พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 75

ตอนที่ 75

บทที่5ตอนที่22

 

 

มังกรแห่งความตายที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นระหว่างการฝึกพิเศษ

 

 

เนื่องจากมีสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นบริเวณพื้นที่ฝึกซ้อม การฝึกจึงถูกยกเลิกและต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด

 

 

นักเรียนทั้งหมดต่างกลับไปที่อาร์คาซัมทันที ทุกคนมาถึงสถาบันได้อย่างปลอดภัย

 

 

เนื่องจากจิฮัดเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดงาน ไอริสดิน่าและคนอื่นๆรวมทั้งอาจารย์ก็มุ่งหน้าไปที่ห้อง 10

 

 

อย่างไรก็ตามที่นั่นไม่มีโนโซมุและมาร์อยู่ในห้องเรียน และเมื่อคุยกับพวกจินแล้วดูเหมือนทั้งคู่จะหายตัวไปหลังจากมาถึงสถาบันได้ไม่นาน

 

 

「ทุกคนมีใครเห็นพวกโนโซมุบ้างไหมคะ!?」

 

 

หลังจากสำรวจรอบๆสักพักไอริสและคนอื่นๆก็มารวมตัวกันที่หน้าประตูหลัก ทุกคนหอบหายใจอย่างรุนแรงเพราะสำรวจไปทั่ว

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ไม่ได้อยู่ที่สนามฝึกด้วย …ฝั่งไอล่ะ?」

 

 

「ฝั่งนี้ก็ไม่เจอเลย ตามที่อาจารย์อันริบอก เขาอยู่ที่นั่นตอนที่มาถึงเมืองแต่ว่าเหล่านักเรียนก็บอกว่าไม่เห็นพวกเขาแล้ว……」

 

 

หลังจากไปหาที่ห้อง 10 แล้ว ไอริสก็ไปที่ห้องพักครูเพื่อตามหาทั้งสองคน พยายามถามหาโนโซมุกับอันริ แต่ว่าไม่ได้อยู่ที่นั่นเช่นกัน

 

 

หลังจากนั้นพอถามอันริที่อยู่ในอาคารเรียน เธอก็ตามหาโนโซมุและมาร์ที่หายตัวไป

 

 

「นั่นมีโอกาสสูงที่ทั้งสองคนจะไม่ได้อยู่ที่สถาบันแล้วสินะ……」

 

 

「ใช่แล้วล่ะ แล้วจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ……」

 

 

ฟีโอพึมพำเช่นนั้นขณะมองไปนอกห้องสถาบัน และทอมเองก็เห็นด้วยกับความคิดนั้น

 

 

「ช่วยไม่ได้ต้องไปหาที่ๆคิดว่าทั้งสองคนน่าจะไปแล้วล่ะ?」

 

 

อย่างไรก็ตาม มิมุรุเสนอให้ออกไปตามหาในเมือง

 

 

ในขณะนั้นเองก็มีสาวน้อยคนหนึ่งมาจากทางสถาบันอีครอร์ส

 

 

「พี่ค่ะ!」

 

 

「โซเมีย!?」

 

 

เป็นโซเมียที่วิ่งมาหานั่นเอง เธอรีบวิ่งเข้าหาพี่สาวและกระโดดเข้าอ้อมอกของเธอ

 

 

 

 

「ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ……」

 

 

ไอริสสับสนกับการโผล่มาของโซเมียที่มาเกาะติดหนึบกับเธอ แม้จะสับสนแต่เธอก็กอดน้องสาวสุดที่รักด้วยความเป็นห่วง

 

 

「คือว่า…ได้ยินว่าพี่สาวได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับมังกรระหว่างการฝึก..ก็เลยเป็นห่วงค่ะ……」

 

 

โซเมียเป็นห่วงพี่สาวของเธอ แม้ว่าดวงตาของเธอจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำมูกก็เถอะ

 

 

เธอกังวลอย่างมากที่ได้ยินว่าพี่สาวตัวเองได้รับบาดเจ็บกับการต่อสู้กับมังกร

 

 

พี่น้องที่สายสัมพันธ์แน่นแฟ้น เช่นเดียวกับไอริสที่เกือบจะเสียโซเมียไป เธอเองก็จมอยู่ในความสิ้นหวัง โซเมียเองก็คิดว่าจะเสียพี่สาวของเธอไป

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว จะไม่ไปไหนหรอกนะ……」

 

 

「ฟุ เฮะ เฮะ!ฮืออ……」

 

 

โซเมียพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่เมื่อเธอเห็นพี่สาวที่ปลอดภัย ความตึงเครียดก็หายไป น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาก็ค่อยๆจางหายไป

 

 

ไอริสลูบหลังเธอเพื่อเป็นการปลอบ โซเมียเองก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์มาได้บ้างแล้ว

 

 

ขณะที่โซเมียร้องไห้จนเสร็จและค่อยๆคลายอ้อมกอด ซีน่าก็ถามไอริส

 

 

「นี่ ไอริสดิน่า อยากจะถามอะไรหน่อย ที่มาร์พูดหมายความว่ายังไง?」

 

 

「……หมายถึงอะไรเหรอคะ?」

 

 

ไอริสตอบคำถามของซีน่าด้วยความมึนงง

 

 

「มาร์พูดแบบนั้นไม่ใช่เหรอ “ถ้าแกเอาจริงกับอีแค่กิ้งก่ามีปีกนั่นก็จัดการได้ง่ายๆไม่ใช่เหรอไง” นั่นนะหมายความว่ายังไง? ฉันเองก็รู้หรอกนะว่าเขาแข็งแกร่ง แต่การจะเอาชนะมังกรได้ง่ายๆแบบนั้นนะมันจริงเหรอ…มีหลายๆอย่างที่พวกฉันไม่รู้เลยสินะ?」

 

 

「นั่นคือ……」

 

 

ไอริสนิ่งเฉยกับคำถามของซีน่า

 

 

ซีน่าและผองเพื่อนไม่รู้ว่าโนโซมุสามารถปลด “พันธนาการ” ได้และพวกเธอก็ไม่รู้เกี่ยวกับทักษะพิเศษที่โนโซมุใช้ได้ด้วย ท่าทีของโนโซมุเริ่มแปลกไปต่างจากเมื่อก่อน

 

 

(แต่….ก็เหมือนกับเรา..เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังที่เขามีเลยแม้แต่น้อย พลังสุดอัศจรรย์นั่น…แม้จะบอกว่าเป็นการ “ปลดพันธนาการ” แต่มันก็ดูเกินไปหน่อย……)

 

 

เขาอธิบายว่าพลังที่ใช้ต่อสู้กับรูกาโต้เป็นการปลด “พันธนาการ” เพียงแค่นั้น

 

 

อย่างไรก็ตามหากพลังนั้นถูกพันธนาการไว้จริงๆและปลดปล่อยออกมา เป็นเรื่องแปลกเกินไปที่โนโซมุจะควบคุมมันได้ดีเกินไป เขาดูดซับพลังมหาศาลนั่นเข้าสู่ร่างกาย วิธีการต่อสู้ของเขาไม่ใช่วิธีการต่อสู้ที่อาศัยพลังเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นวิธีการต่อสู้ที่ใช้การควบคุมพลังและทักษะดาบที่แสนยอดเยี่ยมอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ผลสูงสุดโดยใช้พลังให้ต่ำที่สุด แต่ว่าตอนปลด “พันธนาการ”มันตรงกันข้ามกันเลย

 

 

「ไอริสดิน่าฉันสงสัยน่ะ…จะช่วยเล่าให้ฉันฟังได้ไหม?」

 

 

ซีน่าจ้องไปที่ไอริสด้วยแววตาคมกริบ ความตั้งใจนั้นแรงกล้าจนไอริสไม่กล้าปฏิเสธ

 

 

「……พี่คะ」

 

 

ไอริสเองก็ได้ยินเสียงเรียกของน้องสาว เพื่อนสนิทเองก็จ้องมองมาทางไอริสเช่นเดียวกับซีน่า

 

 

เมื่อไอริสสบตาทั้งสองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าทางทิศตะวันตกที่ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีแดงพร้อมกับดวงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า

 

 

โนโซมุและมาร์คงอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมือง พวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ……?

 

 

เธอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันเกิดน้องสาวตัวเอง

 

 

แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะพูดข้อตกลงลับๆของครอบครัวออกไป

 

 

อย่างไรก็ตามทิวทัศน์ของเมืองที่ย้อมในยามพลบค่ำและกำลังนำพาความมืดมาสู่เมืองก็ทำให้ไอริสหมดความอดทน

 

 

ฉันพูดอะไรไม่ได้…ฉันต้องทำอะไรบางอย่าง…ไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งโนโซมุและมาร์…รวมถึงพวกเราด้วย……。

 

 

ไอริสคิดทบทวนอีกครั้ง เธอพยักหน้าราวกับตัดสินใจแล้ว และเผชิญหน้ากับซีน่าอย่างตรงไปตรงมา

 

 

「พวกเราเองก็เพิ่งมารู้ตอนวันเกิดครบรอบอายุ 11 ปี ของโซเมีย……」

 

 

เมื่อมองตรงไปทางซีน่า ไอริสก็พูดถึงจุดเริ่มต้นที่ได้พบกับเขาในตอนนั้น

 

 

◇◆◇

 

 

ในป่าที่มีการฝึกพิเศษ

 

 

หลังจากยกเลิกการฝึกไปแล้ว จิฮัดกำลังสืบสวนหาสาเหตุการปรากฏตัวของมังกรอย่างกระทันหันพร้อมกับผู้พิทักษ์แห่งอาร์คาซัมและเหล่าคนที่มาตรวจสอบ

 

 

เมื่อพวกเขาสำรวจความลึกของรูที่มังกรอยู่ มันมีโพรงขนาดใหญ่ในความลึกนั่น มีกระดูกมังกรกระจัดกระจายไปทั่ว

 

 

 

「กล่าวอีกนัยหนึ่งมีรังมังกรอยู่ด้านล่างเหรอ ทอร์เกรน……」

 

เสียงอันแสนสงบนิ่งของจิฮัดดังกังวานไปทั่ว ข้างหน้าเขาคือหลุมที่มีมังกรแห่งความตายปรากฏตัวขึ้น ชายในเสื้อคลุมสีขาววัย 20 กลางๆ มารายงานกับจิฮัด

 

「ครับ ตรวจสอบแล้วพบซากศพของมังกรที่ด้านล่าง แต่ประมาณ 10 ปีที่แล้วจากสภาพของกระดูกมังกรที่กระจัดกระจายไปทั่ว ยิ่งไปกว่านั้นกระดูกของมังกรเหล่านี้ยังไม่ใช่ของตัวที่โตเต็มวัยด้วยครับ」

 

ชายหนุ่มชื่อทอร์เกรนตอบคำถามของจิฮัดด้วยความว่องไว

 

 

ดวงตาที่อ่อนโยนสามารถมองเห็นได้ผ่านแว่นตาของเขาเห็นได้ชัดเขาเป็นหัวกะทิที่วุ่นกับงานเอกสารมากกว่างานในสนามรบ

 

 

อันที่จริงเขาไม่ใช่นักสู้แต่เป็นนักวิจัยจากสถาบันโกลว์ ออรัมที่ประชุมกันเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้

 

 

สถาบันโกลว์ ออรัม(グローアウルム)เป็นสถานบันวิจัยที่ครอบคลุมซึ่งถูกสร้างขึ้นในเมืองอาร์คาซัม

 

 

การวิจัยและสิ่งอำนวยความสะดวกของสถาบันนี้สร้างขึ้นควบคู่ไปกับสถานบันโซลมินาติและนักวิจัยจากแต่ละประเทศก็กำลังดำเนินการวิจัยเรื่องต่างๆทั้งกลางวันและกลางคืน

 

 

ผลการวิจัยที่ได้จะถูกประกาศให้แก่ประเทศทราบปีละครั้งและเป็นประโยชน์ต่อหลายๆด้านเช่น การพัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตร โครงสร้างผังเมือง มาตรการรับมือสัตว์อสูรและการเตรียมการสำหรับการรุกรานครั้งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้น

 

 

นอกจากนี้นักวิจัยบางคนที่ โกลว์ กอรัมยังมาเป็นอาจารย์บรรยายคาบเรียนด้านพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอนาคตอีกด้วย

 

 

 

「10ปีงั้นเหรอ…ก่อนที่เมืองอาร์คาซัมถูกสร้างขึ้นสินะ……」

 

「ครับ พื้นที่มันถูกปิดกั้นด้วยดินและทรายและอาจจะพังทลายลงมาด้วยเหตุผลบางประการทำให้มังกรที่ไม่สามารถหาอาหารได้และติดอยู่ในที่แห่งนี้ ต้องมากินเนื้อมนุษย์ จนสุดท้ายก็เหลือรอดเพียงตัวเดียว แม้ว่าพยายามอยู่เฉยๆจากการขาดสารอาหาร แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้วล่ะครับ」

 

「และมันก็ยังรอดมาได้นะเนี่ย……」

 

อาร์คาซัมสร้างขึ้นเมื่อ 10ปีก่อนเป็นเมืองที่มีชั่วอายุสั้นๆ ไม่น่าแปลกใจว่าจะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนอาร์คาซัมจะถูกสร้างขึ้น

 

 

แน่นอนว่าบริเวรโดยรอบถูกตรวจสอบในขั้นตอนการก่อตั้งเมือง แต่เมื่อถึงเวลานั้นทางเข้าของมังกรมันถูกปิดกั้นทำให้ไม่สามารถโผล่ออกมาได้ ทำได้แต่อยู่เฉยๆไม่ก็รอวันตายไปวันๆ

 

 

 

「คุณทอร์เกรน เรื่อง มังกรแห่งความตายที่ทำร้ายนักเรียนของข้า?」

 

「ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ ไม่มีใครตาย」

 

จิฮัดถอนหายใจออกมาราวกับโล่งอกกับคำพูดของทอร์เกรน

 

 

สมาชิกเองก็มองมาด้วยความสงสัย

 

 

จิฮัดมองไปบนฟ้าพร้อมกับเอามือลูบเคราของเขา เดิมทีป่าทึบแบบนี้อยู่นอกเหนือพื้นที่ตรวจสอบ บางทีเพราะวันนั้นอาจจะพลาดไป

 

 

「……เอาล่ะใกล้มืดแล้ว รีบตรวจสอบอย่างละเอียดและกลับเมืองอาร์คาซัมในวันนี้ เตรียมตัวกลับได้……」

 

「เข้าใจแล้วครับ」

 

「รับทราบครับ」

 

หลังจากสั่งทอร์เกรนและคนอื่นๆให้เตรียมพร้อมสำหรับการกลับเมือง จิฮัดก็จ้องมองลงไปในรูขนาดใหญ่อีกครั้ง ทันทีที่พ้นหลุมไป ความมืดที่มองไม่เห็นจักจ้องกลับมา

 

 

ในรายงานไม่พบสิ่งมีชีวิตภายในหลุมนั่น

 

 

เขาแค่จ้องมองหลุมที่ควรจะว่างเปล่า เฝ้าดูเหล่าทหารที่ไปสำรวจค่อยๆขึ้นมาทีละคนๆ

 

 

◇◆◇

 

 

ย่านการค้าในเมืองอาร์คาซัม เมื่อพระอาทิตย์กำลังตกดินและแสงดาวเริ่มเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้า ตามปกติแล้ว ไฟในเมืองจะไม่ดับแม้จะเป็นเวลากลางคืนและเสียงของผู้คนที่กำลังเดินไปตามถนนกำลังร่ำร้อง

 

 

ที่ “เรือนร่างของโค”เป็นโรงเตี้ยมและบาร์ในมุมหนึ่งของย่านการค้า มีชายหนุ่มกำลังดื่มหนัก

 

 

ชายหนุ่มที่ดื่มคือ มาร์・ ดิกเก้น มีขวดสาเกจำนวนมากเต็มโต๊ะและขวดเปล่าก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น

 

 

บางทีเพราะค่อนข้างหงุดหงิดเป็นอย่างมาก บรรยากาศรอบตัวเลยมีออร่าแบบว่า อย่ามายุ่ง ราวลูกค้าทุกคนถูกไล่ออกจากร้านเหลือเขาเพียงคนเดียวภายในร้านนั้น

 

「งึก…งึก…แง่ม……」

 

มาร์เทสาเกลงในแก้วและกระดกรวดหมดในคราวเดียว

 

 

ด้วยความรู้สึกแสบร้อนในลำคอ สาเกร่วงหล่นไปที่ท้องและสมองเองก็เริ่มพล่ามัวและคลุมเครือ

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะดื่มหนักขนาดไหน เรื่องของโนโซมุมันก็ยังคงคาใจ

 

 

ตอนที่โผล่มาก่อนจบปี 2 ตัวหมอนั่นที่ไม่เคยแข็งแกร่งกลับแข็งแกร่งขึ้นมาจนน่าตกใจ ช่วงปี 3 เองก็เริ่มสนิทกันและมาที่ร้านบ่อยๆ เดินเล่นด้วยกันและฝึกซ้อมที่ด้านนอก ตัวหมอนั่นที่สามารถเอาชนะรูกาโต้ที่เป็นถึงแรงค์ S ได้

 

 

ตัวหมอนั่นช่างเจิดจรัส แต่ความโกรธที่อยู่ในร่างกายของเขาก็ไม่จางหายไป

 

(ไอ้หมอนั่น!ถ้าแกเอาจริงแกก็ทำได้ไม่ใช่เหรอไงวะ! ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายๆแท้ๆ!)

 

ยิ่งเขารู้สึกโกรธโนโซมุมากเท่าไร ตัวโนโซมุที่ไม่พยายามจนถึงที่สุดมันดูไม่เป็นตัวของหมอนั่นเลย

 

 

ราวกับหลอกตัวเองมาร์ยังคงดื่มสาเกต่อไป

 

ในเวลานั้นอิน่าที่มองเห็นสภาพพี่ชายที่ดูไม่ได้ก็มาบ่นด้วยความโกรธจัด

 

「เน่ พี่คะ มาดื่มแบบนี้เดี๋ยวลูกค้าก็ชิ่งกลับหมดก่อนหรอก!」

 

「หุบปากกกกกกกก……」

 

เขาไม่สนใจคำบ่นของอิน่าและพยายามเทสาเกลงไปในแก้วเปล่ามากขึ้นไปอีก แต่อิน่าเอื้อมมือไปด้านข้างและหยิบขวดออกมา

 

「……เอาคืนมา」

 

「ไม่ได้นะ วันนี้พี่นะทำตัวเกะกะที่ร้านมากเกินไปแล้วนะ」

 

อิน่าปฏิเสธมาร์ ฮันนะเองก็ไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกับอิน่าด้วย

 

「ใช่แล้ว มาร์ไม่มีสาเกเหลือให้แกดื่มอีกต่อไปแล้ว! สาเกจะหมดร้านหมดแล้วเนี่ย……」

 

「ชิ……」

 

หลังจากเมามาร์เองก็จ้องอิน่าและฮันนะด้วยความขุ่นเคืองแต่แล้วเดลที่กำลังทำความสะอาดพื้นก็เรียกเขา

 

「……มาร์」

 

「……มีอะไรกันเล่า! คิดจะทำอะไร!」

 

ทันใดนั้นมาร์ก็โดนเดลคว้าตัวไป เขาพยายามขัดขืนแต่ว่าไม่สามารถขัดขืนเดลได้

 

「ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก แต่ถ้าแกยังหัวร้อนอยู่แบบนี้ละก็ออกไปรับลมกลางคืนข้างนอกให้เย็นก่อนแล้วค่อยกลับมา」

 

「เดี๋ยวก่อนดิ! โอววววววววววววว!」

 

เดลลากมาร์ที่พยายามขัดขืนไปทางเข้าร้านแล้วโยนออกไปกลางถนน

 

 

ขณะที่มาร์กำลังคร่ำครวญ เดลเองก็เปลี่ยนป้ายเข้าร้ายจาก “เปิด” เป็น “ปิด”แล้วประตูก็ถูกล็อค

 

「เฮ้อ พี่นี่สร้างปัญหาได้ตลอด……」

 

「นั่นสิ วันนี้ก็ไม่ได้ช่วยเปิดร้าน แถมลูกค้ายังหายไปหมดเลย……」

 

อิน่าและฮันนะถอนหายใจออกมา

 

 

ภายในร้านมีเสียงของมาร์ที่เคาะประตูจากด้านนอกอยู่ อย่างไรก็ตามหลังจากเคาะได้ไม่นานก็หยุดลง

 

「แต่…เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่ พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย……」

 

「นั่นสินะ ตั้งแต่ที่ได้พบกับโนโซมุนิสัยนั่นก็หายไป ไม่เคยอาละวาดหรือทำตัวน่ารำคาญเหมือนเมื่อก่อนเลยสักครั้ง……」

 

ด้วยเหตุนี้อิน่าและฮันนะนึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับมาร์

 

 

ตั้งแต่ที่ได้พบกับโนโซมุ มาร์ก็เลิกอาละวาด จริงอยู่ที่คนในย่านการค้ายังกลัวเขาและถึงแม้จะใช้เจ้านั่นช่วยจัดการพวกเมาหัวราน้ำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร้านอื่นๆเดือดร้อนเหมือนเมื่อก่อน

 

 

อย่างไรก็ตาม มาร์ที่กลับมาที่ร้านในวันนี้เหมือนตัวตนในวันวาน

 

 

สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่สถาบัน มือใหญ่ของเดลวางไว้บนไหล่ของอิน่า

 

「ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ยังไม่ได้หรอก แต่เมื่อมันกลับมาเมื่อไรจะเทศน์ให้ยับเลย」

 

「คุณพ่อ……」

 

มืออันอบอุ่นที่อยู่บนไหล่อิน่า สีหน้าที่เศร้าหมองของเธอก็ค่อยๆฟื้นคืนกลับมา

 

「ใช่แล้ว มาทำให้อิน่าต้องอิน่าเศร้าแบบนี้ต้องจัดให้หนัก」

 

ฮันนะยิ้มและยืดอกเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเธอ

 

 

อิน่ายิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย

 

 

ในเวลานั้นประตูทางเข้าก็ถูกกระแทกเล็กน้อย

 

「ค่าาา ไม่ทราบว่าเป็นใครคะ?」

 

มาร์นั้นจากไปแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นอิน่าจึงสงสัยว่ามีแขกมาแล้วงั้นเหรอ และพอเปิดประตูก็พบกับหญิงสาวผมสีน้ำตาลกำลังหอบหายใจ

 

「คุณทิม่า……」

 

「แฮ่ก แฮ่ก … ขอโทษที่มาหายามดึกนะคะ! มาร์คุงกลับมารึยังคะ!?」

 

บางทีเธออาจจะร้อนรนอย่างมาก ผิวขาวนวลนั้นแดงแจ๋ มีควันออกมาจากปากของเธอ ในคืนฤดูใบไม้ผลิอากาศที่หนาวเย็น เธอหายใจออกทั้งๆที่จ้องมองไปที่อิน่า

 

「พอดีพี่ดื่มหนักมากก็เลยโดนไล่ออกจากร้านให้ไปสงบสติได้สักพักแล้วค่ะ……」

 

เมื่อทิม่าได้ยินก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่คลาดกัน

 

 

ตอนแรกอิน่าพยายามจะถามเกี่ยวกับมาร์ แต่เธอสัมผัสได้บรรยากาศแปลกๆจากทิม่าเลยถามออกไป

 

「เอ่อ…วันนี้พี่เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับมา จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้พี่เปลี่ยนไป แต่วันนี้เขาทำที่ร้านวุ่นไปหมดเลย..เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?」

 

「นั่นสินะ……」

 

「…………」

 

ทิม่าลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของอิน่า ทิม่าเองก็จ้องไปทางอิน่า

 

 

เมื่อทิม่าสบตากับอิน่าเธอก็พบกับฮันนะและเดลอยู่ด้วย

 

 

พวกเขาต่างจ้องมองมาทางทิม่าซึ่งเผยให้เห็นว่ากังวลเกี่ยวกับมาร์เป็นอย่างมาก

 

「อา คือ…จริงๆแล้ว……」

 

ทิม่าที่โดนจับจ้องก็เริ่มพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

◇◆◇

「ฮะฮะ…ฮึบ!」

 

มาร์ที่ถูกไล่ออกจากร้าน เมาแล้วเดินไปตามถนนย่านการค้าด้วยท่าทีโซเซ

 

 

สถานที่แห่งนี้ต่างจากถนนสายหลักที่ได้รับการทำความสะอาดและมีแสงไฟส่องสว่าง สถานที่แห่งนี้มีแสงไฟสลัวและมีขยะเต็มไปทั่วทุกที่ ความสลัวนั่นทำให้มาร์อุ่นใจ อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพน่ารังเกียจเช่นนี้

 

「เอ่ออ อาาาาาาาา~」

 

มาร์เอามือพิงผนังเพื่อยันร่างกายเอาไว้

 

 

เขานึกถึงเรื่องของโนโซมุด้วยใบหน้าที่โกรธจัด อย่างไรก็ตามเพราะสาเกทำให้หัวของเขาตึบๆ ความรู้สึกนั้นค่อนข้างเบาลงกว่าตอนที่อยู่ที่ร้านแล้ว

 

 

แน่นอนว่าโกรธมากที่โนโซมุมันไม่พยายามอย่างเต็มที่เหมือนอย่างเคย แม้จะเกิดวิกฤตกับสหายของตัวเองก็ตามที

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุมันท่าทีแปลกไปเมื่อเร็วๆนี้

 

 

โนโซมุมักจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และพยายามปิดบังทุกสิ่งเอาไว้

 

มือของข้าที่ทำร้ายโนโซมุลงไป มือข้างขวาข้างนี้

 

(ไอ้บ้าเอ้ย…….อะไรกันวะ……นี่ไม่เชื่อใจกันขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ……)

 

อย่างไรก็ตามเหตุผลที่กลับมาเล็กน้อยก็กลืนกินไปด้วยความโกรธ

 

 

โนโซมุที่ทำหน้าตากดขี่ตัวเอง เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งเดือดดาลกลับไปเป็นตัวตนเก่าๆอีกแล้ว

 

 

แต่ในขณะเดียวกันมาร์เองก็รู้สึกสมเพชตัวเอง

 

มาร์ค่อยๆเร่งความเคิดของเขา ทุกข์ทรมานจากความโกรธที่โนโซมุสร้างขึ้นและทำเขาผิดหวัง เขาไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับหมอนั่นเลย ยังไงก็ตามมีเสียงเรียกจากด้านหลัง

 

 

「หยุดเถอะนะคะ!」

 

「ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่อยากจะออกมาเดินเล่นยามดึกเองนะ?」

 

「มาเล่นกับพวกเราดีกว่านะ? จะทำให้สนุกยันหว่างเลย!」

 

ข้าได้ยินเสียงผู้หญิงกำลังร้องขอความช่วยเหลือและเสียงผู้ชายที่ดูหยาบกร้าน มาร์เดินตามไปด้วยท่าทางอันโซเซ ในไม่ช้าเขาก็เห็นชายหนุ่มที่อายุพอๆกันกับเขา

 

 

พวกเขาห้อมล้อมผู้หญิงคนนั้นและพยายามโต้เถียงกันอยู่

 

 

มันเป็นสถานที่ไร้คนสัญจร เป็นที่อโคจรไม่ควรจะมาเดินเล่นในที่แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าฝ่ายหญิงไม่มีท่าทีจะเล่นกับฝ่ายชาย

 

 

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามันเลวทรามทั้งพฤติกรรมและรูปลักษณ์มันเป็นคนที่เขารู้จักดี

 

「……พวกนายกำลังทำอะไร」

 

มาร์จ้องมองชายสองคนที่อยู่ใกล้กับผู้หญิงมากที่สุด ท่ามกลางพวกนั้นเคยเป็นพวกที่เคยติดตามมาร์

 

「หาาาา?……มีอะไรงั้นเหรอมาร์?」

 

「แค่เห็นก็น่าจะรู้แล้วนี่หว่า? ก็จะเล่นกับผู้หญิงคนนี้ไง」

 

「ปล่อยฉันนะ!」

 

ชายคนนั้นคว้าแขนของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นพยายามสลัดแขนออก เธอเป็นนักเรียนของสถาบันโซลมินาติห้อง 10 เธอคนเดียวไม่รอดแน่ๆ

 

 

ตรงกันข้ามฝ่ายชายมันกำลังทำท่าทางตื่นเต้นกับการขัดขืนของเธอมันตบหน้าเธอคนนั้นและพยายามเอามือล้วงเข้าไปในหน้าอกและก้นของเธอ

 

 

 

「วู้ยยยยยยยยย~~。ร่างกายนี่มันยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ! ชักเครื่องติดแล้วโว้ย」

 

「อาาาาาาา! ดูท่าจะได้มันส์ยันหว่างจริงๆวะอย่าปล่อยมันไปเชียวนะ」

 

「ไม่ ไม่ ไม่น้าาาาาาาาาา……」

 

เธอที่ทำท่าทางกลัวก็ล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น

 

「ไม่เป็นไรหรอกน่า …ครั้งแรกในเมืองก็ดีไม่ใช่เหรอไง? มาสร้างความทรงจำดีๆกันเถอะ……」

 

คำพูดนั่นออกความเห็นโดยไม่คำนึงถึงฝ่ายหญิงเลยแม้แต่น้อย ชายอีกคนที่อยู่ด้านข้างพยายามปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผู้หญิง อย่างไรก็ตามอดีตคนติดตามก็โดนต่อยจนปลิวไป

 

「มาร์!แกกกกกกกกก!ทำบ้าอะไรของแกวะ!」

 

 

คือมาร์เองที่พุ่งเข้าไปซัดหน้าผู้ติดตามของเขา หมอนั่นล้มลงกระเด็นไปจนปลิวไปโดนคนที่เหลือ

 

「น่ารำคาญโว้ยพวกแกเนี่ย ตอนนี้ยิ่งเดือดๆอยู่ พอมาเห็นหน้าพวกแกแล้วแม่งยิ่งหงุดหงิดสุดๆไปเลยวะ……」

 

พวกมันต่างจ้องมาร์ที่มาร์แต่มาร์ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร

 

 

อดีตผู้ติดตามของมาร์รู้ดีว่าความสามารถของมาร์เป็นยังไง

 

「เหหหห…อยากจะสู้กับตรูยังงั้นเหรอ?」

 

「เฮ้ย!พูดอะไรของพวกแกนะหาาา แต่ก่อนทำได้แค่เลียแข้งเลียขาไปวันๆ เดี๋ยวนี้หัดหันเขี้ยวแว้งกัดงั้นเหรอวะ!」

 

มาร์เปิดปากพูดขึ้น อารมณ์ในตอนนี้คืออยากจะซัดหน้าพวกแม่งให้หมดเพื่อระบายความหงุดหงิดในตอนนี้

 

「…………」

 

「เหอะ กับอีคนแบบแกเนี่ยที่ไปอยู่กับไอ้เศษเดนนั่นอะนะ……」

 

พอหมอนั่นพูดถึงโนโซมุขึ้นมา มาร์ก็วิ่งเข้าไปซัดหน้าทันที

 

 

นั่นเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นทะเลาะวิวาท ชั่วขณะหนึ่ง เสียงกระทบกระทั่งกันก็ดังขึ้นภายในตรอกด้านหลัง

 

 

◇◆◇

 

 

「อัก! ไอหมอนั่น……」

 

มาร์ที่ทะเลาะกับอดีตผู้ติดตามตัวเอง ไม่ได้กลับไปที่ถนนสายหลัก แต่นั่งลงที่ตรอกด้านหลังโดนหันหลังพิงกำแพง

 

 

ใบหน้าที่โดนต่อยบวมตามที่ต่างๆและเมื่อสัมผัสก็จะรู้สึกเจ็บแปล๊บ

 

 

การทะเลาะวิวาทจบลงเพราะการหนีไปของหญิงสาวที่ไปเรียกทหารยามมา

 

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่พอใจที่จะต้องมาจับเหล่านักเรียน พวกนั้นก็เลยหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

 

มาร์ที่ซัดกับพวกเกเรทั้ง 10 คน แต่ว่าเขาสู้ได้ไม่ดีนักเพราะเมาหนัก

 

 

ด้วยเหตุนี้จึงจบลงด้วยการโดนซัดซ้ำๆและจบลงด้วยบาดแผลเต็มหน้า ตัวข้ายังคงสั่นและเจ็บอยู่

 

(……นี่ตรูทำบ้าอะไรอยู่กันวะเนี่ย……)

 

มาร์หัวเราะเยาะเย้ยตัวเองที่จู่ๆก็ไปสู้กับอดีตผู้ติดตามของตัวเอง

 

 

หากมองจากด้านข้าง มาร์ก็เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วยหญิงสาวคนนั้น แต่เขาไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่คิดว่าอยากซัดหน้าพวกนั้นให้หมอบลงเพื่อระบายความหงุดหงิด

 

 

 

(…………)

 

มาร์ที่ใจเย็นลงหลังจากได้ระบายอารมณ์แล้ว แต่ก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่ไปต่อยโนโซมุเพราะความโกรธ

 

 

ถึงกระนั้นความโกรธที่ยังลุกโชนมันยังไม่หายไป

 

มาร์ที่เป็นตัวตนค่อนข้างแข็งแกร่ง กลับมีเรื่องหนักใจและพยายามไม่ก่อเรื่อง แต่ตอนนี้มันก็อดใจไม่ไหว

 

 

ตัวเขาเองรู้ว่าความโกรธที่เขาปลดปล่อยออกไปมันรุนแรงเกินเหตุ แต่ว่าก็ไม่สามารถคุมตัวเองได้จริงๆ

 

 

แม้กระทั่ง ความโกรธที่มีต่อโนโซมุเขายังควบคุมมันไม่ได้และซัดหน้าโนโซมุไป เขาเองก็รู้สึกผิดที่ทำเช่นนั้นได้แต่กัดฟันและกำหมัดแน่น

 

(ให้ตายสิ…มาลงอีหรอบนี้ทุกทีเลยวะ……)

 

“ความโกรธ” โกรธตัวเองที่ควบคุมมันไม่ได้ ความรู้สึกต่อทุกสิ่งทุกอย่างมันกลายเป็นความโกรธและกัดเซาะจิดใจของเขา

 

(เธอคงจะตกใจละสิ……。ตัวข้าเองก็ขับเคลื่อนด้วยเพราะสิ่งนี้……)

 

ใบหน้าของทิม่าเองยังคงอยู่ในใจเขา

 

 

เธอที่สอนเวทย์ให้ข้า เธอที่คอยเป็นห่วงข้า ตัวข้าที่เอาพลังของเธอมาใช้ด้วยความเห็นแก่ตัว

 

 

ตัวตนที่แข็งแกร่งก็มักจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง แต่ตัวเขามันตรงกันข้ามเป็นคนใจร้อน

 

 

สุดท้ายแล้วก็ทำให้เธอผิดหวัง

 

 

ไม่สนใจคำแนะนำของเธอและพยายามใช้มันออกมา ทำให้เธอต้องลำบากใจและสร้างภาระให้เธอที่เป็นคู่หูของข้าเป็นอย่างมาก เหล่าเพื่อนๆเองก็ไม่อยากจะให้ข้าใช้มัน

 

 

ยังไงก็ตามความโกรธที่มีต่อหมอนั่นก็เป็นของจริง

 

(ขอโทษจริงๆนะ……)

 

เสียงหัวเราะแห้งๆเล็ดลอดออกจากปากของมาร์ ในขณะนั้นเองมาร์ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังวิ่งมา

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เจอมาร์คุงแล้ว」

 

จู่ๆก็โดนเรียกและเมื่อแหงนมองก็เจอกับหญิงสาวที่ข้านึกถึง

 

 

เขาที่รู้ว่าทำให้ตัวเธอต้องโกรธ แต่ตัวเธอก็ยังคงยิ้มให้

 

ทิม่าเดินไปข้างๆข้าและนั่งลง

 

「…………」

 

「…………」

 

มาร์และทิม่าต่างเงียบมีเพียงเสียงของถนนสายหลักที่ดังครึกครื้น

 

 

ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเป็นทิม่าที่ถามอะไรบางอย่างออกมา

 

「มาร์คุง ฉันได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากพ่อแม่ของเธอและอิน่าแล้วละคะ เรื่องพ่อแม่จริงๆของเธอน่ะ……」

 

「เอ๋!แล้วมีใครได้ยินเรื่องนั้นอีกบ้าง!!」

 

มาร์ขึ้นเสียงถามทิม่าโดยไม่ได้ตั้งใจ มีเพียงครอบครัวของเขาที่ทราบเรื่องนี้

 

「……หลังเลิกเรียน ฉันไปที่ร้านมาค่ะเพื่อตามหามาร์คุง ฮันนะและคนอื่นๆที่เห็นสถานการณ์เปลี่ยนไปก็เลยมาคุยกับฉันคะ……」

 

「……งั้นเหรอ!」

 

เมื่อฮันนะและคนในครอบครัวได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาฟังเรื่องราวด้วยสีหน้าจริงจังและเมื่อพูดถึงอิน่าแล้ว พวกเขานั้นยึดติดกับฮันนะราวกับกลัวอะไรบางอย่าง

 

 

หลังจากสูดหายใจเฮือกใหญ่ เดลก็เริ่มพูดถึงอดีตของมาร์และอิน่าอย่างช้าๆ

 

ฮันนะและเดลไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของมาร์และอิน่า

 

 

แม่ของมาร์และอิน่าเสียชีวิตจากโรคระบาดตั้งแต่มาร์ยังเด็ก

 

 

หลังจากนั้นพ่อที่เสียภรรยาไปก็รู้สึกผิดหวังและเริ่มติดเหล้าจากนั้นก็ไปผัวพันกับหญิงสาวคนหนึ่งจนไม่ค่อยกลับบ้าน

 

 

พ่อที่สองสามวันกลับบ้านที พอกลับมาถึงบ้านก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง

 

 

มาร์และอิน่าที่เห็นพ่อตัวเองออกไปข้างนอกก็มองด้วยความสิ้นหวัง พ่อออกจากบ้านไปและพูดโดยไม่เหลือเยื่อใยดีๆต่อกันเลยแม้แต่น้อย

 

 

พ่อใช้ความรุนแรงกับมาร์และอิน่าอย่างไร้เหตุผล

 

 

อยู่มาวันหนึ่งเมื่อวันเหล่านั้นดำเนินต่อไปประมาณ 1 ปี ในที่สุดพ่อก็ไม่กลับบ้านมาอีก ได้ยินภายหลังปรากฏว่าหนีไปอีกเมืองแล้วและไปพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่พบเจอในบาร์

 

 

หลังจากนั้นญาติๆก็คุยกันว่าจะทำยังไงกับทั้งสองที่เสียทั้งพ่อและแม่ไป แต่สิ่งที่พูดคุยนั้นเป็นแรงกดดันให้ทั้งสองที่โดนพ่อตัวเองทิ้งไป

 

 

ในขณะนั้นความวิตกกังวลต่างๆเนื่องจากผลกระทบจากการรุนรานครั้งใหญ่ทำให้ญาติทุกคนไม่สามารถปกป้องบ้านของตัวเองได้ พวกเขาไม่สนญาติพี่น้องที่เหลือต่างสาปแช่งกรนด่าพวกเขาด้วยความเกลียดชังว่าเป็นดั่งตัวหายนะ

 

 

มันเป็นช่วงเวลานั้นเองที่ มาร์เริ่มมีไฟแห่งความโกรธเผาไหม้อยู่ในจิตใจขณะที่อุ้มอิน่าตัวน้อย

 

 

 

อย่างไรก็ตามขณะนั้นจู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นมาขัดจังหวะที่กำลังคุยกัน

 

 

เธอเป็นป้าในละแวกบ้านที่คุ้ยเคยตอนแม่ของมาร์ยังมีชีวิตอยู่ และทั้งคู่มักจะได้รับการดูแลจากพวกเขาเสมอ

 

 

เมื่อเธอคุยกับเหล่าญาติๆของมาร์ เธอมองมาร์ที่พวกเขาและบอกว่า “ฉันจะเอาสองคนนี้ไปเลี้ยงเอง”แล้วพาพวกเขากลับบ้าน

 

 

สามีของเธอเองก็ตกใจที่จู่ๆก็พาเด็กกลับมาบ้าน ทั้งสองพยายามจะมีลูกแต่ก็มีไม่ได้ สามีเธอก็พยักหน้ารับหน้าและบอกจะดูแลทั้งสองคน

 

 

ในเวลานั้นเองซึ่งก็คือฮันนะและเดลที่เป็นพามาร์และอิน่ามาเลี้ยงดู

 

 

◇◆◇

 

 

เมื่อได้ยินเรื่องราวทิม่าก็ตกใจอย่างมาก

 

 

เป็นความจริงที่อิน่าและฮันนะมักจะโกรธมาร์ เป็นไปได้ที่ทั้งสองครอบครัวจะเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง และทิม่าก็รู้สึกว่าที่บ้านเองก็ไว้วางใจพวกเขาสองคนมาก อันที่จริงได้ยินด้วยว่ามาร์ไม่เคยยอมพาใครมาที่ร้านของตนเองเลยถ้าไม่เปิดใจจริงๆ

 

แม้ว่าจะเชื่อฟังแค่ไหนแต่มันไม่ใช่ความเชื่อใจ

 

 

หลังจากได้ยินเรื่องราว ทิม่าก็รู้เลยที่มาร์ทำลงไปเพราะความเป็นห่วง

 

 

บาดแผลของเขาที่ยังเยาว์วัย มันเป็นข้อเท็จจริงที่ว่าเขาพยายามปกป้องครอบครัวให้ออกห่างจากเหล่าคนชั่ว

 

 

 

「……ข้าน่ะอยากจะแข็งแกร่งขึ้น อยากจะแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะความไร้เหตุผลเหล่านั้น ในใจข้าคิดว่าโนโซมุนั้นมีพลังเพียงพอเช่นเดียวกับทิม่า。」

 

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เขาแสวงหาพลังและเขาก็อิจฉาคนที่มีพลังเหล่านั้น

 

「ข้าคิดว่าถ้าเธอสอนเวทย์ให้และได้รับพลังนั้นมา แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิด…ถึงอย่างงั้นก็ควบคุมความโกรธไม่ได้เลย」

 

「…………」

 

ทิม่าที่นั่งอยู่ข้างๆก็นั่งฟังเงียบๆ

 

「……มันเป็นเรื่องราวที่น่าสมเพชใช่ไหมละ ปล่อยให้ความโกรธครอบงำเหมือนกับไอเวรนั่น……」

 

「……มาร์คุง」

 

ความเสียใจและความผิดหวังของมาร์ วันที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้มันยังฝังแน่นอยู่ในใจ ความอิจฉาต่อเพื่อนๆที่มีพลังมากมาย ความผิดที่ข้าได้ทำลงไป ความคิดที่ครั้งหนึ่งเลยเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาระบายออกมาให้ใครคนหนึ่งได้ยิน

 

「โนโซมุวันนี้ก็เช่นกัน สาเหตุคือถ้าข้าแก้ไขเหตุการณ์นั่นได้ ข้าอุตสาห์ภูมิใจที่ใช้นั่นได้จริงๆ แต่ตอนนั้นหากปล่อยให้ซีน่าและคนอื่นๆจัดการเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น……」

 

มาร์กัดฟันแน่น เลือดหยดลงในหมัดของเขา

 

 

ทิม่าค่อยๆวางมือของเธอไว้บนกำปั้นของมาร์

 

「…………」

 

「ทิม่า?」

 

มาร์เอียงคอด้วยความสงสัย

 

 

ทิม่าจับมือของมาร์และเปิดปากพูด จ้องมองเขาตรงๆ

 

「ใจจริงฉันรู้นะคะ? มาร์คุงเป็นคนที่ใจดี ทุกๆคนเองก็รู้ ทั้ง ไอ โนโซมุ โซเมีย ซีน่าซัง……」

 

ทิม่าค่อยๆพูดออกมา

 

「มาร์คุงน่ะ มือข้างนี้ใช่ไหมละคะที่ใช้ปกป้องฉันตอนที่สู้กับรูกาโต้…แถมยังช่วยเพื่อนของฉันเอาไว้」

 

มือของทิม่าที่ค่อนข้างเย็น อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ว่ามันอบอุ่นขึ้น หัวใจที่แข็งกร้าวของมาร์ค่อยๆละลายลง

 

「มาร์คุงอาจจะทำผิดพลาดไปบ้างก็จริง แต่อย่างน้อยมันก็ออกมาดีไม่ใช่เหรอไงคะ เพราะงั้นพวกโนโซมุและเราถึงได้มาอยู่ตรงนี้?」

 

มาร์จ้องหน้าทิม่าด้วยความประหลาดใจ

 

 

ยามที่พ่อแม่ที่แท้จริงจากไปตัวเขาก็ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ มาร์ไม่เคยคิดจะลดละความโกรธที่มีในใจลงเลยแม้แต่น้อย

 

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุยังคงอยู่ เขาน่าจะยังอยู่ในเมืองนี้ มาร์อยากจะพบกับโนโซมุอีกสักครั้ง

 

「……ถ้าไปตอนนี้จะทันไหม?」

 

มาร์ถามทิม่าเพื่อให้แน่ใจ เธอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

「น่าจะทันอยู่ค่ะ ใช่แล้วล่ะคะ ไปกันเถอะคราวนี้พวกเราไปเจอกับโนโซมุและไปบอกกับเขาด้วยตัวเองว่า “นายปิดบังอะไรไว้กันแน่”ค่ะ」

 

「เอะ….เลียนแบบข้ารึไงกัน?」

 

มาร์ที่จู่ๆก็โดนทิม่าเลียนแบบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

มาร์หลับตาลงอีกครั้งและสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อจัดระบบความคิดอีกครั้ง

มาร์สูดหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ราวกับจะขจัดความขุ่นมัวในใจ เขาลืมตาราวกับตัดสินใจได้แล้วและยืนขึ้นมา

 

「……นั่นสินะ ไปเจอหมอนั่นและต้องขอโทษ และก็ต้องบอกมันว่า “มีอะไรปิดบังไว้กันแน่หะ”」

 

รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกล้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา มันเป็นรูปลักษณ์ที่เหมาะกับเขาจริงๆ

ทิม่าเองก็ยิ้มตาม ราวกับกำลังคิดในเรื่องเดียวกัน

 

“ไปเจอโนโซมุอีกครั้ง และขอโทษเขา แล้วก็ให้เขาบอกเรื่องที่ปิดบังทุกอย่างไว้”

 

「ยังไงก็ต้องไปตามหาไอ้หมอนั่นสินะ……」

 

「ใช่ ไอและคนอื่นๆเองก็ไปหารอบๆเมืองเลย ฉันเองก็ต้อง…อึก!」

 

ทั้งสองพยายามจะไปตามหาโนโซมุ อย่างไรก็ตาม ทิม่าก็มีท่าทีโซเซ

มาร์รีบเข้าไปพยุงร่างของเธอทันทีอย่างเร่งรีบและจ้องมองลงที่ข้อเท้าของเธอ ใบหน้าของทิม่าแดงก่ำ

 

「เธอ…ข้อเท้ามัน」

 

มาร์จ้องมองไปที่ข้อเท้าของทิม่าด้วยความตกตะลึง

ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงความเจ็บปวดออกมาอีกครั้ง อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการที่เขาผลักเธอในตอนนั้น

 

「เอ๋!? อาาา! แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เจ็บมาสักพักหนึ่งแล้ว หายปวดแล้วล่ะคะ……」

 

ทิม่าร้อนรนเมื่อสังเกตเห็นมาร์ที่จ้องมองขาของเธอ แต่มาร์เองก็ตะคอกใส่ทิม่า

 

「ยัยบ้า! นี่มันไม่ดีขึ้นเลยสักนิด! มันแย่ลงยิ่งกว่าเก่าอีกไม่ใช่เหรอไง!」

 

「เอ๋! เดี๋ยวสิ! มาร์คุงงงง!?」

 

มาร์วางมือบนไหล่และขาของเธอ กอดเธอไว้และเริ่มวิ่งอย่างรวดเร็วจุดหมายคือร้านของเขาเอง

ในหัวของเขาคิดเรื่องแต่วิธีรักษาข้อเท้าของเธอ ใบหน้าของทิม่าเปลี่ยนเป็นสีแดงสดเพราะตอนนี้อยู่ในท่าอุ้มเจ้าหญิง

 

「ยังไงก็ตาม! รีบกลับบ้านไปทำแผลให้เธอก่อน!」

 

「เอออออออออ๋! เดี๋ยวสิ เดี๋ยว! ……คิย๊าาาาาาาาาาา!」

 

มาร์วิ่งไปทั่วเมืองตอนกลางคืนขณะฟังเสียงกรีดร้องของทิม่า

 

อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงร้านแล้วและรักษาข้อเท้าทิม่า เขาก็ถูกฮันนะและอิน่าต่อว่า เขาถูกทั้งสองคนให้อุ้มท่าเจ้าหญิงเหมือนเดิมและใบหน้าก็แดงระเรื่อกันทั้งคู่

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท