พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 77

ตอนที่ 77

บทที่5ตอนที่24

 

 

ไอริสและเพื่อนๆต่างวิ่งไปรอบๆเมืองเพื่อค้นหาโนโซมุและมาร์ แต่หลังจากมืดพวกเขาก็มารวมตัวกันที่ประตูหลักของสถาบัน

 

 

ทุกคนหอบหายใจและแสดงท่าทีร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด

 

 

「เป็นไงบ้าง เจอพวกเขาสองคนไหม!?」

 

 

「ไม่เจอเลย ไม่ได้อยู่ทางเหนือ……」

 

 

「ยันต์ของข้าน้อยก็ไม่ได้ผลเลย……」

 

 

「น่าจะไม่ได้อยู่ในเมือง……」

 

 

ไอริสถามฟีโอที่กลับมาแต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร สิ่งที่เหลือคือทิม่าที่ไปดูย่านการค้าและซีน่าที่ไปทางเขตชานเมือง

 

 

เมื่อไอริสเริ่มออกตามหาโนโซมุ เธอจึงมุ่งหน้าไปที่หอพักชาย นักเรียนในหอพักที่เห็นก็ตกใจแต่ก็ไม่เจอโนโซมุ

 

 

หลังจากนั้นก็วิ่งไปรอบๆเมืองเพื่อค้นหาเขา แต่ก็ไม่เจอทั้งสองคนเลย

 

 

「มาร์น่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในย่านการค้า แต่โนโซมุ……。อาาา! อยู่ไหนกันนะ……」

 

 

ไอริสพยายามสงบสติอารมณ์ขณะกัดริมฝีปากแน่น เพราะหาโนโซมุไม่เจอ

 

 

ถ้าถามเขาก่อนหน้านี้ละก็…ความเสียใจเข้าปกคลุมจิตใจของไอริส

 

 

「ไอ! ฉันเจอมาร์คุงแล้วล่ะ!」

 

 

อย่างไรก็ตามเสียงของเพื่อนสนิทก็ดังเข้ามาในหู เมื่อไอริสหันไปก็เจอทิม่าและมาร์กำลังวิ่งมาที่นี่

 

 

「…………」

 

 

「…………」

 

 

มาร์และไอริสที่เจอหน้ากันต่างเงียบ ดวงตาที่เธอจ้องมองไปที่มาร์มีแต่ความโกรธ

 

 

มาร์ตกใจมากที่เห็นไอริสจ้องเขาแบบนั้น แต่เมื่อเขาตัดสินใจได้ ก็ก้มหน้าลง

 

 

「ขอโทษทุกคนด้วยจริงๆ! ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตรายก็เพราะข้า!」

 

 

มาร์ขอโทษออกมา ไอริสและคนอื่นๆก็จ้องมองมาร์ด้วยท่าทีเคร่งขรึม

 

 

「เอ่อไม่ยกโทษให้ข้าก็ไม่เป็นไรหรอก! จะทุบตีเท่าไรข้าก็ไม่ว่า!」

 

 

「…………」

 

 

ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างมาร์และไอริสชั่วขณะหนึ่ง มาร์ก้มหน้าลงและรอฟังคำพูด

 

 

ในที่สุดไอริสก็เปิดปากพูดอย่างช้าๆ

 

 

「……มาร์คุง ใครกันที่ควรได้รับคำขอโทษจากนายมากที่สุด นายก็น่าจะรู้นะคะ?」

 

 

「……อาาา รู้สิ ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะต่อว่ามากแค่ไหน ข้าก็จะยอมรับความผิดทั้งหมด!เพราะงั้นแล้วช่วยมาหาโนโซมุด้วยกันเถอะ !」

 

 

「……เข้าใจแล้วนะทุกคน?」

 

 

มาร์ขอร้องให้ทุกคนช่วยตามหาโนโซมุพร้อมกันกับเขา บางทีเพราะยอมรับคำขอโทษของเขาแล้วทุกคนจึงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของไอริส

 

 

「……ขอบคุณนะ」

 

 

มาร์รู้สึกขอบคุณพวกเขาที่ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น

 

 

「ทุกคนมารวมตัวกันแล้วสินะ」

 

 

ในขณะนั้นเองเสียงของซีน่าก็ดังขึ้น ข้างหลังก็เห็นอาจารย์อันริอยู่ด้วย

 

 

「ซีน่าคุง! และก็อาจารย์อันริ!?」

 

 

ไอริสและเพื่อนๆประหลาดใจกับการโผล่มาของอันริ แต่ซีน่ายังคงพูดต่อ

 

 

「เจอเขาแล้วละนะ」

 

 

「จริงเหรอคะ!?」

 

 

ไอริสตะโกนถามซีน่า เธอรีบมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นโนโซมุเลย

 

 

「……โนโซมุดูเหมือนกำลังร้อนใจอยู่เลยเนอะ?」

 

 

「เขาพูดเช่นนั้นแล้วก็เข้าไปในป่า」

 

 

「หมายความว่ายังไง!?」

 

 

ไอริสตะโกนใส่คำพูดของซีน่าเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด ตอนนี้อารมณ์ของเธออ่อนไหวมากๆ จึงวิ่งไปคว้าคอเสื้อซีน่า

 

 

「ทำไมถึงปล่อยเขาไปละคะ!? เขาบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอไง!?」

 

 

「ไอริสดิน่าาาซังงงงงงงง! ใจเย็นๆน้า~~!」

 

 

อันริประหลาดใจที่เห็นไอริสเดือดดาล แต่เธอก็ร้อนรนและรีบวิ่งไปหาอันริทันที

 

 

「อาจารย์อันริ! คุณก็ด้วยทำไมไม่หยุดเขาไว้ละคะ!?」

 

 

「ฉันกับอาจารย์ก็พยายามจะหยุดแล้ว! แต่เขาบอกว่าเขาต้องไปที่นั่น เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องไปที่นั่นในตอนนี้」

 

 

ซีน่านึกภาพของโนโซมุที่ถามตัวเธอ

 

 

“ขออีกครั้งหนึ่งละครับ ผมต้องการสงบสติอารมณ์ผมอยากไปหาอาจารย์ที่กำลังหลับไหลอยู่ ตอนนั้นที่กระท่อมที่ผมเคยนำทางให้ซีน่าและเพื่อนๆน่ะ ผมอยากให้ทุกคนมาที่นั่นในวันพรุ่งนี้ครับ”

 

 

ความวิตกกังวลและความกลัวซ่อนอยู่ในนัยน์ตาของเขา แต่โนโซมุก็มองตรงไปข้างหลังซีน่าและอันริ ด้วยความรู้สึกที่ว่าเขาอยากจะก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าจะมีความทรงจำอันแสนเศร้าอยู่ก็ตาม

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้กำหนดสถานที่แห่งความทรงจำของเขาที่เขาพูดคุยกับอาจารย์ แน่นอนว่าไม่มีที่ไหนที่ทำให้เจตจำนงของตัวเขาเองมั่นคงมากกว่าที่นั่นอีกแล้ว

 

 

「โนโซมุคุงอะน้า~。ตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านของอาจารย์น่ะ~」

 

 

「อาจารย์เหรอคะ?」

 

 

ไอริสและคนอื่นๆก็สงสัยว่าใครคืออาจารย์ของโนโซมุ แต่ซีน่าก็อธิบาย

 

 

「เป็นคนที่สอบวิชาดาบคาตานะให้เขา ดูเหมือนว่าสถานที่ๆเขาจะไปนั้นเป็นบ้านของอาจารย์ที่เคยอยู่กับเขา」

 

 

「……เคยอยู่?」

 

 

「……อืม ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเขาจะจากไปแล้ว……」

 

 

ซีน่าบอกไอริสและคนอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเธอได้คุยกับโนโซมุที่เขตชานเมือง

 

 

เขาได้พบกับอาจารย์ของเขาอย่างไรและเริ่มฝึกดาบยังไง ทุกๆวันในการฝึกฝน เขาที่ยังคงเหวี่ยงดาบต่อไป และคำสุดท้ายที่อาจารย์ฝากโนโซมุไว้ให้ตระหนักถึงความเป็นจริง

 

 

「ดูเหมือนอาจารย์ของโนโซมุจะพูดคำนี้ไว้เป็นคำสัญญาระหว่างเธอกับโนโซมุก่อนที่เธอจะจากไป “จะหนีก็ไม่เป็นไร แต่จงตระหนักไว้ว่าตัวเองกำลังหนีความจริงอยู่ หนีไปเท่าไรก็อย่าได้ลืม ว่าสักวันเจ้าจักต้องก้าวไปข้างหน้าให้ได้”……」

 

 

「…………」

 

 

ทุกคนสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าทั้งสองถูกผูกพันด้วยความลึกซึ้งถึงเพียงใดจากคำพูดเหล่านั้น

 

 

ในทางกลับกันพวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าโนโซมุมีอาจารย์อยู่

 

 

ไอริสรู้สึกว่าเหมือนกับใจเธอกำลังพังทลาย

 

 

ทำไมพวกเขาถึงไม่เชื่อใจโนโซมุมากกว่านี้……。

 

 

ความคิดเช่นนั้นยังคงแล่นอยู่ในหัว และก็รู้สึกได้เลยว่าเขารู้สึกทึ่งกับความรู้สึกที่เวลาที่ใช้กับอาจารย์ค่อยๆจางหายไปและหายไปในที่สุด

 

 

ซีน่าเหลือบมองไปทางไอริสและยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนอะไร

 

 

「……และอีกนัยหนึ่ง เขาไม่เคยพูดถึงพลังของเขา แต่พลังของเขาอันตรายกว่าที่พวกเราคิดไว้มาก」

 

 

「……หมายความว่ายังไงคะ?」

 

 

ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างหรี่ตาและฟังคำพูดของซีน่า

 

 

「อย่างที่เขาพูดไว้ ยามใดที่เขาใช้พลังนั่นจะมีเจตจำนงอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขาอยู่ และเจตจำนงนั่นคิดว่าคนในเมืองเป็นเพียงแค่อาหารอันโอชะของมัน」

 

 

ไอริสที่เคยได้เห็นพลังของโนโซมุตอนที่ต่อสู้กับรูกาโต้

 

 

พลังอันมหาศาลที่แม้แต่พลังเวทย์ของรูกาโต้ที่เป็นถึงแรงค์ S ยังค้องหวาดกลัว

 

 

นั่นคือพลังของเขา ถ้าลองคิดดูก็น่าจะมีค่าใช้จ่ายอันสูงส่งตามมา

 

 

「……อาาาาา!!」

 

 

ไอริสกัดริมฝีปากแน่นโดยไม่รู้ตัว

 

 

มีหลายอย่างที่ให้สังเกตเห็นแท้ๆ……。

 

 

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ก็พยักหน้าตอบรับได้เลยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโนโซมุแปลกไปเร็วๆนี้

 

 

ทำไมถึงไม่ถามเขาเลย……。

 

 

มีเพียงความเสียใจที่กัดเซาะหน้าอกของไอริส

 

 

「เขาคิดว่าเขากังวลเกี่ยวกับพลังของมัน และไม่เคยคุยกับใครเลย เพราะอย่างนั้นเลยกดดันตัวเองมาโดยตลอด」

 

 

「……แม้แต่พวกเราก็ไม่สามารถพูดได้งั้นเหรอคะ?」

 

 

「โซเมีย……」

 

 

โซเมียแสดงสีหน้าร้องไห้ออกมา

 

 

นั่นไม่ใช่ความผิดโซเมียหรอก เพราะฉันไม่เคยถามเขาต่างหาก……。

 

 

พูดแบบนี้ฉันก็พยายามปลอบโซเมียที่กำลังร้องไห้ออกมา แต่ไอริสก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

 

 

「ไม่ได้จริงๆหรอกนะ ฉันคิดว่ามันตรงกันข้ามกันน่ะ เขาพูดไม่ได้เพราะมันสำคัญอย่างมาก เขารู้เพราะว่ามันเคยเกิดเรื่องแบบนั้นกับเขามาก่อน ยิ่งกังวลมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่อยากพูดถึงมันมากเท่านั้น หัวใจอันด้านชาทำให้ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้」

 

 

แต่แทนที่จะเป็นไอริสซีน่ากลับปลอมโซเมียแทน

 

 

เธอเดินเข้าหาโซเมียและก้มตัวลง ใช้มือลูบโซเมียเบาๆเพื่อปลอบเธอ

 

 

อาการเจ็บหน้าอกมันรุนแรงขึ้น เปลือกตาร้อนผ่าว และน้ำตาก็ไหลออกมา

 

 

「ฮึก!!」

 

 

ไอริสกัดริมฝีปากอย่างสิ้นหวังและพยายามกลั้นน้ำตาของเธอไว้ ซีน่าเองก็มองมาทางไอริส

 

 

「โนโซมุกำลังรอเราอยู่ที่กระท่อมในส่วนลึกของป่า ฉันรู้สถานที่นั้นแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะพาทุกคนไปเอง」

 

 

「กระท่อมกลางป่างั้นเหรอ?」

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซีน่า มิมุรุและทอมก็ทำท่าทางสงสัย แต่พวกเขาก็ส่งเสียงตกใจออกมาราวกับนึกอะไรบางอย่างออก

 

 

「นี่ ซีน่ากระท่อมนั่นหรือว่า……」

 

 

「ใช่แล้วล่ะ มิมุรุ กระท่อมที่เราหนีภัยเข้าไปไง เขาที่แนะนำให้เราไปที่จุดนั้นน่ะ」

 

 

「……หนีภัย?」

 

 

มาร์และเพื่อนๆไม่เข้าใจเรื่องที่ซีน่าพูด คำว่า “หนีภัย”ยิ่งทำให้ไม่สบายใจ

 

 

「พรุ่งนี้ไว้จะเล่าให้ฟัง แม้ว่าพวกเราจะต้องไปที่นั่นก็ตาม ที่นั่นเป็นสถานที่ฝึกดาบกับอาจารย์ของเขา และเป็นสถานที่แห่งความทรงจำอันแสนสำคัญสำหรับเขา โนโซมุบอกว่าอยากจะทำหัวให้โล่ง วันนี้ปล่อยให้เขาอยู่กับตัวเองเถอะ」

 

 

「……แต่ว่า」

 

 

อีกสักพักซีน่าจะพาไปหาโนโซมุ อย่างไรก็ตามเสียงของไอริสขัดคำพูดของเธอ

 

 

「ไม่นะ โนโซมุยังบาดเจ็บอยู่…ยังไงก็ควรจะให้เขาพักผ่อนในสถานที่ๆเหมาะสมกว่านี้นะ……」

 

 

「ไม่หรอกที่นั่นแหละดีแล้ว โนโซมุรู้จักที่แห่งนั้นดีกว่าใคร เขารู้ตัวดีไม่ควรเข้าป่าตอนกลางคืนยามหมดแรง」

 

 

คำพูดของไอริสที่ดูเหมือนจะหมดความอดทน

 

 

ซีน่าปฏิเสธกลับทันที แต่เธอก็อยากจะไปหาโนโซมุอยู่ดี และเธอก็อยากเข้าไปในป่าตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

 

 

「……เดี๋ยวก่อนสิ ไอริส」

 

 

อย่างไรก็ตาม มาร์เองก็บอกให้ไอริสรอ

 

 

คำพูดของซีน่าที่บอกว่า “ทุกคนล้าแล้ว” รั้งหัวใจเอาไว้

 

 

「ถ้าหมอนั่นบอกให้รอ..ก็รอเถอะ หมอนั่นเองก็ต้องการเวลา」

 

 

「อืม ฉันเองก็คิดแบบนั้น」

 

 

ซีน่าพยักหน้ากับคำพูดของมาร์

 

 

「แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับข้า…สำหรับหมอนั่นไม่เป็นไรหรอกที่อยู่ป่าในตอนกลางคืน」

 

 

คำพูดของมาร์ยังคงพูดออกไปราวกับเชื่อมั่นในคำพูดของเขา

 

 

「อาร่า? ท่าทีดูสุขุมมากเลยนะ คิดว่าจะบุกเข้าป่าไปคนเดียวเพราะทนไม่ไหวซะอีก」

 

 

「……มีหลายเรื่องเลยละที่อยากจะพูด」

 

 

มาร์ตอบสนองต่อคำยั่วยุของซีน่า และยิ้มออกมา

 

 

「ไอริสรอก่อนเถอะนะ?」

 

 

「…………」

 

 

ความปรารถนาที่อยากจะเจอกับโนโซมุและความปรารถนาที่ไม่อยากให้ทุกคนตกอยู่ในความเสี่ยงมันผสมปนเปกันไปหมด

 

 

โซเมียที่อยู่ใกล้กับพี่สาวจับมือเธอเบาๆซึ่งกำลังกัดริมฝีปากแน่น

 

 

ไอริสรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากน้องสาว เธอจึงค่อยๆพยักหน้ากับคำพูดของซีน่า

 

 

「งั้นพรุ่งนี้ไปหลังเลิกเรียน จุดนัดพบคือเขตชานเมืองตามปกติ」

 

 

ขณะที่ทุกคนแยกย้ายไปตามคำพูดของซีน่า มาร์ก็เรียกเธอขณะที่กำลังจะกลับ

 

 

「ซีน่าคือว่า…เรื่องสำหรับวันนี้ข้าขอโทษนะ……」

 

 

มาร์ก้มหัวลงและขอโทษต่อความเขลาของตัวเอง ซีน่าไม่คิดอะไรมาก

 

 

「……เข้าใจแล้ว ขอโทษก็ดีแล้วล่ะ ที่เหลือก็พูดต่อหน้าเขาซะ」

 

 

「อาาา รู้แล้วล่ะน่า」

 

 

ซีน่าพูดเพียงคำพูดเดียว มาร์ขอโทษเธออีกครั้ง

 

 

◇◆◇

 

 

หลังจากกลับมาที่คฤหาาสน์ไอริสและโซเมียกลับไปที่ห้องของตัวเองหลังจากทานอาหารและล้มตัวลงนอน

 

 

การฝึกพิเศษและการต่อสู้กับมังกรแห่งความตาย ความเข้าใจผิดระหว่างโนโซมุกับมาร์และความเหนื่อยล้าที่สะสมไปจากการวิ่งไปทั่วทั้งเมือง ความเหนื่อยล้านั่นพยายามทำให้เธอหลับไหล

 

 

อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับร่างกายที่อยากพักผ่อน หัวของเธอกลับคิดอะไรหลายอย่าง ส่งผลให้เธอหลับๆตื่นๆ

 

 

เขากำลังทำอะไรอยู่กันนะ……。

 

 

ทุกสิ่งที่เข้ามาในหัวของเธอคือภาพของเขาที่กำลังกังวลอะไรบางอย่าง

 

 

ลักษณะที่เขาชอบหันหลังให้ฉันราวกับจะจากไป นั่นยิ่งทำให้เธอยิ่งโหยหา

 

 

 

ครั้งแรกที่พบกับเขาที่ห้องพยาบาล เขาเต็มใจช่วยนักเรียนหญิงที่ได้รับบาดเจ็บ

 

 

หากลองคิดดูแล้วตัวเขาต่างจากข่าวลือโดยสิ้นเชิง

 

 

ครั้งต่อไปที่พบกันก็คือสวนสาธารณะกลาง เป็นการพบกันครั้งที่สองฉันเห็นเขากำลังพูดคุยกับน้องสาวของฉันอย่างสนุกสนาน

 

 

โซเมียเองก็พูดถึงเพื่อนใหม่ที่ได้เจอแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขาคนนี้

 

 

เขาเองก็ไม่รู้ว่าโซเมียเป็นน้องสาวของฉัน เขาตกใจอย่างมากที่รู้ว่าโซเมียเป็นน้องสาวของฉัน ตอนนั้นฉันแอบแหย่เขาเล่นด้วย……。

 

 

ฉันนึกถึงน้องสาวของฉันที่เป็นชนชั้นสูงที่ผู้คนต่างเข้าหาเพราะหวังผลประโยชน์แอบแฝง แต่ว่าไอริสไม่รู้สึกถึงสัญญาณเตือนภัยจากตัวโนโซมุเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

และเหตุการณ์วันเกิดของโซเมีย

 

 

เขาช่วยฉันและโซเมียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างข้อตกลงลับๆของตระกูลฉันกับตระกูลวาเซียร์ตในอดีต หลังจากนั้นเขาก็ยังมอบของขวัญวันเกิดให้โซเมีย

 

 

โนโซมุไม่เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อทั้งสองคน แม้ว่าจะเป็นคนที่เขาช่วยชีวิตไว้ก็ตาม

 

 

สำหรับไอริสและคนอื่นๆที่เห็นผู้ใหญ่ที่ได้เปรียบแล้วมักจะเปลี่ยนทัศนคติชอบทวงบุญคุณ แต่สำหรับโนโซมุมันไม่ใช่เลยเขาไม่เคยคิดอะไรแม้แต่น้อย

 

 

หลังจากนั้นไอริสก็ชวนโนโซมุออกเดทเพื่อเป็นการขอบคุณ

 

 

ฉันมักจะเป็นฝ่ายถูกเชิญมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเป็นฝ่ายเชิญอีกฝั่ง ตื่นเต้นมากๆเลยล่ะ

 

ฝ่ามือของเขาอุ่นกว่าที่คาดไว้ และท่าทางของเขาที่ดูสนุกสนานและร้อนรนนั้น ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างมากจนปล่อยตัวไปตามธรรมชาติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

แวะร้านทำขนมระหว่างทางและทานขนมที่เขาทำเป็นครั้งแรก

 

 

เขาทะเลาะกับซอนเน่ซึ่งพบกันตั้งแต่ครั้งแรก

 

 

การเห็นท่าทีร้อนรนของเขามันสนุกมากเลยล่ะ และฉันเองก็ยังขอให้เขาเรียกฉันด้วยชื่อเล่น

 

 

และพอมาสังเกตดูฉันก็กลายเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขาซะแล้ว

 

 

 

ไอริสกอดฝ่ามือของเธอขณะจ้องมองมัน

 

 

ในวันที่ออกเดทกับโนโซมุ แค่จับมือข้างที่เขาจับมือฉันใจก็เต้นแรงและหัวใจก็อบอุ่นขึ้น

 

 

แต่ตอนนี้มันเพียงแค่ความเจ็บปวดที่ไหลผ่านหน้าอกของฉัน

 

 

ในขณะนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และประตูก็เปิดออกพอมองไปก็เจอโซเมียในชุดนอนกำลังทำสีหน้าไม่สบายใจอยู่

 

「……พี่คะ」

 

「โซเมีย?」

 

「…………」

 

โซเมียยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่งแต่แล้วก็รีบวิ่งไปหาพี่สาวของเธอด้วยฝีเท้าอันรวดเร็วและกระโดดเข้าอ้อมอกของฉัน

 

 

ไอริสกอดโซเมียและพยายามจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตัวเธอสั่นเทามาก

 

「……ไม่เป็นไรหรอกนะโซเมีย ไม่เป็นไรหรอก」

 

ไอริสลูบหลังของโซเมีย

 

 

กอดเธอเบาๆราวกับกำลังสะท้อนภาพของตัวเอง ฉันพยายามขจัดความกังวลใจของเธอให้ได้มากที่สุด

 

 

โซเมียเอาหน้าซุกมาในอกของฉันเพื่อสงบสติ เมื่อสงบสติได้เธอก็เงยหน้าขึ้นมา

 

 

อย่างไรก็ตามใบหน้านั้นยังคงแข็งทื่อ อาจเป็นเพราะยังกังวลอยู่

 

「พี่คะ เกี่ยวกับเรื่องของคุณโนโซมุ……」

 

หลังจากนั้นเองโซเมียก็ถามเรื่องของโนโซมุ

 

 

โซเมียกังวลว่าจะคืนดีกับโนโซมุได้ไหมเธอมาหาพี่สาวเพราะต้องการคำตอบที่แน่ใจ

 

 

ไอริสเองก็กังวล ถึงกระนั้นก็ลูบหัวน้องสาวของเธอเบาๆด้วยรอยยิ้ม พยายามสร้างความมั่นใจให้โซเมีย

 

 

 

「……ไม่เป็นไรหรอก จากคำบอกเล่าของซีน่า ดูเหมือนว่าโนโซมุกำลังรอพวกเราอยู่……」

 

ไอริสพูดกับโซเมียด้วยรอยยิ้ม ขจัดความกังวลในใจเธอ

 

 

ขณะพยายามสร้างความมั่นใจให้โซเมีย เธอก็บอกกับตัวเอง

 

「……แต่ว่าถ้าคุณโนโซมุคุงหายไปละคะ……」

 

「…………」

 

โนโซมุเองก็มีความสำคัญต่อโซเมียเช่นกัน

 

 

เป็นผู้มีพระคุณและเพื่อนสนิทของโซเมีย

 

 

เด็กสาววัยอายุ 11 ขวบที่กำลังมองหาโนโซมุที่ดูเหมือนพี่ชายของเธอ

 

 

เด็กสาวที่กลัวการสูญเสียครอบครัวคนสำคัญ

 

 

สำหรับเธอแล้วความวิตกกังวลที่โนโซมุหายไปนั้นใหญ่หลวง แม้แต่น้องสาวที่เยือกเย็นก็ยังกังวล

 

 

ไม่มีอีกแล้วล่ะ

 

 

ความรู้สึกแบบนั้นฝังในใจของไอริส

 

「ถ้าโนโซมุจะหายไปจริงๆละก็……」

 

การฝึกตอนเช้าที่ทำร่วมกัน ก็จะไม่มีอีกต่อไป

 

 

การที่ได้ทานข้าวด้วยกันตอนกลางวันกับเขาทำให้อาหารอร่อยกว่าปกติหลายเท่า

 

 

การที่เดินไปรอบๆเมืองด้วยกัน ช่วงเวลาที่ยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

 

ทั้งหมดนั้นจะหายไป

 

 

ช่วงเวลาที่จินตนาการถึงอนาคตที่ไม่มีเขา มันช่างหนาวเหน็บเหลือเกิน ราวกับเกิดแผลใจขนาดใหญ่

 

 

 

(ไม่เอาหรอกนะ…เรื่องแบบนั้นน่ะ……)

 

ไม่เอาหรอก เรื่องแบบนั้น จะไม่ยอมให้เขาจากไปไหนอีกแล้ว! ฉันอยากให้เขาจะมาอยู่ข้างๆฉัน!

 

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับโนโซมุนั้นอาจจะหายไป

 

 

อย่างไรก็ตามอนาคตดังกล่าวฉันไม่ยอมรับมันหรอก

 

 

ความรู้สึกที่ไม่มีเขาอยู่มันก็เหมือนกับการไร้ซึ่งพลัง แรงบันดาลใจต่างๆในการใช้ชีวิตมันหดหายไปหมด

 

 

ใบหน้าวิตกกังวลของโซเมียตรงหน้าเธอ เธอเองก็อาจจะมีสภาพเช่นนั้นหากเขาจากไปจริงๆ เธอกอดโซเมียแน่นขึ้นและพยายามจะขจัดความมืดมิดในใจออกไป

 

「……โซเมีย แน่นอนเราไม่รู้หรอกว่าจุดจบจะเป็นยังไง แต่เราก็มีโอกาสไม่ใช่เหรอ」

 

「……พี่คะ」

 

ความปรารถนาที่ไม่อยากสูญเสียเขาอีกต่อไป มันเผาผลาญความกังวลใจไปจนหมด

 

 

นี่เป็นช่วงเวลาอันแสนสำคัญ

 

 

การต่อสู้ระหว่างความกลัวที่จะสูญเสียกับความเต็มใจที่จะปฏิเสธอนาคตเหล่านั้น มันจะจบลงด้วยเจตจำนงที่จะเอาชนะในสถานการณ์แห่งนี้

 

 

ด้วยหัวใจดวงเดียวนี้ไม่อยากจะสูญเสียความอบอุ่นที่อยู่ในเอื้อมมือนี้ ไอริสพูดต่อไปด้วยความจริงจัง

 

 

 

「ฉันจะไม่ยอมให้เขาได้หายไป…ฉันยังมีสิ่งที่ทำได้อยู่เพราะงั้นพวกเราจะไปหาโนโซมุกัน!」

 

บอกโซเมียถึงคนที่แสนสำคัญ และที่สำคัญที่สุดคือตัวฉันเอง

 

 

คราวนี้แหละจะต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

 

 

ด้วยความมุ่งมั่นในใจเช่นนั้น ไอริสสาบานเช่นนั้นต่อหน้าน้องสาว

 

 

◇◆◇

 

 

ในป่าที่แม้แต่แสงจันทร์ยังไม่ส่องแสง ยักษ์ตัวหนึ่งที่ขนาดเท่าบ้านนอนอยู่บนพื้น

 

 

ศพที่ซีดเซียวและกลิ่นเน่าเสีย

 

 

ดวงตาที่ดูแวววาวตลอดช่วงเวลามีชีวิต ถูกขูดออกไปอย่างไร้ความปราณี คอขาดและนอนราบบนพื้น

 

 

มังกรที่มีความขัดแย้งกับความเป็นและความตาย ถูกผูกมัดไว้ด้วยความหิวกระหาย บัดนี้เป็นอิสระจากความทุกข์ทรมานอย่างแท้จริง

 

 

เดิมทีมันจะไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไปและควรเป็นอาหารของสัตว์ตัวอื่นๆ

 

 

อย่างไรก็ตามมีเงาหนึ่งเคลื่อนตัวอยู่ข้างศพ

 

 

บุคคลลึกลับที่สวมหมวกคลุมศีรษะ เมื่อสัมผัสร่างของมังกรด้วยมือของเขา ร่างกายก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาว

 

 

เมื่อแสงสว่างเข้าปกคลุมร่างอันแสนมืดมิด ร่างของมังกรก็ลุกขึ้นอีกครั้ง

 

 

ซากศพที่บิดเบี้ยวกำลังขยับเขยื้อนเหมือนกำลังยืดเส้นยืดสาย

 

 

เมื่อแสงสีขาวโอบรอบหลังของมัน ปีกที่หายไปก็ได้รับการฟื้นฟู

 

 

คอที่ควรจะขาดไปก็อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น

 

 

ในทีสุดการเต้นของหัวใจก็สงบลง และท่าทีอันสงบนิ่ง ดวงตาก็เบิกกว้าง ตัวมันฟื้นคืนมาอีกครั้ง

 

 

ชายสวมหมวกคลุมหน้าและมังกรเผชิญหน้ากัน

 

 

ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของบุคคลนั้นได้ อย่างไรก็ตามมังกรเองก็ไม่โจมตีเช่นกัน

 

 

เป็นเพราะคนตรงหน้าชุบชีวิตมันขึ้นมา มีเหตุผลใดอื่นอีก?

 

 

อย่างน้อยแม้ดวงตามันจะไร้ซึ่งแสงสว่างแห่งชีวิต แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตัวมันก็ไม่ได้ดูอิดโรยเหมือนแต่ก่อน

 

「…………」

 

「…………」

 

ปากของคนสวมหมวกคลุมหน้าขยับ มังกรที่จ้องมองไปก็กางปีกบนหลังและออกบินไป

 

 

บุคคลคนนั้นยืนอยู่เพียงลำพังโดยมองมังกรแห่งความตายบินออกไป

 

 

◇◆◇

 

 

ช่วงเปลี่ยนของวัน โนโซมุยังคงเหวี่ยงดาบอยู่หน้ากระท่อมของชิโนะ

 

ดาบของอาจารย์และแผ่นจารึกที่วางฝังศพอยู่หน้ากระท่อม โนโซมุทำซ้ำๆแบบนั้นราวกับถูกอาจารย์จับจ้องอยู่

 

 

ทั้งร่างกายยังคงเหนื่อยล้า และแม้ว่าร่างกายจะหนักเหมือนท่อนเหล็ก แต่หัวใจเขาก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

 

「ฮ่าห์!」

 

เขาฟาดดาบลงไปและลมก็พัดผ่านหน้าเขา

 

 

กลิ่นของต้นไม้และกลิ่นของพื้นดิน

 

 

เสียงลมที่ดังขึ้นทุกครั้งที่ฟาดดาบลงไป โนโซมุรู้สึกพึงพอใจที่จะขจัดมันไปพร้อมกับความกลัวและความกังวลเหล่านั้น

 

สองสามเดือนที่แล้วผมสู้กับอาจารย์ที่นี่และยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น แม้ว่าเวลาจะผ่านไปได้ไม่นาน โนโซมุก็รู้สึกเหมือนยาวไกล

 

 

แม้ว่าจะสาบานกับตัวเธอไว้ว่าจะไม่ละเลยความจริงแม้ว่าตัวเองกำลังหนีอยู่ก็ตาม

 

ความกังวลเกี่ยวกับพลังอันแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดที่อยู่ในใจของตัวเอง มันฝังแน่นอยู่ในใจของโนโซมุมาโดยตลอด

 

จะเกิดอะไรขึ้นหากทุกคนรู้ว่าตัวเองเป็นดราก้อนสเลเยอร์…จะเกิดอะไรขึ้นหากควบคุมพลังไม่ได้……。

 

ความกังวลดังกล่าวยิ่งพองโตขึ้นด้วยข้อเท็จจริงเหล่านั้น และตัวเขาเองที่ปลดปล่อยพลังเหล่านั้นมาเพราะความโกรธ

 

ความวิตกกังวลวเพิ่มขึ้นทุกวันและความเข้าใจผิดระหว่างพวกไอริสทำให้เกิดช่องว่างระหว่างพวกเขา โนโซมุไม่สามารถเปิดเผยความลับเหล่านั้นได้ เหล่าสาวๆเองก็ไม่กล้าตั้งคำถามกับเขา

 

 

มันเป็นเส้นแบ่งที่ทั้งสองฝ่ายไม่เคยข้าม และรอยแยกระหว่างทั้งสองก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น

 

 

และคราวนี้ก็ถึงคราวแตกหัก ถ้าคิดตามปกติแล้วโนโซมุที่ลังเลจะใช้พลังขนาดนั้น มาร์ที่ควบคุมพลังไม่ได้ก็ทำให้เกิดการทะเลาะกัน

 

「แต่ซีน่าและคนอื่นๆก็ก้าวผ่านมันมาได้แล้ว……」

 

สิ่งที่ฟื้นคืนเข้ามาในจิตใจของโนโซมุคือซีน่าและคนอื่นๆ ที่เคยทำผิดพลาดในครั้งก่อนเช่นเดียวกับโนโซมุ

 

 

มิมุรุที่ขาดความสงบเพราะเห็นคนรักบาดเจ็บ ซีน่าเองก็แสดงความเกลียดชังและความแค้นต่อสัตว์อสูรสีดำ

 

 

มันเป็นสถานการณ์อันแสนเลวร้ายแต่ท้ายที่สุดก็ก้าวผ่านมันมาได้

 

 

โนโซมุอิจฉาพวกเขาที่ดูแพรวพราวดั่งดวงดาว

 

「ถ้าผมใช้พลังนั่นในตอนนั้น」

 

เมื่อวานนี้โนโซมุซึ่งแอบไปฝึกคนเดียวที่เขตชานเมืองก็ได้คำพูดของซีน่าช่วยเขาเอาไว้

 

 

เธอบอกว่าไม่สามารถคืนดีกับมิมุรุและทอมได้หากไม่มีโนโซมุ หากโนโซมุใช้พลังของดราก้อนสเลเยอร์ก็ไม่มีโอกาสแบบนั้นเกิดขึ้น

 

“ฉันรู้สึกขอบคุณนายจริงๆ ต้องขอบคุณที่ทำให้ฉันกับมิมุรุและเหล่าวิญญาณคืนดีกันได้”

 

ซีน่าขอบคุณตัวโนโซมุที่ไม่ได้พยายามจนถึงที่สุด

 

 

และอันริที่อยู่เคียงข้างผม เฝ้ามองด้วยสีหน้าเหมือนเช่นเคย

 

“ฉันอยากจะช่วยนาย”

 

“ไม่เป็นไรหรอกน้า~。โนโซมุคุง”

 

และความอบอุ่นที่พวกเธอมอบให้กับผม

 

 

คำพูดของพวกเธอและความอบอุ่นเหล่านั้นทำให้โนโซมุรู้สึกตัวถึงความรู้สึกผิดของตัวเอง และทำให้ตัวเขากล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง

 

「เซย์!」

 

ดาบคมแกะสลักเส้นภายในอากาศ ระบำดาบที่ดูมีชีวิตชีวาแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง

 

 

มีทุกๆคนอยู่เคียงข้างผม

 

 

ความปิติเหล่านั้นทำให้โนโซมุก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแน่วแน่ กล้ามเนื้อและร่างกายผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

ดาบที่ฟันลงไปฟาดฟันสิ่งกีดขวางทั้งหมด ตอนนี้ดวงตาของเขาแม้จะมีความกังวล แต่ก็พร้อมสำหรับการที่จะเดินไปข้างหน้าแล้ว

 

 

 

「……ฮ่าห์」

 

โนโซมุฟันดาบต่อไปโดยไม่หยุดนิ่ง อย่างไรก็ตามดาบที่ฟาดฟันนั่นสั่นเล็กน้อย

 

 

ท้ายที่สุดแล้วความเหนื่อยล้าที่สะสมในร่างกายก็เริ่มมาถึงขีดสุด

 

“กำลังทำอะไรอยู่! ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยสอนดาบเจ้าไปแบบนั้น!!”

 

ทันใดนั้นเสียงของชิโนะก็ดังก้องขึ้นมาในหัวของเขา

 

 

เสียงโกรธของเธอที่ไม่เคยหยุดเลยยามที่ฝึกที่นี่ แน่นอน เธอไม่ยอมให้อยู่เฉยๆ โนโซมุจ้องมองไปที่แผ่นจารึกฝังศพนั่น

 

「……รับทราบครับอาจารย์ ผมจะทำมันให้ถูกต้องเพราะฉะนั้นได้โปรดเลิกลงโทษทางวินัยทีเถอะครับ……」

 

แม้จะรู้ว่าเธอจากไปแล้ว แต่โนโซมุก็พูดคุยกับแผ่นจารึกฝังศพของเธอ

 

“ถ้างั้นก็รีบแสดงให้เห็นซะ! ครั้งต่อไปจะไม่เตือนด้วยปากแล้วนะ!!”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างโนโซมุเหมือนกับเห็นภาพของอาจารย์ที่หยิบดาบขึ้นมาด้วยท่าทางยินดี

 

「……อาจารย์ครับ อย่าคิดจะฆ่าลูกศิษย์ตัวเองเชียวนะ……」

 

ใบหน้าของโนโซมุสั่นไหว เตือนให้เขานึกถึงภาพจำที่เคยเห็นในอดีต

 

 

อย่างไรก็ตาม ผมเองก็ยังจำภาพการลงโทษที่ไร้เหตุผลได้มาโดยตลอด ก่อนที่จะรู้ตัวก็มีความเศร้าโศกปกคลุมตัวโนโซมุ

 

 

◇◆◇

 

 

โนโซมุกวัดแกว่งดาบอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่

 

 

มันทำให้นึกถึงสถานที่แห่งนี้ตอนที่ชิโนะสารภาพเรื่องราวของตัวเองว่าโดนพี่สาวทรยศ

 

 

ชิโฯะฟันโนโซมุด้วยแฟนท่อม และมีใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้แม้จะถูกพายุอันรุนแรงโหมกระหน่ำ

 

 

เธอเสียใจมากที่ไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่เธอคิดออกมาได้ และเสียใจกับตัวโนโซมุที่จะละทิ้งชีวิตตัวเอง

 

「ใช้เวลานานมากเลยนะ……กว่าผมจะรู้ตัว……」

 

ชิโนะตระหนักถึงได้ถึงอายุขัยของตัวเอง เธอพยายามถ่ายทอดทุกสิ่งให้โนโซมุด้วยเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิด

 

เธอตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับโนโซมุ แต่เบื้องหลังของเธอก็คือการยอมรับอดีตที่ตัวเธอหนีตลอดมา ไม่งั้นใบหน้าคงไม่เต็มไปด้วยความเศร้าเช่นนั้น

 

 

มนุษย์ทุกคนต่างกังวลที่จะเปิดเผยอดีตของตัวเองและความลับที่พวกเขาต้องการจะปิดบัง

 

 

เธอยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อถ่ายทอดความคิดเหล่านั้นให้ศิษย์ของตน

 

 

 

「ผมคงไม่สังเกตเห็นถ้าอันริไม่ได้ถามผม……」

 

โนโซมุจำได้ว่าทำไมเขาถึงยอมรับตัวตนของชิโนะได้ เพราะ เธอถามโนโซมุเกี่ยวกับชิโนะเพื่อจะตรวจสอบเรื่องราวต่างๆ

 

 

ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งนั้น ครั้งนี้ผมจะพูดด้วยตัวเอง

 

 

หลังจากทั้งหมดที่มีความวิตก ยังมีความกลัว

 

 

ถึงอย่างนั้นความอบอุ่นและคำพูดของทั้งสองคนยังคงอยู่คอยสนับสนุนตัวผมที่เป็นอยู่

 

 

 

「จะหนีไปก็ไม่ได้ตลอดหรอก……」

 

ความกังวลที่เธอมีขณะนั้นเธอถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างให้โนโซมุได้ฟัง

 

 

แต่เธอก็ก้าวไปข้างหน้า

 

 

เพื่อถ่ายทอดคำพูดสุดท้ายแก่โนโซมุ และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องการให้ยอมรับตัวตนอันแท้จริงของตัวเธอเอง

 

 

 

「ถ้ายังงั้นผมเองก็ต้องก้าวหน้าต่อไป……」

 

มันถึงเวลาแล้วที่ต้องบอกความจริง ผมคงจะปิดบังต่อไปตลอดไม่ได้ การต่อสู้กับมังกรแห่งความตายมันสร้างความลำบากให้กับพรรคพวกมากขนาดนั้น

 

「ไอริสรู้ว่าผมมีพลังเหล่านั้นแต่ไม่รู้ว่าพลังเหล่านั้นคืออะไร……」

 

ไอริสและคนอื่นๆรู้ว่าเขามีพลัง แต่ไม่รู้ว่าเป็นพลังของดราก้อนสเลเยอร์

 

 

พวกเขาจะให้คำตอบแบบไหนหากรู้ถึงพลังที่แท้จริงของผม……。

 

「บางทีอาจจะถูกปฏิเสธ….แต่กังวลไปก็ไม่ได้อะไร….ยังไงผมก็จะก้าวหน้าต่อไปครับอาจารย์……」

 

ชิโนะบอกว่าอย่าละเลยความเป็นจริง เขาเดิมพันกับชีวิตที่หลบหนีมาตลอดและพยายามจะบอกความจริงทั้งหมดที่เก็บซ่อนเอาไว้

 

「แค่คุยอย่างเดียว..มันไม่พอหรอก……」

 

แค่บอกว่าเป็นดราก้อนสเลเยอร์มันยังไม่พอ ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของคำพูเหล่านั้นมากแค่ไหน ที่มาคือความกลัวที่อยู่ในส่วนลึกของพลังนั่น

 

「……ต้องถามว่าตอนนี้ผมจะปลดปล่อยมันได้ไหม?」

 

ความคิดเมื่อวานแล่นเข้ามาในหัว

 

 

ต่อหน้าเพื่อนที่ตกอยู่ในอันตราย เขาพยายามปลดปล่อยพลัง แต่ว่าโซ่มันไม่พังทลาย

 

「แต่ว่าครั้งนี้….มันไม่เหมือนกับครั้งก่อน จะต้องทำให้ได้……」

 

โนโซมุตั้งสมาธิอีกครั้ง พุ่มไม้รอบๆต่างสั่นสะเทือน

 

「……มาแล้วเหรอ」

 

ไม่จำเป็นต้องหันหลังกลับเขารู้ได้ว่าพวกเขามาแล้ว ไม่เจอกันวันเดียวแต่เหมือนห่างหายกันไปนาน

 

 

โนโซมุหันหลังกลับช้าๆก็พบกับเพื่อนที่สถาบัน….ไม่สิเหล่าคนที่จะกลายเป็นเพื่อนแท้ของผม

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท