บทที่ 78 หยอกเขาแต่ถูกหยอกกลับเสียเอง
ผู้ช่วยหนุ่มแผงขายซาลาเปาจ้องแม่นางน้อยตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนที่มือจะรีบจัดซาลาเปาสองชุดให้แม่นางน้อยอย่างรวดเร็ว ยกส่งให้นางด้วยมือทั้งสองข้าง “แม่นางระวังซาลาเปาร้อน”
“ขอบคุณ” ชิงอวี่รับซาลาเปามา รู้สึกขบขันเล็กน้อย นางหยิบเหรียญทองออกจากแขนเสื้อก่อนวางลงบนโต๊ะ จากนั้นเตรียมตัวเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อนแม่นางน้อย!” ผู้ช่วยหนุ่มแผงขายซาลาเปาร้องขึ้น ก่อนจะหยิบเงินมาคืนนาง “เจ้าจ่ายเงินเกินราคา เถ้าแก่ร้านบอกว่าพบกันครั้งนี้นับเป็นเรื่องดี จะปล่อยให้สาวงามดั่งเทพเซียนอย่างแม่นางต้องแปดเปื้อนโลกีย์อย่างเรื่องเงินตราได้เช่นไร ดังนั้นซาลาเปาสองชุดนี้เถ้าแก่ร้านยกให้แม่นาง”
“…..”
นางเพียงต้องการซื้อซาลาเปาเท่านั้น เหตุใดเจ้าหนูผู้ช่วยจึงต้องคิดมากเช่นนี้?
แน่นอนว่าสุดท้ายนางก็ยืนยันจะจ่ายเงิน ผู้ช่วยหนุ่มมองนางเดินจากไปด้วยความเสียดาย
โหลวจวินเหยามองภาพฉากนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เขาจ้องนางเสียขนาดนั้น มีหรือที่ชิงอวี่จะไม่รู้สึก? แต่ตำแหน่งที่ตั้งของหอเมฆาเคลื่อนนั้นเยี่ยมยอดนัก สามารถมองเห็นทุกสิ่งอย่างทั่วเมืองหลวงได้
บังเอิญว่านางนำยาถอนพิษที่เพิ่งปรุงสำเร็จติดตัวออกมาด้วยสองขวด
โหลวจวินเหยาจึงเห็นว่าร่างบางของเด็กสาวเดินตรงมายังหอเมฆาเคลื่อนได้อย่างเด่นชัด แววตาเขาพลันเป็นประกาย ตอนนี้ไป๋จือเยี่ยนอยู่ที่หอเสาวคนธ์ ที่หอมีเพียงคนแต่งชุดเป็นเสี่ยวเอ่อร์ไม่กี่คนคอยดูแลแขก
แม้จะบอกว่าคอยดูแลแขก หากแต่วิธีการดูแลแขกของพวกเขานั้นแปลกประหลาดกว่าหอชาอื่น ๆ ในเมืองหลวงนัก
คนหนึ่งยืนเฝ้าประตูทางเขา ร่างเอนพิงกรอบประตู ดวงตาเบิกกว้าง ยามคนเดินเข้าร้านตายังไม่กะพริบ เพียงแต่ยืนอยู่เช่นนั้นไม่เคลื่อนกายเหมือนหินก้อนหนึ่ง ชิงอวี่สงสัยนักจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จากนั้นจึงได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังมา
ห….. หลับหรือ? หลับทั้ง ๆ ที่ยังลืมตาอยู่เช่นนี้น่ะหรือ??
หางตาชิงอวี่กระตุกยิก ๆ หากแต่ก็ยังเดินเข้าไปด้านในต่อไปไม่เปลี่ยนท่าที
บนโต๊ะตรงมุมร้านมีคนในชุดคลุมเทาผู้หนึ่งนอนแผ่อยู่ เขาหลับสบายยิ่ง ได้ยินเสียงน้ำหยดลงพื้นเป็นระยะ หากมองดูดี ๆ แล้ว เสียงน้ำนั้นมาจากชายหนุ่มที่กำลังหลับฝันหวานอยู่จนไม่ทันรู้ตัวว่าน้ำลายหยดลงพื้นเป็นทาง
ยังมีเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่หลังโต๊ะจ่ายเงินอยู่อีกคนหนึ่งที่ดูปกติกว่าคนอื่น เขายืนใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง มืออีกข้างดีดลูกคิดอย่างวุ่นวาย เป็นการดีดที่รวดเร็วมาก ชิงอวี่กำลังจะเดินเข้าไปถามบางอย่าง เป็นตอนนั้นเองที่ใบหน้านางพลันชะงักค้าง
คนผู้นั้นกำลังดีดลูกคิดด้วยความเร็วสูงขณะที่กำลังงีบหลับ เขาอ้าปากกรนเสียงดังไม่ใช่น้อย
ชิงอวี่ไม่อาจสรรหาคำใดมาอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้ได้ “…..” เช้าตรู่เช่นนี้ แต่ละคนกลับหลับฝันหวานกันอย่างนั้นหรือ?!
คนเหล่านี้อาจถูกคนอื่นมองว่าตายได้เลยด้วยซ้ำ! นางเดินเข้าร้านมาตั้งนาน ไม่มีผู้ใดมีปฏิกิริยาตอบกลับนางสักคน!!
เคราะห์ดีที่ภายในร้านไม่ได้มีของมูลค่าสูงอยู่ ไม่เช่นนั้นแม้โจรเข้ามาขนของไปจนหมด คนเหล่านี้ก็คงไม่รู้เรื่องอันใดเป็นแน่
“ขึ้นมา!” โหลวจวินเหยาเอ่ยขึ้น เขายืนอยู่ที่ราวชั้นสอง เห็นใบหน้าโกรธเกรี้ยวของนางแล้วเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ชิงอวี่เงยหน้าขึ้นมองเขาสายตาระแวง “ท่านให้ลูกน้องออกไปปล้นคนทั้งคืนหรือไร? แต่ละคนหลับราวกับหมู!”
“เกี่ยวอันใดกับข้า?” โหลวจวินเหยาตอบ กะพริบดวงตาสีม่วงอันหล่อเหลาของตนอย่างใสซื่อ “ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะชอบใช้ชีวิตตอนกลางคืนมากกว่ากระมัง?”
“…..” เป็นคำตอบที่นางอยากจะกระอักเลือดใส่เสียจริง
ชิงอวี่ริมฝีปากเหยียดตรง เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสองกลับพบว่าเงียบสงบนัก ราวกับว่าเขาเป็นเพียงผู้เดียวบนชั้นสอง นางเลิกคิ้วก่อนเอ่ยถาม “ไป๋จือเยี่ยนเล่า?”
คนคู่นี้ไม่เคยแยกจากกัน นางมาทีไรก็เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันตลอด ดังนั้นเมื่อพบว่ามีคนหนึ่งไม่อยู่จึงรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย
“อยู่ที่ด้านหลัง”
ที่ด้านหลังหมายถึงที่หอเสาวคนธ์ ชิงอวี่เคยไปที่หอนั่นหลายครั้งสมัยยังปลอมตัวเป็นคุณชาย รู้ทิศรู้ทางที่นั่นเป็นอย่างดี
“เช่นนั้นข้านั่งรอเขาที่นี่ก็แล้วกัน คงไม่นานใช่หรือไม่?” ชิงอวี่ถามขึ้นขณะดึงเก้าอี้มานั่ง จากนั้นวางกล่องซาลาเปาสองชุดลงบนโต๊ะ
สายตาโหลวจวินเหยาหยุดมองมันอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงภาพที่ตนเห็นเมื่อครู่แล้วนัยน์ตาก็เจือไปด้วยความขบขัน
“ท่านหิวหรือ?”
เมื่อเห็นว่าเขาจ้องซาลาเปาที่นางซื้อมานิ่ง ชิงอวี่จึงคิดว่าเขาหิว นางเลื่อนซาลาเปาชุดหนึ่งให้เขา “ถ้าหิวท่านก็กินเสีย ข้าซื้อมาสองชุด”
ซาลาเปาลูกเล็กที่มีน้ำซุปใสร้อนอยู่ภายในแป้งบางๆ ดูน่ากินนัก โหลวจวินเหยาชะงักไปอย่างเห็นได้ยาก ราวกับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาพบเรื่องเช่นนี้ “ให้ข้า?”
เรื่องเช่นนี้ไม่อาจโทษเขาได้ เขาอยู่มานานหลายร้อยปี ไม่เคยมีผู้ใดปฏิบัติกับเขาเช่นนี้มาก่อน
ชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งที่เห็นทุกสิ่งอย่างต่ำต้อยกว่าตน ตัวตนที่ผู้คนบูชาดั่งเทพเซียน ใครจะไปคาดคิดว่าอย่างไรเขาก็ต้องกินต้องนอนเฉกเช่นมนุษย์คนหนึ่งกัน?
นัยน์ตาดุดันคู่นั้นราวกับถูกมนตร์สะกดในพลัน
ด้วยไม่เคยเห็นใบหน้าที่อาจเรียกได้ว่า “บื้อ” ของคนผู้นี้มาก่อน ชิงอวี่จึงเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ จากนั้นยื่นมือออกไปโบกเบื้องหน้าเขา “อย่าบอกนะว่าท่านไม่เคยเห็นเจ้านี่มาก่อน”
อาจไม่มีผู้ใดเคยกล่าว หากแต่โหลวจวินเหยาที่งดอาหารมาเป็นเวลานาน จนตอนนี้ไม่รู้สึกว่าการกินอาหารเป็นเรื่องน่าพึงพอใจอีกต่อไป ดังนั้นอาหารที่พวกมนุษย์กินจึงกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจได้แม้แต่นิด
เห็นใบหน้าเขาเช่นนั้นแล้ว ชิงอวี่รู้ในทันทีว่าเขาไม่เคยกินมาก่อน ในพริบตาหนึ่ง นัยน์ตานางพลันส่องประกายวูบ ในใจพลันมีความคิดชั่วร้ายหนึ่งผุดขึ้น
นางส่งตะเกียบคู่หนึ่งที่วางอยู่ข้างกล่องซาลาเปาให้เขา จากนั้นพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ท่านอยากลองกินหรือไม่? รสชาติอร่อยมากนะ”
อาจเป็นเพราะความอบอุ่นที่เด็กสาวแสดงออกมาในพลันนั้นช่างดูเย้ายวน ดวงตาคู่นั้นของนางยิ้มจนตาหยี กลายเป็นจิ้งจอกตัวน้อยผู้ใสซื่อ ส่งผลให้โหลวจวินเหยาใจอ่อนยวบลง ไม่อาจจับสังเกตแววความชั่วร้ายภายใต้ดวงตายิ้ม ๆ ของนางได้
เขารับตะเกียบมา คีบซาลาเปาขึ้นมาลูกหนึ่ง เขาจ้องมันอยู่ชั่วครู่ ยามได้เห็นนัยน์ตาใสซื่อไร้พิษภัยของแม่นางน้อยที่กำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นนี้ เขาจึงส่งซาลาเปาเข้าไปใกล้ปาก ก่อนจะอ้าปากกัดมันเบา ๆ
จากนั้นเรื่องน่าขันก็บังเกิด
เสียงหัวเราะที่พยายามกลั้นไว้หลุดเล็ดลอดออกมาจากมุมปากชิงอวี่ ในที่สุดนางก็กลั้นไม่ไหวอีกต่อไป หลุดเสียง “พรืดดด” ก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมา
ใบหน้าของชายหนุ่มพลันแข็งค้างไปในทันใด จากนั้นดวงตาสีม่วงก็ส่องประกายทะมึน
ซาลาเปาใสลูกนั้นผิวบางนัก ไส้ล้นจนเกือบทะลัก แต่ละลูกทั้งอ้วนทั้งเป่งเต็มไปด้วยไส้น้ำซุป หากผู้ใดเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรกโดยไม่เคยมีประสบการณ์กินซาลาเปาเช่นนี้มาก่อน มั่นใจได้เลยว่าจะต้องถูกไส้ซาลาเปาระเบิดใส่หน้าเลอะเทอะตามตัวเป็นแน่
แม้โหลวจวินเหยาจะกัดลงไปเพียงแผ่วเบา หากแต่เมื่อถูกไส้ซาลาเปาอุ่น ๆ ทะลักใส่หน้าก็อดชะงักไปไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาที่เหล่าเทพเซียนเสกสรรปั้นแต่งมากับมือด้วยความพิถีพิถันมีน้ำซุปเนื้อมันเยิ้มเปรอะอยู่ทั่ว มันไหลไปตามสันกรามไร้ที่ติ ก่อนจะหยดลงจากคางลงไปบนโต๊ะ ไม่ว่ามองอย่างไรก็น่าขันยิ่ง
บรรยากาศตกลงสู่ความเงียบสงบในทันที….. ไม่ถูก ทุกอย่างเงียบสงบนอกจากเด็กสาวที่เปล่งเสียงหัวเราะดังกังวานใสออกมา นางพยายามหอบหายใจเข้าจนตัวโยน
“ฮ่า ๆ ๆ…… ท่าน….. ฮึก….. อย่ามองหน้าข้าเช่นนั้นสิ ฮ่า ๆ…..”
ชิงอวี่ยิ่งหัวเราะมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว นางทรุดลงบนเก้าอี้ตน งอตัวกุมท้องหัวเราะ หยาดน้ำตาเต้นระริกอยู่ที่หางตางามไปตามจังหวะเสียงหัวเราะ
นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เห็นเขาที่มีท่าทีหยิ่งผยองเช่นนั้นแล้ว ความคิดอยากแกล้งเขาสายหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในหัว ใบหน้าของชายหนุ่มตอนนี้น่าขำเป็นอย่างยิ่ง ดูอบอุ่นและดูเป็นมนุษย์ธรรมดาขึ้นมาก
อาจเป็นเพราะนางไม่ได้หัวเราะตัวโยนอย่างเต็มที่เช่นนี้มาเป็นเวลานาน เมื่อเริ่มแล้วจึงไม่สามารถหยุดได้
โหลวจวินเหยาหรี่ตาลง หากแต่เมื่อเห็นจิ้งจอกน้อยตรงหน้าหัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนั้น ความโกรธในใจพลันคลายลง ทำเพียงยกยิ้มที่มุมปากเท่านั้น “แกล้งข้าหรือ?”
“ฮ่า ๆ….. ข้าไม่ได้แกล้ง….. ข้าเพียงแต่อยากให้ท่านกินของอร่อยเท่านั้น….. ใครแกล้งท่านกัน?” ดวงตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาของเด็กสาวดูแล้วงดงามจับใจนัก มองแล้วรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ
“ไม่เคยมีใครกล้าแกล้งข้าเล่นเช่นนี้มาก่อน” โหลวจวินเหยาเอ่ยเสียงทุ้ม นัยน์ตาเจือด้วยความมืดมิดที่แทบมองไม่เห็น “เช่นนั้นข้าก็ต้องตอบแทนเจ้าบ้าง”
เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ชิงอวี่ก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ก่อนที่จะทันมีปฏิกิริยาตอบกลับ คนผู้นั้นก็ยื่นมือเข้ามาจับคางน้อยนางไว้ไม่ให้หนีไปไหน มองไปแล้วเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าเขา ทันใดนั้นเอง เขาก็ยัดซาลาเปาที่เขากัดไปคำหนึ่งเข้าปากนางในพลัน
เป็นเพราะซาลาเปาไม่ได้ลูกเล็กมากนัก ทั้งยังมีผิวเรียบลื่น ดังนั้นจึงไหลลงคอนางไปในทันที จู่ ๆ มีซาลาเปายัดเข้าปากมาเช่นนี้ เจ้าซาลาเปาจึงค้างอยู่ที่ลำคอ ไม่อาจกลืนลงได้ ดวงหน้าเล็กของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง
“แค่ก ๆ ๆ ….. อึ่ก….. แค่ก แค่ก…..”
นางเกิดมามีลำคอไม่ใหญ่ มีซาลาเปาติดอยู่เช่นนี้จึงไอออกมาอย่างหนัก ใบหน้าจากสีแดงกลายเป็นสีม่วง โหลวจวินเหยาเห็นดังนั้นจึงตกใจยิ่งนัก รีบเข้ามาตบหลังนางเป็นการใหญ่ ในที่สุดนางก็ไอเอาซาลาเปาเจ้าปัญหาออกมาได้ ก่อนที่สีหน้านางจะกลับคืนสู่สภาพปกติ
“ดื่มน้ำเสีย” โหลวจวินเหยาไม่สนน้ำซุปมันเยิ้มบนใบหน้า รีบรินน้ำถ้วยหนึ่งส่งให้นาง “ค่อย ๆ ดื่ม”
ชิงอวี่รับถ้วยน้ำมาจิบ ลมหายใจกลับสู่สภาพปกติ จากนั้นนางก็ตวัดสายตากล่าวหามองเขา “ท่าน….. แค่ก ๆ….. ท่านนี่มันน่าสมเพชจริง! ท่านจะสังหารข้าหรือ? ข้าเกือบตายแล้วนะ!”
“ข้าผิดไปแล้ว” โหลวจวินเหยาเอ่ยน้ำเสียงไร้อำนาจ “ใครจะไปคิดว่าเจ้ากินซาลาเปาลูกเดียวแล้วจะสำลักได้? ไร้ค่าจริง”
“ข้านี่น่ะหรือไร้ค่า!?” ชิงอวี่โกรธมากจนดวงตาที่จ้องหน้าเขาอยู่เบิกกว้าง จากนั้นสายตาดันเห็นใบหน้าเปรอะน้ำซุปของเขา ริมฝีปากพลันเหยียดตรง “ท่านรีบเช็ดน้ำซุปนั้นออกเถอะ ไม่เช่นนั้นลูกน้องมาเห็นหน้าท่านเข้าจะหัวเราะจนสิ้นใจได้”
“เช่นนั้นข้าสังหารพวกมันก่อนมันจะหัวเราะจนสิ้นใจก็จบเรื่อง” โหลวจวินเหยาเอ่ยเสียงเรียบ จากนั้นจึงเดินไปยังอีกมุมหนึ่งเพื่อจัดการตนเอง
เป็นตอนนั้นเองที่ไป๋จือเยี่ยนกลับเข้ามา
เมื่อเห็นชิงอวี่นั่งอยู่ในห้อง ใบหน้าก็เผยความยินดีออกมา “มาแล้วหรือ?”
เมื่อเดินเข้าไปใกล้จึงเห็นว่ามีซาลาเปาหน้าตาน่ากินวางอยู่บนโต๊ะชุดหนึ่ง เขาพุ่งเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนเอ่ยปากถาม “เจ้าซื้อมาให้ข้าหรือ? ข้าเพิ่งนึกได้ว่าข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย”
ชิงอวี่ไม่อาจหยุดเจ้าหมอนี่ไว้ได้ทัน เขาพุ่งเข้ามาถามจบก็ยัดซาลาเปาเข้าปากไปมากกว่าสิบชิ้น จากนั้นก็กลืนซาลาเปาทั้งหมดลงท้องไป
ช่างเถอะ กินให้หมดไปก็ดีแล้ว ไม่เช่นนั้นหากโหลวจวินเหยากลับมาเห็นซาลาเปาก็จะจำความแค้นได้อีก
หลังจากรอให้ชายหนุ่มจัดการเช็ดหน้าตนจนเรียบร้อยแล้ว ชิงอวี่ก็หยิบขวดกระเบื้องสีเขียวออกมาจากในแขนเสื้อ “ในขวดนี้มียาถอนพิษอยู่หนึ่งร้อยเม็ด อิงตามราคาที่เราตกลงไว้ก่อนหน้าคือเม็ดละหนึ่งพันตำลึงทอง ดังนั้นพวกท่านต้องจ่ายให้ข้าหนึ่งแสนตำลึงทอง ลองตรวจสอบจำนวนและสัดส่วนยาก่อนได้ เป็นยาที่เหมือนกับตัวยารอบแรกทุกประการ”
ขวดที่ชิงอวี่ใช้ใส่ยานั้นใหญ่กว่าที่คิด ขนาดดูเท่ากับกำมือเด็กทารก หากแต่สามารถเก็บยาได้หลายร้อยเม็ดราวกับมีมิติขนาดย่อมอยู่ในนั้น
ไป๋จือเยี่ยนรับขวดยามาก่อนคลี่ยิ้ม “ข้าเชื่อคำเจ้า” พูดแล้วก็ส่งแหวนหยกสีแดงจัดให้นาง
“นี่คือแหวนกักเก็บ ด้านในมีเงินสองแสนตำลึงทอง”
“เจ้าทำอะไรของเจ้า?” ชิงอวี่ถามพร้อมเลิกคิ้วขึ้นสูง
ไป๋จือเยี่ยนส่งยิ้มกว้างเป็นการตอบกลับ “เพื่ออำนวยความสะดวกให้การร่วมมือกันระยะยาวของเราและเพื่อแสดงความจริงใจอย่างไรเล่า”