ตอนที่ 76 อดีตไม่อาจย้อนคืน
กิจกรรมของมหาวิทยาลัยเจียงไห่ที่เกี่ยวข้องกับการแสดง โดยรวมแล้วจะจัดขึ้นในห้องประชุมใหญ่เหอเหลียงเหว่ย
ห้องประชุมแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก หลังเวทีกว้างขวาง ห้องผู้กำกับ ห้องแต่งหน้า ห้องแต่งตัว ห้องเครื่องเสียง ห้องเก็บอุปกรณ์ และแม้แต่ห้องอาบน้ำและเลานจ์ล้วนมีหมด
ตอนที่ลู่เฉินเข้ามา คนอยู่ในห้องแต่งหน้ามีอย่างน้อยหนึ่งถึงสองร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนที่จะต้องขึ้นเวที หญิงสาวหลายคนที่แต่งหน้าเสร็จแล้วใส่ชุดแสดงสวยๆ รวมกลุ่มสองสามคนพูดคุยและหัวเราะกัน
ลู่เฉินเคยมีส่วนร่วมในการแสดงศิลปะมากมาย จึงไม่รู้สึกแปลกกับหลังเวทีห้องประชุม เขาหาที่ว่างตรงมุมห้องให้ตัวเองแล้วนั่งลง เปิดกล่องกีตาร์ออกมาอย่างไม่รีบร้อน ในขณะที่ปรับเสียงก็ซ้อมให้ชินมืออย่างสบายๆ
เวลาแสดงของเขาคือช่วงหัวค่ำตอนสองทุ่มสามสิบนาที ดังนั้นตอนนี้ยังถือว่าเร็วมาก
“ลู่เฉิน…”
ตอนที่ลู่เฉินกำลังดีดกีตาร์และฮัมเพลงเบาๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกเบาๆ ดังมาจากด้านข้าง
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ลู่เฉินแอบถอนหายใจเบาๆ
เขาวางกีตาร์ลง หันกลับไปพูด “หวางอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าลู่เฉินคือหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาว สูงราวหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร รูปร่างได้สัดส่วน ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวดังใบหลิว ผมยาวสลวยและแต่งหน้าบางๆ ถือว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสวยโดดเด่น
หวางอิ๋งกำลังศึกษาวิชาภาษาจีนในมหาวิทยาลัยเจียงไห่ และก็เคยเป็นแฟนเก่าของลู่เฉินด้วย
น้ำเสียงที่เฉยเมยของลู่เฉินทำให้หวางอิ๋งขมวดคิ้วแน่น เธอลังเลครู่หนึ่งก่อนจะถาม “ลู่เฉิน เฉาซิ่วจูได้บอกนายหรือเปล่า? บริษัทอาฉันที่หางโจวกำลังเปิดรับสมัครพนักงาน ตำแหน่งไม่เลวเลย…”
“ฉันรู้แล้ว หัวหน้าห้องบอกฉันแล้ว”
ลู่เฉินพูดขัดขึ้นมา “ขอบคุณสำหรับความหวังดีของเธอ แต่ฉันวางแผนจะพัฒนาตัวเองอยู่ในเมืองหลวง ยังไงก็ต้องขอบคุณเธอนะ”
“ลู่เฉิน!”
มีความไม่พอใจฉายในแววตาของหวางอิ๋ง เธอพูดเสียงสูง “นายอย่าดื้อจะได้ไหม นายมีอนาคตอะไรให้พัฒนาในเมืองหลวง ต่อให้นายไม่คิดเพื่อตัวเอง ก็น่าจะพิจารณาสถานการณ์ในครอบครัวบ้างนะ”
สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความไม่พอใจที่ไม่ได้ดั่งใจ
ลู่เฉินยิ้มกลับไป “หวางอิ๋ง ผ่านไปก็นานแล้ว นิสัยเธอยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน? ฉันว่าระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้วจริงๆ”
หวางอิ๋งไม่ได้โกรธเคือง เธอถามอย่างครุ่นคิด “ลู่เฉิน นายยังเกลียดฉันอยู่เหรอ”
ลู่เฉินส่ายหน้า ลุกขึ้นพูดกับหวางอิ๋ง “เมื่อก่อนเคยเกลียด ตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว”
“ฉันคิดว่าถึงครอบครัวฉันจะไม่ได้เกิดเรื่อง เราสองคนก็คงคบกันไม่ได้นาน แถมตอนนั้นฉันก็มีปัญหา ดังนั้นไม่ต้องไปกล่าวโทษใคร ต่อว่าใครทั้งนั้น ต่อไปเจอกันเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้”
หวางอิ๋งมองลู่เฉินอย่างตกใจ
ลู่เฉินที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก ราวกับว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเป็นคนอื่น
เป็นความรู้สึกสูญเสียอย่างหนึ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอพูดอย่างตื่นตกใจเล็กน้อย “งั้นก็ได้ แล้วเจอกัน”
พูดจบหวางอิ๋งก็หันหลังจากไป เธอเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก
ลู่เฉินหัวเราะ เขาเข้าใจความคิดของหวางอิ๋งเป็นอย่างดี เธอแค่อยากจะชดใช้ความผิดที่เคยเลิกกับตัวเองเท่านั้น
แต่เขาไม่สนใจแล้ว อยู่หางโจวและทำงานที่ต้องอาศัยคนอื่นมันเป็นงานที่ ‘ไม่เลวเลย’ งั้นเหรอ?
ส่วนเรื่องพัวพันระหว่างเขากับหวางอิ๋ง…
อดีตไม่อาจย้อนคืน เรื่องที่แล้วไปแล้วก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป!
ลู่เฉินเพิ่งคิดจะกลับไปนั่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาหันไปมองทางขวาโดยไม่รู้ตัว
ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าวก็มีหญิงสาวสวยที่ดวงตาสดใสนั่งอยู่
ชุดราตรีสีฟ้าน้ำทะเลช่วยเสริมความสง่างาม ทำให้รูปร่างนั้นดูเพรียวสวย ขายาวสวยเหยียดตรงคู่นั้นโพสต์ท่าอย่างสบายๆ มีรอยยิ้มเล็กๆ ในดวงตาสดใสและมีพลัง ใบหน้าที่สวยงามดังภาพวาดทำให้เบิกบานใจเมื่อได้เห็น
เธอนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น แสงที่เปล่งออกมาสามารถทำให้มุมที่มืดมิดที่สุดสว่างขึ้นมาได้
ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะตกใจ “ซูเซวียน?”
ซูเซวียนเป็นคนดังในมหาวิทยาลัยเจียงไห่ เธอเป็นดาวของภาควิชาภาษาต่างประเทศ เป็นเด็กเรียนดีที่ได้รับทุนการศึกษาดีเด่น ยิ่งกว่านั้นยังมีความสามารถทั้งร้องทั้งเต้นมากมาย มีคนตามจีบเธอมากมายก่ายกอง
ลู่เฉินก็รู้จักซูเซวียน แน่นอนว่ามีไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่รู้จักเธอ แต่ก็รู้จักเธอเพียงผิวเผิน
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าซูเซวียนจะแอบมาอยู่คนเดียวตรงนี้
เมื่อครู่ไม่ได้สังเกตเห็น
ในภาพความประทับใจที่มีจำกัดของลู่เฉิน ซูเซวียนมักจะถูกล้อมรอบด้วยพวกที่คอยเอาอกเอาใจและเหล่าผู้พิทักษ์ดอกไม้
ซูเซวียนกะพริบตา เอ่ยว่า “ลู่เฉิน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังพวกเธอคุยกันนะ”
ลู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “ขอโทษนะ ไม่มีเนื้อหาอะไรน่าตื่นเต้น ต้องทำให้เธอผิดหวังแล้วล่ะ”
ซูเซวียนยกมุมปากยิ้มเล็กน้อย จากนั้นพูดอย่างจริงจัง “พูดจริงๆ นะ ฉันว่าหวางอิ๋งยังมีใจให้นายอยู่”
ลู่เฉินกับหวางอิ๋งเคยเป็นคู่รักที่เร่าร้อนและมีชื่อเสียงระดับหนึ่งในมหาวิทยาลัยเจียงไห่
“อาจจะแหละ…”
ลู่เฉินพูด “มันผ่านไปแล้ว”
ซูเซวียนรู้ดีว่าเขาไม่อยากพูดถึงมัน จึงพูดเปลี่ยนเรื่อง “นายคิดจะพัฒนาตัวเองอยู่ในเมืองหลวง ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายสินะ?”
ปกติแล้วเธอไม่ค่อยพูดคุยกับผู้ชาย เพราะมีเหล่าผีเสื้อมาดอมดมให้รำคาญใจมากไป พูดด้วยคำสองคำก็ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกลายเป็นเรื่องยาก คืนนี้เธอจะหลบคนที่ตามจีบเหล่านั้นถึงได้วิ่งมาอยู่มุมหลังเวที
เป็นผลให้เธอได้มาเห็นฉากและบทสนทนาของอดีตคู่รัก
ซูเซวียนเคยได้ยินข่าวซุบซิบเกี่ยวกับลู่เฉินมาบ้าง เธอจึงชื่นชมการแสดงออกของเขาเมื่อครู่อยู่ไม่น้อย
ผู้ชายที่เป็นผู้ชายควรมีความภาคภูมิใจและมั่นใจในตนเอง
ดังนั้นเธอจึงไม่รังเกียจที่จะพูดคุยกับลู่เฉิน อย่างไรเสียพรุ่งนี้ทุกคนก็จะแยกย้ายกันไปแล้ว
ลู่เฉินยิ้มพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้ความพยายามมาก ก็หวังว่าจะประสบความสำเร็จนะ”
เขาถามกลับ “เธอวางแผนหลังเรียนจบไว้ยังไง”
คำถามนี้คงเป็นคำถามที่ถูกถามมากที่สุดในหมู่เพื่อนนักเรียนแล้ว
ซูเซวียนตอบ “ฉันจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน”
“วอร์ตัน?”
ลู่เฉินอุทาน “เก่งจัง!”
โรงเรียนธุรกิจวอร์ตันเป็นโรงเรียนธุรกิจอันดับหนึ่งของโลกอยู่ในเครือของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสหรัฐอเมริกา มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี บ่มเพาะนักธุรกิจดาวเด่นและนักเศรษฐศาสตร์มานับไม่ถ้วน
เพียงแต่การคิดจะเข้าเรียนในโรงเรียนธุรกิจวอร์ตันเป็นเรื่องที่ยากมากเช่นกัน ลู่ซีพี่สาวของลู่เฉินก็เคยอยากเข้าเรียนที่นี่ แต่สิ่งที่เลือกได้ในความเป็นจริงก็คือมหาวิทยาลัยในประเทศอย่างปักกิ่งหรือชิงหวา
ซูเซวียนที่ไม่เพียงแต่มีหน้าตาสะสวย แต่มีผลการเรียนเป็นเลิศเช่นนี้ ทำให้ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะนับถือ
ซูเซวียนยิ้มพูดว่า “ขอบคุณ อนาคตถ้าหากนายมีโอกาสไปฟิลาเดลเฟีย จำไว้นะว่าต้องไปดื่มชากับฉัน”
ลู่เฉินยิ้มแหยๆ “ฉันไม่มีช่องทางติดต่อเธอเลย”
ลู่เฉินไม่ได้มีความคิดจะจีบอีกฝ่าย เพราะเขากับซูเซวียนถือว่าอยู่คนละโลกกันอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่ในเมื่อตอนนี้คุยกันถูกคอ จึงพูดออกไปอย่างไม่คิดมาก
ซูเซวียนใจกว้างมาก ให้ไอดีเฟยซวิ่นลู่เฉินโดยตรง “ไอดีส่วนตัวของฉัน อย่าเอาไปแจกล่ะ!”
ลู่เฉินบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือของเขา
ซูเซวียนลุกขึ้นพูดว่า “ใกล้ถึงคิวฉันขึ้นเวทีแล้ว ลู่เฉิน แล้วเจอกัน”
ลู่เฉินยืนตาม “แล้วเจอกันซูเซวียน”
เขารู้ว่าพวกเขาคงแทบจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก จึงนึกเสียดายเล็กน้อยอยู่ในใจ
ผู้หญิงที่ดีงามแบบนี้ ต่อให้ไม่ได้คบหาเป็นคู่รัก เพียงแค่ได้เป็นเพื่อนก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
เมื่อมองส่งจนร่างของอีกฝ่ายหายไปที่หลังเวทีแล้ว ลู่เฉินจึงนั่งลง แต่ผลคือยังไม่ทันจะหย่อนก้นลงเบาะดี หัวหน้าห้องเฉา ‘เฉาซิ่วจู’ ก็วิ่งหอบเข้ามา พอเห็นหน้าก็บ่น
“ลู่เฉิน ไอ้หมอนี่ทำไมถึงมาหลบอยู่ที่นี่? ให้ฉันหาอยู่ได้!”
ลู่เฉินประหลาดใจ “มีอะไร”
เฉาซิ่วจูพูดว่า “การแสดงของนายเลื่อนเวลาเร็วขึ้น การแสดงสองรายการก่อนหน้านายต้องการเวลาเตรียมตัวเพิ่ม ดังนั้นเลยจัดให้นายขึ้นแสดงหลังการแสดงต่อไปจบเลย!”
ลู่เฉินบอก “ฉันงง!”
งานเลี้ยงในมหาวิทยาลัยจะไม่มีแบบแผนมาก ถึงจะมีการซ้อมล่วงหน้าและกำหนดตารางเวลาสำหรับรายการขนาดใหญ่ แต่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน การแสดงเดี่ยวอย่างการแสดงของเขาต้องขึ้นแสดงก่อน
“นายไม่ต้องงง ฉันก็งงไปหมดแล้ว!”
เฉาซิ่วจูรีบร้อน “นายรีบเตรียมตัวเถอะ จะให้ฉันช่วยแต่งหน้าไหม”
“ไม่ต้องๆ!”
ลู่เฉินรีบบอก “เธอช่วยฉันเอาสิ่งนี้ไปที่ห้องผู้กำกับก่อน พอฉันขึ้นไปก็เปิดเลย”
เขาหยิบแฟลชไดร์ฟจากในกระเป๋าส่งให้เฉาซิ่วจู
เมื่อเดือนก่อน เฉาซิ่วจูโทรหาลู่เฉินและบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องการแสดงในงานเลี้ยง เขาจึงทำมิวสิควิดีโอไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อใช้ประกอบการแสดง
“ไม่มีปัญหา!”
เฉาซิ่วจูรับแฟลชไดร์ฟมาแล้วรีบไปที่ห้องผู้กำกับ
ลู่เฉินถอนหายใจ เขาหมุนตัวไปมองเงาของตัวเองในกระจกภายในห้องแต่งตัว
ต้องสู้!
……………………………………………