สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! – บทที่ 213 ผ่านครั้งแรกไปแล้วก็คุ้นเคยกับการจูบเอง

สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!

บทที่ 213 ผ่านครั้งแรกไปแล้วก็คุ้นเคยกับการจูบเอง

ชิงอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก แต่ยังไม่ทันลงมือก็ได้ยินเสียงทุ้มของโหลวจวินเหยาดังมา “ช่วยเด็กนั่นเถอะ”

ชิงอวี่กัดฟันแน่นจ้องเขาเขม็ง “ท่านเงียบไป ข้าจะไม่ทิ้งใครไว้ทั้งนั้น!”

สิ้นคำนาง ร่างเล็กก็พุ่งไปคว้าร่างเด็กหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปไกล คว้าได้เพียงชุดเขาเท่านั้น แต่ก็ดึงตัวขึ้นมาได้

ไม่รีรอเพียงชั่วอึดใจ นางรีบพุ่งไปตรงจุดที่โหลวจวินเหยาร่วงไปทันที แต่ด้วยระยะห่างค่อนข้างมาก นางจึงคว้าเขาดึงขึ้นมาไม่ทัน เห็นดังนั้นชิงอวี่ก็มุ่นคิ้ว กระโดดดิ่งลงไปทันที ใช้ปลายเท้าห้อยไว้ที่ริมขอบแล้วเหยียดแขนไปคว้าชุดตรงหัวไหลชายหนุ่มไว้

“ส่งมือมาให้ข้า ข้าจะดึงท่านขึ้นไป” ชิงอวี่เหยียดแขนอีกข้างออกไปด้วยใบหน้าเรียบสนิท

มองแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเด็กสาวตัวเล็กเช่นนี้ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ ใช้มือหนึ่งคว้าร่างบุรุษตัวโตไว้ได้เช่นนี้ อีกทั้งตัวนางเองก็อยู่ในท่าอันตรายนัก ใช้เพียงปลายเท้าเกี่ยวขอบไว้เพื่อรองรับน้ำหนักคนสองคน

โหลวจวินเหยาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงทุ้ม “เจ้าเสียสติไปหรือไร? รู้ไหมว่ามันอันตรายขนาดไหน!?”

“ท่านไม่ต้องมาพูด! หากท่านรู้ว่ามันอันตรายก็รีบส่งมือมาได้แล้ว!” ชิงอวี่คำรามใส่เขาแล้วเหยียดแขนออกไปอีกครั้ง โหลวจวินเหยาจึงเอื้อมไปจับมือนางไว้

แล้วนัยน์ตาเขาก็ทะมึนลงเมื่อเห็นเงาร่างสีขาวเข้ามาใกล้ ฉับพลันได้ยินเสียงรื่นหูอ่อนโยนของอีกฝ่ายดังขึ้นมา

“ชิงชิง เจ้ามาเสียที…..”

ชิงอวี่ร่างพลันแข็งเกร็ง เอ่ยน้ำเสียงเย็นชาตอบ “ออกให้ห่างจากข้า!”

“เห็นเจ้าตกอยู่ในอันตรายข้าจะทนอยู่เฉยได้อย่างไรกัน?” ชิงเทียนหลินว่าแล้วก็ถอนหายใจอับจนหนทาง “เจ้าฟังข้า ปล่อยมือนั่นเสีย ข้าจะได้ดึงเจ้าขึ้นมาได้ บุรุษผู้นั้นมีแต่จะทำให้เจ้าเสียแรงเปล่า เป็นภาระให้เจ้า”

ชิงอวี่สีหน้าเคร่งขรึมยามเอ่ยคำเน้นชัดทุกคำ “ข้าลั่นวาจาไปแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำร้ายคนข้างกายข้า ชิงเทียนหลิน ข้าไม่มีทางอภัยให้เจ้า ข้ากับเจ้าไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ชาตินี้ไม่เจ้าก็ข้าที่ต้องตายกันไปข้าง!”

คำของนางดูท่าจะจี้จุดเจ็บของอีกฝ่าย รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาเริ่มจางหาย กลายเป็นใบหน้ามุ่งร้ายแทน

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น….. ข้าก็ต้องสังหารเขาให้ได้!”

สิ้นคำ ชิงเทียนหลินก็คว้าข้อเท้าชิงอวี่ไว้หมายจะดึงตัวนางขึ้นมา อีกข้างเหวี่ยงพลังสีดำลงไปซัดร่างโหลวจวินเหยา

ก้อนพลังสีทะมึนนั้นเห็นอะไรบางอย่างอยู่ภายในลาง ๆ ร่างมันกำลังบิดไปมาอย่างบ้าคลั่งอยู่

ชิงอวี่หรี่ตาลงแล้วบิดขาให้หลุดจากเงื้อมมือชิงเทียนหลิน นางจับมือโหลวจวินเหยาไว้แน่นแล้วร่วงลงไปยังหุบเหวเบื้องล่างพร้อมกันกับเขา

“ไม่! ชิงชิง!!”

ชิงเทียนหลินเบิกตากว้างด้วยความกลัว รีบเอื้อมแขนคว้านางไว้ ได้จับได้เพียงชุดสีม่วงอ่อนขาดติดมือมาเท่านั้น เมื่อร่างน้อยไร้ที่ยึดก็ร่วงลงไปราวกับว่าวสายป่านขาด พริบตาเดียวก็หายลับตาไป

นางยอมตายดีกว่าต้องอยู่กับเขา!

ชาติก่อนนางยอมทำลายพลังบำเพ็ญทั้งชีวิตแล้วยอมตายไปเสีย แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ข้างกายนาง เป็นเรื่องที่เขาทำอะไรเพื่อหยุดยั้งนางไม่ได้

ทว่าครั้งนี้ เขาเห็นนางร่วงลงสู่หุบเหวลึกด้วยสองตาตน มีหรือที่เขาจะยอมปล่อยนางไปได้อีก?

แม้จะต้องหักปีกเพื่อกักขังนางไว้ข้างกาย ชาตินี้เขาก็จะไม่ยอมให้นางจากไปอย่างโหดร้ายเช่นนั้นอีกแน่

พริบตาเดียว กลุ่มเมฆดำก็พากันมารวมตัวอยู่รอบตำหนัก เสียงฟ้าลั่นดังกระหึ่มราวกับใกล้จะเกิดพายุคลั่ง ทำให้บรรยากาศกดดันอย่างหนัก เป็นภาพที่ดูน่ากลัวไม่น้อย

เบื้องหลังเงาร่างสีเขายังมีร่างสีดำปรากฏขึ้น พวกเขาคุกเข่าลงอย่างนอบน้อมแล้วเอ่ยขึ้นพร้อมเพรียงกัน “พร้อมรับคำสั่งนายท่านขอรับ!”

ใบหน้างดงามของเขาถูกความมืดยามราตรีกัดกินไปครึ่งหนึ่ง ไม่อาจเห็นว่ามีสีหน้าใด ทว่ากลิ่นอายชั่วร้ายที่แผ่จากร่างนั้นสัมผัสได้ น้ำเสียงต่ำเอ่ยขึ้นทันที “ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร หานางให้พบให้ได้”

“ขอรับนายท่าน!”

———————————————

ที่ด้านล่างของหุบผานั้น เต็มไปด้วยลมหนาวที่เสียดลึกถึงกระดูกพัดไม่หยุดหย่อน ชิงอวี่มือหนึ่งจับด้ามมีดที่ปักอยู่ที่ผาไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็เกี่ยวเอวชายหนุ่มไว้ ร่างอิงแอบแนบชิดกัน สถานการณ์อันตรายเช่นนี้ นางไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องท่าทางแนบชิดใกล้กันหรอก

ด้วยรู้นิสัยขี้ระแวงของชิงเทียนหลินดี นางรู้ว่าเขาต้องส่งคนมาตามหาตัวนางเป็นแน่ อย่างน้อย ๆ นางต้องรั้งท่านี้ไว้ให้ได้ถึงรุ่งสาง

แม้ร่างนางในชาตินี้จะอ่อนแอไปสักหน่อย แต่เคราะห์ดีที่นางเองก็ฝึกฝนบำเพ็ญตนอย่างหนักมานานหลายปี ดังนั้นทั้งเรื่องความแข็งแรงและความยืดหยุ่นนางจึงมีมากกว่าคนทั่วไป

“โง่งมนัก นี่เจ้าคิดจะตายไปพร้อมกับข้าเพื่อรักงั้นหรือ?” ที่ข้างหูนางพลันได้ยินเสียงเจือแววขันของชายหนุ่มดังขึ้น

ชิงอวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตาคมมองเขา ร้องเพ้ยเสียงหยันออกมา “เพ้ย ท่านฝันไปเถอะ ใครอยากตายไปพร้อมกับท่านเพื่อความรักกัน? ข้ายังใช้ชีวิตไม่พอเลยด้วยซ้ำ!”

โหลวจวินเหยายกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาสีม่วงฉายแววละไม “แล้วทำไมไม่ปล่อยข้าลงไปเสียเล่า? เขาว่าคนชั่วอายุยืน ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอก”

ชิงอวี่หรี่ตาลง ไม่รู้ทำไมจึงเอ่ยคำเช่นนี้ขึ้น

“เพราะข้ารู้ว่าเป็นท่าน ท่านก็จะไม่ทิ้งข้าไว้เช่นกัน”

พูดจบ คนทั้งคู่ก็แข็งข้างไป ชิงอวี่รู้ว่าตนเองพูดอะไรออกไปแล้ว ใบหน้านางอิหลักอิเหลื่อ ก่อนจะหันหน้าสะเทิ้นอายหนีไปอีกด้าน

ผ่านไปนาน ชายหนุ่มจึงส่งเสียงหัวเราะแผ่วเบา

เขาหัวเราะจริงใจเช่นนี้ไม่บ่อย แต่หลังจากได้พบชิงอวี่ก็หัวเราะบ่อยขึ้นมาก ใบหน้าเขางดงามอย่างชั่วร้ายพอจะล่มแคว้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มเขาไปเห็นแล้วแทบจะถวายชีวิตให้ได้ ขอเพียงได้เห็นเขาหัวเราะออกมาจากใจอีกสักครั้งก็เพียงพอ

โหลวจวินเหยาเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยน “เจ้าจับแน่น ๆ”

“หา?” ชิงอวี่ฉงน นางก็จับแน่นอยู่นี่?

พริบตาต่อมา ใบหน้าที่หันข้างก็ถูกมือของชายหนุ่มจับให้หันกลับมา

ยังไม่ทันได้ถามว่าจะทำอะไร ใบหน้ากระชากวิญญาณของเขาก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ที่ริมฝีปากสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างนุ่มนิ่มประทับลงมา ดุดันกระทั่งนางไม่อาจตอบสนองไปชั่วขณะ

สัมผัสนุ่มหยุ่นนั่นเข้าโจมตีริมฝีปากฉ่ำของนาง แต่เหมือนมันจะยังไม่พอใจ ยังกวาดลึกเข้าไปภายในมากขึ้นไปอีก

ชิงอวี่ตกตะลึงจนค้างไป เกือบปล่อยมือจากเขา ทว่ากลับถูกเขาจับร่างไว้แน่น ในสถานการณ์อันตรายห้อยอยู่ที่ผาเช่นนั้นนางกลับแข็งค้างไป ไม่อาจขยับตัวได้ยามถูกรังแก

ลมเย็นยะเยือกเบื้องล่างไม่อาจสงบจิตใจของชายหนุ่มบางคนลงได้ แต่กลับโหมกระหน่ำไฟปรารถนาให้แรงกล้ากว่าเดิม

ชิงอวี่ไม่กล้าดิ้นหนีเพราะไม่รู้ว่าพวกตนอยู่สูงเพียงไหน ตกลงไปอาจจะร่างเละเลยก็เป็นได้ นับเป็นครั้งแรกที่นางต้องอดทนถูกเอาเปรียบอย่างเดียวเช่นนี้

ใบหน้างามของเด็กสาวแต้มด้วยสีแดงจาง ๆ หลังถูกกลั่นแกล้ง นัยน์ตาฉ่ำน้ำดูน่ารักน่าสงสาร หากแต่นางกลับเปล่งเสียงขุ่นเคืองขึ้นมา “ท่านขยับร่างกายไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”

คนบางคนดูท่าจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาหลังจากสมปรารถนาแล้ว อารมณ์ดียิ่งนัก ทำเป็นกะพริบตาสีม่วงด้วยอย่างไม่รู้ความ “เมื่อครู่จู่ ๆ ก็ถูกแรงปรารถนาครอบงำ ในใจข้าต้องหาที่ปลดปล่อย แล้วสุดท้ายมันก็ขยับได้เอง”

“แล้วใครอนุญาตให้ท่านทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้กับข้ากัน?!” ชิงอวี่จ้องเขาโกรธ ๆ ในนัยน์ตาคล้ายกับจะมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่

โหลวจวินเหยาหัวเราะแล้วจ้องตาเด็กสาวไม่กะพริบ เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าอ่อนโยน “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจะไม่ทอดทิ้งข้าใช่หรือไม่?”

ชิงอวี่ประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน

“จำคำตนเองไว้ให้ดี เจ้าไม่ทอดทิ้งข้า ข้าเอง…… ก็จะไม่ทอดทิ้งเจ้าเช่นกัน”

การเสียสละตนเพื่อให้เขามีชีวิตรอด ครอบครัวเขาเองก็เคยทำเช่นนั้น ทอดทิ้งเขาเพื่อปกป้องเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกซาบซึ้งอะไรมากมายที่พวกเขาทำเช่นนั้นลงไป

ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้คนเหลียวแล ไร้ผู้ใดปกป้อง เติบโตมาในสภาพแวดล้อมอันเหน็บหนาวไร้รกร้างไร้คนเคียงข้างเช่นเขา

นัยน์ตาสีม่วงของเขาเหมือนจะถูกม่านปริศนาคลุมไว้ชั้นหนึ่งอยู่ตลอด กระทั่งจ้องลงลึกแล้วก็ยังไม่อาจหยั่งถึง ไม่รู้เลยว่าในความลึกล้ำนั้นซ่อนสิ่งใดไว้กันแน่

เป็นตอนนั้นเองที่ดวงตาสีม่วงส่องประกายบริสุทธิ์ราวผลึกแก้ว ราวกับเป็นดวงตาของสัตว์ตัวน้อยขี้ตกใจที่คอยระแวดระวังทุกสิ่งอย่าง ค่อย ๆ เผยตัวตนช้า ๆ ให้นางได้เห็นเพียงคนเดียว คอยจับจ้องนางไว้ไม่วางตา หากว่านางเผยความเหินห่างหรือทำหุนหันใส่ก็จะวิ่งหนีไปไกล กลับไปเลียแผลใจอยู่คนเดียว

ชิงอวี่ไม่รู้ว่าทำไมความคิดประหลาดนั่นจู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว

ตอนนี้นางรู้เพียงว่าชายหนุ่มนั้น….. เป็นคนที่สามารถทำให้ใจนางเต้นได้จริง ๆ

คนนอกอาจไม่เข้าใจหรือรับรู้ว่าคนที่ไม่อาจหาใครเทียม คนที่อยู่บนจุดสูงสุดนั้น คนที่ทุกคนต้องยอมสยบให้ ถือครองอำนาจสูงสุดเหนือใคร

เมื่อวันที่เขาปลดปราการในจิตใจลง เผยใจตนที่ดูแล้วก็ไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ออกมา ไม่ได้โดดเด่นมากมายอะไร ทั้งยังอาจจะเต็มไปด้วยมลทินนับไม่ถ้วนต่อหน้าคนผู้หนึ่ง ได้แต่หวังว่าตนจะได้รับการยอมรับ ได้รับความรักความห่วงใยจากใจอีกฝ่ายบ้าง

เป็นตอนนั้นที่ชิงอวี่ไม่อาจเอ่ยคำออกมา ไม่รู้ว่าตอบกลับไปอย่างไร ก่อนที่ชายหนุ่มจะเม้มริมฝีปาก เอ่ยเสียงดื้อรั้นออกมาอีกครั้งหนึ่ง “ห้ามทอดทิ้งข้า”

ชิงอวี่กะพริบตาประหลาดใจนัก จู่ ๆ ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังพูดคำนั้นออกมา มันดูท่าทางเหมือนเด็กคนหนึ่งชะมัด ดูน่ารักน่าชังอย่างไรก็บอกไม่ถูก

นางพลันเลิกคิ้วเอ่ยหยอกขึ้นมา “ถึงข้าทิ้งท่านไปท่านก็หาทางกลับมาจนได้ไม่ใช่หรือ? ก็ท่านผิวหน้าหนาเสียขนาดนั้น”

โหลวจวินเหยาหรี่ตาลงฉายแววอันตราย “ข้าผิวหนาหรือ?”

“นี่ท่านไม่คิดจะยอมรับว่าตนเป็นคนไร้ยางอายเลยใช่หรือไม่? ไหนใครกันที่ทำทีเป็นว่าอ่อนแอขยับไม่ได้ ทำให้ข้าต้องเสี่ยงชีวิตไปช่วยเหลือกัน? แล้วท่านก็มาฉวยโอกาสกับข้า! นั่นไม่ใช่…..อื้อ…..”

ไม่ทันไรก็ถูกโจมตีไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง

“เจ้าคนต่ำช้า! ทำอะไรของท่านน่ะ?!”

ชิงอวี่โกรธจนอยากอัดคน นางพูดโต้ยังไม่ทันจบเขาก็ชิงจูบนางเสียแล้วหรือ? นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!?

พวกนางสนิทสนมกันมากแล้วหรือเขาถึงคิดว่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้!

“เจ้าบอกว่าข้าหน้าไม่อายไม่ใช่หรือ? ในเมื่อข้าเป็นคนหน้าไม่อาย ข้าก็ควรต้องทำเรื่องหน้าไม่อายสิ! จะได้ไม่เสียชื่อ!”

โหลวจวินเหยายกยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก จ้องริมฝีปากฉ่ำของนางนิ่ง คล้อยต่ำลงมายังลำคองามผิวนวลเนียน ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงส่วนที่ไม่ควรจะเอ่ยถึง

สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!

สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!

Status: Ongoing
ชิงอวี่ วิญญาณที่ล่องลอยมานานหลายปี จนในที่สุดก็ได้มาเข้าร่างของเด็กหญิงชะตาอาภัพ พ่วงมาพร้อมกับน้องชายฝาแฝดผู้พิการขาเดินไม่ได้ ชิงอวี่ที่ชินกับการอยู่ตัวคนเดียวมาทั้งชีวิต ได้ตัดสินใจจะดูแลน้องชายคนนี้ให้ดีที่สุด จนสุดท้ายนางถึงกับขโมย “แก่นเพลิงเยือกแข็ง” มาจากชายที่ผู้คนใต้หล้าเรียกเขาว่า “จอมมาร” และถูกเขาตามหวงหนี้แทบพลิกแผ่นดิน ชิวอวี่จะชดใช้หนี้ในครั้งนี้อย่างไรโปรดติดตาม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท