พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 86

ตอนที่ 86

บทที่6ตอนที่3

ในห้องทำงานห้องหนึ่ง ณ สถาบันโซลมินาติ มีผู้ที่เป็นเจ้าของห้องกับผู้ช่วยกำลังปรึกษากันอยู่

เจ้าของห้องคือ จิฮัด・ รัลเดล ถือกระดาษมัดหนึ่งเอาไว้ในมือ และกำลังกรอกตาอ่านเอกสารเหล่านั้น

แนวสายตานั้นแคบลงเพื่อที่จะไม่ได้พลาดสักตัวอักษร และภายในห้องทำงานก็เต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด

บางทีเพราะแรงกดดันที่ปล่อยออกไป หยาดเหงื่อจำนวนมากไหลออกมาจากหน้าของอาจารย์อินด้า

「โนโซมุ・เบลาตี้คุง……。คุณอินด้าสิ่งที่เขียนในนี้เป็นความจริงใช่ไหม?」

「คะค่ะ อย่างน้อยในเอกสารเหล่านั้นก็เป็นรายงานที่ติดอยู่กับข้อมูลของโนโซมุ เบลาตี้」

จิฮัดเหลือบดูกระดาษเหล่านั้นหลายต่อหลายครั้ง ขณะที่ฟังคำพูดของอินด้าพูดไปด้วยท่าทางจริงจัง

ในมือของจิฮัดคือเอกสารของนักเรียนที่ได้เป็นท็อป 10 ในการฝึกพิเศษครั้งก่อน

ผลคะแนนและผลการทดสอบของพวกเขาได้รับการบันทึกไว้ในเอกสารเหล่านี้

「…………」

จิฮัดจ้องมองข้อมูลของโนโซมุเป็นเวลานานและบางครั้งเขาก็เอามือปิดปากราวกับคิดอะไรบางอย่าง

อินด้าที่อยู่ข้างๆไม่พูดอะไร แม้แต่สำหรับเธอ มันก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ

「ท่านจิฮัด……」

「อืม ขอบคุณมาก คุณอินด้า กลับไปทำงานได้แล้วล่ะ」

「คะ ค่ะ……」

อินด้าดูเหมือนจะมีคำถามบางอย่างอยากจะถาม แต่เธอก็โค้งคำนับและออกจากห้องไป

จิฮัดค่อยๆทิ้งตัวลงบนเก้าอี้

มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเกิดขึ้นและไหล่ที่ตรึงก็เริ่มผ่อนคลายลง จิฮัดจ้องมองเพดานห้องทำงานและนึกถึงเนื้อหาของเอกสารที่อ่านก่อนหน้านี้

「แรงค์โดยรวมคือ D-。 อย่างน้อยคนที่อยู่ในระดับนี้ก็สามารถเอาชีวิตรอดจากมังกรแห่งความตายได้……」

แรงค์ D- ซึ่งหมายความว่าระดับพลังนั่นเทียบเท่ากับนักผจญภัยมือใหม่เท่านั้นเอง

ในช่วงเวลาที่ต่อสู้กับมังกรแห่งความตาย เขามีสมาชิกระดับสูงของเด็กปี 3 อย่าง ไอริส ดีน่า และ ลิซ่า เฮาวด์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะเติบโตขึ้นมาเพื่อได้สู้กับมังกรอยู่แล้ว แต่ก็ยังขาดแคลนประสบการณ์

บุคคลเหล่านี้มีท่าทีว่าจะแพ้เนื่องจากไม่เคยมีประสบการณ์จริงมาก่อน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ต้องการเวลาและประสบการณ์ในการเติบโตขึ้น

ในสถานการณ์นั้น คงไม่แปลกหากจะมีคนตาย มันอาจจะมีคนโดนฆ่าในกรณีเลวร้ายที่สุด

อย่างไรก็ตามทุกคนรอดชีวิตกันหมด หลายคนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ไม่สามารถแก้ไขได้เมื่อมองไปแบบนั้นมันก็ยังมีอีกหลายๆจุดที่ไม่สอดคล้องกัน พวกเขาที่ดูไร้ซึ่งประสบการณ์ในการต่อสู้กับมังกร

แต่ว่าหนึ่งในนั้นที่โดดเด่นกลับเป็น โนโซมุ เบลาตี้ นักเรียนที่จิฮัดจ้องมองข้อมูลก่อนหน้านั้น

แน่นอนว่าเขารอดชีวิตจากมังกรแห่งความตาย และยังรอดจากสัตว์อสูรสีดำที่มีนามว่า “อบีส กรีฟฟ์(Abyss Griefアビスグリーフ) แม้กระทั่งก่อนการฝึกก็รอดมาได้ เป็นเรื่องแปลกมากที่ความสามารถเขาอยู่ในระดับนี้

「ท้ายที่สุดแล้ว การทดสอบก็เป็นเพียงการทดสอบ ไม่สามารถทราบความสามารถนั้นได้จากการอ่านเอกสารเพียงอย่างเดียวสินะ?」

จิฮัดวางเอกสารในมือลงบนโต๊ะเบาๆ พลางพึมพำราวกับจะถอนหายใจ

「อบีส กริฟฟ์ ก็ไม่สามารถละเลยได้เช่นกัน มีอะไรให้กังวลอีกมากมาย……」

หายใจออกราวกับจะเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านั้นไป

จิฮัดยืนขึ้นและออกจากห้องทำงานหลังจากรวบรวมเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะแล้วนำไปวางไว้อีกโต๊ะหนึ่ง

เหตุการณ์เหล่านี้ชวนปวดหัว แต่ก็ต้องจัดการไปทีละอย่าง

「ควรไปคุยกับคุณหนูก่อนที่จะไปคุยกับคุณอันริและเขาสินะ……」

เสียงพึมพำของจิฮัดดังก้องและหายไปในห้องทำงานนั่น แสงแดดอันอบอุ่นส่องประกายตรงกันข้ามกับน้ำเสียงอันเคร่งขรึม

◇◆◇

พูดถึงเวลาพักกลางวันแล้ว น่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีชีวิตชีวามากที่สุด ในอาคารเรียนพบเห็นเหล่านักเรียนมากมาย

เหล่านักเรียนรีบรุดไปโรงอาหารเพื่อหาซื้อของด้วยความกระตือรือร้น

มันเป็นภาพอันแสนคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน และเป็นช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดของวัน ซึ่งบางครั้งก็เกิดการต่อสู้แย่งชิงอาหาร

แม้จะเร่งรีบและคึกคักมากเพียงใด โนโซมุก็มองหาสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างรวดเร็ว

เขาหยิบขนมปังดำ ผักสด และไส้หมูย่างที่ราคาถูกที่สุด

โนโซมุซื้ออาหารกลางวันมากกว่าปกติและเขาก็เดินเข้าไปในอาคารเรียน

ห้องเล็กๆตั้งอยู่ในอาคารเรียนสีขาว โนโซมุมาถึงหน้าห้องพยาบาล เปิดประตูและระมัดระวังไม่ให้อาหารกลางวันร่วง

ในห้องนั้น มีเพื่อนๆของโนโซมุมารวมตัวกันและพูดคุยกัน เมื่อเขาโบกมือให้ สหายก็โบกมือกลับ

เมื่อโนโซมุเข้าไปข้างๆพวกเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่

「อืม โนโซมุ วันนี้มาเร็วนะเนี่ยนะคะ」

「ก็นะ ขนมปังนี่มันไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไรนี่ครับ」

ระหว่างแลกเปลี่ยนคำพูดกับไอริสเพียงเล็กน้อย โนโซมุก็โยนขนมปังอีกอันให้ฟีโอ

「เอ้านี่ ตามที่สัญญาไว้」

「อุ โหวว มาแล้วมาแล้ว! ขอบคุณนะโนโซมุ!」

ขนมปังที่ถูกที่สุดเท่าที่จะหาซื้อได้ แป้งแห้งและขนมปังไม่อร่อยเลยสักนิด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟีโอที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้น ตอนนี้เขามีเครื่องปรุงรสที่ดีที่สุดคือความหิวนั่นเอง

「แฮมมุ! หง่ำๆๆ……」

เขาเขี้ยวขนมปังดำแห้ง มันเป็นขนมปังที่แห้งสนิท กลืนยาก แต่มันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรสำหรับฟีโอ

สำหรับโนโซมุก็คิดว่ามันไม่ค่อยจะเป็นการขอบคุณที่ดีสักเท่าไรที่ให้ฟีโอสอนวิชาปามีดโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนอะไรเลย ดังนั้นจึงไม่ได้ซื้อแค่ขนมปังแต่ยังซื้อพวกผักและเนื้อให้ด้วยเพราะปริมาณน่ะ สำคัญกว่าคุณภาพยามท้องหิว

เครื่องเคียงต่างๆที่โนโซมุให้ไปก็ไม่เหลือเลยแม้แต่นิดเดียว

คนอื่นๆต่างมองฉากตรงหน้าด้วยความตกตะลึงพร้อมกับค่อยๆเข้ามาใกล้

โนโซมุเองก็เริ่มทานอาหารกลางวันบ้างขณะพูดคุยกับเหล่าเพื่อนๆ

「อาระ? คุณทิม่า เกิดอะไรขึ้นกับกิ๊บตัวนั้นเหรอคะ?」

ซีน่าเหลือบมองเครื่องประดับผมของทิม่า

ผมสีน้ำตาลที่ตัดแต่งอย่างสวยงามของเธอเปล่งประกายด้วยเครื่องประดับผมสีเงิน

เป็นเครื่องประดับผมที่ดูเรียบร้อยและมีสไตล์แต่สีเงินมันก็ตัดเข้ากับสีผมได้อย่างฉูดฉาด

อย่างไรก็ตามซีน่าสังเกตเห็นเครื่องประดับผมนั่นเพราะรู้สึกถึงพลังเวทย์จางๆจากเครื่องประดับเหล่านั้น

「อ๋อ นี่นะเหรอคะ? ฉันพยายามสร้างมันขึ้นมาโดยผสมผสานพลังเวทย์เข้ากับเครื่องประดับ พลังเวทย์เหล่านี้เก็บไว้ได้ไม่นานนัก และอย่างดีที่สุดมันก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนยากันแมลงเท่านั้นเองค่ะ……」

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่ทิม่าทำขึ้น

「ไม่ล่ะ ไม่ใช่เล่นๆแล้วนะ ถ้าเกิดมีแมลงมีพิษมาก็ไล่มันแบบได้ผลเลยไม่ใช่เหรอไง?」

มาร์ชื่นชมผลงานเครื่องประดับผมของทิม่า โนโซมุเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

แมลงในป่าบางชนิดมักมีพิษและวางไข่ในสิ่งมีชีวิตเพื่อเลี้ยงตัวอ่อน เป็นความจริงที่ว่ามีแมลงขนาดเล็กและหลากหลายตัวที่ทำแบบนี้ มันเหมาะสำหรับเป็นยากันแมลงสำหรับเข้าป่าจริงๆ

โนโซมุเองก็เข้าป่าบ่อยๆและเดินผ่านรังผึ้งเองก็เคยเจ็บตัวเพราะผึ้งเหล่านั้น

ทิม่าหน้าแดงเพราะเธอได้รับคำชมจากมาร์และคนอื่นๆ ใบหน้านั่นซ่อนอยู่ภายใต้ผมม้าของเธอ แถมแก้มยังเป็นสีแดง

「นั่นสิน้า~。อีกอย่างเวลาเข้าป่าโดนแมลงกัดจนผิวแดงก่ำเลย……。」

「เอ๊ะ? งั้นเหรอ?」

อันริยังชื่นชมเครื่องประดับผมของทิม่า

อย่างไรก็ตามคำพูดที่ออกจากปากอันริก็ดูเหมือนจะเป็นแผลฝังใจ

โนโซมุเผลอหลุดเสียงแปลกๆออกมาเพราะจากหัวข้อสนทนาที่คุยกันเรื่องแมลงมีพิษกลายเป็นเรื่องผิวกันเฉยเลย

「แน่นอน หากผิวเป็นรอยแดงเวลาไปทำงานเป็นตี้เสื้อผ้าที่ใส่ได้ก็โดนจำกัดเข้าไปอีกค่ะ……」

「การรักษาให้มันหายก็ยากเอาเรื่องเลยเนอะ~」

โนโซมุและมาร์ที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ดูจะไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลเหล่านั้นเท่าไร

อย่างไรก็ตามแมลงที่ทำให้ผิวหยาบกร้านก็เป็นอันตรายพอๆกับแมลงมีพิษสำหรับเหล่าหญิงสาว

「แต่ว่าน้า เครื่องประดับนั่นทำด้วยตัวเองซะด้วยสิ~? เป็นเครื่องประดับที่สวยจังเลยน้า~」

「อะ เอ่อ เครื่องประดับนี่ขายที่ร้านน่ะ ทั้งหมดที่ฉันทำก็แค่ผสานพลังเวทย์ลงไปในเครื่องประดับเองนะคะ……」

อันริดูท่าทางจะชอบกิ๊ฟติดผมมาก และพยายามเข้าหาทิม่า

บางทีไอริสและซีน่าเองก็สนใจด้วย ก็เลยเข้าไปดูกิ๊ฟติดผมของทิม่า

「ถึงจะดูฉูดฉาดไปหน่อยแต่ดีไซน์สวยใช้ได้เลยนะ」

「ดูเหมือนว่าจะเป็นร้านเปิดใหม่ที่อยู่ตรงถนนสายหลักของย่านการค้า ฉันซื้อมันที่นั่น วันนี้ไอจังจะไปกับฉันไหมล่ะ?」

ตามคำเชิญของทิม่า ไอริส พึมพำ “วันนี้…”ด้วยใบหน้าผิดหวังเล็กน้อย

「อืมมม ก็อยากไปอยู่หรอก แต่วันนี้คิดจะไปทำคำขอของกิลด์ที่รับมาเมื่อวานนี้ และฉันคิดว่าควรทำให้เสร็จเร็วที่สุดเพราะมันเป็นคำขอปราบปรามน่ะ……」

ความจริงที่ว่ากิลด์ออกคำขอปราบปรามหมายความว่าบางคนมีปัญหาเพราะสัตว์อสูร ซึ่งคำขอเหล่านั้นจะถูกเหล่านักผจญภัยรับคำขอเอาไว้

ในฐานะที่ไอริสเป็นเหมือนผู้ผดุงความยุติธรรม เธอรับโดยไม่ลังเล และเหนือสิ่งอื่นใดเธออยากจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด

「ช่วยไม่ได้น้า……」

แม้แต่ทิม่าที่รู้ถึงความจริงจังของไอริสก็ได้แต่ต้องปล่อยไป อย่างไรก็ตามบุคลิกของเธอก็ไม่สามารถที่จะบังคับใครได้อยู่แล้ว

「ขอโทษนะทิม่า ไว้ครั้งหน้านะ」

ทิม่ายิ้มให้กับไอริสที่ขอโทษเธอและบอกว่าไม่ต้องกังวล

พอเห็นรอยยิ้มนั่นก็โล่งใจ จากนั้นไอริสก็เรียกโนโซมุ

「วันนี้โนโซมุคิดจะทำอะไรหลังเลิกเรียนล่ะคะ?」

「ผมเหรอ? วันนี้ตั้งใจจะเข้าป่า แต่…จะขอยืมมืองั้นเหรอ?」

โนโซมุแปลกใจที่จู่ๆก็โดนเรียก จากเรื่องราวที่ฟังมาเธอน่าจะต้องการคนนำทาง

อันที่จริงไอริสที่รู้เรื่องคำขอก็กะจะยืมมือโนโซมุอยู่แล้ว

「อืม ก็นายคุ้นเคยกับป่านี่น่า และทิม่าก็มีธุระด้วย และไม่มีใครอื่นให้ขอแล้ว ดังนั้นจะช่วยมาด้วยกันหน่อยได้ไหมคะ……」

เนื่องจากแรงค์ของโนโซมุค่อนข้างต่ำเลยรับคำขอไม่ได้ อย่างไรก็ตามหากจัดปาร์ตี้กับคนจำนวนหนึ่งหรือคนระดับสูง ก็จะได้รับอนุญาตให้ทำคำขอได้

ในฐานะที่เป็นไอริส จึงเป็นที่รู้กันดีว่าโนโซมุคุ้นเคยกับป่ามากแค่ไหน

「ไม่…เอ่อคือ …จำได้ไหมที่ฉันเคยสัญญาไว้ว่าจะทำปาร์ตี้ด้วยกันเพราะตอนฝึกพิเศษ ก็เลยคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ทดแทนโอกาสที่เสียไปน่ะ……」

บางทีเพราะนึกถึงเรื่องนั้นได้ไอริสเลยลังเลเล็กน้อย

แน่นอนว่าวันที่สองของการฝึกพิเศษจะจัดตั้งปาร์ตี้กับห้องอื่นได้แต่ก็ต้องโดนปัดตกไปเพราะมังกรแห่งความตายที่เข้ามาขัด

เดินทีแล้ว นี่เป็นเกมส์ลงโทษที่โซเมียลงโทษไอริสเพราะแอบตามการเดทของทั้งสองไป

โนโซมุครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเพราะอาจจะทำให้เธอไม่สบายใจและเกิดความกังวลต่างๆ แต่ไอริสเองก็จ้องมองมาที่โนโซมุราวกับจะขอร้อง

ชั่วครู่หนึ่งในหัวเขาก็มีคำพูดนั้นผุดขึ้นมา มันเป็นคำพูดที่ว่าเธอต้องการให้เขาปกป้องแผ่นหลังของเธอ

「……อะ อืม เข้าใจแล้ว」

โนโซมุยอมรับคำขอของไอริส แม้ว่าคำพูดนั่นจะดูไม่จริงใจก็ตามที

เขาตั้งใจจะฝึกหลายๆอย่างมากมาย รวมถึงพลังแห่งดราก้อนสเลเยอร์ที่ได้มา แต่เพราะสัญญาก่อนหน้านั้นเองทำให้ต้องเลื่อนการฝึกออกไป

เหนือสิ่งอื่นใดคำพูดของเธอเป็นสิ่งเดียวที่ดึงจิตใจของเขากลับมาเข้าสู่สภาวะปกติ

「อา…ค่อยยังชั่ว ขอบคุณนะคะ」

ไอริสคิดว่าจะถูกปฏิเสธเลยถอนหายใจออกมา

รอยยิ้มของเธอดึงดูดผู้คนมากมาย เธอไม่สูญเสียท่าทางอันแสนสง่างามเลย

นี่เป็นสิ่งที่น่าตกใจสำหรับโนโซมุที่หลงใหลในรอยยิ้มนั่น

โนโซมุทำเพียงได้แค่ยืนอึ้งกับภาพตรงหน้า แต่ก็มีบุคคลไม่คาดคิดเข้ามาแทรก

「……ถ้างั้น ข้าน้อยขอไปด้วย」

เป็นคำพูดอันแสนไร้สาระของฟีโอที่มาทำลายบรรยากาศตรงหน้า

「……หะ!?」

จู่ๆไอริสก็ส่งเสียงพึมพำด้วยความไม่พอใจ

กลิ่นคล้ายน้ำผึ้งหวานๆที่พูดออกมาปลิวหายไป มีแต่ความไม่พอใจเข้ามาแทนที่

「ใช่ไหมตอนนั้นเราคุยว่าจะรวมตี้กันนี่ ใช่ไหมซีน่า?」

「เอะ อืม!?」

นอกจากนี้ไอริสยังแสดงความไม่พอใจมากเข้าไปอีกกับคำพูดของฟีโอ

ซีน่าก็มองเธอเช่นกันเธอก็พูดกลับในทันใด

「……ทำไมฉันด้วยล่ะเนี่ย?」

「พูดอะไรน่ะ? ก็ตอนนั้นพวกเราควรจะร่วมทีมกันนี่~」

แน่นอนว่าซีน่าก็มีกำหนดการจะร่วมตี้กับโนโซมุ เพราะข้อเสนอของฟีโอ

แต่ยังไงก็ตามใบหน้ายิ้มแย้มของฟีโอมันชวนให้หงุดหงิดชะมัด

ก็รู้หรอกนะว่าพูดเรื่องอะไรอยู่ แต่ว่าสิ่งที่โนโซมุพูดมันน่าสนใจกว่านั้น

「นั่นสินะ……」

ซีน่าจ้องมองโนโซมุและไอริส จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

สายตาที่พวกเขาจับจ้องมานั้น ทำให้โนโซมุเสียวสันหลังเล็กน้อย

ซีน่าวางมือบนริมฝีปากและส่ายหัว

「เอ่อ วันนี้ฉันคงต้องละไว้ก่อนละกันนะพอดีนึกได้ว่ามีธุระ……」

「อ่า นั่นสินะ กำลังจะกลายเป็นเรื่องน่าสนใจ..โอ้มาร์ก็ด้วยนะ! มาด้วยกันสิ!?」

โนโซมุกำลังกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับคำพูดของฟีโอ

เหลือบมองซีน่า เธอถอยออกไปและออกไปโดยไม่ทักท้วงอะไร

「เอ่อคือว่าพอดี ข้ายังช่วยงานที่ร้านไม่เสร็จ」

「น่าเบื่อจังเลยนะช่วยงานบ้านเหรอ……」

ฟีโอทำสีหน้าเบื่อหน่าย

ทันใดนั้นเองมาร์ก็รีบออกไปจากสถานที่แห่งนี้

「แกเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทำงานที่ร้านไม่เสร็จ ถ้าลืมละก็แกตายแน่?」

「ฮะฮะฮะ ใช่ ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ! ทอมละจะทำไง!?」

มาร์พูดกับฟีโอด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เล็กน้อยพร้อมยิ้มหัวเราะ

เมื่อมองดูสถานการณ์ตรงหน้า ดูเหมือนว่าที่ร้านของมาร์กำลังลำบากเพราะการเมาแอ้วันนั้น

ฟีโอเผชิญหน้ากับคำขู่ของมาร์ จึงตัดสินใจถอนตัวทันที ทอมเองก็ทำใบหน้าเจื่อนๆ

「ขอโทษด้วยนะ ผมเองก็ถูกอาจารย์เรียกตัว……」

「ฉันก็จะไปกับทอม!」

「หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้จิ้งจอกเวรนี่」

เห็นได้ชัดว่าทอมและเพื่อนๆของเขามีธุระเช่นเดียวกับซีน่า เสียงของทอมแข็งขึ้นเล็กน้อยอาจเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่พึงประสงค์

「ไม่รู้ด้วยแล้ว! ถ้างั้นก็ให้ทั้งสามคนเข้าป่าไปแล้วกัน!」

「ใช่แล้ว……」

มาร์พยายามลากฟีโอที่กำลังหนี แต่ฟีโอก็พยายามหนีจากมาร์และพยายามจบการสนทนาในครั้งนี้

เมื่อฟีโอเมาและคุมตัวเองไม่ได้ ทอมและเพื่อนๆของเขาที่ไม่รู้เรื่องก็ทำได้แต่เอียงศีรษะ แต่ว่าโนโซมุก็ทำได้เพียงถอนหายใจ

อาจารย์อันริหนึ่งในเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายซึ่งเป็นสาเหตุให้เหล่าหนุ่มๆหลงไหลก็ไม่ได้เข้ามาช่วย แต่ยังยืนยิ้มอยู่ข้างๆอาจารย์นอร์น

เมื่อคิดว่าอาจารย์คนนี้นี่ร้ายสุดๆนั่นเองก็โดนไอริสเรียก

「อืม ถ้างั้นก็ฝากตัวด้วยนะโนโซมุ」

「……อืม ฝากตัวด้วยนะ」

โนโซมุตอบกลับด้วยคำพูดติดขัดเล็กน้อย

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฟีโอก็เริ่มเก็บถุงขยะ

「เพราะแบบนั้นไปรวมตัวกันที่กิลด์หลังเลิกเรียน! แล้วก็เข้าป่าาาาาา! ไม่สิตั้งหน้าตั้งตารอเลยล่ะ นั่นแหละเหตุผล!」

「รอก่อนสิเฟ้ย!」

ฟีโอที่พูดเช่นนั้นก็รีบกระโดดออกจากห้องไป มาร์เองก็ตามฟีโอที่หนีไป

โนโซมุยิ้มพร้อมกับมองทั้งสองคนที่วิ่งไปเอะอะไป

งานยุ่งๆอาจจะไม่ได้ลงถี่ๆแบบแต่ก่อนนะครับ ขอโทษด้วยครับ

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท