พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 61

ตอนที่ 61

Ch.61 – บทที่ 5 ตอนที่ 8

Provider : รินคะน้า

 

บทที่5ตอนที่8

 

ในช่วงบ่ายของวันหยุด พวกโนโซมุก็ฝึกที่ด้านนอกชานเมืองตามปกติในตอนเช้า จากนั้นก็รับประทานอาหารกลางวันที่ “เรือนร่างของโค”

 

 

เดิมทีไม่มีการวางแผนสำหรับการฝึก แต่เมื่อวันก่อนเพราะฟีโอ วันนั้นก็เลยฝึกกันไม่พอ ดังนั้นพวกโนโซมุเลยรวมตัวเพื่อมาฝึกกันอีกครั้ง

 

 

ตอนนี้อิน่าไม่ได้อยู่ด้วย หลังจากลูกค้าหมดแล้วเธอถึงมาเข้าร่วมกับพวกโนโซมุ แต่ว่าลูกค้าก็แน่นร้านมาก

 

 

มาร์ก็อยากจะช่วยเธอ แต่อิน่าก็บอกประมาณว่า「พี่น่ะฝึกมาหนักมากแล้ว เพราะฉะนั้นพักผ่อนเถอะคะ」แล้วตอนนี้พวกเราก็กำลังพักกัน。

 

 

「อย่างไรก็ตามตอนนั้นมันแย่มากเลยนะ โนโซมุ」

 

 

「อะฮะฮะ…นั่นสินะ ก็โดนสายตาแปลกๆจับจ้องมาตลอดก็สงสัยว่าเป็นใคร แต่เหตุผลที่ทำแบบนั้นเพราะสนใจในตัวผมเนี่ย และยังสร้างความยุ่งยากให้อีกด้วย………」

 

 

โนโซมุตอบรับคำพูดของมาร์ด้วยการหัวเราะแห้งๆ

 

 

「แน่นอนว่าเจ้าจิ้งจอกนั่นค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่ว่าไม่เคยเห็นฟีโอมีชีวิตชีวาขนาดนี้มาก่อนเลย」

 

 

「งั้นเหรอ ถ้ากังวลละก็ค่อยไปถามตรงๆเลยสิฮะฮะ」

 

 

ทอมซึ่งอยู่ห้องเดียวกับฟีโอพูดถึงท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไป

 

 

ฟีโอที่อยู่ข้างๆก็เกาศีรษะด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

 

 

「แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรเข้ามาโจมตีกระทันหันแบบนั้นเลย ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับโนโซมุมาถามเอาตรงๆมันจะง่ายกว่าไหมและไม่ต้องเสียแรงสู้ด้วย」

 

 

「ก็แบบว่า มีบางอย่างที่ข้าน้อยยังกังวลอีกมากมาย แต่ว่า…โดนพูดแบบนั้นก็เจ็บนิดหน่อยแฮะ」

 

 

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ากำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ ไอริสเองก็จ้องมองฟีโอด้วยตาเขม็ง

 

 

「……ยังไงก็เถอะฟีโอ มีเรื่องอยากจะถามคะ」

 

 

「เอะ? อะไรงั้นเหรอ?」

 

 

ซีน่าถามฟีโอที่กำลังนั่งเกาหัวอยู่

 

 

「……แล้วทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?」

 

 

「…………」

 

 

「…………」

 

 

 

 

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ

 

 

อย่างที่โนโซมุนึกไว้นั่นแหละ ฟีโอไม่ได้เข้าร่วมการฝึกกับพวกเรา

 

 

ยังไงก็ตามเขามานั่งข้างๆโนโซมุตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

 

 

「……ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจอะไรหรอกนะ แต่ว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?」

 

 

「เอ๊ะ?ทำไมอะอยู่ด้วยไม่ได้เหรอ?」

 

 

「ทำไมนะเหรอ……」

 

 

ซีน่าถามว่าทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่แต่ก็ถูกถามกลับ

 

 

「อ่า ถ้าอยู่ใกล้ๆด้วยข้าน้อยก็จะโดนลงโทษได้ง่ายๆใช่ไหมละ」

 

 

「……นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะพูดออกจากปากตัวเองเลยนะครับ……」

 

 

「อืม แล้วไม่ดีงั้นเหรอ? มันก็เป็นความคิดที่ดีไม่ใช่เหรอหากเขาอยู่ใกล้ๆก็จับตาดูได้ง่ายๆ……」

 

 

ฟีโอพูดอะไรดีๆออกมา แต่โนโซมุก็ยอมรับเพราะไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องปฏิเสธข้อเสนอนั่น

 

 

สมาชิกคนอื่นๆทำท่าเหยเก แต่ดูเหมือนว่าก็ไม่เห็นเป็นไร ที่จะมีเขาตามไปด้วย

 

 

ดูเหมือนว่าจะไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไร แต่โดยพื้นฐานแล้วฟีโอก็ไม่ได้เป็นคนอันตรายอย่างที่คิด เขาเป็นคนเข้าใจยากหน่อยเพราะชอบทำตัวเหมือนเด็กๆ แต่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไร

 

 

「พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ช่างมันเถอะ แต่ถึงเวลา “ฝึกพิเศษ”แล้วนี่ครับ」

 

 

「อาาา นั่นหมายถึงสิ่งที่ข้าทำตอนอยู่ในคาบเรียนใช่มะ ทำเอาเสียวซ่านไปหมด」

 

 

“ฝึกพิเศษ”เป็นตัวย่อของคลาสฝึกปฏิบัติพิเศษ ซึ่งเป็นช่วงฝึกที่จัด ณ เวลานี้

 

 

นักเรียนแต่ละชั้นต่างจะเรียนแยกกัน แต่ชั้นเรียนนี้รวมขึ้นจากทุกชั้นโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของชั้นเรียน

 

 

แบบฝึกนี่จะจัดขึ้นเป็นเวลาสองวัน และนักเรียนแต่ละคนจะตั้งปาร์ตี้กันเพื่อกอบโกยคะแนนช่วงฝึกพิเศษ

 

 

ในวันแรกสามารถจัดปารตี้ภายในห้องเดียวกันได้และวันที่สองจะแยกตี้ไปจัดกับคนห้องอื่นก็ได้

 

 

เนื้อหาของงานก็มีตั้งแต่คุ้มกันวัตถุหรือบุคคลที่กำหนด เอาชนะเป้าหมายการฝึกที่เป็นเป้าหมายเฉพาะ และการค้นหาและรักษาความปลอดภัยของวัตถุดังกล่าว

