พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 62

ตอนที่ 62

Ch.62 – บทที่ 5 ตอนที่ 9

Provider : รินคะน้า

 

บทที่5ตอนที่9

 

 

「………อุหวาาาาาา!」

 

 

ณ หอพักชายของสถาบันโซลมินาติช่วงเช้า

 

 

เจ้าของห้องที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาทางหน้าต่าง ถูกปลุกให้ตื่นจากฝันร้ายอีกครั้ง

 

 

ผิวของเขาซีดเหมือนกับคนเป็นไข้ และเสื้อผ้าเปียกโชกเหงื่อทั่วทั้งตัว

 

 

「อั่ก!!」

 

 

เขาคนนี้นาม โนโซมุ・ เบลาตี้ รีบเข้าห้องน้ำและวิ่งเข้าไปอาเจียนของที่อยู่ในท้องออกจนหมดสิ้นเพราะฝันร้ายที่เห็นเกือบจะทุกวัน

 

 

「……อ่อก」

 

 

หากถอดเสื้อผ้าออกและเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูซับน้ำคงจะดีขึ้นไม่น้อย

 

 

อย่างไรก็ตามใต้ตาของเขามีรอยคล้ำชัดเจน ซึ่งบ่งบอกว่าเขานอนหลับไม่เพียงพอ

 

 

(……เมื่อเร็วๆนี้ ฝันร้ายที่แสนยาวนานมันกำลังถี่ขึ้น)

 

 

โนโซมุนึกถึงฝันร้ายที่เขาเห็นยามฝันอยู่เสมอ

 

 

จนถึงตอนนั้นฝันร้ายสีเลือดที่มักจะมาสัปดาห์ละครั้ง มันมาบ่อยกว่าเดิมและบ่อยชัดขึ้นเรื่อยๆ และนี่คืออีกหนึ่งตัวตนที่ซ่อนอยูภายใต้ตัวเขากำลังกัดกินจิตใจของเขาอยู่

 

 

(แล้วผมควรจะทำตัวยังไงดี? ผมจะไม่ยอมให้หมอนั่นมัน……)

 

 

โนโซมุที่กระวนกระวายใจกำลังกลุ้มหนัก

 

 

(ควรจะบอกไอริสเกี่ยวกับเรื่องที่ผมเป็นดราก้อนสเลเยอร์ดีไหม? แต่ว่า……)

 

 

การพูดคุยกับไอริสอาจจะช่วยบรรเทาอาการได้บ้าง

 

 

หลังจากที่ตัวเขาสังหารหมู่เหล่าไซคลอปส์ภายในป่าด้วยตัวคนเดียว

 

 

ในเวลานั้นโนโซมุที่โกรธจัดจนลืมทุกทิ่งทุกอย่างเพราะโดนเพื่อนรักทรยศตัวเอง ตอนนั้นเขาปล่อยตัวเองให้ใช้พลังของดราก้อนสเลเยอร์ตามใจชอบ

 

 

ความโกรธ ความแค้น และความเกลียดชังที่ผมมองข้ามมาตลอด มันพวยพุ่งออกมาจนหมดในเวลานั้น

 

 

เขาเต็มใจที่จะฆ่าทุกสิ่งที่ขวางหน้าในตอนนั้นเพียงเพื่อระบายทุกอย่างออกมา

 

 

「อั่ก!!」

 

 

เมื่อนึกถึงตอนนั้น โนโซมุก็ไม่อยากจะบอกไอริสเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลย

 

 

พลังที่เกินตัวได้รับมาจากการฆ่ามังกรเทียแมท มันจะเกิดอะไรขึ้นหากพลังเหล่านั้นเข้าห่ำหั่นพวกเขาเข้า

 

 

และความกลัวว่าพวกเขาจะเลิกคบกับโนโซมุเพราะกลัวสิ่งที่โนโซมุเป็นและทำลงไปในป่านั้นมันก็ยิ่งทำให้เขาไม่กล้าบอกความจริงเข้าไปอีก

 

 

เทียแมตที่อยู่ในตัวผมมันกำลังคุ้มคลั่งอยู่ในภายในจิตใจของผมมากเรื่อยๆ และความกลัวที่ผูกมันว่ามันจะกลืนกินร่างของผมไปเมื่อไรก็ไม่รู้แน่ชัด ถึงยามนั้นโนโซมุที่เหนือยล้าทั้งกายและใจก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว

 

 

ถึงกระนั้นโนโซมุก็สวมเครื่องแบบและเตรียมกระเป๋าพร้อมจะไปเรียนตามปกติ

 

 

ไม่ว่าจะกลัวหรือกังวลแค่ไหน ผมจะลืมทุกๆอย่างเกี่ยวกับมันก็ต่อเมื่ออยู่กับทุกคน

 

 

(สุดท้ายแล้ว……ตัวผมก็ยังหนีความจริงอยู่ยังงั้น)

 

 

หลังจากนั้นเขาก็ไปสถาบัน

 

 

แม้จะรู้ว่าตัวเองกำลังหนีจากความจริงก็ตาม

 

 

◇◆◇

 

 

เมื่อโนโซมุเจอไอริสระหว่างทางและเริ่มเดินไปด้วยกัน

 

「(ฟู่……)อรุณสวัสดิ์นะทุกคน」

 

โนโซมุทักทายทุกคนหลังจากที่กำลังปรับลมหายใจเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล

 

「อรุณสวัสดิ์คะ……」

 

「อ่าาา」

 

「อรุณสวัสดิ์คะ โนโซมุคุง」

 

「ไงโนโซมุ!」

 

「「「อรุณสวัสดิ์โนโซมุคุง」」」

 

เหล่าเพื่อนๆที่เห็นเขาก็ต่างพากันทักทายยามเช้า แต่คำตอบของ ไอริส มาร์ และทิม่าค่อนข้างทำผมหนักใจหน่อยๆ

โนโซมุกังวลว่าพวกเขาคงจะเห็นความกังวลใจของผม

 

「อาา อรุณสวัสดิ์นะคะคุณโนโซมุ!」

 

โซเมียทักทายผมออกมาด้วยท่าทางร่าเริง

เท่าที่ผมดูแล้ว เธอไม่ได้สงสัยอะไรในตัวผม เธอทักทายผมด้วยท่าทางสบายใจ

 

「สวัสดีนะครับโซเมียจัง ว่าแต่…ทุกคนเป็นอะไรไปเหรอครับ?」

 

「คุณมาร์กับคุณทิม่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เจอกันตอนเช้าแล้วล่ะคะ?ส่วนพี่สาวของหนู…น่าจะไม่เป็นไรนะคะ」

 

โซเมียให้คำตอบกับโนโซมุที่มีท่าทีฉงนและหันไปมองไอริส

 

「ไอริส เป็นอะไรรึเปล่าครับ? ดูแตกต่างจากปกติไปนะครับ……」

 

「อะ อาา ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ป่วยและก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ」

 

โนโซมุถามไอริสแต่เธอก็ตอบกลับมาว่า “ไม่มีอะไร”

 

 

ไม่ได้หมายถึงว่าเธอป่วยหรือเป็นลมอะไรแบบนั้นหรอกนะ

 

「……งั้นเหรอครับ? มาร์และคนอื่นๆก็ดูแปลกๆไปเป็นอะไรงั้นเหรอครับ?」

 

「อ่า ไม่มีอะไรหรอก」

 

「อะอืม ไม่มีปัญหาอะไรเลยคะ」

 

โนโซมุกังวลเกี่ยวกับพวกเขา แต่พวกเขาก็ตอบกลับมาว่า “ไม่มีอะไร” เหมือนกับไอริส

 

「นี่ โนโซมุ คือว่าเรื่องที่คุยกันเมื่อวาน?」

 

「เอ๊ะ? มีอะไรงั้นเหรอครับ?」

 

โนโซมุที่กำลังสับสนก็ถูกฟีโอเรียก

แม้จะมีบรรยากาศแปลกๆปกคลุมแต่เช้า แต่หนุ่มน้อยเผ่าจิ้งจอกก็ยังคงไม่สนใจรอบข้างเช่นเคย

ฟีโอมักจะโน้มน้าวโนโซมุในเรื่องต่างๆมากมายและสร้างปัญหาเยอะแยะ แต่ว่าความเฉื่อยชาและไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั่นก็ทำให้บรรยากาศแปลกๆตรงนี้ ผ่อนคลายลง

 

「เมื่อวานตัดสินใจร่วมทีมกับข้าน้อยแล้วสินะ?แล้วคิดจะหาคนอื่นนอกจากข้าน้อยรึเปล่า? เหลือเวลาซ้อมอีกไม่กี่วันก่อนฝึกพิเศษจริง อย่างน้อยก็อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับเพื่อนร่วมทีมละน้อ」

 

โนโซมุพยักหน้าตามคำแนะนำของฟีโอ

แน่นอนตราบใดที่ตั้งปาร์ตี้ต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของปาร์ตี้ตัวเองเสียก่อน

 

「……นั่นสินะ ค่อนข้างจำเป็นเลยด้วย แล้วทุกคนละว่าไงบ้าง」

 

「อืม ก็ไม่รู้สินะตั้งแต่ที่ฟีโอกับโนโซมุต่อสู้กันและฉันเองก็ต้องฝึกกับพวกนายด้วยเพื่อเป็นพลังให้กับพวกนาย」

 

ซีน่าเองก็อยู่ในปาร์ตี้เดียวกันกับโนโซมุ

 

 

โนโซมุมองไปรอบๆเหล่าเพื่อนๆทั้งหลาย แต่ทุกคนก็พยักหน้าและไม่มีใครคัดค้าน

 

「เอาล่ะ! มันเป็นกฏนี่นะหลังจากนี้ทุกคนก็พยายามเต็มที่ล่ะ」

 

ฟีโอที่พอใจกับคำตอบของโนโซมุก็ทักทายกับทุกคน

 

「ถ้ารวมฟีโอเข้าไปด้วยแนวหน้าก็จะหนาขึ้น และฉันเองก็สามารถอุทิศตัวเองให้เป็นกองหลังได้อย่างสมบูรณ์ และทอมกับพวกมิมุรุเองก็ทำบทบาทของตัวเองได้เช่นกัน「ขอโทษน้า ซีน่าวันที่สองเราจะรวมทีมกับคนอื่นน่ะ」เอ๊ะ!?」

 

ซีน่ากำลังคิดแผนการ แต่เธอก็ตกใจที่มิมุรุชิงตัดหน้าก่อน

เมื่อซีน่าหันไปมองทอมเขาเองก็พยักหน้าเช่นกัน

 

「ก็เพราะว่าสามารถร่วมทีมกับคนในปีเดียวกันได้ใช่ไหมละ? ในแง่ของประสบการณ์ไปอยู่กับคนอื่นมันจะได้ประสบการณ์มากกว่าอะ ก็เลยคิดว่าจะไปรวมทีมกับคนอื่นๆ」

 

มิมุรุพูดเช่นนั้นเมื่อซีน่านึกถึงมาได้

 

 

จุดประสงค์ที่เริ่มฝึกกับโนโซมุก็เพื่อประสบการณ์อันหลากหลายและเอาชนะจุดอ่อนของปาร์ตี้ที่มีบทบาทตายตัวเกินไป

 

 

เนื่องจากการตัดสินใจของมิมุรุนั้นเข้าท่าและมีประโยชน์ในด้านของประสบการณ์

 

「อืม นั่นสินะ ดีกว่าที่จะทำตามที่มิมุรุบอก อืมฉันเองก็จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาให้เต็มที่เหมือนกัน……」

 

พวกเธอยืนยันจุดประสงค์ของกันและกันอีกครั้ง

 

「แล้ว มาร์วันที่สองจะมาเข้าร่วมกับพวกเราไหม?」

 

「เอ๊ะ?ข้า?」

 

「เอ๊ะ? ฉันเหรอคะ?」

 

「อืม จะได้รึเปล่า?」

 

「เอโตะ……」

 

มิมุรุที่จ้องทั้งสองคนที่กำลังทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามดูเหมือนทิม่าจะมองมาทางนี้ เพราะกังวลเกี่ยวกับไอริส

เธอมักจะร่วมงานกับไอริสอยู่เสมอ ดังนั้นเธอเลยพยายามฟังจากปากคู่หูของเธอ

 

「อืม ก็ดีนะ」

 

ทิม่าเองก็จ้องมองไปที่ไอริสและผมสลับไปมา

อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่พูดอะไรกับผม และตัดสินใจเข้าร่วมกับพวกมิมุรุ

 

「หาาา พี่สาวนี่ช่วยไม่ได้เลยนะคะ……」

 

โซเมียไหล่ตกกับท่าทีที่ไม่ยอมแพ้ของพี่สาวของเธอ

เธอถอนหายใจและก้มหน้าลง และเธอก็จ้องมาที่ผมเหมือนกับตัดสินใจบางอย่างได้

 

「เอ๊ะ? อืม…โซเมียจังมีอะไรงั้นเหรอครับ?」

 

โนโซมุจ้องมองโซเมียและถามเธอ

ทุกคนรอบตัวต่างเงียบกับบรรยากาศอันแสนไร้เดียงสาของเธอ และก่อนที่จะรู้ตัว ฉันก็สนใจกับเด็กอายุ 11 ขวบคนนี้มากไปรึเปล่า?

 

「คุณโนโซมุคะ มันอาจจะเป็นการหยาบคายที่พูดกระทันหันเอาแบบนี้ แต่วันนี้ช่วยมากับหนูหลังเลิกเรียนได้ไหมคะ?」

 

「อืม วันนี้เหรอ? อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้าีน้ ฝึกพิเศษใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นพวกเราก็เลยจะเตรียมตัวให้พร้อม……」

 

โนโซมุพูดเพราะยังมีเรื่องอื่นให้ทำ แต่โซเมียก็จ้องมองตาเขม็ง

โนโซมุไม่รู้ว่าโซเมียคิดอะไร และเธอวางแผนจะทำอะไร

 

「เอโตะ……」

 

「โซเมีย โนโซมุคุงเขากำลังยุ่งอยู่นะ「จะไปด้วยกันได้ไหมคะ?คุณโนโซมุ」โซเมีย……」

 

โนโซมุไม่รู้แล้วว่าต้องทำตัวยังไง

ไอริสเองก็พยายามจะยอมแพ้กับสถานการณ์ตรงหน้าและพยายามลากโซเมียออกจากผม

ขณะที่บรรยากาศของสองพี่น้องตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ฟีโอที่ร่วมทีมกับโนโซมุก็

 

「อืมมม ไม่ได้จริงๆสิน้า ดูเหมือนธุระของโซมิจิเองก็น่าจะสำคัญด้วยสิ สำหรับวันนี้ไม่เป็นไรหรอกนะ โนโซมุ วันนี้ช่วยไปเป็นเพื่อนกับเธอเถอะนะ ถือว่าข้าน้อยขอร้องแล้วกัน」

 

เขาบอกให้โนโซมุไปกับโซเมียจังในวันนี้

 

「เอ๊ะ?」

 

「เดี๋ยวก่อนสิฟีโอ มันไม่ดูเหลวไหลไปหน่อยเหรอ แค่การฝึกวันแรกก็จะโดดแล้วเนี่ยนะ ทั้งๆที่นายเป็นคนชวนเขาเข้าทีมด้วยแท้ๆ」

 

ซีน่าบ่นกับฟีโอ

เนื่องจากฟีโอที่ทำตัวจริงจังและขอให้เขาร่วมทีมด้วยและเขาเองก็เป็นคนขอให้ซีน่ามาร่วมทีมด้วย เธอก็จริงจังจนถึงที่สุด แล้วตอนนี้กลับจะมาโดดฝึกกันเนี่ยนะ

 

「อืม ซีน่าเองก็เห็นแววตาของโซมิจิแล้วใช่ไหมละ อย่างน้อยข้าน้อยก็เข้าใจสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อนะ ยิ่งกว่านั้น ข้าน้อยก็อยากให้เธอไปกับโนโซมุด้วย」

 

ฟีโอพูดเช่นนั้นขณะจับมือของซีน่า

 

「เข้าใจแล้ว……」

 

ซีน่าพูดตอบรับคำขอของฟีโอ

เธอเองก็เห็นว่าโซเมียมีท่าทีอันจริงจังอย่างมาก ดังนั้นก็เลยไม่อยากกดดันเธอเท่าไร

ฟีโอพยักหน้าและจ้องมองไปทางโซเมียจังอีกครั้ง

 

「ก็เพราะแบบนั้นแหละน้า ข้าน้อยอนุญาตให้โนโซมุไปกับโซมิจิได้เน้อ」

 

「เห้ย ฟีโอ「ขอบคุณมากนะคะ! คุณโนโซมุจะไปด้วยกันได้ไหมคะ!?」……เข้าใจแล้วครับ จะไปด้วยก็ได้」

 

โนโซมุยอมแพ้กับท่าทีของโซเมีย ถึงแม้ว่าเขาจะทำท่าทางสับสนแต่โซเมียก็เผยรอยยิ้มเปล่งประกายออกมา

อย่างไรก็ตามโซเมียทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ใส่โนโซมุ ที่พยายามฟังคำขอของเธอ

 

「ถ้างั้นละก็ช่วยไปเดทกับหนูหลังเลิกเรียนด้วยนะคะ!!」

 

คำพูดของโซเมียพาทุกคนติดสตั้นกันไปหมด

โนโซมุและเพื่อนๆต่างมีท่าทีตกตะลึง และเมื่อเข้าใจความหมายแล้วพวกเขาก็แสดงสีหน้าตกใจมาอย่างแรง

 

「「「「เหะ? เอ๊ะ? เออออออออออออออออ๋~~~!!」」」」

 

จากนั้นก็กลายเป็นเสียงกรีดร้องของทุกคนๆ

ขณะที่แสงแดดยามเช้าอันแสนอบอุ่นแต่พื้นที่ตรงนี้กลับร้อนระอุ เสียงนกร้องก็ดังมาแต่ไกล

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท