตกละลึงยิ่งเมื่อเห็นชิงอวี่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บที่ตรงไหน เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ด้วยเช่นกัน “เกิดอะไรขึ้น?!”
นัยน์ตาดวงหนึ่งของโหลวจวินเหยาปิดสนิท ส่วนอีกข้างลืมตาอยู่ ทว่ามันทั้งไร้แววและไร้ความมีชีวิตชีวา ราวกับวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว
“ตอบมาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น! เขาอยู่ในสภาพนี้มานานเท่าไหร่แล้ว!?” ชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกว่านางร้อนรนมาก แสดงให้เห็นถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
ไป๋จือเยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย “หลังจากนายท่านกินยาที่เจ้าทิ้งไว้ให้ อาการก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทว่าในคืนนั้นพิษกลับกำเริบ บนร่างไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงมาก แต่นายท่านดุร้ายขึ้น เอาแต่โจมตีข้าไม่หยุด ข้าไม่มีทางเลือกต้องขังเขาไว้ในห้องนั้น ถึงร่างจะไม่สามารถขยับไปไหนได้ แต่ตาของเขาที่สามารถปล่อยแสงออกมาได้นั้นโจมตีถูกข้าอยู่หลายครั้ง”
ไป๋จือเยี่ยนพูดพร้อมหัวเราะขื่นขม ลูบอกที่เจ็บปวดของตน
“ข้าประมาทไป” ชิงอวี่หรี่ตาลง ใบหน้ามีรู้สึกผิดระบายอยู่เล็กน้อย “ข้าไม่คิดว่าเรื่องเช่นนี้จะมาปรากฏบนดินแดนนี้ได้”
เมื่อคราแรกที่นางเห็นว่าเขาถูกพิษเพลิงเยือกแข็งอันชั่วร้าย นางก็ประหลาดใจยิ่งนัก
เป็นเพราะคนที่ถูกพิษร้ายเช่นนี้คนส่วนมากแล้ว จะไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดยามเมื่อพิษกำเริบในร่างได้ ทว่าบุรุษผู้นี้ยังมีชีวิตรอดมานานถึงเพียงนี้ น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ความคิดหนึ่งเคยแวบผ่านในใจนางมาก่อน ทว่านางปัดความเป็นไปได้นั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว นางไม่คิดแม้แต่นิดว่าความเป็นไปได้นั้นจะกลายเป็นความจริง
ชายผู้นี้ไม่ได้ถูกพิษเพลิงเยือกแข็งอันชั่วร้าย ทว่าเจ้าสิ่งที่อาศัยอยู่ในร่างของเขาคือหนอนกู่หยินหยางเพลิงเยือกแข็ง ที่มีอายุอย่างน้อยสองร้อยปีต่างหาก
หนอนกู่เป็นหนึ่งในหนอนตัวอ่อนที่มีความชั่วร้ายติดหนึ่งในสิบอันดับใน ‘ตำราแพทย์แดนเซียน’
หนอนกู่หยินหยางเพลิงเยือกแข็งกินแก่นพลังชีวิตมนุษย์เป็นอาหาร ทว่าในทางกลับกันก็สามารถทำให้การบำเพ็ญเพียรของเจ้าของร่างเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย มอบพลังอำนาจสูงส่งให้ หากแต่ยามที่เจ้าของร่างแสดงออกว่าพลังเพิ่มขึ้นสูงมากครบสามครั้ง เช่นนั้นก็หมายความว่าแก่นพลังชีวิตในร่างถูกหนอนกู่กัดกินจนสิ้น
ที่ร้ายคือหนอนกู่ชนิดนี้นิสัยน่ารังเกียจนัก ร่างที่มันเลือกอาศัยอยู่นั้นจะต้องมีหน้าตาหล่อเหลาดูดีและมีระดับการบำเพ็ญเพียรสูงส่งเท่านั้น
ส่วนสถานที่ที่มันอาศัยอยู่นั้นคือช่วงล่างของบุรุษ….. อยู่แถว….. น้องชาย
บัดซบ! นางคิดต่อไปไม่ไหวแล้ว
ชิงอวี่มีสีหน้าราวกับคนท้องผูก บนหน้าผากมีเส้นเลือดเต้นตุบอยู่ มองไปที่โหลวจวินเหยาที่ยังไม่ได้สติด้วยสายตาเห็นใจ
ไป๋จือเยี่ยนมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความแคลงใจ เหตุใดเจ้าเด็กนี่ถึงได้มองนายท่านเช่นนั้นเล่า?
แล้วยัง….. จ้องไปที่ส่วนนั้นของนายท่านด้วย?!!
“คุณชายชิง?” เมื่อไม่อาจยั้งตนเองไว้ได้ เขาจึงร้องทักความคิดยุ่งเหยิงของเด็กหนุ่มตรงหน้าขึ้น “นายท่านเป็นเช่นนี้ มีทางรักษาหรือไม่?”
“ยังมีทางรักษา” ชิงอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นนวดขมับตนเองด้วยความหงุดหงิด เหตุใดนางต้องประสบกับเรื่องเช่นนี้ด้วย? เจ้าหนอนกู่น่ารังเกียจนั่น เห็นทีท้องไส้นางต้องปั่นป่วนไปเป็นเดือนแน่!
นางมองไป๋จือเยี่ยนที่ทำหน้าตางุนงง สีหน้านางจริงจังยิ่ง “ข้าต้องบอกความจริงกับเจ้า หากเจ้าสามารถทนรับฟังได้”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” ไป๋จือเยี่ยนถามกลับด้วยความสับสน
“ที่ร่างกายช่วงล่างของนายท่านของเจ้า ราวสามนิ้วเหนือ “น้องชาย” ของเขา มีหนอนกู่ที่ชั่วร้ายตัวหนึ่งอาศัยอยู่”
“จ….. เจ้า….. เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” ไป๋จือเยี่ยนตกตะลึงโดยสมบูรณ์ นัยน์ตาดอกท้อคู่งามเบิกกว้าง จ้องหน้านางด้วยความตกใจ “เจ้าว่ามาอีกครั้งได้หรือไม่?”
“ข้าบอกว่า เขาไม่ได้ถูกพิษเพลิงเยือกแข็งอะไรนั่นหรอก แต่ในร่างเขามีหนอนกู่หยินหยางเพลิงเยือกแข็งอาศัยอยู่ต่างหาก เจ้าหนอนนั่นกำลังนอนอย่างเป็นสุขอยู่ที่ช่วงล่างของเขา ตรงจุดยุทธศาสตร์ของบุรุษ กำลังสำแดงอำนาจอย่างโจ่งแจ้งเลยเชียว”
เหตุใดนางจึงสามารถรู้ได้ว่าเจ้าหนอนกู่ตัวน้อยกำลังสำแดงอำนาจได้อย่างไรน่ะหรือ? นับตั้งแต่นางได้รับการสืบทอด <<ตำราแพทย์แดนเซียน>> มา นางก็บำเพ็ญวิชานัยน์ตาเซียนรักษาโรค ที่สามารถมองผ่านเข้าไปในร่างของผู้ป่วยได้ และในตอนนี้ เจ้าหนอนกู่ในร่างโหลวจวินเหยาก็กำลังโบกหนวดบนหัวของมันไปมา ใช้นัยน์ตาร้ายกาจคู่นั้นจ้องมองมายังนาง
ยังจะกล้ามองมาที่นางอีกหรือ?
หึ แกไม่รู้เสียแล้วว่าชีวิตกำลังจะพบกับจุดจบ ยังมีโอกาสให้ผยองอยู่อีกไม่นาน ข้าผู้นี้จะเป็นคนนำพาแกไปสู่จุดจบนั้นเอง
รอยยิ้มไร้พิษสงบนใบหน้าเด็กหนุ่มผู้นี้ ยามเมื่อหนอนกู่มองออกไปผ่านร่างเหยื่อของมันแล้ว หนอนกู่หยินหยางเพลิงเยือกแข็งก็ยังอดรู้สึกหวาดผวาไม่ได้ ส่งผลให้ร่างของมันหดกลับไปด้วยความหวาดกลัว
โดนเจ้าเด็กนี่มองแล้วรู้สึกไม่ดีอย่างยิ่ง
หลังจากนิ่งเงียบไปนานพอสมควร ไป๋จือเยี่ยนที่ดูราวกับถูกคำพูดชิงอวี่ตบจนมึนก็พลันได้สติ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าอาการเช่นนี้เป็นพิษเพลิงเยือกแข็ง ทว่าในตอนนี้กลับเพิ่งได้รู้ว่าที่ผ่านมาไม่ใช่เช่นนั้นเลย น่าขันสิ้นดีมิใช่หรือ?
เป็นหนอนกู่หรือ?
ทว่าไม่ว่าจะมองอย่างไร เจ้าเด็กคนนี้ก็ยังอายุไม่ถึงวัยด้วยซ้ำ ยังเด็กอยู่มาก เขารู้ได้อย่างไรว่าอาการของนายท่านไม่ใช่อาการคนถูกพิษ?
ตอนนี้ไป๋จือเยี่ยนยิ่งมั่นใจว่าเด็กคนนี้ ไม่ได้มาจากแดนชั้นต่ำแบบแดนนี้เป็นแน่
เขาไม่ใช่ผู้ที่หยิ่งยโสมากจนคิดว่าตระกูลเซียนแพทย์นั้น รู้ทุกสิ่งอย่างในศาสตร์วิชาแพทย์ แน่นอนว่ายังมีผู้ที่มีความสามารถมากกว่า แข็งแกร่งกว่า เรียกได้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
คิดถึงตรงนี้ เขาอดหัวเราะเยาะตนเองออกมาไม่ได้