 

 

แต่ยิ่งไปกว่านั้น สามารถไปไฝว้กับอีกปาร์ตี้ได้ตามใจชอบ

 

 

หากเป็นงานคุ้มกัน คะแนนจะมอบให้กับคนที่ขัดขวางการคุ้มกันได้สำเร็จ และเอาแย่งชิงเพื่อเอาชนะเป้าหมายที่กำหนดไว้ก่อนที่ปาร์ตี้อื่นจะมาก็ทำได้เช่นกัน

 

 

แน่นอนการต่อสู้เกิดขึ้นทั่วมากมาย แต่ถ้าแพ้และหมดสภาพก็จะเสียคะแนนทั้งหมดที่มี

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น แต้มที่ได้ในตอนท้ายจะกลายเป็นคะแนนเพิ่มให้กับเกรดของทุกคนตามเท่าที่ได้ ดังนั้นก็จงต่อสู้เพื่อปกป้องคะแนนของตัวเอง

 

 

「……นึกว่าจะได้ยินไปตั้งนานแล้วซะอีก เขาเองก็ประกาศไปนานแล้วนะ?」

 

 

「อิยาาาา~。ลืมไปซะสนิทเลยอะโนโซมุ」

 

 

ฟีโอพูดเช่นนั้นพร้อมกับเกาหัว

 

 

ดูเหมือนว่ามันไม่ใชเรื่องตลกเลยนะที่จะลืมบทเรียนที่เกี่ยวข้องกับเกรดของนายเองเนี่ย แต่ในกรณีของหมอนี่ อาจจะลืมจริงๆก็ได้แหละนะ ทุกคนต่างถอนหายใจกับการกระทำของเขา

 

 

「……กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือพวกโนโซมุเป็นศัตรูสินะในวันแรก」

 

 

「อ่าาาา วันแรกพวกเราต้องตั้งปาร์ตี้ภายในห้องเดียวกันก่อน ดังนั้นก็แบ่งออกเป็นสามกลุ่มอย่างช่วยไม่ได้」

 

 

ดวงตาของหญิงสาวทั้งสองต่างจ้องมองไปที่โนโซมุ

 

 

ในสายตานั้น โนโซมุที่แสดงถึงความกล้าหาญให้พวกเธอเห็น ทำให้พวกเธอต่างตัวเกร็งกันเลยทีเดียว

 

 

แม้ว่าพวกเธอจะเปรียบเสมือนดวงไม้อันแสนงาม แต่ว่าก็ยังเป็นนักเรียนของสถาบันโซลมินาติและค่อยๆที่จะกลายเป็นนักรบชั้นหนึ่ง

 

 

「……ถ้างั้นละก็ฝากตัวด้วยน้า」

 

 

「อิยาาา นี่ต้องไปกับนายจริงๆเหรอเนี่ย อยู่กับนายมีหวังอยู่ไม่สุขแหงๆ」

 

 

「ก็นะ โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ เพราะฉะนั้นจะพยายามเต็มที่น้า」

 

 

「อะฮ่ะฮะฮะฮะ…………」

 

 

โนโซมุออกความเห็นเล็กน้อยกับเหล่าสาวๆที่กำลังตื่นเต้นและประกาศสงครามกัน แต่ไอริสนั้นกลับใจลอยผิดคาด ผมทำได้แค่หัวเราะออกมา

 

 

ในแง่หนึ่งทั้งสองที่กระตือรือร้นเรื่องของโนโซมุ แต่จู่ๆไอริสก็คุยกับโนโซมุราวกับนึกอะไรบางอย่างออก

 

 

「โนโซมุวันแรกก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ว่าวันที่สองจะเอาไงเหรอคะ?」

 

 

「เอ๊ะ?」

 

 

「ก็ แบบว่าวันที่สองไม่ได้โดนจำกัดเรื่องปาร์ตี้แล้วก็เลยว่าแบบนั้นอะคะ……」

 

 

แน่นอนวันที่สองไม่ได้จำกัดสมาชิกตามห้องแล้ว

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุที่รู้จักคนน้อยก็คงจะเข้าหามาร์ในวันที่สองเป็นคนแรกละมั้ง

 

 

「ก็นะแบบว่า ถ้าชอบละก็จะมาด้วยกันก็ได้นะคะ……」

 

 

「เอ๊ะ!!」

 

 

ไอริสทำท่าจะเชิญชวนโนโซมุแต่ซีน่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ ไอริสพูดต่อไม่สนใจ

 

 

「นี่โนโซมุคงไม่คิดจะทิ้งข้าน้อยสินะ!?」

 

 

「ระรวมทีมกันเหรอคะ?」

 

 

อย่างไรก็ตามไอริสที่พยายามจะพูดก็โดนฟีโอขัดจังหวะ

 

 

ทั้งซีน่าเองก็โดนทั้งสองชิงตัดหน้าไปแล้ว และไอริสเองก็พยายามทำแต้มนำ ทุกคนต่างตกตะลึงกับการกระทำอันหุนหันนั่น

 

 

「เอ๊ะ?ฟีโอด้วยเหรอ?」

 

 

「ใช่แล้ว! ก็อยากจะได้ยินเรื่องต่างๆมากมายจากนายเพราะฉะนั้นมารวมทีมกับข้าน้อยเถอะเน้อ? แม้ว่าข้าน้อยจะดูเป็นคนขี้เล่น แต่ว่าสามารถทำอะไรได้หลายอย่างเช่นการสอดแนมและเข้าไปขัดจังหวะชิงนำได้นะเออ!?」

 

 

「อะ อืม ก็ถือว่าดีอยู่หรอก……」

 

 

โนโซมุมักจะไม่ยอมรับใครง่ายๆถึงแม้จะไม่มีข้อจำกัดด้านคนที่เข้าร่วมด้วยก็ตาม แต่เขารู้ว่าความสามารถของฟีโอเองก็น่าจะพึ่งพาได้ ดังนั้นเขาเองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะเข้าร่วม

 

 

อย่างไรก็ตามมีแรงกดดันอันมหาศาลยิ่งกว่าเทียแมทอยู่ตรงหน้า

 

 

โนโซมุมีเหงื่อท่วมหลัง แต่ฟีโอเองก็เป็นต้นเหตุของปัญหา……。

 

 

「เอาล่ะ! ก็เป็นกฏละน้อ……เนอะ?แต่ว่าท่าทางของทั้งสองดูน่ากลัวแปลกๆนะ?」

 

 

หลังจากพูดเช่นนั้นเองฟีโอก็รู้ตัวแล้วว่าซีน่ากับไอริสกำลังจ้องตาเขม็ง

 

 

「…………เหอะ ก็ไม่มีอะไรนี่คะ」

 

 

「นั่นสินะ……ไม่มีอะไร」

 

 

「อาเระ งั้นเหรอ? ถ้างั้น! โนโซมุไว้เจอกันที่สถาบันน้า~~」

 

 

ฟีโอออกจากร้านไป เขาไม่รับรู้แรงกดดันของทั้งสองเลยแม้แต่น้อยหรือพยายามจะหนีไปกันแน่ แต่ว่าพายุทอร์นาโดตรงหน้ามันยังคงกลืนกินเขาอยู่

 

 

「เอ่อคือว่า…ทั้งสองคนเป็นอะไรไปงั้นเหรอครับ?」

 

 

 

「……หืม?」

 

 

「ก็ไม่มีอะไรหรอกคะ ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกคะ?」

 

 

「เอโตะ……」

 

 

โนโซมุห่อไหล่ลงทันทีที่โดนจ้องแบบนั้น

 

 

แม้ว่าจะพยายามจัดการกับความอึดอัดแต่มันก็ยังไม่หายไป

 

 

「นั่นสินะ…ทั้งสองคนถ้าไม่ว่าอะไรจะมาร่วมปาร์ตี้กับผมได้ไหมครับ?」

 

 

「พวกเราไม่ต้องการหรอกคะ แยกกันก็ดีไม่ใช่เหรอไงคะ? มีคนไว้ใจได้แล้วนี่คะ」

 

 

「…………」

เจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬปฏิเสธคำขอของโนโซมุ จนโนโซมุรู้สึกปวดใจ เขาที่โดนตอบกลับเช่นนั้นก็ตัวทรุดลงไปนอนกับโต๊ะเลยทีเดียว

 

 

ซีน่าอาจจะดูไม่ค่อยสนใจเท่าไร เธอจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา

 

 

พวกเธอเองก็ไม่ได้รังเกียจฟีโอหรอก แต่การแยกกันเพราะมันไม่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนคนในปาร์ตี้ แต่เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเธอไม่ต้องการแบบนั้น

 

 

「อืม…คุณโนโซมุ นี่คุณกำลังทำอะไรคะเนี่ย……」

 

 

โซเมียส่งเสียงอันตกตะลึงให้กับโนโซมุผู้น่าสงสาร

 

 

โนโซมุจ้องมองไปทางซีน่า ผมคิดว่าคงจะโดนปฏิเสธแน่ๆ……。

 

 

「……ก็ได้」

 

 

「……เอ๊ะ!?」「……เอ๋!?」

 

 

โนโซมุและไอริสต่างตกใจที่ซีน่ายอมเข้าร่วมด้วย

 

 

เพราะสิ่งที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ก็คิดว่าจะโดนปฏิเสธเหมือนไอริสเสียอีก

 

 

「ก็บอกว่าจะร่วมปาร์ตี้ด้วยไง อย่างน้อยนายก็น่าจะหลุดจากบ๊วยของห้อง 10 ได้แหละนะ……เข้าใจ?แต่ถ้านายไม่พอใจก็ไม่เป็นไรนะ」

 

 

โนโซมุส่ายหัวอย่างรวดเร็วกับคำพูดของเธอ

 

 

「อืม ถ้างั้นก็ฝากตัวด้วยนะ」

 

 

「…………」

 

 

ซีน่าเองก็ดูท่าทางจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วที่โนโซมุเข้าร่วมกับเธอด้วย แต่ในทางกลับกันไอริสจ้องราวกับน้ำแข็ง

 

 

「……เอ๊ะ」

 

 

 

 

โซเมียที่เฝ้าดูสถานการณ์ตรงหน้าก็ทึ่งกับทั้งสองคนจนทำอะไรไม่ถูกและได้แต่ถอนหายใจ

 

 

ขณะนั้นเองมาร์ก็ลุกขึ้น

 

 

「……แย่แล้ว อิน่าข้าจำได้ว่ามีอะไรต้องทำเพราะฉะนั้นเดี๋ยวมานะ จะกลับมาตอนเย็นๆ……」

 

 

「อาาา! เดี๋ยวก่อนสิคะพี่ชาย!?」

 

 

มาร์พูดเช่นนั้นและออกจากร้านไป

 

 

เมื่อเขาออกจากร้านไป ดูเหมือนจะมีท่าทางลำบากใจที่บอกอิน่าไม่ได้อยู่

 

 

「……เป็นอะไรไปนะหมอนั่น?」

 

 

「เอ๋?」

 

 

「……ฉันขอโทษนะทุกคนพอดีว่าฉันเองก็นึกได้ว่ามีธุระขึ้นมานะคะ……」

 

 

ขณะที่พวกโนโซมุกำลังสงสัยนั่นเองทิม่าเองก็รีบออกจากร้านไปเหมือนกัน

 

 

「เป็นอะไรไปกันนะคุณทิม่า?……」

 

 

「……อืม บางทีเพราะลืมของทิ้งไว้ที่สถาบันก็เลยกะจะไปเอาละมั้งคะ」

 

 

ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยมีเพียงฮันนะและไอริสที่พยักหน้าให้กัน

 

 

ไม่นานนั้นก็แยกจากกันแต่ไอริสก็ยังคงเย็นชาใส่โนโซมุ

 

 

◇◆◇

 

 

ปลายทางหลังจากที่แยกกับโนโซมุและคนอื่นๆที่ฝึกซ้อมกันในตอนกลางวัน

 

 

ทันทีที่ข้าไปถึงที่เขตชานเมือง ข้าก็ดึงดาบใหญ่ออกมาและเหวี่ยงมัน เริ่มวอร์มร่างกาย

 

「ฮึก! ฮะ! ย๊าห์!!」

 

หากเหวี่ยงลงมาจากทางเหนือหัวมันจะพลิกกลับและสะบัดออกไปและถ้าหันไปทางด้านหน้าอีกรอบด้วยแรงเช่นนั้น แรงเหวี่ยงก็จะมากขึ้น

 

 

ขณะที่แกว่งดาบต่อไปและค่อยๆเพิ่มความเร็วในการฟัน

 

 

ทุกครั้งที่ฟาดดาบลงไปจะมีเสียง วูบ ! วูบ! ดังออกมา และอากาศตรงนั้นก็ฉีกออกจนเป็นลมพัดใส่ผมของข้า

 

 

ดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสงเจิดจ้าแม้จะอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ แต่ตัวข้าก็ยังคงแกว่งดาบต่อไป

 

 

ลมที่ออกมาจากการฟันพัดผ่านหน้าของข้า และมันก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดมันก็แรงเหมือนลมพัด

 

 

ในที่สุดลมจากดาบก็พัดเหงื่อตรงหน้าออกไป

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……」

 

ไม่รู้ว่าตัวเองเหวี่ยงดาบไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ในที่สุดก็เริ่มหายใจไม่ออกและความเร็วของดาบก็ค่อยๆช้าลง

 

 

ข้าเหวี่ยงดาบอีกครั้ง และพยายามหยุดดาบที่ฟาดลงไป

 

 

ดาบที่เหวี่ยงลงมาหยุดทันทีที่กระทบกับพื้น มีเพียงลมจากแรงของดามที่พัดไปตามพื้น

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……ฟู่~~」

 

เมื่อพยายามจะกลั้นหายใจด้วยดาบที่ฟาดลงไปข้าก็จับดาบและจ้องมองมันอีกครั้ง

 

 

ในขณะที่ค่อยๆถ่ายเทพลังเวทย์ลงไปในดาบอย่างช้าๆนั้น

 

 

คิและเวทย์เริ่มซ้อนทับกัน “คมดาบวายุ”เป็นลมที่เกิดจากคิ และในที่สุดลมก็เริ่มหมุนรวมตัวกันที่ดาบใหญ่

 

 

จากนั้นก็ใส่พลังเวทย์ลงไปในดาบใหญ่เข้าไปในศูนย์กลางของคมดาบวายุและร่ายเวทย์เสริมเข้าไปกับใบมีด

 

 

พลังเวทย์ที่สลักลงใบมีดค่อยๆส่องแสง แต่หลังจากนั้นลมที่หมุนรอบๆดาบก็เริ่มพัดอย่างผิดปกติ

 

「เวรยอ้ย!」

 

เขาพยายามจะควบคุมคิที่ไม่มั่นคงอีกครั้ง แค่คราวนี้พลังเวทย์ในใบมีดมันก็ไม่เสถียรขึ้นมา

 

「บ้าเอย!!……อุหวากกกกกกก!!」

 

ข้าพยายามใส่พลังเวทย์ลงไปอย่างเร่งรีบแต่ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปและเวทย์ที่ข้าใส่เข้าไปก็พัดกระจายออกและพลังเวทย์ส่วนใหญ่ก็แตกกระเจิงรวมถึงคมดาบวายุด้วย

 

 

คิที่ไม่เสถียรไม่สามารถคงรูปร่างได้อีกต่อไปและสายลมก็พัดไปทั่วตัดต้นไม้รอบๆและเริ่มเกิดบาดแผลตามร่างกายของข้า

 

「อั่ก!!」

 

ข้าพยายามทนความเจ็บปวดที่แล่นไปตามร่างกาย

 

 

แผลฉีกขาดเองแต่ไม่ลึกมากและแทบไม่มีเลือดไหล่ออกมา แต่ความเสียใจและความผิดหวังที่ทำไม่ได้มันยังคงฝังลึกอยู่ในอก

 

「บ้าเอ้ยยยยยยยย!」

 

ไปได้ไม่สวยเลย

 

 

ตอนแรกที่คิดว่าจะสามารถทำเทคนิคนี้ได้เพราะเจอไอริสกับโนโซมุ

 

 

ก่อนหน้านั้น ข้ามักจะคิดว่าคนที่ใช้เวทย์นั้นเป็นพวกขี้ขลาด และข้าเองก็พอจะรับมือกับเวทย์เหล่านั้นได้อยู่บ้าง

 

 

อย่างไรก็ตามตอนที่ข้าได้พบกับรูกาโต้ข้าก็รู้แล้วว่าตัวเองมันอ่อนด้อยแค่ไหน ไม่สามารถจะเข้าใกล้ศัตรูได้แม้แต่ก้าวเดียว

 

 

และผลจากความเสียใจนั่นก็ทำให้ข้าคิดที่จะใช้เทคนิคผสานนี่ขึ้นมา

 

 

หากทุกอย่างไปได้ด้วยดี ก็สามารถจะใช้เวทย์ที่ข้าไม่เคยใช้มาก่อนและเชื่อมโยงมันเข้ากับคิ จนกลายเป็น วิถีดาบ “ของตัวเอง” ที่ข้าตั้งเป้าไว้ และจะสามารถใช้มันในการต่อสู้ได้หลากหลายมากขึ้น ข้าคิดเช่นนั้น

 

 

แต่ว่า ข้าก็ฝึกมานานพอสมควรแต่ไม่คืบหน้าขึ้นเลย มีเพียงแต่ความร้อนร้นในจิตใจข้าที่เพิ่มขึ้นมากขึ้นว่าทำไมถึงทำไม่ได้เสียที

 

 

แม้ว่าจะดิ้นรนอย่างสุดความสามารถแต่ข้าก็เทียบกับหมอนั่นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าข้ากำลังจมอยู่ในหนองน้ำที่เต็มไปด้วยโคลน

 

「อาาาาาาาาาาาา!! เอาอีกรอบ!!」

 

ข้ากัดฟันด้วยความเสียใจที่มี และลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ถือดาบและพยายามใช้เทคนิคนั่นต่อไป แต่ว่าก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยลอยเข้ามา

 

「แฮ่ก แฮ่ก มาร์คุง……คิดไว้แล้วคะว่าต้องมาที่นี่……」

 

「เธอ……」

 

ตรงนั้นมีทิม่าที่ควรจะอยู่ในร้านพร้อมกับคนอิ่นๆ

 

 

บางทีเพราะเห็นเธอวิ่งมาใบหน้าของเธอแดงเล็กน้อย หน้าข้าก็แดงเช่นกันและพยายามขจัดความหวั่นไหวในจิตใจของตัวข้า

 

 

ข้ารู้สึกว่าหัวใจของข้ากำลังร่ำร้องเมื่อเห็นเธอ

 

 

 

「……มาทำอะไรที่นี่?」

 

「อาาา……」

 

ข้าอายที่ให้เธอเห็นในสภาพเช่นนี้ และละสายตาจากเธอด้วยการถามออกไปแบบนั้น

 

 

เสียงเหงาๆเล็ดลอดออกมาจากปากของทิม่ามันทำให้ข้ารู้สึกปวดใจ

 

「นั่น…ก็เพราะว่าคิดว่ามาร์คุงต้องมาฝึกเทคนิคนั่นอีกครั้งแน่ๆ ฉันก็เลยคิดว่าจะมาช่วยคะ……」

 

「เธอไม่จำเป็นต้องมาทำแบบนั้นหรอกน่า……」

 

ข้ารู้สึกเขินอายและมีความรู้สึกดีใจที่เธอกังวลเกี่ยวกับข้า

 

 

อย่างไรก็ตามข้าที่ไม่ได้ฝึกพิเศษกับเธอและพูดเช่นนั้นกับทิม่าที่กำลังกังวล

 

 

ไม่ว่ายังไงข้าก็ดูเหมือนคนโง่ที่แกล้งทำเป็นเก่ง

 

「แต่ว่ามาร์คุงก็ต้องการคนดูแล……มาร์คุงเองก็บาดเจ็บจากการใช้เทคนิคนั่นไม่ใช่เหรอ……」

 

「……ก็นิดหน่อยเอง」

 

ท่าทางกลัวผู้ชายของเธอมันหายไปไหนกันหมดละ อยู่กับข้าแล้วมันโล่งใจรึไงกัน

 

 

สายตาของเธอจับจ้องไปที่บาดแผลที่เต็มไปทั่วร่างของข้า

 

 

ข้าเองก็ไม่อยากขัดใจเธอที่มีใจเข้ามาช่วย เลยยื่นมือข้างที่มีแผลไปทางเธอ

 

 

 

「รอก่อนนะ……」

 

ข้าเองก็รู้สึกโล่งใจที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากเธอ แม้ว่าจะยังมีท่าทีเกร็งๆก็เถอะ

 

 

แสงสว่างจากมือของเธอมันโอบล้อมแขนของข้าและบาดแผลเหล่านั้นก็เริ่มปิดลง

 

 

ข้าประทับใจในการใช้เวทย์ของเธอมาก หลายๆคนก็บอกว่าเธอควบคุมพลังเวทย์ไม่เก่ง แต่อย่างน้อยเธอก็ยังทำได้ดีกว่าข้าเยอะ

 

 

 

「……อืม หายดีแล้ว」

 

「อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ! และก็อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับไอด้วยคะ……」

 

เธอพูดแบบนั้นและพยายามจะบอกข้าเช่นนั้น

 

「……นี่มาร์คุงทำไมถึงได้ใจร้อนขนาดนี้กันละคะ……ฉันอยากจะรู้เรื่องของมาร์คุงมากกว่านี้นะ……」

 

「…………」

 

「ฉันคิดว่ามาร์คุงรีบร้อนเกินไปคะ ฉันว่าค่อยๆฝึกไปอย่างช้าๆก็ดีนะคะ?」

 

ทิม่าแสดงความเห็นออกมาด้วยความเป็นห่วง

 

 

ไม่ใช่ว่าข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อ แต่ตัวข้าไม่สามารถควบคุมทั้งสองอย่างได้ และอัตราความสำเร็จก็อยู่ที่ 10% ดังนั้นมันจึงหาได้ยากที่จะทำสำเร็จแบบเมื่อวาน

 

「…………」

 

ข้ารู้ว่าทิม่าจะพูดแบบนี้

 

 

ทิม่าควบคุมมันไม่ได้เพราะพลังเวทย์ที่เยอะเกินไป

 

 

ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ถ้าดูจากสภาพของเธอ เธอหวาดกลัวกับสิ่งรอบตัว อย่างน้อยข้าก็คิดว่าเธอคงกังวลเรื่องพลังของตัวเองมากๆ

 

「……รักษาแผลเสร็จแล้วถ้างั้น ก็มาลองอีกรอบดีกว่า」

 

「มาร์คุง……」

 

อย่างไรก็ตามความกระวนกระวายใจของข้ายังไม่หายไปและข้าก็ฝืนฝึกไปทั้งๆยังงั้น

 

 

หน้าอกข้ารู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ข้าอยากจะตามหมอนั่นให้ทัน และข้าก็ไม่ได้ยินเสียงของทิม่าอีกต่อไป

 

 

◇◆◇

 

 

ณ เมืองอาร์คาซัม

 

 

ที่บ้านของตระกูลฟรานซิส เจ้าของคฤหาสน์ไอริสดิน่า และน้องสาวของเธอโซมิเลียน่า กำลังทานอาหารเย็น แตว่าสถานการณ์ต่างจากปกติ

 

 

แม้ว่าจะมีอาหารชั้นยอดระดับเฟิร์สคลาสอยู่ตรงหน้าแต่ที่ห้องอาหารกลับมีบรรยากาศตึงเครียด และเหล่าเมดต่างก็เกร็งกันเต็มที่

 

 

บุคคลที่สร้างบรรยากาศเช่นนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไอริส เจ้าของคฤหาสน์

 

 

◇◆◇

 

 

「…………」

 

ฉันขยับมีดและส้อมในมืออย่างเงียบๆ

 

 

ฉันมักจะคุยกับโซเมียเกี่ยวกับเรื่องที่อีคอร์สบ่อยครั้งและสิ่งที่เกิดขึ้นในสถาบันโซลมินาติด้วยและพูดคุยเรื่องราวของพวกเราในวันหยุดและทานอาหารอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้ฉันหงุดหงิดมากๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฉันจะเป็นสาวน้อยแต่ก็เป็นถึงผู้นำตระกูลคนถัดไป แล้วหมอนั่นก็ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย เขาไม่คิดจะเปิดใจให้ฉันบ้างเลยแม้แต่น้อย

 

 

ใช่แล้วตอนนี้ฉันกำลังค้นหาคำตอบของหัวใจ……。

 

「นี่ พี่คะ อยากร่วมปาร์ตี้เดียวกันกับคุณโนโซมุมากเลยสินะคะ?」

 

「เอ๊ะ!!」

 

ฉันตกใจกับคำพูดของโซเมียและเธอก็ยังคงพูดต่อ

 

「โซเมีย พูดอะไรแบบนั้นกัน……」

 

「ก็เพราะว่าพี่น่ะ อารมณ์เสียมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่คะ 」

 

ขณะที่โซเมียพูดเช่นนั้นก็ยกนิ้วชี้หางตาของเธอ

 

「โซเมีย เธอนี่นิสัยไม่ดีเลยนะ เธอเองก็เป็นคนของตระกูลฟรานซิสเหมือนกันนะคะ……」

 

「พี่สาวคะ อย่าหนีสิคะ」

 

ฉันพยายามเลิกคุยกับโซเมียที่ทำตัวไม่ดี แต่โซเมียก็จ้องฉัน

 

 

ตั้งแต่สมัยก่อน ฉันก็ไม่สามารถหลบตาของเธอได้เลยเพราะความรู้สึกที่ว่าต้อง “ปกป้อง”ก็มักจะยอมแพ้ให้กับเธอทุกครั้งที่เธอจ้องตาฉัน

 

 

ถึงกระนั้นฉันก็ไม่อยากแสดงด้านน่าอายให้เธอเห็น และพยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆโดยไม่มองตาของโซเมีย……。

 

 

 

「พูดอะไรกันโซเมีย พี่สาวคนนี้ไม่ได้อารมณ์เสียสักหน่อยนะคะ……」

 

「พี่นั่นแหละอารมณ์เสียสุดๆเลยไม่ใช่เหรอคะ ทุกคนที่มาต้อนรับเห็นหน้าพี่สาวแล้วก็ต่างกลัวกันทั้งนั้นเลยนะคะ」

 

ใช้เวลาไม่นานโซเมียก็ปิดทางหนีของฉันแล้ว

 

 

แน่นอนเหล่าเมดเองทำท่าเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง และพยายามจะส่งเสียงทักทายฉันอย่างสุดชีวิตเลยล่ะ

 

 

เพียงเพราะว่าฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยก็เลยทำให้คำพูดของน้องสาวฉันมันเสียดแทงเข้ามาในจิตใจ

 

「หนูเองก็คิดว่าคุณโนโซมุจะได้รับการตอบรับอย่างดี แต่พี่สาวก็ทำตัวเย็นชาใส่เขาเสียได้โถ่ว?」

 

「เหะ……」

 

「เพราะว่าคุณโนโซมุเองก็ชวนพี่สาวด้วยไม่ใช่เหรอไงคะ แต่พี่สาวก็ปฏิเสธ แล้วจะเข้าร่วมปาร์ตี้กันยังไงล่ะคะ?」

 

「ก็มัน……」

 

ไม่ว่าจะเป็นยังไงฉันที่ปฏิเสธเขาไปแล้วก็คงจะไปขอตั้งตี้กับเขามันก็ยังไงๆอยู่ และเขาเองก็อาจจะหาคนอื่นมาแทนฉันแล้วก็ได้

 

 

ฉันดันกล้าในเรื่องที่ไม่ควรกล้าซะได้ และก็มานั่งเศร้าอยู่คนเดียว

 

 

 

「……เฮ้อ อย่างน้อยฉันก็ควรจะต้องไปขอโทษเขาสินะคะ หรือมีเรื่องอื่นให้ต้องกังวลอีกกันแน่นะ?」

 

「ก็เพราะแบบนั้นแหละน้า……」

 

ตัวฉันที่กังวลเกี่ยวกับเขาและไม่พอใจกับท่าทีของเขา

 

 

ความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ของเขากับลิซ่า กับความไม่พอใจที่เขาปกปิดเรื่องราว

 

 

และความไม่พอใจในตัวเองที่ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเขาได้

 

 

มันจะดีแค่ไหนถ้าหากฉันกล้าถามเขาตรงๆ

 

「อย่างน้อยฉันก็อยากให้เขาบอกเล่าเกี่ยวกับตัวเขาเองมากกว่านี้นะคะ」

 

มันยากมากเลยเหรอที่จะพูดคำนี้ออกไป?

 

 

ฉันเองก็อยากจะรู้จักเขามากขึ้น

 

 

ถึงกระนั้นฉันก็ยังลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า

 

 

ตอนที่คุยกับอาจารย์นอร์นก็ช่วยได้หน่อย แต่ถึงกระนั้นก็คาใจไม่หาย

 

 

เหตุผลที่ฉันไปพบกับเขาในวันนี้เพราะความมืดในจิตใจที่กำลังลังเลอยู่นี่ก็ได้

 

 

 

「แล้วจะทำยังไงดีละคะพี่? พี่จะไปชวนคุณโนโซมุอีกครั้งไหมคะ?」

 

「นั่นสินะ……」

 

แสงสว่างภายในอกเริ่มเฉิดฉาย ย้อมหัวใจของฉันที่เยือกเย็น

 

 

โดยที่ไม่สามารถตอบคำถามของโซเมียได้ ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถามใจตัวเอง

 

 

◇◆◇

 

 

ณ หอพักหญิง

 

 

ที่นั่นมีสาวน้อยสองคนกำลังเปลี่ยนชุดนอนและพูดคุยกันอยู่

 

「นี่ซีน่าเธอคิดยังไงกับเขางั้นเหรอ?」

 

「เอ๊ะ?เขาไหนอะ?」

 

「โนโซมุคุงไง เธอดูเป็นห่วงเขาน่าดูเลยน้าาา!!」

 

มิมุรุยิ้มเช่นนั้น

 

 

ฉันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยราวกับว่าปีศาจนั่นมันจะกระชากฉันไปอีกครั้ง แต่ว่าฉันก็นึกถึงโนโซมุอีกครั้ง

 

 

ในตอนแรกฉันก็เชื่อในข่าวลือสนิทใจ ฉันจึงพูดได้ว่าตอนนั้นฉันทำตัวแย่กับเขามากแค่ไหน แต่สัตว์อสูรสีดำก็ทำให้ความจริงนั่นกระจ่าง

 

 

ทักษะดาบที่โดดเด่น การควบคุมคิที่แม่นยำและการตัดสินใจแสนสงบ

 

 

โดยเฉพาะเกี่ยวกับคิแล้ว สามารถฉีกกระชากร่างกายของสัตว์อสูรสุดแข็งแกร่งนั่นได้อย่างง่ายดาย

 

 

แม้ว่ามิมุรุพยายามโจมตีหนักแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกธนูของฉันเองก็เจาะไม่เข้า ดังนั้นทักษะของเขาเหนือกว่านักเรียนอย่างเราๆเลยใช่ไหมละ?

 

 

และแม้ว่าฉันจะพูดอะไรแย่ๆใส่เขามากมาย เขาก็ยังเข้ามาช่วยฉันโดยไม่ลังเล

 

 

ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถเชื่อใจได้มากถึงขนาดไหน

 

「ตอนแรกก็ไม่คิดว่าดีหรอก แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ฉันรู้จักความสามารถและบุคลิกที่แท้จริงของเขามันต่างจากข่าวลือโดยสิ้นเชิง และฉันคิดว่าไม่สามารถทิ้งเขาที่เป็นเช่นนั้นได้……」

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันตัดสินใจเข้าร่วมกับโนโซมุในการฝึกพิเศษ

 

 

ฉันเองก็ไม่ได้มีปัญหาด้านความสามารถและบุคลิกภาพของตัวเอง และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันแทบจะไม่ได้ร่วมทีมกับคนอื่นๆเลยด้วย

 

 

หลังจากที่จากบ้านเกิดของตัวเองมา ฉันคิดว่าต้องการความช่วยเหลือจากหลายๆคนและฉันต้องขัดเกลาประสบการณ์ของตัวเอง

 

 

ครั้งแรกที่พบกับเจ้านั่นในป่า สิ่งที่เข้ามาในความคิดฉันก็คือโนโซมุ ที่เคลื่อนไหวได้เร็วและแม่นยำกว่าใครๆ

 

 

 

 

ตำแหน่งการต่อสู้ของฉันคือกองหลัง

 

 

การที่ฉันมองเห็นภาพรวมของสนามรบและให้คำแนะนำที่ถูกต้องกับเหล่าเพื่อนๆของฉัน จะช่วยฉันและเพื่อนๆได้อย่างแน่นอน

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันอยากจะรู้ว่าทำไมเขาถึงมีการตัดสินใจที่เฉียบแหลมถึงขนาดนั้น

 

 

 

「อืม นั่นสินะ ฉันก็คิดว่าคงอันตรายน่าดูเลยหากเป็นศัตรูกับโนโซมุ」

 

มิมุรุที่กำลังขัดขวางเจ้าอสูรนั่นกับเขาขณะที่ฉันกำลังทำพันธสัญญาวิญญาณ เขาต่อสู้กับเจ้านั่นได้อย่างสบายๆ ฉันที่ใช้เวทย์วิญญาณได้สำเร็จก็ได้รับการสนับสนุนจากเขาเช่นกัน

 

 

ในหมู่พวกเราสามคนมิมุรุคือคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดและเธอก็เข้าใจความสามารถของเขาดี

 

 

และการต่อสู้กับฟีโอยิ่งเป็นตัวตัดสินครั้งใหญ่เลย

 

 

ความสามารถของฟีโอที่อยู่ในระดับสูงมากเทียบเท่ากับพวกห้อง 1 ได้เลย และถ้าคิดตามปกติไม่มีทางที่ห้อง 10 อย่างเขาจะสามารถตอบโต้และกดดันฟีโอได้ถึงขนาดนั้น

 

 

โนโซมุนั้นต่อสู้กับฟีโอได้อย่างสูสี

 

 

ด้วยความคิดเช่นนั้น ฉันคิดว่าเขาก็แข็งแกร่งไม่แพ้เด็กห้อง 1 เลย…ไม่สิทักษะด้านดาบและการตัดสินใจที่แน่วแน่นั่นเกินกว่านั่นไปอีกขั้น

 

 

 

「อืม สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือกาต่อสู้ระยะใกล้ของโนโซมุ เขารับมือได้อย่างสบาบๆแม้ว่าจะสู้กับพวกครึ่งสัตว์เช่นเราที่สามารถฆ่าคนตายได้ด้วยการโจมตีเดียว แถมฟีโอยังเอาจริงถึงขั้นใช้วิชาลับของตัวเอง ! ตอนนั้นฉันคิดว่าเขาจะไม่รอดแล้วซะอีก แต่เขากลับรับมันได้อย่างสบายๆโดยที่ได้แค่รอยขีดข่วน! แต่ว่าแล้วความรู้สึกของซีน่าที่มีต่อเขาล่ะ!?」

 

「……หมายความว่ายังไง?」

 

พูดตามตรงฉันไม่รู้เลยว่ามิมุรุต้องการอะไร

 

「อย่าทำเป็นไขสือน่า! ไม่มีความรู้สึกแบบโรแมนติกกับโนโซมุคุงบ้างเลยเหรอ!?」

 

โรแมนติกงั้นเหรอ……。

 

「……แล้วมันคืออะไรล่ะ?」

 

「เอ๊ะ? ปฏิกิริยาเบากว่าที่คาดไว้แหะ」

 

「……มิมุรุเองละก็คาดหวังอะไรกันอยู่?」

 

มิมิรุเอียงคอด้วยความสงสัย อาจเป็นเพราะฉันตอบสนองต่างจากที่คาดไว้

พูดตามตรงเอง ฉันเองก็งง……。

 

「ก็ประมาณว่านึกถึงเขาตลอดเวลาอะไรแบบนี้!รู้สึกเจ็บหน้าอกจนนอนไม่หลับอะไรงี้!ไม่มีอาการแบบนั้นเลยเหรอ?อย่างเมื่อตอนกลางวันนี้ที่ฟีโอชิงตัดหน้าเชิญเขาเข้าตี้ก่อนเธอไม่รู้สึกหงุดหงิดหรือไง?」

 

「งั้นเหรอ……」

 

ฉันรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อนึกถึงภาพตอนกลางวัน ดังนั้นฉันเลยหลบตามิมุรุและหันหน้าหนี

 

「……บอกตามตรง ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองคิดเช่นไร เพราะฉันเองก็ไม่มีประสบการณ์เรื่องแบบนี้」

 

ตอนนั้นฉันโกรธแบบจริงจังมาก แต่โดนถามว่าคิดยังไงกับเขาฉันไม่แน่ใจ

 

 

แน่นอนฉันเองก็รู้สึกกับทอมและมิมุรุเหมือนพี่น้อง

 

 

แต่จนถึงตอนนี้ฉันที่คิดถึงการแก้แค้นและชิงบ้านเกิดกลับคืนมา ดังนั้นเลยไม่คุ้นเคยเรื่องความรักและความโรแมนติกอะไรแแบบนั้น และฉันเองก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองรู้สึกยังไง

 

 

 

「……อืม มันยังเร็วเกินไปที่จะได้ยินจากปากเธอสิน้า? พวกเอลฟ์เองก็อายุยืนยาวเลยผ่อนคลายกับเรื่องแบบนี้สินะ」

 

「……งั้นเหรอ?」

 

「อืม โดยพื้นฐานแล้วคนที่มีชีวิตยืนยาวไม่ค่อยใจร้อนเรื่องแบบนี้นักหรอก มันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพวกฉันที่มีอายุไม่ได้ยืนยาวมากนัก……ยังไงพวกฉันเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของเอลฟ์เช่นซีน่าหรอกจริงม้า?」

 

「นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกว่ามันไม่มีขอบเขตไง และการฝึกฝนมันยังดีซะกว่าอีก……」

 

ช่วยไม่ได้ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลยนี่น่า

แน่นอน ฉันเคยเห็นคนในครอบครัวแต่งงานกันด้วยความรัก แต่ฉันคิดว่าตัวเองต้องแข็งแกร่งขึ้น และฉันเองก็ไม่สามารถไปวิจารณ์เรื่องความรักของคนอื่นได้หรอก เพราะตัวเองก็ยังไม่เข้าใจมันเลย ฉันคิดว่าเอาเวลาเหล่านั้นไปอ่านหนังสือหรือฝึกจะดีกว่า

 

「เฮ้อนี่เธอเป็นพวกสมองกล้ามหรือไงกันเนี่ย….ก็นะสำหรับเธอมันก็เท่านี้สินะ แต่ละคนก็มีประสบการณ์รักๆใคร่ๆต่างกันไป และไม่รู้หรอกว่าจะตกหลุมรักเมื่อไร ตอนไหน ที่ไหน ยังไง เหมือนกับฉันที่เจอกับทอม และไม่คิดว่าจะรักเขามากจนขนาดนี้เลยก็เถอะ……」

 

「……ตอนแรกเธอก็ไม่ได้ชอบทอมนี่? แล้วไงถึงมารักกันได้ล่ะ?」

 

「อื~ม、ก็น้า……。ตอนฉันพบเขาครั้งแรกฉันคิดว่าเขาน่ะ “ตัวเล็กและสมองทึบ” ที่มักจะถูกรังแกอยู่เสมอมา แต่ฉันก็มักจะเอาตัวเข้าไปปกป้องเขาอยู่เสมอเพราะคิดว่าอยู่กับเขามันก็สนุกดี และฉันเองก็ชอบที่จะแกล้งเขา~」

 

มิมุรุพูดออกมาขณะที่จ้องมองเพดานห้อง นึกถึงความทรงจำเก่าๆและเล่าให้ฉันฟัง

ดูเหมือนว่าตอนเด็กๆเองเธอก็แกล้งทอมไว้หนักพอควรเลย

 

「แต่ว่านะถึงจะเป็นแบบนั้นทอมก็เรียนหนัก หนัก แบบหนักมากอะ และทำสิ่งต่างๆมากมาย กว่าจะรู้ตัวฉันก็คอยไล่ตามเขาเสียแล้ว……」

 

เธอค่อยๆบอกฉันเกี่ยวกับการที่เธอเริ่มมาชอบทอมราวกับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้

 

「เมื่อใดก็ตามที่นึกถึงเขาก็เริ่มที่จะอดไม่ไหว จนช่วยไม่ได้……」

 

เมื่อเธอเล่าเรื่องความรักเธอมักจะมีใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความรักอยู่เสมอ มันเป็นเสน่ห์ที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้เลย

 

「และก่อนที่จะมาที่สถาบันฉันก็สารภาพกับเขาว่า……ในตอนนั้นอะนะ?ฉันรู้สึกว่าตัวเองชอบทอมมากๆและเราก็เริ่มออกเดทกัน」

 

พูดจบเธอก็หันมามองฉันด้วยแววตาของ “ผู้หญิง” ไม่ใช่แววตาของสาวน้อย

 

「งั้นเหรอ……」

 

「อืม! สักวันหนึ่งเธอเองก็คงจะค้นพบตัวเองเช่นเดียวกับฉัน เธอเองก็คงพบกับใครบางคนที่เธอชอบเข้า และอยากจะอยู่กับคนๆนั้นตราบนานเท่านาน และนั่นละนะคือคนที่จะคอยอยู่เคียงข้างเธอและทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดเท่าที่ทำได้ล่ะ」

 

「…………」

 

「อืม นี่ก็คือวิถีเส้นทางแห่งความรักของฉัน เรื่องราวของซีน่า ซีน่าก็ต้องเริ่มต้นเขียนมันด้วยตัวเองนะ」

 

「……งั้นมันก็คงเป็นความรักสินะ?」

 

「เอ๊ะ? ฉันไม่ได้จำกัดแค่คำว่ารักสักหน่อยนะ? ฉันคิดว่าฟีโอต่อสู้กับโนโซมุเพราะต้องการรู้จักเขามากขึ้น」

 

「แล้วทำไมถึงโจมตีกระทันหันแบบนั้นละ “ราวกับว่ากำลังตื่นเต้นด้วย”? โนโซมุเองก็ไม่เข้าใจเหตุผลเพราะงั้นจึงยืนหยัดสู้ไม่ใช่เหรอ」

 

「อ่า นั่นมันก็ถูกอยู่หรอก……」

 

「โดยทั่วไปแล้ว ก็ต้องมีท่าทีสงบนิ่ง? คอนที่เธอพบกับทอมเมื่อวันก่อนเธอก็กระโจนใส่เขาด้วยนี่น่า? ฉันรู้นะว่าอยากจะอยู่ด้วยกัน แต่ว่ามันไม่ดีไม่ใช่เหรอที่ทำร้ายฝ่ายตรงข้าม」

 

「อา อาเระ? แล้วทำไมถึงกลายมาเป็นว่าฉันโดนเทศน์ได้ละเนี่ย?」

 

นี่ฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย?

 

 

เมื่อมองย้อนกลับไปเธอก็เป็นพวกคิดเร็วทำเร็ว นอกจากนี้แม้อาการจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เจ็บไม่ใช่เหรอไงกัน……。

 

 

……ฉันเองก็ต้องบ่นเรื่องนั้นสักหน่อยแล้ว

 

 

มีสถานที่ๆเหล่าครึ่งสัตว์อย่างฟีโอและมิมุรุจะสูญเสียเหตุผลไปด้วยงั้นเหรอ

 

 

ตอนนี้อาจจะไม่เป็นไร แต่คราวหลังเป็นปัญหา

 

 

ฉันไม่อยากให้เพื่อนรักทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนั้น

 

 

ถ้ารักกันจริงก็ต้องคุยกันแบบตรงไปตรงมาสิ มิมุรุไม่สนใจเรื่องนั้นเสมอเลย แต่ถ้าเพื่อเธอแล้วต่อให้ฉันต้องกลายเป็นปีศาจก็ต้องหยุดเธอ

 

 

 

หลังจากนั้นฉันก็เทศน์เธอไปอีกราว 3 ชั่วโฒง และมิมุรุก็ได้รับการปล่อยตัวในวันถัดไป

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท